Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  50.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

30) น้ำตาที่หลั่งริน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

  เปรี้ยง!!!

 

 

 

การต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตของผู้คนทั้งโลกยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดพัก ฮิซาชิที่สามารถเร่งพลังเข้าสู่ระดับที่สองได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สูญเสียพละกำลังส่วนหนึ่งและพลังในการพิจารณาส่วนสัดของเหล่าผู้หญิงด้วยสายตาที่มองทะลุไปถึงเนื้อในไปจนเกือบหมดสิ้นนั้นกำลังบุกเข้าหาคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้เด็กชายซึ่งเสียเปรียบเรื่องความสูงนั้นกำลังเป็นฝ่ายรุกไล่สัตว์ประหลาดโลหะอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่มันไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย

 

 

และด้วยพลังกายที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของร่างโคโรน่านั้นเองที่ทำให้ฮิซาชิไม่ได้รับบาดเจ็บจากการใช้ร่างเนื้อเข้าปะทะกับร่างโลหะของอัลกิวรอสเลย ซ้ำยิ่งอัลกิวรอสยังคงคิดที่จะสู้กับฮิซาชิมากเท่าไหร่...ความรุนแรงของการโต้คืนทางกายภาพและพลังแสงของฮิซาชิก็ยิ่งทวีความร้ายกาจมากขึ้นจนแทบจะไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพลังระดับเดียวกันกับเมื่อครั้งทีมิรันต่อสู้กับอาร์พาทีจนเสียท่ามาแล้ว

 

 

 

"ตอนยัยมิรันก็แค่ขาดประสบการณ์ต่อสู้เท่านั้น...แต่สำหรับคนที่ผ่านการต่อสู้สาหัสสากรรจ์มาหลายครั้งอย่างฉันน่ะ ไม่มีทางถอดใจกับอีแค่หมัดของฉันทำอะไรแกไม่ได้หรอกน่า!!"

 

 

 

และแล้วเปลวไฟที่สุมอยู่ข้างในใจของเด็กชายที่ยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูที่ปรารถนาจะทำลายโลกก็ลุกโชนขึ้นมาอย่างรุนแรงจนร่างกายตอบสนองต่อความเร่าร้อนนั้นด้วยความเคลื่อนไหวที่เฉียบคมและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ในครั้งนี้อัลกิวรอสไม่สามารถทำอะไรไดอีกแล้วนอกจากทนรับการโจมตีหยอกล้อของฮิซาชิตลอดเวลาเท่านั้น จนในที่สุด...ลูกเตะที่อัดแน่นไปด้วยเปลวไฟจากพลังที่สั่งสมเอาไว้ของฮิซาชิก็กระหน่ำเข้าใส่สัตว์ประหลาดจนถอยหลังไปล้มลงกับพื้น

 

 

ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฮิโรมิบินมาถึงพอดี...

 

 

 

"ฮิซาชิ!! รีบไปช่วยมิรันหน่อยเถอะ..! ตอนนี้ยัยนั่นน่ะ!!"

 

 

เสียงกังวาลของฮิโรมิที่ตะโกนเรียกหาตัวเขาจากระยะห่างเกือบห้าสิบเมตรนั้นทำให้เด็กชายที่ได้รับพลังใหม่มาจากความเด็ดเดี่ยวนั้นต้องหันตามไปในทันที ในวินาทีนั้นฮิซาชิเห็นสายตาของฮิโรมิที่มองมายังเขาราวกับว่ากำลังตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นอย่างมาก  ทั้งหมดก็เพราะว่าลำพังฮิซาชิในร่างระดับต้นก็มีพลังเกือบจะเทียบเคียงกับเธอได้อยู่แล้ว ยิ่งฮิโรมิมาเห็นร่างโคโรน่าที่มีพลังในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิมมากนั้นเข้าก็ต้องรู้สึกอ้ำอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกอย่างแน่นอน

 

แต่แล้วก่อนที่ฮิซาชิจะได้อ้าปากระเบิดคำอธิบายที่เก็บเอาไว้นานออกมาให้สาวน้อยที่ตาค้างไม่มีหรี่เป็นเวลานานนั้นได้ฟัง ขากรรไกรที่สั่นระรัวของฮิโรมิที่อ่อนแรงจนไม่สามารถเอ่ยคำใดๆออกมาได้นั้นก็ขยับระบายอากาศออกมาเป็นเสียงที่ดังมาก

 

“ฮิซาชิ!! ข้างหลัง!!!”

 

 

ทันทีที่เด็กชายหันไปตามเสียงเตือนของสาวน้อยที่ตะโกนบอกนั้นเอง เขาก็พบกับอัลกิวรอสที่ดันตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้นกำลังวิ่งเข้าหาตัวเขาพร้อมกับแขนที่เปลี่ยนสภาพไปเป็นหอกสีเงินเตรียมทะลวงร่างของฮิซาชิให้เป็นโดนัทรสสนิมเหล็กที่มีราคาแพงที่สุดบนโลกอย่างเดือดดาล แม้ว่าร่างโลหะนั้นจะไม่มีความรู้สึกใดๆทั้งด้านสีหน้าและอารมณ์ก็ตาม…

 

 

                                                เพียะ!!!

 

 

อัลกิวรอสพุ่งแขนที่แหลมคมนั้นเข้าใส่ร่างของเด็กชายที่เพิ่งจะรู้สึกตัวเมื่อครู่นี้อย่างไม่ให้โอกาสตั้งตัวแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งฮิซาชินั้นได้ใช้ลางสังหรณ์ที่แปลกประหลาดในการปัดแขนของมันลงไปได้ก่อนจะตีเข่าย้ำเข้าไปที่ช่องท้องอันเต็มไปด้วยแผ่นโลหะรับแรงกระแทกอย่างหนักหน่วงจนร่างของอัลกิวรอสเกิดการกระตุกขึ้นไปเหนือพื้นตามแรงกระแทก ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ยอมแพ้ใช้แขนที่มีคมฟันผ่าศีรษะของคู่ต่อสู้เพื่อปิดฉากอย่างไม่ลดละ

 

และก็เป็นอีกหลายๆครั้งที่เด็กชายสามารถปัดป้องการโจมตีที่มาจากด้านบนได้ทำให้อัลกิวรอสได้แต่โจมตีเก้อเท่านั้น  ซึ่งลำแขนของฮิซาชิที่ใช้ป้องกันนั้นรู้สึกได้เพียงความแข็งสากๆของสิ่งที่เข้ามากระทบเท่านั้น  ก่อนที่สัมผัสเดิมๆนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นความอ่อนนิ่มที่แปลกประหลาด…

 

 

“อะไรกันน่ะ!!”

 

 

ฮิโรมิที่สังเกตการต่อสู้ครั้งนี้มาตลอดถึงกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก ใน๘ระที่ฮิซาชิซึ่งเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดนั้นโดยตรงก็ตาค้างเพราะความตกใจเช่นเดียวกัน

 

ในระหว่างที่ฮิซาชิกำลังตั้งการ์ดรับคมมีดส่วนที่ไร้คมซึ่งฟาดลงมายังร่างกายของเขาอย่างสุดความสามารถนั้น จู่ๆลำแขนที่ประกอบจากโลหะสีเงินของอัลกิวรอสนั้นก็เริ่มปูดออกมาจนกลายเป็นบางอย่างคล้ายกับสีของโลหะที่ถูกสนิมจับมาเป็นเวลานายจนกลายเป็นสีดำ  พร้อมกันนั้นร่างโลหะสังเคราะห์ของมันก็เริ่มกลายเป็นเนื้อเยื่ออินทรีย์ก่อนจะก่อรูปเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ฮิซาชิรู้จักดี

 

เพราะชายคนนั้นคือ…ตัวฮิซาชิตอนอายุ22ปีนั่นเอง!!!

 

 

“หะ..!”

 

น่าเสียดายที่ฮิซาชิไม่มีเวลามาอยู่ในสภาวะตกตะลึงได้นานนัก เพราะในทันทีที่ชายคนนั้นแสยะรอยยิ้มที่น่าสยดสยองออกมานั้น…ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อจากแสงอาทิตย์อันเจิดจ้าของประเทศในเขตห่างจากเส้นศูนย์สูตรหลายสิบองศาก็ถูกลำแขนของอัลกิวรอสกระแทกเข้าอย่างรุนแรงจนเซไปด้านหลัง และในจังหวะที่ฮิซาชิถอนเท้าออกจากตำแหน่งเดิมนั้นเอง…เขาก็ได้รู้สึกว่าพละกำลังของอัลกิวรอสนั้นเพิ่มขึ้นจนเทียบชั้นได้กับตัวเขาเองในร่างโคโรน่าเมื่อร่างกายยังเป็นผู้ใหญ่

 

 

“ทำไมแก…ถึงเลียนแบบรูปร่างของฉันได้!?”

 

 

เหมือนกับว่าอัลกิวรอสที่ลอกเลียนแบบความสามารถและร่างเนื้อของฮิซาชินั้นจะยังไม่มีความสามารถในการออกเสียงที่ดี  ฮิซาชิที่ยิงคำถามใส่มันจึงได้รับเพียงเสียงคำรามในลำคอกลับออกมาเท่านั้น ซึ่งเสียงนี้จะออกมาก็เพียงในจังหวะที่อัลกิวรอสระดมปล่อยพายุลูกเตะใส่คู่ต่อสู้ตรงหน้าเท่านั้นเอง…

 

ซึ่งด้วยความเสียเปรียบด้านพละกำลังที่ถดถอยลงมานั้นเอง ทำให้ฮิโรมิที่เห็นการต่อสู้ที่เสียเปรียบครั้งนี้จำต้องเข้าร่วมต่อสู้โดยเร็วที่สุด!!

 

 

“ฮิซาชิ..!”

 

 

ในจังหวะเดียวกับที่แผ่นปีกของเทอร์รารอยด์กำลังสะบัดเป็นขั้นตอนก่อนที่จะพุ่งออกไปนั้นเอง ร่างกายของฮิโรมิก็ต้องหยุดชะงัก…

 

เพราะฝ่ามือที่ยื่นออกมาแผ่เป็นโฆษณาแลคตาซอยของฮิซาชินั่นเอง

 

 

“เธอไม่ต้องเข้ามาหรอก…ลำพังแค่เจ้านี่ฉันจัดการได้อยู่แล้ว”

 

 

เด็กชายลุกขึ้นมาอยู่ในท่าต่อสู้อย่างรวดเร็วเข้าประจันหน้ากับชายหนุ่มอันเป็นผู้ที่เขาต้องก้าวข้ามไปให้ได้อย่างเด็ดเดี่ยว ในขณะที่ชายคนนั้นกำลังทำสายตาเหยียดหยามพร้อมกับกวักมือเรียกฮิซาชิเข้าไปหาเพื่อทำการสังหารขั้นสุดท้าย

 

“เธอคอยดูให้ดีๆนะ… ดูแล้วจำไว้ด้วยว่าเวลาเจอคู่ต่อสู้ที่เก่งกว่าควรทำยังไง!!”

 

 

ราวกับประชดไม่มีผิด หลังจากที่อัลกิวรอสกวักมือเป็นโปรโมชั่นท้าทายคู่ต่อสู้ของมันแล้ว ทั้งสองก็ไม่คิดอะไรมากไปกว่าบุกเข้าไปท้าชนกับอุปสรรคของตัวเองอย่างซึ่งๆหน้าโดยไม่มีการลังเลใดๆ หากจะมีก็เพียงความมุ่งมั่นที่จะฆ่าศัตรูที่ตนต้องก้าวผ่านเพื่อจุดประสงค์ต่อไปเท่านั้น

 

“ย้าก!!!!”

 

 

ในเมื่อเป้าหมายที่ต้องก้าวผ่านมายืนเสร่ออยู่ตรงหน้าแล้ว… เราก็จำเป็นที่จะต้อง ไม่ใช่สิ! เรามีแต่จะต้องเอาชนะมันให้ได้เท่านั้นแหละ!!!

 

“ย้าก!!!!!”

 

 

เสียงร้องสร้างกำลังใจของทั้งสองฝ่ายเริ่มทวีความดังมากยิ่งขึ้นจนทุกสรรพสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในขณะนั้นต้องรีบเก็บกระเป๋าย้ายถิ่นฐานในทันที ฮิซาชิที่คิดเพียงว่าจะต้องเอาชนะตัวเองที่ตั้งมั่นเพียงแค่การต่อสู้เพื่อปกป้องนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดกระโดดส่งตัวใช้ท่าหมุนตัวเตะเป็นคมจักรเพื่อชิงสิทธิ์ในการทำร้ายคู่ต่อสู้ให้ได้ก่อน ซึ่งอัลกิวรอสก็กระโดดหลบไปด้านหน้าพร้อมกับปล่อยพลังใส่กลางแผ่นหลังของฮิซาชิจนล้มไถลไปกับพื้น

 

 

“ไม่ยอมแพ้หรอกน่า!!”

 

 

ฮิโรมิเริ่มมองเห็นผลแพ้ชนะแล้ว ระหว่างฮิซาชิที่ใช้แต่ร่างกายพุ่งเข้าใส่กับอัลกิวรอสที่อาศัยเทคนิกในการต่อสู้นั้น คนที่ใช้เพียงพละกำลังเข้าว่าเพียงอย่างเดียวนั้นไม่มีทางที่จะเอาชนะหรือทำร้ายคนที่ใช้เทคนิกและไหวพริบในการต่อสู้ได้อย่างแน่นอน



และแน่นอนว่าผู้ที่ฮิซาชิใช้เป็นต้นแบบนั้น…คือผู้ที่ฮิโรมิรู้จักเป็นอย่างดี!!



“อันตราย!!!”


และท่าไม้ตายปิดฉากของอัลกิวรอสก็ได้ถูกใช้ออกมากับเจ้าของท่าที่แท้จริงในที่สุด ลำแสงเพลิง “เบลซซิ่ง เวฟ” อันทรงอานุภาพที่ฮิซาชิเคยใช้เพื่อทำลายลูกไฟของโซลเนลที่ปล่อยออกมาอย่างดุดันนั้นถูกยิงออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้างของอัลกิวรอสตรงเข้าหาฮิซาชิที่เพิ่งจะดันตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้นได้อย่างไม่ปรานี ต่อหน้าสายตาที่พร้อมจะแบกรับความเจ็บปวดที่ร้ายกาจที่สุดของฮิโรมิที่ดูการต่อสู้ครั้งนี้ตลอดมา




                         ตึง!!!!!!!!!!!!!




"ฮิซาชิ!!!!"


เสียงตะโกนระคนน้ำตาของสาวน้อยดังไปทั่วทั้งสมรภูมิ เปลวไฟที่เกิดจากท่าไม้ตายสังหารของอัลกิวรอสเมื่อปะทะเข้ากับร่างเนื้อของฮิซาชิแล้วก็ระเบิดออกเป็นโดมควันรูปดอกเห็ดพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจนดูคล้ายกับก้อนเมฆที่ลอยละล่องในท้องฟ้าสีครามเบื้องบน ทั้งหมดนั้นได้ทำให้เข่าที่อ่อนระทวยของฮิโรมินั้นทรุดลงกับพื้นในทันทีถัดจากแผ่นปีกที่สั่นไม่เป็นจังหวะ


แต่ก่อนที่จะเกิดดราม่าใดๆถัดจากนี้ หลังจากที่ม่านควันสลายไปบางส่วนจนเห็นสิ่งที่อยู่ภายในแล้ว...พลันปรากฏร่างของเด็กชายที่ค้างอยู่ในท่าตั้งรับพร้อมกับม่านผลึกแก้วรูปวงกลมในมือทั้งสองกำลังป้องกันการโจมตีซ้ำของคู่ต่อสู้ที่อาจจะตามมาได้ทุกเมื่อ



"ฮิซาชิ..!"



ไม่เพียงแค่ฮิโรมิเท่านั้นที่โล่งใจจากการที่เธอต้องร้องไห้เก้อแล้ว แม้แต่อัลกิวรอสเองก็ส่งเสียงคำรามในลำคอเป็นการบ่งบอกว่าที่จริงมันก็คิดเอาไว้แล้วว่าฮิซาชิจะต้องทนรับการโจมตีนั้นเอาไว้ได้ ก่อนที่มันจะร่ายแขนเตรียมใช้ท่าเบลซซิ่ง เวฟอีกครั้งหนึ่ง


"ฉันไม่ยอมเสียท่าให้กับพวกแกเป็นครั้งที่สองหรอก...ในเมื่อฉันยังมีสิ่งที่ต้องปกป้องอยู่!!"



ฮิซาชิที่เห็นคู่ต่อสู้ยังคงมีความคิดที่จะฆ่าเขาอยู่ก็ร่ายแขนใช้ท่าเบลซซิ่ง เวฟด้วยเช่นกัน หากแต่เพราะจังหวะในการสะสมพลังงานนั้นช้ากว่าอัลกิวรอสทำให้เขาปล่อยลำแสงเพลิงออกมาได้ช้ากว่า และนั่นเองจึงทำให้มวลรวมของคลื่นลำแสงนั้นค่อนข้างเลยไปทางด้านของฮิซาชิจนเกือบจะปะทะใส่ตัวเขาได้อยู่แล้ว...


แต่ถึงอย่างนั้นฮิซาชิก็ไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับจุดศูนย์รวมของพลังเลย ซ้ำทั้งเขาและฮิโรมิยังดูมีสีหน้าที่มีความสุขมากอีกด้วย...



"รุกฆาต"




อัลกิวรอสออกแรงดันมวลรวมพลังที่สามารถจัดการคู่ต่อสู้ของมันให้เข้าปะทะกับเป้าหมายที่กำลังจะได้รับการปราชัยในอีกไม่กี่อึดใจ แต่ในจังหวะที่มันออกแรงดันคลื่นสังหารนั้นเอง...มวลรวมพลังทางฝั่งของฮิซาชิก็ค่อยๆไหลเข้ามายังทางของมันเองจนเข้าปะทะกับเป้าหมายในที่สุด



"ลาก่อนนะ...แล้วอย่ากลับมาอีกเลย อัลกิวรอส!!!!"



ในทันทีที่นิ้วหัวแม่มือซ้ายของฮิซาชิถูกกดลงด้านล่าง ร่างเนื้อสมัยหนุ่มของฮิซาชิก็ถูกพลังทำลายภายในมวลรวมของลำแสงนั้นทำลายจนกลายเป็นชิ้นๆในที่สุด ซึ่งเลือดและเศษเนื้อที่กระจายออกมาจากการระเบิดครั้งนี้ก็ได้กลับกลายเป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคชิ้นเล็กๆไป



"เสร็จธุระกันซะทีนะ... ทีนี้พวกเราก็จะได้ไปช่วยมิรันแล้วล่ะ!"


"ยังก่อน! ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่อีกอย่าง..."


ฮิซาชิเดินตรงไปยังทางที่เขาก้าวเท้าออกมาในการต่อสู้กับอัลกิวรอสตรงไปยังร่างที่นอนอย่างสงบนิ่งของสัตว์ประหลาดโซลเนลอย่างไม่เกรงกลัวในการลืมตาตื่นของมัน เด็กชายคุกเข่าลงกับพื้นก่อนที่จะยกร่างกายอันใหญ่เท่ากับผู้ใหญ่กล้ามยักษ์ของมันขึ้นมาไว้เหนือศีรษะ



"ฉันอยากจะ...ส่งโซลเนลกลับไปยังที่อยู่อาศัยของมันก่อน!"








                    ซู่ม..!!!!!!



ทางด้านของมิรันที่ปล่อยลำแสงเข้าปะทะกับท่าไม้ตายที่มีพลังเพียงครึ่งเดียวของฮานามิอย่างสุดกำลังจนร่างกายเริ่มอ่อนล้าตามพลังงานที่ต้องเสียไปในการปล่อยท่า"พลาสม่า แสลชเชอร์"เป็นเวลานานๆ แต่ถึงแม้ว่าร่างกายของเธอจะเริ่มอ่อนแรงลงจนลำแสงพลังจากมือทั้งสองข้างจะเริ่มไม่คงที่แล้ว...ดวงตาที่จ้องไปยังคู่ต่อสู้ตรงหน้าของเธอก็ยังคงความมุ่งมั่นอย่างไม่ย่อท้อ



"ยอมแพ้ซะดีๆเถอะน่า... ฉันต้องขอชมเธอนะที่ต้านริคิเดเตอร์ของฉันได้นานขนาดนี้ แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางเอาชนะฉันได้อยู่แล้วล่ะ เรื่องนั้นเธอก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ!?"


"หนวกหูน่า!! ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้เธอแน่เกี่ยวกับเรื่องพี่น้องของฉัน คนเป็นแม่อย่างเธอน่าจะเข้าใจความรู้สึกตอนที่ลูกของตัวเองถูกฆ่าตายไม่ใช่หรือไง!!"


"เออ! ฉันไม่เข้าใจหรอก...เพราะความรู้สึกเสียใจพรรค์นั้นน่ะมันตายไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่อัทสึชิคุงทิ้งฉันไปยังไงล่ะ!!"



"อัทสึชิ...อัทสึชิ!! เจ้าผู้ชายพรรค์นั้นมันมีดีอะไรนักหนาถึงสามารถทำให้แองเจลอยด์ที่ไม่มีความรู้สึกเรื่องรักติดหนึบขนาดนั้นได้!! ถ้าเป็นฉันคงไม่มีทางที่จะไม่รู้สึกเสียใจกับการจากไปของเจ้านั่นนักหรอก!!!"



"ก็เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงไม่อยากเสียเวลารำลึกความหลังกับseiriที่ไม่เคยรักใครอย่างเธอ!!!"




ฮานามิตัดสินใจเร่งพลังสร้างลูกบอลพลังสีน้ำเงินอีกลูกเตรียมยิงเข้าไปเสริมพลังของริคิเดเตอร์ลูกที่แล้วซึ่งถูกมิรันต้านเอาไว้ได้เพื่อสังหารเธอให้ตายไปให้พ้นๆ หากแต่ในจังหวะก่อนที่ลูกพลัง"ริคิเดเตอร์"นั้นจะหลุดออกไปจากกำมือของเธอนั้นเอง จิตใจที่ถูกน้ำแข็งเกาะของฮานามิก็เริ่มที่จะสั่นสะท้านในชั่วพริบตา...


ทั้งหมดก็เพราะคำพูดที่กลั่นออกมาจากหัวใจของบุตรสาวที่เธอเป็นผู้ให้กำเนิดเป็นคนสุดท้ายนั่นเอง!




"มันก็จริงนะที่seiriอย่างพวกเราไม่มีทางที่จะสัมผัสกับความหมายของ'ความรัก'ได้นาน แต่ถ้าเรายังคงใช้ชีวิตอยู่โดยยึดติดอยู่กับภาพหลอนของวันวานที่เจ็บช้ำละก็...ชีวิตที่เราได้มานี้ก็ถือว่าโคตรจะไร้ค่าสิ้นดี!!!!"



มิรันตะโกนสิ่งที่เธอได้รับการสอนมาจากฮิซาชิด้วยเสียงทั้งหมดที่เธอมี ซึ่งนั่นเองที่ทำให้ฮานามิเล็งเป้าพลาดไปจากตำแหน่งเดิมที่เล็งเอาไว้ ทันทีที่ลูกพลังที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายที่สูงกว่าเดิมหลุดออกจากกำมือของเธอก็พุ่งตรงไปยังมวลรวมพลังตรงใจกลางด้วยทิศทางที่เบนออกไปนิดหน่อย...



และเพราะเหตุนั้นเองที่ทำให้ลูกพลังริคิเดเตอร์ลูกที่แล้วถูกทำลายลงจนลำแสงที่ประจุพลังทำลายจากทั้งร่างของมิรันสามารถตรงเข้าจู่โจมร่างของฮานามิได้สำเร็จ เป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกพลังของฮานามิที่ปล่อยออกไปนั้นตรงเข้าปะทะกับร่างของมิรันที่ขยับไม่ได้อย่างรุนแรง!!!




ด้วยความอ่อนล้าจากการใช้ท่าไม้ตายเป็นเวลานานประกอบกับอาการบาดเจ็บสาหัสที่ร่างกายของแองเจลอยด์ระดับสองไม่สามารถทนรับได้นั้น...ทำให้มิรันหมดสติร่วงลงจากท้องฟ้าในแนวดิ่งเกือบตั้งฉากกับพื้น พร้อมกันนั้นชุดในระบบการต่อสู้ของเธอก็เลือนหายไปจนเหลือเพียงร่างเนื้อที่บอบบางคล้ายกับมนุษย์ผู้หญิงธรรมดาเท่านั้น


จึงสามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าหากร่างบางๆของมิรันตกลงกระแทกพื้นในความสูงหลายร้อยเมตรนั้น...ไม่แน่ว่าพื้นหิมะบริเวณนั้นอาจถูกย้อมไปด้วยน้ำแตงโมสีแดงสดจนเป็นของหวานสำหรับหมีบริเวณนั้นไปเลยก็ได้!




และในขณะเดียวกันนั้นฮานามิที่รับการโจมตีของมิรันเข้าไปเต็มๆก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้อย่างสะดวกนัก พร้อมกับช่วงปีกที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากสะเก็ดพลังของท่าไม้ตายปิดฉากของคู่ต่อสู้นั้นก็ไม่สามารถพยุงร่างกายไว้กลางอากาศได้จนค่อยๆร่วงลงมายังพื้นหิมะสีขาวด้านล่างเช่นกัน...



'จบกันแค่นี้สินะ..!? แองเจลอยด์...ลูกสาวของฉัน เธอพยายามได้ดีมากที่ต้านฉันได้ขนาดนี้ อันที่จริงฉันก็อยากจะเข้าไปช่วยเธออยู่หรอก แต่ฉันเองก็บินไม่ไหวแล้วเหมือนกัน...ขอโทษด้วยนะที่ดึงเธอเข้ามาเกี่ยวกับแผนการของฉันแบบนี้!'




ฮานามิเริ่มอ่อนล้าจากอาการบาดเจ็บที่มิรันฝากเอาไว้ได้จนเปลือกตาค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ เธอสัมผัสได้ถึงแรงลมที่รุนแรงขึ้นเนื่องจากความเร่งของแรงโน้มถ่วงที่จะดึงพวกเธอลงสู่พื้นด้านล่างด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นทุกวินาทีจนสามารถสังหารได้แม้กระทั่งมิรันที่เหลือเพียงร่างเนื้อของมนุษย์และตัวเธอเองที่ยังเหลือพลังป้องกันของseiriอยู่หน่อยๆ



และในจังหวะที่เปลือกตาของฮานามิกำลังปิดสนิทลงนั้นเอง...ตรงหน้าของเธอก็ปรากฏภาพของชายคนหนึ่งขึ้นมาให้ต่อมน้ำตาของเธอทำงานขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ถูกเปิดใช้งานเลยนับตั้งแต่สองปีที่ผ่านมา...



"ขอโทษนะ...อัทสึชิคุง ฉันทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ..ไม่ได้แล้วล่ะนะ..."






"ลืมตาขึ้นมาเซ่..!!! มิรัน!!!! ฮานามิ!!!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา