พันธนาการจันทรา

-

เขียนโดย Channa

วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.05 น.

  1 chapter
  4 วิจารณ์
  3,620 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 16.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

บทนำ

พันธนาการจันทรา ภาคพันธนาการ

บทนำ

 

         อรอินทุ์ก้าวเท้าฉับๆไปตามถนนสกปรกราวถูกทิ้งร้าง  หญิงสาวหน้าหวานอยู่ในชุดที่บ่งบอกถึงความเป็นสาวสังคมชั้นสูง เธอไปหยุดยืนหน้าเพิงเล็กๆที่เก่าและสกปรกจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครใช้เป็นที่อยู่อาศัย กลิ่นขยะและน้ำครำชวนคลื่นเหียนโชยมาเป็นระยะ สองชีวิตรอเธออยู่ที่นั่น...ที่ที่เธอจะมาเปลี่ยนชะตาของพวกเขาไปตลอดกาล

        หญิงสาววัยไล่เลี่ยกับอรอินทุ์รออยู่ก่อนแล้ว  แม้จะวัยใกล้เคียงกัน  ทว่าอีกฝ่ายกลับดูแก่กว่าเธอราวสิบปี  ไม่ใช่เพียงแต่จากชุดเก่าๆที่ขาดกะรุ่งกะริ่งหรอก  หากแต่เป็นแววตาที่ขลาดกลัวและหมดอาลัยตายอยากที่มองมาทางอรอินทุ์คู่นั้นต่างหาก 

         “ไม่ทักทายเพื่อนเก่าหน่อยหรือ จารีย์”  สาวสังคมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆทว่ากลับฟังดูมีอำนาจราวกับเป็นคำพูดของนางพญาก็ไม่ปาน

         “คุณอรอินทุ์”  จารีย์กล่าวเสียงเบาหวิว 

         อรอินทุ์หันไปให้ความสนใจกับอีกชีวิตหนึ่งในเพิงนั้น  เธอคือเด็กหญิงหน้ากลมตัวเล็กๆในชุดขาวซีดจางและ   ขมุกขมอมที่กำลังง่วนอยู่กับกระดาษสีขาวและดินสอสีตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ดูอ่อนโยน  แม้จะอยู่ในเพิงเก่าใกล้พัง ทว่าเด็กหญิงกลับแตกต่าง  ดูงดงามราวกับนางฟ้าตัวน้อย

         “ณิชากรค่ะ  คุณอรอินทุ์”  จารีย์แนะนำชื่อเด็กหญิงด้วยน้ำเสียงสั่นเทา 

         เด็กหญิงณิชากรเงยหน้ามามองอรอินทุ์  แววตากลมโตไร้เดียงสาแฝงแววอยากรู้อยากเห็น อรอินทุ์ส่งยิ้มอ่อนโยนกลับไปให้

         “ลูกสาวน่ารักนี่”

          จารีย์ไม่ตอบ  ก้มหน้านิ่ง 

         “ณิชากร  แม่จะคุยกับคุณอรอินทุ์  หนูไปเล่นที่อื่นก่อนลูก”  จารีย์กล่าวกับลูกสาวเสียงเรียบ  อรอินทุ์ผุดยิ้มน้อยๆเพราะเธอรู้ดีว่าตอนนี้อีกฝ่ายพยายามสะกดกลั้นความกลัวไว้สุดความสามารถ

         “ไม่เอาน่า  ให้เด็กอยู่ด้วยจะเป็นไรไป” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  แต่จารีย์กลับสะดุ้งเฮือก  อรอินทุ์เลิกสนใจอีกฝ่าย  หันมามองภาพที่เด็กหญิงณิชากรวาดแทน

         “ไหน คุณอรอินทุ์ขอดูรูปหน่อย  หนูวาดรูปอะไรจ๊ะ”

         “รูปเจ้าหญิงค่ะ”  เด็กหญิงตอบ  ชูกระดาษเป็นเชิงอวด

ไม่เลวเลย  อรอินทุ์คิดขณะมองภาพของเด็กหญิง  ทั้งลายเส้น  ทั้งการลงสี  แม้จะเป็นเด็กตัวเล็กแค่นี้  แต่ฝีมือกลับสวยราวกับมืออาชีพ  สมแล้วกับที่เธอเฝ้าตามหาตัวมานานหลายปี

         อรอินทุ์ทรุดตัวนั่งตรงหน้าณิชากร  มองลึกไปในดวงตาอีกฝ่าย  สีหน้าของเด็กหญิงณิชากรดูเลื่อนลอยราวกำลังตกอยู่ในมนต์สะกดบางอย่าง

         “ลองวาดรูปอื่นดูสิจ๊ะ  ภาพที่หนูเห็นไง”

         “คุณอรอินทุ์ ” จารีย์กล่าวแย้งเสียงหลง  “ได้โปรดเถอะค่ะ  แกยังเด็ก  ความสามารถของแกยังไม่ตื่นเต็มที่  แกยังวาดอะไรตามที่คุฯต้องการไม่ได้หรอกนะคะ”

         “ฉันจะตัดสินใจเอง”  อรอินทุ์หันมาพูดกับจารีย์ด้วยสีหน้าเย็นชา  แล้วหันไปมองเด็กหญิง  “วาดสิจ๊ะ  รูปที่หนูมองเห็น  รูปอะไรก็ได้”

         ณิชากรพยักหน้าอย่างเหม่อลอย  แล้วจู่ ๆ เด็กหญิงก็เอามือกุมดวงตาทั้งสองข้างไว้แล้วดิ้นพราด ๆ อย่างทรมาน 

         “ณิชากร  หนูเป็นอะไรไป”  จารีย์ผวาไปกอดลูกสาวแนบอก

         “แม่  หนูปวดตา  หนูปวดตาอีกแล้วแม่  ปวดหัวจังเลย  มันมืดไปหมดเลย  หนูเห็นแต่ภาพนั้นอีกแล้วแม่”  เด็กหญิงร้องไห้สะอึกสะอื้น  ตัวสั่นเทาราวกำลังหวาดกลัวภาพอะไรบางอย่างที่เธอมองเห็น

         “ภาพ...ภาพอะไร”  อรอินทุ์คาดคั้น

         “กระดาษ...แม่...หนูจะเอากระดาษ  ถ้าไม่วาดมันออกมาหนูจะไม่หยุดปวดหัว  แม่  ขอกระดาษกับสีให้หนูหน่อย”

         เด็กหญิงคว้ากระดาษและดินสอสีมาจากมารดาอย่างเร็ว  เธอค่อยๆร่างภาพที่แต่ละลายเส้นคือความทรมานราวจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆจนเด็กหญิงล้มฟุบลงไป  จารีย์ถลาไปประคองลูกสาว

         “ณิชากร”  จารีย์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  “ไม่เป็นไรแล้วนะลูก  วาดภาพเสร็จแล้ว  ไม่ปวดหัวแล้ว”

         อรอินทุ์เดินไปหยิบภาพของเด็กหญิงขึ้นมาดู  ทั้งลายเส้นและการลงสีให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากภาพก่อนหน้าที่เด็กหญิงวาดอย่างลึกลับ  ภาพที่อรอินทุ์ถืออยู่ให้ความรู้สึกเหมือนจริง  และทำให้รู้สึกถึงความเจ็บแปลบในหัวใจ

         มันเป็นภาพของโลงแก้วอันวิจิตรล้ำค่า  รอบโลงแก้วพันธนาการด้วยเถากุหลาบสีแดงสด  ภายในโลงเป็นหญิงสาวแสนสวยในชุดสีดำ  หญิงสาวมีผมหยักศกสีบลอนซ์  หลับตาพริ้มทำให้เห็นแพขนตางอนยาว  ริมฝีปากบางได้รูปดูเหมือนจะยิ้มน้อยๆ 

        เป็นภาพที่สวยและเศร้าสุดใจ

         “แม่  หนูมองไม่เห็น  หนูหายปวดหัวแล้ว  แต่ทำไมหนูมองอะไรไม่เห็นล่ะแม่”  น้ำเสียงหวาดกลัวของเด็กหญิงณิชากรปลุกอรอินทุ์ให้ตื่นจากภวังค์ 

        “ไม่เป็นไรนะลูก  แม่อยู่นี่แล้ว”

         “จารีย์”  อรอินทุ์กล่าว  มองหญิงสาวด้วยแววตาเปี่ยมอำนาจ  เป็นแววตาที่ไม่ว่าใครเผลอไปสบเข้าก็เป็นต้องยอมสยบ  “บอกลาลูกเธอซะ  พลังของเด็กคนนี้ตื่นขึ้นแล้ว  และฉันจะไม่รออะไรอีกแล้ว”

         “คุณอรอินทุ์  แกยังเจ็ดขวบเองนะคะ”

         “เดี๋ยวนี้”

         จารีย์สะดุ้งเฮือก  มือที่จับณิชากรนั้นสั่นเทา

         “ณิชากร  ต่อไปหนูต้องไปอยู่กับคุณอรอินทุ์นะลูก  เธอจะดูแลลูกแทนแม่เองนะ”  จารีย์กล่าวอย่างอ่อนโยน พยายามกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ

         “แต่แม่คะ”

         อรอินทุ์ทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กหญิง  จ้องมองไปยังแววตาว่างเปล่าคู่นั้น

         “ณิชากร  จงตื่นขึ้น  สายเลือดของเจ้า  พลังของเจ้า  ทั้งหมดศิโรราบต่อข้า  จงมาเป็นกำลังของข้า”

         เด็กหญิงยืนขึ้นด้วยสีหน้าอันเลื่อนลอย  ปล่อยมือที่เคยจับผู้เป็นแม่แน่น  “ค่ะ  นายท่าน”

            จารีย์มองลูกสาวด้วยแววตาของคนที่หัวใจสลาย  อรอินทุ์หันมายิ้มให้เธอเป็นเชิงขอบคุณแล้วจูงมือเด็กหญิงจากไป  เธอมองคนทั้งคู่ค่อยๆเดินห่างออกไปและห่างออกไปทุกที 

            เดินไปในโลกที่เธอไม่มีวันรู้จักหรือเข้าใจไปชั่วชีวิต

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา