Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน
เขียนโดย LanzaDeLuZ
วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.
แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
59) ...Rules of Enigma...(2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
=================================================================
...พลัง!...
...ทุกครั้งที่กระแสเลือดสีเงินสูบฉีด เขารู้สึกได้เลยถึงพลังอันไม่อาจคำนวณได้กำลังไหลเวียนทั่วร่าง มันเป็นพลังที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลยในชีวิต...พลังของผู้ใช้ราชศาสตรา!...
" น...นี่มัน? " จอมเวทย์หนุ่มยกมือของตัวเองซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยรยางค์คลายเส้นเลือดสีเงินเต้นตุบๆ ขึ้นมามองอย่างประหลาดใจ เสี้ยววินาทีที่เขายังคงตื่นตะลึงอยู่นั้น พริสซิลล่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ไม่ยอมปล่อยเวลาไปให้เสียประโยชน์อีกต่อไป!
หญิงสาวพุ่งวูบเข้าใส่เขาพร้อมกับวาดเคียวทมิฬคู่ในมืออย่างรวดเร็วจนเขาแทบมองไม่ทัน สัญชาตญาณตอบสนองสั่งให้เรย์ลาลีนยกแขนขึ้นกันทันที ถึงเสี้ยววินาทีนั้นจอมเวทย์หนุ่มจะรู้ทันทีว่ามันไม่มีประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าเคียวของอีกฝ่าย
วูบบบบ !!! วูบบบบบ !!! วูบบบบบ !!! วูบบบบบ !!!!
เคียวทมิฬ-เนเมซิสวาดผ่านทะลุทั้งตัวและการป้องกันของเขาไปด้วยพลังพิเศษประจำเคียว DeadLine พริบตาเดียวก็ปรากฎเส้นสีดำขีดรอบตัวของเขาถึงสี่เส้น เรย์ลาลีนหันกลับไปมองพริสซิลล่าที่กระโดดทิ้งระยะออกไปพร้อมกับตะโกนเสียงหลง
" เฮ้ย! พริสฯ เดี๋ยวววว---!!! "
เขาไม่รู้หรอกนะว่าเสียงตะโกนของเขาจะเข้าไปถึงหูอีกฝ่ายรึเปล่า เพราะพริสซิลล่าไม่มีปฏิกริยาอะไรกับคำพูดของเขาแม้แต่นิดเดียวเลย เธอควงเคียวก่อนจะชี้มาที่เขาพร้อมกับตวาดดังลั่น!
" สี่ลักษณ์ปลิดปลิว !! สะบั้นนน!!! "
เปรี๊ยะ !!! เปรี๊ยะ !!! เปรี๊ยะ !!! เปรี๊ยะ !!!!
เส้น DeadLine สี่เส้นที่ควรจะตัดแบ่งร่างกายของเรย์ลาลีนได้อย่างเนียนกริบเหมือนตัดด้วยมีดโกนกลับลั่นเปรี๊ยะเบาๆ เหมือนกับพยายามบีบร่างกายที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีเงินของเขา ก่อนที่จะแตกสลายหายไปทั้งสี่เส้น เหลือไว้เพียงแค่รอยช้ำบางๆ ที่เส้น DeadLine เหล่านั้นเคยอยู่เท่านั้น!
" อ...อะไรวะเนี่ย??! " จอมเวทย์หนุ่มเบิกตากว้างมองรอยช้ำบางๆ ที่เส้น DeadLine ได้ทำไว้พร้อมกับอุทานเบาๆ ในขณะที่พริสซิลล่าที่เคยทำหน้าเรียบเฉยเหมือนหินปักหลุมศพบัดนี้กลับขมวดคิ้วเป็นปมแน่นจนแทบหมดสวย
" ฐานันดรของศาสตราเทียบเท่ากัน พลังพื้นฐานของเคียวเลยไม่สามารถผ่านไปได้สินะ ...ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย ...นี่มันราชศาสตราอีกชนิดจริงๆ งั้นเหรอเนี่ย?! " ถึงสัมผัสที่แผ่ออกมาจากเส้นเลือดสีเงินนั้นจะบ่งบอกถึงกลิ่นอายบางอย่างที่เหมือนกับเคียวคู่ในมือของเธอไม่มีผิดเพี้ยนก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองอยู่ดี
' ใจเย็นๆ ก่อน ท่านเรย์ลาลีน ...ตัวข้าจะแปรเปลี่ยนไปตามความนึกคิดของท่าน ...ถ้าท่านยังคงจิตแตกอยู่อย่างนี้ข้าก็จะดำรงความเสถียรของรูปร่างข้าไม่ได้นะ '
' ห...หา? ให้ตายสิ! ก่อนอื่นเลยนะ ช่วยพูดภาษาที่มนุษย์ปกติอย่างฉันพูดกันโดยที่ไม่ต้องแปลซ้ำสองได้ไหม?! '
' อ๊ะ ! โทษทีๆ แหม ...ก็ฉันไม่ได้ออกมาสู่โลกภายนอกมาตั้งหลายร้อยปีนี่ ให้เวลาฉันปรับตัวกันบ้างสิ ' คราวนี้เสียงของหญิงสาวที่ตอบกลับเขามาในหัวเปลี่ยนแปลงไปจนกระทั่งเขาเหมือนกำลังคุยอยู่กับผู้หญิงปกติทั่วไป ทำเอาเรย์ลาลีนเลิกคิ้วอย่างงงๆ อีกครั้งเพราะนึกไม่ถึงว่าจะสั่งได้ดั่งใจแบบนี้
' อ ...เอ่อ ขอบคุณ ...แล้วเรื่องที่--- เจี๊ยกกกกกกกกกกกก !!! ' ส่วนหลังเรย์ลาลีนร้องดังลั่นเมื่อหันกลับมาเห็นพริสซิลล่าลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับประจุพลังอันมหาศาลเข้าสู่เคียวในมือทั้งคู่จนกระทั่งเคียวถึงกับสั่นสะท้าน
" เฮ้ยย!! ด...เดี๋ยว!! คุยกันก่อ--- "
" ถล่มปัฐพี !!!! "
" ม...ไม่ได้ฟังตูเลยนี่หว่า?! เฮ้ยยย! "
เพียงแค่มองผ่านๆ เขาก็ยังสามารถบอกได้ทันทีว่าประจุพลังที่มากับเคียวนั่นมีพลังมากเกินกว่าพลังที่ ชาโดว์ เคยใช้ออกมาชนิดเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว เขารู้ได้ทันทีเลยว่าพื้นห้องโถงอาคารไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทนกับพลังระดับนี้ได้ เผลอๆ อาจมีหวังได้ถล่มลงมาทั้งอาคารแน่ๆ แต่เขารู้ดีว่าพริสซิลล่าถูกอารมณ์บางอย่างครอบงำจนไม่ได้ฟังเสียงเขาเสียแล้ว
' ป ...ปัดโธ่โว้ย! แบบนี้ถ้ามีอาวุธดีๆ ซักชิ้นอยู่ในมือนอกจากแหวนของเราก็ดีน่ะสิ ! ' พริบตาเดียวที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว ที่แขนเขาก็ปวดแปล๊บราวกับโดนไฟช๊อต ก่อนที่เส้นเลือดสีเงินเหล่านั้นจะแทรกออกมาจากแขนทั้งสองข้าง โลหะเหลวสีเงินที่เหมือนกับปรอทที่แวววาวนั้นพุ่งเข้ามารวมตัวกลายเป็นดาบขนาดใหญ่อันสวยงามและแข็งแกร่งแต่เบาราวกับขนนก พร้อมกับเสียงของหญิงสาวดังขึ้นเบาๆ อีกครั้ง
' จากนี้ไปฉันจะอธิบายกฎของราชศาสตรา Enigma (ปริศนา) ให้ฟังนะคะ ...
...กฎข้อแรก ...ราชศาสตราสามารถกลายเป็นอาวุธชนิดใดก็ได้โดยไม่จำกัดรูปแบบหรือขนาดของอาวุธ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น !! '
" อ...เอาจริงดิ? " ชายหนุ่มอุทานเบาๆ กับความสะดวกสบายข้อนี้ แต่วินาทีนี้เขาไม่มีเวลาคิดอะไรมาก เรย์ลาลีนคำรามลั่นพร้อมกับฟาดดาบรับเคียวของอีกฝ่ายทันที
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงง !!!!!!!!!!!!!!!!
แรงปะทะของราชศาสตราที่ถือเป็นศาสตราระดับสูงสุดของโลกใบนี้สองชิ้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถดูแคลนได้ คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นโดยรอบพุ่งทำลายกระจกหน้าต่างโดยรอบจนแตกกระจายไม่มีชิ้นดี ...เมื่อการปะทะสิ้นสุดลงถึงแม้ว่าพื้นที่ใต้เท้าของเรย์ลาลีนจะเกิดรอยแตกร้าวและยุบลงจนน่ากลัว แต่เขากลับยังสามารถหยุดพลังทำลายล้างของเคียวอีกฝ่ายได้จนเกือบจะหมดจดทีเดียว!
" ก...กรอด! " พริสซิลล่าถอนเคียวขึ้นอย่างเสียไม่ได้ เธอประจุพลังใส่เคียวมากเกินไปโดยหวังว่ามันจะเป็นการโจมตีแบบปิดเกม แต่เมื่อเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคาด หญิงสาวปริศนาผู้นี้ก็ไม่อาจจะโจมตีแบบต่อเนื่องได้ เพราะเธอต้องใช้เวลาอีกซักครู่เพื่อรวบรวมพลังจิตใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นเหมือนการเปิดโอกาสให้เรย์ลาลีนเป็นฝ่ายตอบโต้กลับบ้าง
" อาวุธที่แปลงเป็นอาวุธอะไรก็ได้งั้นเหรอ?...งั้นก็สวยเซ่!! " พริบตาที่ชายหนุ่มพูดจบ ดาบเล่มงามในมือของเขาก็แปรเปลี่ยนอีกครั้ง มันรวมตัวกลายเป็นไม้เท้าเวทย์ที่มีอัญมณีสีฟ้าประดับอยู่ ไม้เท้าเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เรย์ลาลีนเคยรู้จัก
...ไม้เท้าผลึกฟ้า เมโอคริสตัล...ไม้เท้าประจำตระกูลและประจำตัวของเชรีน่า เมโอ คริสตัล...
' อ๊ะ ! เดี๋ยวก่อน '
เรย์ลาลีนไม่ยอมเสียเวลาฟังเสียงของหญิงสาวภายในหัว ทหารเก่าอย่างเขารู้ดีว่าช่วงเวลาระหว่างความเป็นและความตายแบบนี้ เวลาแต่ละวินาทีสำคัญถึงชีวิต ปากของเขาร่ายเวทย์เร็วปรื๋อก่อนจะตวาดดังลั่น!
" ในนามของผู้สำเร็จ ห้วงคำนึงแห่งสายลม ...ข้าขอจองจำเจ้า! คุกสายลม 2 ชั้น!! " จอมเวทย์หนุ่มร่ายเวทย์สร้างที่คุมขังอันเป็นเวทย์สายลมระดับ 6 ซ้อนกันสองชั้นเข้าใส่พริสซิลล่าทันที...เมื่อรวมกับการร่ายด้วยสุดยอดไอเท็มที่ใช้ร่ายเวทย์อย่าง ไม้เท้าผลึกฟ้า เมโอคริสตัล เรย์ลาลีนแน่ใจว่าเวทย์ที่เขาร่ายไปต้องมีพลังไม่ต่ำกว่าเวทย์ระดับ 8 ในยามที่เขาร่ายแบบปกติแน่ๆ!!
" จบแค่นี้แหละคุณพริซซิลล่า!! "
ปู้ด !!
" ... "
" ....... "
" อ...เอ่อ...นั่นเสียงตดรึเปล่า? " พริสซิลล่าที่เห็นเรย์ลาลีนหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ ลองเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ...แถมคำถามของเธอยังทำเอาชายหนุ่มอายจนแทบอยากจะแทรกธรณีหนีไปเลย
...เพราะแทนที่จะเป็นเวทย์สายลมระดับสูงที่ถูกร่ายแบบ Double Spells หรือร่ายแบบ 2 ชั้นอันรุนแรง ไม้เท้าผลึกฟ้า เมโอคริสตัลที่ถูกสร้างขึ้นมาจากราชศาสตราของเขากลับส่งเสียงจั๊กจี้หูพร้อมกับลมแผ่วๆ ออกมาแทนซะอย่างงั้น...
' ก็นี่แหละค่ะที่ฉันจะบอก ...
...กฎข้อที่สองของราชศาสตรา Enigma ...ราชศาสตราไม่สามารถเลียนแบบอาวุธ หรือไอเท็มที่มีความสามารถพิเศษติดตัวได้ ...หรือถ้าได้ ก็สามารถเลียนแบบได้แค่รูปลักษณ์พื้นฐานภายนอกของอาวุธเท่านั้น ...ไม่สามารถเลียนแบบพลังพิเศษของอาวุธได้
...ในกรณีนี้หมายความว่านายไม่สามารถเลียนแบบไอเท็มสำหรับร่ายเวทย์ทุกชนิดได้ เพราะความสามารถในการส่งผ่านพลังเวทย์ของไอเท็มนั้นๆ นั่นเองค่ะ '
" ไอ้เรื่องสำคัญสุดๆ พรรค์นี้คราวหลังก็รีบบอกตั้งแต่ทีแรกสิเฟ้ยยย!! " ชายหนุ่มโวยลั่นพร้อมกับสลายราชศาสตราแปลกๆ ของเขากลับเข้าสู่เส้นเลือดของตัวเองอีกครั้ง และกำลังจะเปลี่ยนมาใช้ แหวนหยกขาวแห่งอลันดอร่า ร่ายเวทย์แทน แต่เขาก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกมือข้นห้ามไว้ ...ก่อนที่วินาทีต่อมาหน้าที่ซีดขาวขอเธอจะค่อยๆ แดงขึ้นพร้อมกับที่เธอก้มลงหัวเราะจนตัวโยนเสียงดังลั่น
" คิกๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ๊ย! ป...ปวดท้อง "
" พริสซิลล่า! "
' ค ...คิกๆๆๆๆ ' เสียงหัวเราะเบาๆ อย่างพยายามกลั้นไว้อย่างเต็มที่ของเสียงในหัวของเขายิ่งทำให้เขาอายมากขึ้นไปอีก...ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นความผิดของยัยนี่แท้ๆ ...รึอย่างน้อยเขาก็โทษเธอล่ะนะ...
" เอาล่ะ...หยุดก่อน เรย์ฯ "
" ??? "
" ...พูดตามตรงนะ ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์สู้แล้ว "
พริสซิลล่าส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับสลายเคียวคู่ในมือให้กลายเป็นฝุ่นผงสีดำแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายเธอ ...มันแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมราชศาสตราของอีกฝ่ายที่อาจจะอยู่ในระดับที่ จิต และ ศาสตรา สื่อถึงกันเลยก็ได้...ที่แน่ๆ ความสามารถในการควบคุมราชศาสตราของเธอน่าจะสูงกว่าเฮเลน วอลคาโน ผู้ครอบครองดาบอัคคี-เอ็กซ์โซดัสแน่นอน
เรย์ลาลีนลดมือข้างที่ใส่แหวนที่ส่องประกายจ้าลง...ถึงตอนนี้เขาจะครอบครองราชศาสตราที่สาปสูญชิ้นสำคัญที่มีระดับเทียบเท่าราชศาสตราของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็ยังรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เขาพร้อมจะเผชิญหน้าด้วยเลยแม้แต่น้อย ...เพราะฉะนั้นตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาสามารถทำได้คือการสู้กับอีกฝ่ายด้วยคำพูดเท่านั้น
ในขณะที่พริสซิลล่าเองก็ไม่ได้อยู่ในภาวะที่จะสามารถผลีผลามเข้าโจมตีอีกฝ่ายได้อีกต่อไป...ราชศาสตราที่เธอเองก็รู้จักเพียงชื่อนั่นเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากการคาดคำนวณของเธอโดยสิ้นเชิง มันยกระดับการต่อสู้เข้าสู่ขอบเขตที่เธอแทบจะไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต...
...การต่อสู้ที่ทั้งสองฝ่ายต่างเท่าเทียม...
เธอรู้ดีว่าเรย์ลาลีนที่พึ่งจะได้รับสืบทอด การครอบครองราชศาสตรา เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงไม่ใช่ผู้ที่สามารถต่อกรกับเธอผู้ซึ่งใช้ราชศาสตราคู่มือนี้มาแล้วเกือบตลอดทั้งชีวิตได้...นั่นเป็นสิ่งที่แค่ใช้สามัญสำนึกก็สามารถตัดสินได้แล้ว แต่เธอเองก็ไม่ได้ลืมเลือนเช่นกันว่าเรย์ลาลีนคนนี้...ชายหนุ่มตรงหน้าเธอคนนี้เองก็เป็นคนเดียวกับที่เธอเคยปรามาสไว้ว่าเป็นเพียงหมากตัวเล็กๆ ที่เธอสามารถเขี่ยทิ้งไปเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป...ยิ่งผ่านการต่อสู้ระหว่างเขากับชาโดว์ซึ่งเป็น ตุ๊กตา ของเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งต้องงุนงงกับความสามารถและโชคของอีกฝ่าย...ผ่านการต่อสู้เพียงไม่กี่ครั้งชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่ใช่ผู้ที่เธอสามารถดูแคลนหรือออมมือให้ได้อีกแล้ว...เธอรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นพวกที่ยิ่งสู้ยิ่งเก่ง และเธอก็ไม่ได้อยากเสี่ยงจะทำเรื่องผิดพลาดซ้ำๆ และทำให้อีกฝ่ายเก่งขึ้นมาอีกต่อไป...
" งั้นเราก็มาพูดกันอย่างที่...เอ่อ...ผู้มีอารยะ เข้าคุยกันเถอะนะ...พริสซิลล่า...ให้ตาย! ถึงจะเห็นตำตาอยู่ขนาดนี้ฉันก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นเธอ...เธออยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่จริงๆ งั้นเหรอเนี่ย? " เรย์ลาลีนได้โอกาสที่อีกฝ่ายนิ่งไปถามขึ้นเบาๆ โดยพยายามลดระดับจิตคุกคามลงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาต้องการจะคุยด้วยจริงๆ ...ถึงแม้ว่าราชศาสตราปริศนา-อินิกม่า ที่ยังคงสภาพเป็นเส้นเลือดสีเงินทั่วทั้งร่างกายเขาจะยังคงส่งกลิ่นอายคุกคามอีกฝ่ายอย่างไม่อาจควบคุมก็ตามที
พริสซิลล่าหันมองซ้ายมองขวาราวกับจะบอกเป็นนัยๆ ว่า ก็ไม่เห็นใครที่นี่นอกจากฉันนิ ก่อนที่เธอจะเบะปากพร้อมกับยักไหล่เบาๆ
" เธอทำได้ยังไงกัน? "
" ก็...ไม่เห็นยากเท่าไหร่เลย... "
" ฉันจำไม่ได้ว่าเธอชอบพูดจากวนโมโหคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ "
" ...เฮ้อ...นายนี่มันน่าเบื่อกว่าที่ฉันคิดเยอะเลย... " ก่อนที่เธอจะเดินวนไปรอบๆ และพูดต่อ
" สิ่งที่ทำให้พวกนายหัวปั่นอยู่อย่างนี้ก็คงจะเป็น ความสามารถด้านพลังจิต ของฉันซะล่ะมั้ง? "
" ความสามารถ? "
หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไร เธอค่อยๆ เอามือข้างหนึ่งรวบเสยผมที่เธอปล่อยไว้ปิดตาข้างนึงขึ้น...ทันทีที่ปลายผมพ้นด้วงตาข้างที่เธอปิดบังขึ้นมาไว้ เรย์ลาลีนถึงกับต้องผงะ จิตคุกคามที่กดไว้พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างกั้นไม่อยู่พร้อมๆ กับที่ราชศาสตราปริศนา-อินิกม่าของเขาสั่นกระเพื่อมอย่างน่ากลัวอีกครั้ง
รอยแผลเป็นขนาดใหญ่อันน่าเกลียดน่ากลัวที่พาดผ่านใบหน้าด้านซ้ายของเธอยังเทียบไม่ได้เลยกับดวงตาด้านซ้ายที่เขาพึ่งเห็นเป็นครั้งแรก...เพราะมันเป็นดวงตาที่ห่างไกลจากคำว่า ดวงตา มากที่สุดเท่าที่สามัญสำนึกของมนุษย์ทั่วไปจะนึกฝันได้...เพราะมันดูเหมือนลูกแก้วสีม่วงเข้มร้าวๆ ลูกโตๆ ที่ถูกยัดไว้ในกระบอกตามากกว่า ภายในลูกแก้วแตกๆ ที่ไร้ชีวิตนั้นกลับส่องประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงคบเพลิงในความมืด!
" น...นั่นมัน?!! "
" เคยได้ยินไหม? เรย์ฯ ...ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ...นี่แหละพลังของฉัน...The eye of Marionette (Marionette - หุ่นเชิด) "
" จะบอกว่าแค่เธอใช้ดวงตานั่นจ้องมองตาใคร เธอก็จะสามารถเข้าควบคุมจิตใจของอีกฝ่ายได้แล้วยังงั้นเหรอ? " เรย์ลาลีนตะโกนถามพร้อมกับทิ้งระยะห่างออกไป พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สบตาอีกฝ่าย แต่พริสซิลล่ากลับหัวเราะเบาๆ
" ...ควบคุมจิตใจงั้นเหรอ? ...เปล่าเลย...ถ้าหากฉันเคลียร์เงื่อนไขของพลังจิตของฉันได้ครบ ฉันจะควบคุมทุกอย่างของอีกฝ่ายได้เลย...ไม่ว่าร่างกาย จิตใจ ห้วงความคิด ...เหมือนเป็นตุ๊กตาอันไร้วิญญาณและความทรงจำที่ถูกฉันเชิดเท่านั้น......โชคร้ายที่การเคลียร์เงื่อนไขมันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ... " หญิงสาวเดินวนไปยืนค้ำหัวคลาเดียที่ยังคงพยายามดิ้นอึกอักๆ อยู่กับพื้นเพราะเวทย์อัมพาตของเรย์ลาลีนยังไม่หมดฤทธิ์ ก่อนที่เรย์ลาลีนจะได้ทันว่าอะไร เธอก็เตะเปรี้ยงเข้าที่กลางลำตัวของอีกฝ่ายจนกระทั่งคลาเดียลอยขึ้นมากลางอากาศ ก่อนจะตกกระทบพื้นดังอั่ก กระอักเลือดออกมาทันที
" เกราะสายลม !! ....ท...ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ!!! " เรย์ลาลีนรีบสร้างเกราะสายลมระดับกลางครอบป้องกันคลาเดียไว้พร้อมกับหันมาตวาดถามอีกฝ่ายดังลั่น
" หือ? " หญิงสาวเลิกคิ้วบางๆ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตามไปโจมตีคลาเดียต่อ แต่น้ำเสียงเธอก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความรู้สึกสำนึกผิดอะไรเลย " ถามอะไรแปลกๆ ...ตุ๊กตา ที่ใช้การไม่ได้แล้ว ก็มีแต่ต้องทำลายทิ้งไม่ใช่รึไง? "
เรย์ลาลีนกัดฟันกรอด...ถึงเขาจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่ายสุดฤทธิ์ แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบไว้ เพราะดวงตาของอีกฝ่ายมันบ่งบอกถึงความรู้สึกภายในจิตใจเธออย่างชัดเจน...
...ดวงตาที่บ่งบอกว่า หากมันทำให้เธอบรรลุเป้าหมาย...ต่อให้ต้องทำมากกว่านี้ เธอก็ยินดี...
แต่ก่อนที่เรย์ลาลีนหรือพริสซิลล่าจะได้ทำอะไรต่อไป เขาทั้งคู่ก็หันไปมองเสียงหวีดแหลมยาวที่ดังมาจากฝั่งสนามประลองกลางที่ดังขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งเสียดสีผ่านอากาศพุ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง
" กลุ่มก้อนพลังงานแบบนี้มัน?...เป็นไปไม่ได้น่า " พริสซิลล่าครางเบาๆ ก่อนที่เธอจะเรียกเคียวคู่กลับสู่มืออีกครั้ง ในเวลาเดียวกับที่เสียงของหญิงสาวในหัวของเรย์ลาลีนตะโกนบอกเข้าเบาๆ ว่า
' เรย์ฯ ใช้เวทย์ป้องกันของนายคุ้มกายเร็ว! ' เสียงในหัวทำให้เรย์ลาลีนขมวดคิ้ว แต่สัญชาตญาณบางอย่างสั่งให้เขาทำตามคำแนะนำของอีกฝ่ายก่อนจะถามอะไรทั้งสิ้น
" คันฉ่องเทพวายุ ! " ชายหนุ่มตัดสินใจใช้เวทย์ป้องกันบทเก่งของเขาซึ่งเวลานี้เขาใช้ได้อย่างไม่ค่อยเปลืองแรงอะไรนัก ก่อนที่เสี้ยววินาทีต่อมา พื้นที่ตรงหน้าเขาจะระเบิดตูม!! อย่างรุนแรงราวกับมีอุกกาบาตตกลงมาต่อหน้าเขาชนิดเผาขน
" ค...คราวนี้อะไรอีกล่ะฟะเนี่ย?! "
ทันที่ฝุ่นผงคลีตรงหน้าค่อยๆ จางลง ดวงตาที่หรี่เล็กของจอมเวทย์หนุ่มจะเบิกกว้างขึ้นอย่างประหลาดใจชนิดคาดไม่ถึงอีกครั้ง
" แลนซ์....เหรอ? " จอมเวทย์หนุ่มครางอย่างไม่แน่ใจ เพราะผู้ที่ยืนอยู่บนหลุมลึกตรงหน้ามีเพียงแค่กลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายคือแลนซ์ลูกศิษย์เขาเท่านั้น...เพราะหากดูจากรูปร่างภายนอก อีกฝ่ายเป็นเหมือนกับกลุ่มก้อนพลังอันบ้าคลั่งที่ไร้การควบคุมเท่านั้น ดวงตาของแลนซ์ขาวโพลนบวกกับเส้นผมที่โบกสะบัดราวกับโดนสายลมพัดใส่ตลอดเวลา เส่นรยางค์สีขาวสว่างๆ แปลกๆ ขึ้นทั่วทั้งร่างกายจนน่าเกลียดน่ากลัว...ที่มือขวาซึ่งเป็นมือข้างที่ถนัดของเขาถือหอกสีขาวปลอดบริสุทธิ์อันสวยงามและทรงพลังอย่างคาดไม่ถึงไว้...แลนซ์ปล่อยกระแสพลังอันไม่น่าไว้วางใจออกมาอย่างสม่ำเสมอ...แต่มันกลับเป็นกระแสพลังที่เขารู้สึกคุ้นเคยเสียเหลือเกิน...
' จงจดจำกระแสพลังนี้ไว้ให้ดีนะ...นี่คือกระแสพลังอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของราชศาสตราทั้ง 13 ชนิด ...ถ้าเจอกระแสพลังแบบนี้ก็ให้รู้ไว้ทันทีเลยนะว่า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้านายเป็น ผู้ใช้ราชศาสตรา แบบนายแน่ๆ '
" ผ...ผู้ใช้ราชศาสตรา?!! แลนซ์เนี่ยนะ?!! " เขาอุทานออกมาเบาๆ พร้อมกับที่พริสซิลล่าที่กระโดดออกมาคุมเชิงอยู่ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่พูดขึ้นลอยๆ เหมือนพูดกับตัวเองอีกครั้ง
" หอกแห่งแสง? ...แถมยังเป็นผู้ครอบครองที่ไม่สมบูรณ์อีก...ให้ตาย! วันนี้มันวันอะไรกันแน่เนี่ย?! "
" ผู้ครอบครองที่ไม่สมบูรณ์? หมายความว่ายังไง? "
" ก็อย่างที่เห็นนั่นไง...ราชศาสตรานั่นไม่ยอมรับตัวผู้ครอบครองและพยายามเข้าครอบงำเขา...มันทำให้เขาอยู่ในสภาพ Berserk ...สถานะที่ว่าทำให้พลังของเขาเพิ่มมากกว่าปกติเกือบหนึ่งเท่าบวกกับพลังป้องกันที่เพิ่มขึ้นอีกกว่าสองเท่า แต่ทำให้สติสัมปชัญญะของเขาหายไปโดยสิ้นเชิง...ทำให้เขาในตอนนี้ไร้ซึ่งยุทธศาสตร์และยุทธศิลป์...และที่ร้ายที่สุด... "
" ...ร...ร้ายที่สุด? "
พริสซิลล่าหันมาแสยะยิ้มอันไม่น่าไว้วางใจมาให้กับเขาพร้อมกับพูดต่อเรียบๆ
" เพราะการปะทะของราชศาสตราของพวกเรามันไปกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของหอกนั่น...ทำให้หอกนั่นมองว่าเราสองคนเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งของมัน และมันจะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดภัยคุกคามนั้น... "
" ข...ขอมองโลกในแง่ดีหน่อยนะ...ไอ้คำว่า กำจัดภัยคุกคาม ที่เธอว่าเนี่ย มันแปลว่าไล่ไปไกลๆ ใช่ไหม? "
" งั้นมองโลกในแง่ร้ายสุดๆ ได้เลย...เพราะมันจะไม่หยุดจนกว่าเราจะสยบมันได้...ไม่ก็จนกว่าเราจะตายทั้งคู่นั่นแหละ... " เธอควงเคียวคู่ในมือราวกับดรัมเมเยอร์พร้อมกับหันมาหาเรย์ลาลีนและพูดพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง
" นี่อาจจะเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายที่ฉันจะพูดแบบนี้นะ เรย์ฯ ...แต่เราสองคนมาร่วมมือกันหยุดแลนซ์กันไหม? "
ถึงแม้ว่าพริสซิลล่าจะพูดไปแล้ว และเรย์ลาลีนก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดอะไรซ้ำคำพูดใคร แต่ในกรณีนี้เขาต้องสบถคำๆนึงออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
" วันนี้มันวันบ้าอะไรกันแน่ฟะเนี่ย !!!! "
...........................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ