สลับขั้วป่วนหัวใจนายเย็นชา
เขียนโดย beer_room
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.26 น.
แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 16.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) อะไรนะ นี่ฉันจำผิดเหรอเนี่ย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฮิโรโตะยังคงมองหน้าฉันราวกำลังสงสัยอะไรสักอย่าง ก็เพราะดันใส่แว่นตาบ้าๆนี่น่ะสิ แต่ยังไงก็ตามถ้าเกิดฉันถอดแว่นหนาเตอะที่เหมือนเพื่อนคนเดียวของฉันตอนนี้ล่ะก็ ภาพทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าก็จะเพี้ยนไปในทันที เพราะอะไรน่ะเหรอ จะบอกให้ก็ได้ จริงๆฉันไม่ได้ใส่แว่นที่หน้าเตอะแบบนี้เพื่อจะอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวหรอกนะ ฉันน่ะเกิดมาเป็นคนสายตาไม่ค่อยจะดี ระยะการมองเห็นของฉันนั้นใกล้มาก เรียกได้ว่าสายตาแย่ที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะมีเลยล่ะ แต่ยังไงก็แล้วแต่ ฉันจะต้องเอาตัวรอดวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม คิดสิคิดยัยมาซากิคิดสิ
และในช่วงเวลานั้นเอง สมองฉันก็เริ่มคิดบางอย่างออก ฉันหันไปมองเวลาก็พบว่ามันจวนจะเก้าโมงอยู่แล้วซึ่งมันเป็นเวลาที่พวกเราไม่สิ เวลาที่พี่ชายตัวยุ่งจะต้องสอบวัดคะแนนและฉันก็หันไปบอกกับฮิโรโตะและยูกิเพื่อจะกลบเกลื่อนเรื่องแว่นตาหนาเตอะของฉัน "นี่พวกนายไม่ไปสอบหรือไงห่ะ จะเก้าโมงอยู่แล้วเนี่ย" ฉันไม่ว่าปากเปล่าแต่ชิงโอกาสรีบวิ่งไปที่ห้องเรียนโดยไวถึงจะไม่รู้ทางก็เถอะ แต่จะนั่งให้ถูกพวกเขาจับผิดแบบนั้นเนี่ย มันอึดอัดจะตายไป จังหวะที่ฉันกำลังวิ่งออกไปนั้น ก็ได้แต่ยินเสียงของฮิโรโตะโวยวายขึ้นไล่หลังฉันมา ฉันไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองใบหน้าของเขา เพราะถ้าเกิดถูกจับได้ขึ้นมาเรื่องมันอาจจะปลายบานจนหาทางแก้ไม่ได้ แล้วก็ถ้าเกิดอาจารย์รู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ ฉันกับมาซารุเป็นอันต้องถูกไล่ส่งออกจากโรงเรียนนี้เป็นแน่
ฉันวิ่งลัดเลาะไปตามตึกเรียนใหญ่ๆทั้งหลาย แต่ล่ะตึกดูเหมือนๆกันหมดฉันจึงไม่รู้ว่าห้องเรียนของไอ้พี่ชายงี่เง่ามันอยู่ส่วนไหนของโรงเรียนนี้กันแน่ แต่เหมือนเหตุการณ์มันช่างบังเอิญซะเหลือเกิน ฉันไปสะดุดตากับตึกขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า และที่สำคัญเลยก็คือส่วนหน้าของตึกถูกประทับด้วยตัวหนังสือสีแดงแกมฟ้าขนาดใหญ่
ม.ปลายปี 3
นั่นแหละที่ทำให้ฉันเร่งฝีเท้าอย่างที่ไำม่เคยทำมาก่อน "ห้องไอ้บ้านี้มันอยู่ไหนกันแน่นะ นี่มันจะอยู่ไกลไปไหมเนี่ย" ฉันบ่นอย่างเหนื่อยใจ เพราะวิ่งตั้งนานก็ไม่ถึงสักที นี่ฉันคงเกิดมาพร้อมกับความซวยแล้วล่ะมั้งเนี่ย
พลั่ก!!!!
และตอนนั้นเองหน้าของฉันก็เผลอไปจนกับแผ่นหลังของใครบางคนเข้า ฉันล้มลงทันทีที่ปะทะกับคนๆนั้น ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นยืนและเอ่ยปากบอกเขา "เอ่อ..ขอโทษนะ" ชายคนดังกล่าวหันหน้ามาที่ฉันทันที และนั่นก็ทำให้ฉันต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น ชายหนุ่มกึ่งเทวดากึ่งปีศาจกำลังจ้องมองฉันอยู่ เขามีผมสีดำทะมึนแต่กับถูกหวีอย่างเรียบร้อย ใบหน้าของเขาดูขาวซีดเหมือนแวมไพร์แถมสายตานั่นดูเหมือนกำลังโกรธแค้นใครมาอย่างนั้นแหละ
"นี่นายอีกแล้วหรอ?" เขาพูดเสียงเรียบทำเอาฉันเย็นไปทั่วร่าง เจ้านี่เป็นแวมไพร์หรือยังไงกัน ทำไมเวลาเขามองฉันขนแขนมันถึงได้เรียงแถวกันเป็นระเบียบขนาดนี่นะ
"ทะ....ทำไม" เสียงฉันเริ่มสั่นเมื่อเขายังคงใช้สายตาที่เรียบเฉยนั่นมองมาที่ฉัน แต่พอมานึกดูอีกที เจ้าหมอนี่มันก็คุ้นๆอยู่เหมือนกันนะ ไอ้แวมไพร์นี่เป็นใครกันนะ
นับเป็นเวลากว่าหนึ่งนาทีที่ฉันครุ่นคิดถึงชื่อและประวัติของชายเลือดเย็นที่ยืนจ้องหน้าของฉัน แต่เหมือนจะนึกยังไงมันก็นึกไม่ออก และพอมาคิดดูอีกทีเห็นหมอนั่นพูดออกมาว่า "นายอีกแล้วหรอ" แสดงว่าคนๆนี้จะต้องรู้จักกับมาซารุไม่ทางตรงก็ทางอ้อมล่ะหว้า
"เชอะ!" หมอนั่นบ่นขึ้นพร้อมทำหน้าตาหน้ากลัวใส่ฉันก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและเดินจากไป อะไรของเขากันนะหยิ่งชะมัด แต่เหมือนเส้นประสาทสมองของฉันจะเริ่มทำงานอีกครั้ง ใช่แล้วล่ะไอ้แวมไพร์ด้านชานี่ก็คือ เรย์จิ มิทากะ และไอ้หมอนี่แหละถือว่าร้ายสุดๆเลยล่ะ เห็นมาซารุบอกว่าเขานิสัยไม่ค่อยจะดีแถมชอบหาเรื่องมาซารุเป็นประจำอีกด้วย ตอนแรกฉันก็คิดว่าพี่ชายงี่เง่าของฉันจะแต่งเรื่องไร้สาระนี้ขึ้นมาซะอีก แต่พอได้เห็นกับตาแล้ว มันเป็นจริงทุกอย่างที่มาซารุพูดไว้ไม่มีผิด แต่ที่ทำให้ฉันหนักใจไปมากกว่านั้นก็คือ หมอนี่ดันอยู่ห้องเดียวกับมาซารุน่ะสิ งานนี้ฉันได้ปวดหัวตายเป็นแน่
หลังจากที่หมอนั่นเดินจากไปสักพัก สิ่งที่ลืมอยู่ก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที จริงด้วยสิวันนี้เป็นวันสอบวัดระดับของมาซารุจอมงี่เง่านี่นา และสิ่งนั้นทำให้ฉันต้องรีบวิ่งไปทางเดียวกับที่เจ้าเรย์จินั่นไป และในที่สุดฉันก็มาถึงห้องเรียนสักที ฉันมองไปรอบๆก็พบว่าพวกนักเรียนที่นี้ดูเหมือนกับสัตว์ป่ายังไงยังงั้นเพราะแต่ละคนเหมือนไม่ได้สนใจการเรียนเลยแม้แต่น้อย บางคนปากระดาษเล่นบ้างล่ะ บางคนก็จับกลุ่มคุยกันบ้างล่ะแถมยังเล่นมวยปล้ำในห้องเรียนอีกต่างหาก จะมีก็แต่เจ้าแวมไพร์เรย์จินี่ล่ะนะที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่คนเดียว และเหมือนเป็นความซวยอีกครั้งหนึ่งของฉัน เมื่อโต๊ะเรียนของซามารุดันมาติดกับเจ้าแวมไพร์เรย์จินี่อีกต่างหาก งานนี้มีสงครามทางความคิดแน่ๆ
"นี่นายเตรียมตัวสอบงั้นเหรอ ขยันจังเลยนะนายน่ะ" ฉันถามเจ้าแวมไพร์เรย์จิเมื่อเห็นว่าเขากำลังอ่านหนังสือเรียนอย่างขมักเขม้นแต่พอดูอีกที นี้มันหนังสือเรียนระดับมหาวิทยาลัยนี่นา ชิ ทำเป็นอวดเบ่งคิดว่าเท่ตายล่ะกะอีแค่นั่งอ่านหนังสือระดับมหาลัย(จริงๆก็อึ้งเหมือนกันนั่นแหละ)แต่เหมือนเจ้าหมอนี่กำลังจะเข้าสู่โหมดของวิญญาณไปซะแล้ว เพราะเหมือนไอ้แวมไพร์นี่จะไม่ได้สนใจคำถามของฉันเลยสักนิด นี่มันจะหยามกันเกินไปแล้วนะ แต่ก็ชั่งเถอะยังไงซะหมอนี่ก็ไม่ใช่คนอยู่แล้ว แต่จะว่าไปแล้วนี่ก็ผ่านมาเกือบสิบนาทีทำไมอาจารย์คุมสอบไม่มาซะทีล่ะ นี่ฉันคิดว่าตัวเองมาสายแล้วนะเนี่ย "นี่นาย ทำไมอาจารย์คุมสอบยังไม่เข้ามาอีกล่ะ แล้วฉันจะได้สอบไหมเนี่ย" ฉันถามเจ้าแวมไพร์อีกครั้งและตอนนี้ เหมือนเรย์จิกำลังฉุนเอามากๆ สายตาของเขาทำเอาตัวเย็นวาบไปหมด เขามองมาที่ฉันตาเขม็งพร้อมกับใบหน้าไม่สบอารมณ์อย่างสุดๆ จากนั้นเขาก็เอ่ยปากบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "เพ้อเจ้ออะไรของนาย การสอบนะมันต้นเดือนตุลาไม่ใช่หรือไง" คำพูดของเรย์จิทำเอาฉันแทบช๊อค มันจะเป็นไปได้ยังไง ก็ไหนตอนนั้นฉันจำได้ว่าที่เซรันจะมีการสอบต้นฤดูใบไม้ผลินี่นาแล้วทำไมถึงเป็นเดือนตุลาไปได้ล่ะ แต่ว่าตอนนั้น ตอนที่ฉันปลุกมาซารุน่ะเขายังเออ..ออไปกับฉันเลยนี่นา หรือว่า เพราะหมอนั่นง่วงก็เลยปากพล่อยๆออกไป
เรื่องนี้มันต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่อง คุณพี่ชายตัวแสบ!!!
มาเอาใจช่วย มาซากิจังด้วยนะค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ