Dark silver (รัตติกาลสีเงิน)
เขียนโดย อสูรสีเงิน
วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.04 น.
แก้ไขเมื่อ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556 18.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) >>----1-------->
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ>>----1-------->
“ เจค!!! ”
“ ครับผม...” ชายหนุ่มสะดุ้ง ถูกกระชากออกมาจากความคิดส่วนตัวด้วยเสียงเรียกที่ดูจะไม่ค่อยพอใจนักจากหัวหน้างานชายร่างอ้วนที่ยืนจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาโกรธขึง ในมืออวบอูมนั้นถือแฟ้มสีดำเปิดค้างไว้
“ บอกมาซิ ว่าอะไรที่เรียกความสนใจจากคุณได้มากกว่ารายงานยอดขายที่จะต้องส่งผมภายใน20นาทีนี้? ” เขาเหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือราคาหลายเหมื่นของตนเอง “ และตอนนี้ก็เหลือแค่10นาที ”
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของเจคมองเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ เขาต้องเข้าเล่มพวกมัน พิมพ์ และ...และ... “ โอ... ”
มิสเตอร์บอนสันมองและทำหน้าราวกับเพิ่งจะกินมะเขือเทศที่สุดแสนจะเกลียดเข้าไป เขาสูดลมหายใจเข้าไปแล้วกลั้นมันไว้ ในขณะที่นัยน์ตาสีฟ้าขุ่นๆ ก็จ้องเขม็งมาราวกับแมว “ สงสัยผมคงต้องกลับไปพิจารณาถึงเงินเดือนของคุณใหม่ภายในบ่ายวันนี้ คุณคิดว่าไง ” มิสเตอร์บอนสันถามเขา เชื่อเถอะ นั่นไม่ใช่ประโยคคำถามหรอก
เจคไม่ได้ตอบอะไร เขาไม่ได้มองหน้ามิสเตอร์บอนสันด้วยซ้ำ ชายหนุ่มมีความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหุ่นยนต์พลาสติกโง่ๆ ตัวนึง ก่อนจะคิดว่าเขาควรจะพูดอะไรซักอย่างเพื่อยับยั้งเงินเดือนที่อาจจะถูกตัดออกไป
“ ขอโทษครับมิสเตอร์...รายงานจะอยู่บนโต๊ะของคุณก่อนบ่ายแน่นอนครับ ” เจคไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของตัวเองด้วยซ้ำขณะพูดออกไป
มิสเตอร์บอนสันไม่ได้กล่าวอะไร ก่อนจะเดินจากไปพร้อมใบหน้าที่ยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย
เจค ลูเธอร์ ชายหนุ่มวัย 25 ปี ที่ชีวิตอันแสนน่าเบื่อไม่ได้ให้อะไรแก่เขามากนัก พนักงานออฟฟิศที่ตำแหน่งยังอยู่ระดับล่างสุดในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันได้เป็นรองผู้จัดการเมื่อเดือนที่แล้ว แน่นอน เขามักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับเพื่อนคนอื่นเสมอทันทีที่คนๆ นั้นมีอะไรบางอย่างที่ก้าวหน้าขึ้น ในขณะที่คน ‘ก้าวหลัง’ อย่างเขาได้แต่ยืนมองอยู่เงียบๆ ท่ามกลางงานเอกสารที่ท่วมหัวอยู่ภายในคอกแคบๆ
เจคสบถกับตัวเองขณะที่มือก็ง่วนอยู่กับเอกสารและแป้นพิมพ์ ที่ต้องโทษที่สุดก็คือบรั่นดีขวดนั้นที่เขาซัดมันไปเมื่อคืน หลังจากแฟนที่คบกันมา 5ปีเพิ่งมาขอบอกเลิกเพื่อจะหมั้นกับวิศวะกรอนาคตไกลผู้หนึ่ง แน่ล่ะ เขาไม่โทษเธอที่เลือกแบบนั้น เพราะตั้งแต่เริ่มคบกันทางบ้านของเธอก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเขาเท่าไรอยู่แล้ว ใช่..
“ บ้าเอ้ย ” เจคสบถกับตัวเอง ผมสั้นสีน้ำตาลของชายหนุ่มดูยุ่งน้อยๆ เขานึกอยากจะกลายเป็นคนที่สติแตกออกอารวาดเพื่อระบายอะไรก็ตามที่มันอัดแน่นอยู่ตอนนี้ ทั้งเรื่องงานบ้าๆ หัวหน้างานบ้าๆ คู่หมั้นบ้าๆ แต่ก็นั่นแหละ หลายครั้งเขาก็ได้แค่คิด เพราะหากเขาทำมันจริงๆ ทุกอย่างในชีวิตเขาคงจบจริงๆ แน่
ชายหนุ่มถอนใจ และคิดว่าเย็นนี้เขาจะไปเมาที่บาร์ใกล้ๆ กับแมนชั่นของตัวเองเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด ขอบคุณพระเจ้า...
“ ว่าไง เจค ” บาร์เทนเดอร์ในร้านประจำของชายหนุ่มทัก ก่อนจะส่งแก้วซึ่งข้างในบรรจุน้ำสีอำพันให้โดยไม่ต้องสั่ง
เจครับมันมาดื่มจนพร่องไปครึ่งแก้วขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ เสื้อสูทถูกถอดพาดไว้พร้อมกระเป๋า “ พระเจ้า...ฉันโดนหักเงินเดือน... ” ชายหนุ่มเอ่ยพึมพำแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากคนรอบข้างนัก เขาดื่มอีกจนหมดแก้ว “ ไอ้หัวหน้าเฮงซวย... ”
บาร์เทนเดอร์คอยรินบรั่นดีให้ชายหนุ่มเรื่อยๆ โดยไม่ได้กล่าวอะไร เจคยังคงบ่นพึมพำต่อไป เสียงเพลงที่เปิดคลอไม่ดังนักเป็นจังหวะช้าๆ ชักชวนให้เหล่านักเที่ยวจับจูงคู่ของตัวเองออกมาเต้นรำกัน
เจคหมุนเก้าอี้ออกจากหน้าเคาน์เตอร์ นั่งมองคู่ชายหญิงบนฟลอร์ แล้วทำให้เขานึกถึง โมน่า ลอเรนซ์ อดีตแฟนของตัวเองที่กำลังจะจัดงานหมั้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า บัตรเชิญที่เจคได้มาเมื่อวานเขาจำได้ว่ามันถูกขย่ำก่อนจะโดนปาทิ้งไปที่ไหนซักแห่ง แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะไปงานนั้นแน่ ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนอย่างที่โมน่าคิดอยากจะเป็นต่อจากนี้ หรืออดีตแฟน แล้วไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณนายลอเรนซ์จะดีใจซักแค่ไหนที่ลูกเขยไม่ใช่เขา เจคแทบจะจินตนาการได้ถึงใบหน้านั้นของเธอได้เลยทีเดียว
เขาดื่มลงไปอีกแก้ว ก่อนจะถูกเติมใหม่...
20:00น.
บนดาดฟ้าของตึกธนาคารสูงถึง20ชั้น สายฝนที่ตกลงมาไม่ได้เป็นอุปสักแก่ ‘ผู้ถูกล่า’ แม้แต่น้อย ร่างในชุดดำภายใต้เสื้อโค้ทตัวใหญ่กระโดดพุ่งหลบลูกธนูที่ยิงเข้ามาจากทางด้านหลังแล้ววิ่งหนีไปจนกระทั่งเกือบจะถึงสุดขอบตึก ผมสั้นสีดำเปียกฝนลู่ไปด้านหลัง
‘ปัง! ปัง!’
ร่างบางหันไปยิงตอบโต้ด้วยปืนสีดำในมือ สิ่งที่พุ่งออกไปจากลำกล้องไม่ใช่กระสุน แต่กลับเป็นลูกดอกแสงสีดำขนาดเล็กที่มีอนุภาพร้ายแรง
“ ยอมแพ้แก่เราเสียเถอะ! อสูรสีเงิน เจ้าหนีได้อีกไม่นานหรอก! ” ชายหนึ่งในสิบคนซึ่งสวมชุดสีแดงเอ่ย ในขณะที่คนที่เหลือด้านหลังต่างง้างคันธนูในมือเพื่อเตรียมพร้อม รอคำสั่ง
ร่างบางมาหยุดยืนนิ่งที่ขอบตึก เธอไม่หันไปหาคนพูดด้วยซ้ำ นัยน์ตาสีแดงจ้องมองพื้นถนนเบื้องล่าง ก่อนจะกระพริบตาอีกครั้ง มันเปลี่ยนเป็นสีเขียว…
อะไรบางอย่างสั่งให้ชายหนุ่มออกคำสั่งทันที “ ยิง! ”
‘ฝุบๆๆๆๆๆๆ!!’
ลูกธนูถูกปล่อยออกไปราวกับห่าฝนตรงไปยังเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวที่ยืนนิ่งอยู่ แต่ทว่า ร่างที่ต้องศรกลับสลายกลายเป็นควันสีดำก่อนจะจางหายไป มีเพียงความว่างเปล่า...
“ !? ” ความรู้สึกเย็นยะเยือกจากด้านหลังทำให้นัยน์ตาสีฟ้าของชายหนุ่มเบิกขึ้น
‘ฉึก!’
ช้าเกินกว่าจะหันมอง เมื่อมีดสีเงินวาววับถูกเสียบจนมิดด้ามเข้าที่แผ่นหลังของชายหนุ่มในชุดแดง ร่างบางที่โผล่มาประชิดด้านหลังจากความว่างเปล่า ชายหนุ่มในชุดแดงที่เหลือต่างบินขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็วด้วยปีกสีขาวที่ปรากฏขึ้นด้านหลัง ก่อนจะพากันง้างธนูเพื่อยิงอีกครั้ง
‘ฝุบๆๆๆๆๆๆ!!!’
เธอทิ้งร่างที่อ่อนยวบนั้นลงกับพื้นปูนที่เต็มไปด้วยน้ำจากฝนที่ยังคงตกหนัก แล้วกระโจนหนีลูกธนูแสงสีฟ้ามากมายที่พุ่งตรงเข้ามา มีดในมือสลายกลายเป็นหมอก ก่อนจะเปลี่ยนสภาพเป็นกระบอกปืนอีกครั้ง เธอยิงตอบโต้ออกไป
‘ปัง! ปัง!’
ร่างบนฟ้าร่วงลงไปอีกสอง หญิงสาวกระโดดพุ่งตัวไปหลบหลังแท็งค์น้ำโดยมีลูกธนูพุ่งตามไป ประกายแสงสีฟ้าปะทะเข้ากับสแตนเลสจนแตกกระจาย หญิงสาวยังไม่ออกจากที่ซ่อนในขณะที่คนบนฟ้าก็ยังไม่ยอมบุกเช่นกัน
ไม่ ผู้หญิงตรงหน้าอันตรายเกินกว่าที่พวกเขาจะยอมเสี่ยง การที่เธอบินไม่ได้เป็นเหตุผลเดียวที่พวกเขาต้องอยู่บนฟ้าและห้ามลงไปเป็นอันขาด แต่กระนั้น นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะปลอดภัยที่สุด
‘ฝุบ~!’
หญิงสาวพุ่งตัวออกมาอีกครั้ง ปืนในมือเปลี่ยนสภาพเป็นก้อนหัวกะโหลกแสงสีแดง
“ ลาส(Lass)!!! ”
‘ตูม!!!’
ก้อนผลังงานถูกขว้างออกไปพร้อมร่างของหญิงสาวกระโดดลงจากดาดฟ้าสู่ความมืดเบื้องล่าง
ช้าเกินกว่าที่คนบนฟ้าจะหลบได้ทัน สองคนกระเด็นออกไปด้วยแรงระเบิดพร้อมแสงสีแดงจ้าทำให้นัยน์ตาค่อยๆ พร่ามัว หนึ่งในนั้นง้างธนูขึ้นอีกครั้งท่ามกลางแสงสีจ้าและปล่อยลำแสงสีฟ้าพุ่งฝ่าออกไป…
‘โครม!’
ร่างบนฟ้าร่วงลงมากระแทกพื้นดาดฟ้าเพราะปีกที่เสียหายจากแรงระเบิด บางคนตกลงไป ‘ข้างล่าง’ ก่อนจะสลายหายไปเมื่อถึงพื้นดิน
ร่างบางหายไปท่ามกลางราตรีเบื้องล่างแล้ว...
“ เฮ้...นี่กี่โมงแล้ว ”
เจคถามบาร์เทนเดอร์ขณะที่แก้มของเขากำลังแนบกับพื้นโต๊ะ เมื่อรับรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลา 22:00น. ชายหนุ่มก็ลุกขึ้น เขาเซเล็กน้อยตอนปล่อยมือจากเก้าอี้
ชายหนุ่มจ่ายเงินก่อนจะหยิบกระเป๋ากับเสื้อสูทแล้วเดินผลักประตูร้านออกไป
‘ซ่า~~~’
สิ่งแรกที่เขาเห็นคือสายฝนที่ตกไม่แรงนัก ชายหนุ่มเริ่มออกเดินเพื่อไปยังแมนชั่นราคาถูกของตนเองที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ พื้นดินที่เอียงน้อยๆ ทำให้เจครู้ตัวว่าดื่มไปมากระดับหนึ่งแล้ว สิ่งที่เขาต้องการที่สุดตอนนี้คืออาบน้ำแล้วทิ้งตัวลงนอนเสียที
‘ซ่า!~~’
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจมันเลย เขาไม่แม้แต่จะเร่งความเร็วในการเดินด้วยซ้ำในขณะที่ผู้คนโดยรอบเริ่มพากันวิ่งเพื่อจะกลับบ้านให้ทันก่อนที่จะเปียกไปมากกว่านี้ เจครู้สึกเซ็งเกินกว่าจะทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นของเม็ดฝนด้วยซ้ำแม้เสื้อเชิ้ตสีขาวของตนเองจะเปียกไปมากกว่าครึ่งแล้วก็ตาม ชายหนุ่มเดินซักพักในที่สุดก็มาหยุดยืนอยู่หน้าบันใดเตี้ยๆ ของตึกแมนชั่น ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไป
‘แอ็ด~’
หลังบานประตูไม้นั้นเป็นบันไดเหล็กขึ้นสนิมนิดหน่อยพาดขึ้นไปชั้นบน ที่นี่ไม่มีลิฟท์ และห้องของเจคอยู่ชั้น5ซึ่งเป็นชั้นบนสุด...
“ แจ๋วไปเลย... ” เจคบ่นพึมพำขณะก้าวขึ้นบันใดด้วยความรู้สึกราวกับขาทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยโซ่และลูกตุ้มเหล็กอันใหญ่ ชายหนุ่มใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะถ่อสังขานมาถึงหน้าประตูห้อง และไขกุญแจ
‘แกร๊ก!’
เขาพาดสูทไว้ที่ตัวแขวนข้างประตู ก่อนจะเปิดไฟแล้วโยนกระเป๋าเอกสารไปที่โซฟากลางห้อง มันกระเด็นหล่นลงไปใต้โต๊ะ แต่เจคไม่สนใจ ชายหนุ่มเดินตรงไปที่ห้องน้ำพร้อมกับเริ่มปลดกระดุมตามไปด้วย อาการตาลายทำให้เขาคิดว่าสายน้ำเย็นๆ คงจะช่วยทำให้มันหายไปบ้าง
‘แอ๊ด~~’
“ … ”
ทันทีที่เจคเปิดประตู...ภาพที่เห็นมันไม่ใช่อ่างอาบน้ำสีขาวสะอาดอย่างที่เคยเป็น อ่างที่ว่ามันกลายเป็นอดีตไปแล้ว ด้วยสภาพที่ขอบด้านหนึ่งแตกหัก เศษกระเบื้องกระจายทั่วพื้น...แต่อะไรก็ไม่ร้ายแรงเท่า ‘ผู้หญิง’ ที่เจคแน่ใจสุดๆ ว่าเขาไม่รู้จักแน่ๆ นอนอยู่ในอ่าง...ไม่สิ สภาพเธอเหมือน ‘ตกลงมา’ ในอ่างมากกว่า ร่างของเจคก้าวถอยหลังและพยายามกระพริบตาถี่ซ้ำๆ จนดูน่าตลก เมื่อเงยหน้าขึ้นไปบนเพดานก็เห็นรูขนาดใหญ่ทะลุลงมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้หญิงปริศนาคงผ่านมันลงมาเป็นแน่
“ โอ..พระเจ้า ” ชั่วแว้บนึงเจคคิดว่าตัวเองตาฝาดเพราะดื่มมากไป แน่ล่ะ จะมีมนุษย์ดีๆ ที่ไหนทะลุเพดานปูนหนาๆ ลงมาได้กันล่ะ? เจคเดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนนิ่งนั้นอย่างระมัดระวัง อย่างน้อยเขาก็หวังให้เธอเป็นแค่ภาพหลอนจริงๆ “ ฮะ เฮ้... ” เขามองไม่เห็นใบหน้านั้นเพราะเธอนอนคว่ำอยู่กับขอบอ่าง สิ่งที่เห็นแค่เพียงลางๆ เพราะหลอดไฟในห้องน้ำได้แตกไปแล้วก็คือเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่ที่เธอสวมอยู่เท่านั้น สายฝนปรอยๆ ที่ตกผ่านรูด้านบนลงมายิ่งทำให้ภาพตรงหน้าราวกับหลุดมาจากฉากหนังสยองขวัญซักเรื่องหนึ่ง
“ นี่เธอ ยะ ยังมีชีวิตอยู่ใช่มั๊ย... ”
ไร้ปฎิกิริยาจากผู้หญิงตรงหน้า
ชิบหายแล้ว...จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็น ‘ศพ’ แทน ภาพของตำรวจและฝูงชนกำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า “ เฮ้... ” เจคสาวเท้าเข้าไปใกล้อีก แต่ทันใดนั้นเอง
‘วูบ~’
หมอกควันหนาสีดำค่อยๆ ลอยออกมาจากร่างของเธอ เจคถอยหลังไปสองก้าวเมื่อเธอเริ่มขยับ ขอบคุณพระเจ้า... แต่เดี๋ยวก่อน! นี่ไม่ใช่เวลามาดีใจซะหน่อย เจคเริ่มตระหนักถึงเรื่องอันตรายบางอย่างเมื่อหญิงสาวขยับตัว มันทำให้เขาเห็นปืนกระบอกสีดำวางอยู่ใต้เสื้อโค้ทซึ่งก่อนหน้านี้เขามองไม่เห็น
ชายหนุ่มต้องตัดสินใจทำอะไรซักอย่างแล้วตอนนี้ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวขึ้นมาเต็มที่ ความคิดที่ว่าเธออาจจะเป็นโจรอัดแน่นในหัวเขา “ ไม่ตลกนะ.. ” เจคมองปืน แน่ล่ะ เขาต้องชิงแย่งมันมาก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าเธอจะมาดีหรือไม่ก็ตาม ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปใกล้อย่างพยายามให้เบาและเงียบที่สุด ตรงข้ามกับในใจที่ตอนนี้อยากกระโจรเข้าไปคว้ามันมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ชายหนุ่มเอื้อมมือออกไป อีกนิดเดียวเขาจะได้มันแล้ว...
‘หมับ!’
“ เฮ้ย! ” มือที่เอื้อมออกไปของเจคถูกกระชากเข้าไปด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลอย่างน่าตกใจ! ร่างของเขากระแทกลงพื้นห้องน้ำดังโครม ก่อนจะถูกจับให้นอนหงายโดยมี ‘เธอ’ นั่งคร่อมเขาไว้ด้านบน “ วิเศษเลย... ”
เจคเอ่ยสบถ
_____________________________________________
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ