Forever ความรัก กาลเวลาและการรอคอย

-

เขียนโดย Zindy

วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21.12 น.

  9 ตอน
  2 วิจารณ์
  12.44K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556 21.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) (100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ทำตัวตามสบายเลยนะจ้ะ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเองแล้วกัน”

                เอเวอร์จำได้ว่าแม่ของฟอร์เซสต์บอกแบบนั้นกับเธอในตอนที่หอบข้าวหอบของมาที่คฤหาสน์ฝั่งนี้ ทางด้านครอบครัวของฟอร์เซสต์จัดเตรียมห้องไว้อย่างดีจนเธอต้องกล่าวขอบคุณอยู่หลายครั้ง

 

                                ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้ติดหรูขนาดนั้นซะหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็แสดงว่าทางนี้ยินดีต้องรับมากๆล่ะนะ

                ความคิดของเอเวอร์แล่นไปเรื่อยๆขณะนั่งจ้องเข็มวินาทีของนาฬิกาเดินไปอย่างเป็นจังหวะอยู่บนเตียงนอนนุ่ม เรื่องของเรื่องคือเธอนอนไม่หลับ ไม่ว่าจะพลิกตัวไปมาข่มตาให้หลับแค่ไหนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับเลย...ก็เพราะในหัวของเธอเอาแต่คิดถึงใครบางคนอยู่ตลอดเวลาเลยนะสิ เธอก็เลยตัดสินใจไม่นอนซะเลย รอให้มันง่วงแบบทนไม่ไหวจริงๆถึงจะนอน

                เธอสงสัย...เจ้าของนาฬิกาเรือนนี้จะเป็นแบบเธอมั้ย จะนอนไม่หลับเหมือนกันรึเปล่า จะคิดถึงเธอเหมือนที่เธอคิดถึงเขาบ้างรึเปล่าและ...จะรู้บ้างรึเปล่าว่าเธอคิดถึงเขามากแค่ไหน

                เอเวอร์ทิ้งตัวลงบนที่นอนอีกครั้ง เสียงติ๊กตอกของเข็มนาฬิกายังคงดังอย่างแผ่วเบา แต่บรรยากาศในตอนนี้เงียบกริบชนิดได้ยินเสียงหายใจอย่างชัดเจน ดังนั้นเสียงเบาๆของนาฬิกาจึงไม่เป็นปัญหาที่จะได้ยิน ในครั้งนี้เธอกะว่าจะไม่ลุกขึ้นนั่งอีก ถ้าไม่ง่วงก็ไม่ต้องหลับมันถึงเช้าเลยล่ะกัน

                ผ่านไปอีกไม่นานเท่าไรไม่รู้กว่าเอเวอร์จะหลับ เธอจำได้ว่าผ่านไปนานมากบางทีอาจจะเป็นหลายชั่วโมง ใบหน้ารวมถึงน้ำเสียงของเขายังคงเข้ามาในหัวอยู่เรื่อยๆจนคิดว่าคืนนี้คงจะไม่ได้นอนแล้วจริงๆแต่เธอก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว

                ...แต่แม้จะหลับไปแล้วในความฝันก็ยังมีแค่คนๆเดียวไม่เปลี่ยนแปลง

 

 

                แสงแดดในยามเช้าส่องเข้ามาทางหน้าต่างเสียงนกร้องเซ็งแซ่มากมายแต่ก็ไม่สามารถปลุกหญิงสาวที่อยู่บนเตียงได้

                ก๊อก ก๊อก

                เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เจ้าของเตียงพลิกตัวอย่างรำคาญเพราะไม่อยากที่จะตื่น

                ก๊อก ก๊อก

                เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ทำให้ร่างลางตื่นจากนิทรารมณ์ได้ เสียงเคาะประตูเงียบหายไปอีกนานจนนึกว่าใครก็ตามที่มาเคาะคงล้มเลิกความตั้งใจไปแล้ว แต่หลังจากนั้นกลับมีเสียง‘แกร็ก’ดังขึ้น กับเสียงฝีเท้าที่ย่างเข้ามาอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวคนที่หลับใหลอยู่จะตื่น

                ผู้มาใหม่เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง จ้องมองคนที่ยังหลับอยู่แล้วยิ้มออกมาให้กับภาพข้างหน้า มือเผลอยื่นไปไล้แก้มเนียนเบาๆอย่างอ่อนโยน นั่นทำให้คนที่หลับครางอย่างรำคาญเพราะโดนรบกวน

                แขกข้างเตียงหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนก้มลงกระซิบข้างหูคนที่นอนตะแคงอยู่บนเตียงด้วยน้ำเสียงเอ็นดูว่า

                “จะหลับต่อก็ไม่ว่าหรอกนะถ้าจะให้ฉันนอนด้วย”

                เอเวอร์ลืมตาโพรงทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงที่ไม่คิดว่าจะมาหาเธอได้ในเวลานี้พร้อมกับผุดลุกขึ้นนั่ง โดยคนที่ก้มตัวลงมากระซิบเมื่อครู่ยืดตัวออกทันเวลาเหมือนรู้ว่าประโยคเมื่อกี้ปลุกเธอได้แน่นอน

                “ฟอร์ซ!”

                “หือ”เขารับในลำคอเสียงสูงอย่างไม่ทุกข์ร้อนใจ

                “นะ...นาย เข้า...มาได้ ยะ...ยังไง”เอเวอร์พูดเหมือนติดอ่างจากการตกใจอย่างมาก กว่าจะเรียบเรียงคำพูดออกมาได้ก็ใช้เวลาตั้งนานสุดท้ายได้ประโยคสั้นๆแค่นั้น

                “ก็นี่บ้านฉัน แค่เดินไปขอกุญแจมาจากคนรับใช้ก็ได้แล้ว”ฟอร์เซสต์ตอบอย่างหน้าตายไม่มีความรู้สึกว่าเขาบุกห้องผู้หญิงแบบนี้มันเป็นความผิด

                “แล้วก็ได้มาเนี่ยนะ”

                “ใช่”

                “อีตาบ้าเอ๊ย!”พออายก็พาลจะอารมณ์เสียใส่ แต่ชายหนุ่มยิ้มและโน้มตัวลงมาเชยคางให้เธอเงยหน้าขึ้น

                “ฉันไม่ทำอะไรเธอเช้าตรู่แบบนี้หรอกน่า”ประโยคนั้นทำให้เอเวอร์เหลือบไปด้านหลังของฟอร์เซสต์และพบว่าประตูห้องถูกเปิดทิ้งไว้ ถึงแม้จะไม่มีใครผ่านมาก็ตาม

                ‘อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ปิดประตู’

                “และอีกอย่างนะ...”ฟอร์เซสต์เริ่มพูดต่อ “ถ้าฉันจะทำอะไรเธอ ฉันก็ทำไปนานแล้วล่ะ”

                “ฉันไม่ให้นายทำหรอกน่า”เอเวอร์พึมพำสวนกลับเบาๆ

                “แน่ใจหรอว่าห้ามได้น่ะ”

                ฟอร์เซสต์สบดวงตาสีดำนิ่งสนิทโดยที่เอเวอร์ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด มีเพียงแต่ใบหน้าเท่านั้นที่ขึ้นเป็นสีชมพูระเรื่อและกล่าวคำว่าเดิมๆแต่น้ำเสียงกลับอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

                “บ้า...”

                เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นอีกทีก่อนที่เขาจะปล่อยมือและถอยไปที่ระยะห่างที่เขาคิดว่าเธอจะปลอยภัยจากตัวเขาเอง เพราะเขาไม่แน่ใจว่าจะอดใจได้จริงๆหรือเปล่า ก็ดูเธอในตอนนี้สิ...เสื้อนอนกระโปรงสีอ่อนแนบเนื้อ สายเดี่ยวที่เคยอยู่บนไหล่มนตอนนี้เลื่อนลงมาอยู่ที่ต้นแขนทั้งสองข้าง ทำให้คอเสื้อคว้านลึกจนเห็นร่องอกขาวนวล

                ความจริงเขาแค่ขออนุญาตท่านแม่เข้ามาปลุกเอเวอร์เฉยๆแน่นอนว่าเขาสัญญาไว้ว่าจะไม่ทำเรื่องอะไรให้เสียหาย แต่พอเขามาเห็นเธอในสภาพแบบนี้เขาก็เริ่มจะไม่แน่ใจตัวเองซักเท่าไหร่ เพราะงั้นถึงต้องระวังตัวแบบสุดๆแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องเบือนหน้าหนีภาพนั้นเพราะไม่ไว้ใจตัวเองจริงๆ

                “เอเวอร์...คือว่าชุดนอนน่ะมัน...”ฟอร์เซสต์พูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบแต่ชอบมากเกินไปต่างหากล่ะ

                ฝ่ายเอเวอร์พอฟอร์เซสต์เตือนแบบนั้นก็รีบก้มลงดูการแต่งกายของตัวเอง แล้วก็ต้องรีบจัดแต่งใหม่แทบไม่ทัน แม้จะอายอยู่บ้างแต่ก็รู้สึกดีที่อย่างน้อยฟอร์เซสต์ก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่มองเธอตอนนี้

                “คุณแม่บอกว่าเธอมีนัดทานอาหารเช้าด้วยในอีกไม่ถึงชั่วโมง รีบเข้าล่ะ”หลังจากทิ้งท้ายประโยคนี้ไว้ เขาก็ตั้งใจจะหมุนตัวเองออกจากห้องหากแต่ไม่ติดเสียงที่รั้งไว้

                “นายจะอยู่ด้วยรึเปล่า”

                เขาหันมายิ้มให้

                “แน่นอนสิ”

 

                หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดี ฟอร์เซสต์เองก็มาหาได้ทุกวัน เรียกได้ว่าชีวิตของเธอแทบไม่ต่างไปจากเดิมเลยเพราะทั้งคนและสถานที่ก็เป็นอะไรที่เธอคุ้ยเคยดีอยู่แล้ว

                ทุกอย่างลงตัว...นั่นสินะ เธอเองก็ภาวนาให้มันเป็นเช่นนั้นตลอดไป แต่ลาวสังหรณ์อะไรบางอย่างตั้งแต่เช้าของวันนี้นี่สิ ทำให้เธอไม่สบายใจ

                “อือ...มีแต่ข่าวการเมืองทั้งนั้น จลาจลบ้างล่ะ ประท้วงบ้างล่ะ”พ่อของฟอร์เซสต์บ่นขณะทานข้าวในห้องอาหารซึ่งเอเวอร์ก็เห็นจนชินตา แต่เธอเองก็ชอบท่าทีสบายๆเป็นกันเองแบบนี้มากจึงไม่คิดอะไร

                “นั่นสินะ”ผ่ายคุณแม่รับ “พวกขุนนางเอยอะไรเอยหรือพวกตระกูลใหญ่ๆก็โดยฆ่าไปตั้งเยอะ”

                “ก็เข้าใจนะว่าทนความเหลื่อมล้ำของฐานะแบบนี้ไม่ได้ แต่ไม่น่าทำขนาดนี้นะ พวกเราเองก็ตระกูลใหญ่ซะด้วยสิ”

                เอเวอร์นั่งฟังอยู่เงียบๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ถึงเธอจะเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยแต่ก็พอจะเห็นมาบ้างว่าการที่เป็นผู้ไม่มีเงินเป็นยังไง เหล่าคนพวกนั้นต่างไม่เคยเป็นที่ยอมรับของสังคมชั้นสูงทีวัตถุมีอำนาจต่อจิตใจ ถ้าเป็นเรา เราจะคิดยังไงกับการที่เรากำลังจะอดตายอต่พวกเศรษฐีกลับจัดงานรื่นเริงได้ทุกวี่ทุกวัน

                จริงอยู่ที่คนเหล่านี้ไม่มีอำนาจทางสังคมแต่อย่างใด แต่รากฐานของประเทศก็ต้องมีผู้มีฐานะต่ำมากกว่าเศรษฐีผู้ร่ำรวยอยู่แล้ว ดังนั้นหากประชาชนพวกนั้นลุกฮือขึ้นต่อต้านเมื่อไรพวกคนร่ำรวยก็ทำอะไรไม่ได้ทันที

                “อ้อ จริงสิ วันนี้ฟอร์เซสต์ออกไปข้างนอกกับพี่เฟเรสนะ ว่าจะกลับมาดึกๆหน่อยนะ”คุณแม่ฟอร์เซสต์เปลี่ยนเรื่องหันมาคุยกับเอเวอร์

                “ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ”แม้จะเสียดายอยู่บ้างเล็กๆแต่เธอก็เข้าใจดีว่าฟอร์เซสต์เองก็ใช่จะว่างมาหาเธอได้ทั้งวัน เขาก็ต้องมีสิ่งทีต้องทำบ้าง ห่างกันเล็กน้อยไม่เป็นไรหรอก เพราะฉะนั้นเธอจึงตอบไปเช่นนั้น

                แต่เธอไม่รู้หรอกว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ในอนาคตเธอจะต้องอยากกลับมาแก้ไขอย่างแน่นอน...เพราะจากนี้ไปเธอและเขาจะไม่ได้พบกันอีกนานแสนนาน

                “อยากให้กลับมาเร็วๆจัง”

_______________________________________________________________

จบภาคอดีตซะที~ อะไรนะ! เนื้อเรื่องดำเนินเร็วอีกแล้ว.... รู้สึกไปเองน่า อย่าคิดๆมากๆ (เดี๋ยวจะกลับมารีไรท์อีกทีค่ะ^^")

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา