พันธนาการจันทรา
เขียนโดย Channa
วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.05 น.
แก้ไขเมื่อ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 16.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ภาคพันธนาการ-พระจันทร์เต็มดวง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพันธนาการจันทรา ภาคพันธนาการ
บทที่ 1
พระจันทร์เต็มดวง
อากาศเย็นๆยามค่ำคืนชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อรวมกับเสียงหัวเราะรื่นเริงและเสียงพูดคุยที่ดังมาจากที่ไกลๆทำให้เด็กสาวผมสั้นเผลออมยิ้มไม่ได้ เธอชอบบรรยากาศที่ห้อมล้อมไปด้วยผู้คน สถานที่แห่งชีวิตชีวาและมิตรภาพอย่างห้วงเวลาแบบนี้เป็นที่สุด
ช้องมาสยืนง่วนอยู่หน้าเตาบาร์บีคิว เด็กสาวพลิกด้านบาร์บีคิวไก่ไปรอบหนึ่งแล้ว เธอใช้จังหวะที่ยังว่างมองไปยังพิมพ์พิกาและติชิลา-เพื่อนสนิททั้งสองของเธอที่กำลังจัดเวทีสำหรับงานปาร์ตี้ฉลองการจบมัธยมต้นยิ้มๆ น้าของพิมพ์พิกาไม่อยู่บ้านแต่ก็ยอมอนุญาตให้เธอและเพื่อนๆใช้บ้านสองชั้นขนาดกะทัดรัดที่รายรอบไปด้วยสวนดอกไม้และสนามหญ้ากว้างเป็นสถานที่จัดงานได้ นั่นทำให้มุมหนึ่งของสนามหญ้าแปรสภาพมาเป็นโต๊ะบาร์บีคิว โต๊ะตักอาหารขนาดยาวตั้งอยู่ถัดไปสำหรับวางอาหารและชุดจานชามพลาสติกจำนวนเท่ากับสมาชิกในห้อง เลยออกไปเป็นเวทีที่สร้างจากไม้อย่างหยาบๆที่พวกผู้ชายในห้องช่วยกันประกอบขึ้นมา เพื่อนๆที่ทยอยมางานอยู่ในชุดลำลองให้ความรู้สึกแปลกตา
“ช้อง ไก่ไหม้แล้ว” พิมพ์พิกาตะโกนมาจากบนเวที ช้องมาสสะดุ้ง ก้มลงจัดการกับไก่อย่างเงอะงะ
“มา ฉันช่วย” ติชิลามายืนข้างๆเด็กสาว ช่วยจับโน่นหยิบนี่อย่างคล่องแคล่วจนช้องมาสต้องเป็นฝ่ายถอยมาเป็นลูกมือเสียเอง เพื่อนรักของเธอใส่ชุดเอี๊ยมสียีนส์ที่เป็นกางเกงยาวถึงเข่า ผมยาวหยักศกน้อยๆถักเป็นเปียสองข้างรับกับใบหน้าสวยหวานแบบไทยแท้ของอีกฝ่าย
“อ้ะ เรียบร้อย” ติชิลากล่าว ดึงช้องมาสจากภวังค์ “เดี๋ยวย่างไก่ชุดต่อไปได้เลย”
“ขอบใจนะ ชีล่า แกมาช่วยชีวิตฉันไว้เลยล่ะ”
“ฉันกลัวเตาบาร์บีคิวบ้านพิมพ์จะไหม้หรอก เดี๋ยวคราวหน้าถ้าจะมาจัดปาร์ตี้อีกน้าไอ้พิมพ์อาจไม่อนุญาตก็เพราะแกนี่ล่ะ วันนี้น้าไอ้พิมพ์ก็อุตส่าห์ไว้ใจให้มาจัดปาร์ตี้ที่บ้านทั้งๆที่ท่านไม่อยู่แท้ๆ” ติชิลาว่า
“แหม ใครมันจะไปเก่งทุกอย่างแบบติชิลากับพิมพ์พิกาเพื่อนรักล่ะจ๊ะ นางสาวช้องมาสอย่างฉันก็ทำได้แค่เป็นฝ่ายสนับสนุนเท่านั้นแหละ” ช้องมาสกล่าวแซว
“แต่คนที่ช่วยชีวิตฉันกับพิมพ์ไว้คือแกนะช้อง” อีกฝ่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แหม ที่ฉันไปชวนแกคุยตอนแกย้ายมาสมัยม.หนึ่งใหม่ๆน่ะเหรอ ไม่เห็นจะเป็นการช่วยชีวิตตรงไหนเลย”
“ช่วยสิ” ติชิลาว่า “อย่างน้อยก็ช่วยต่อชีวิตให้คนอย่างฉันเลยล่ะ”
“แหม...” ช้องมาสลากเสียง “เขินนะเนี่ย”
“ไอ้ช้อง ไอ้ชีล่า ไก่ไหม้!” คราวนี้พิมพ์พิกาตะโกนมาจากซุ้มเครื่องดื่ม
ในห้องรับแขกมีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟสีนวลที่สว่างพอฉายให้เห็นแค่เก้าอี้นวมยาวชนิดที่นอนเหยียดลงไปได้สบายๆ ถัดไปคือตู้หนังสือไม้มะฮอกกานีขัดเงามันวับ รวมทั้งตู้โชว์ที่มีรูปของสมาชิกสามคนในบ้าน... หญิงสาวหน้าตาอ่อนเยาว์ยากจะคาดเดาอายุถูก เด็กสาวผมสั้น ดวงตาฉายแววรั้น และเด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังนั่งเหยียดอยู่บนเก้าอี้นวม
เด็กหนุ่มคนเดียวกับในรูปถ่ายนั่งแกะโน้ตกีตาร์อย่างใจจดใจจ่อ ราวไม่มีสิ่งใดในโลกที่เขาจะให้ความสำคัญมากไปกว่ากีตาร์ตัวนี้ เขาฮัมเพลงตามเบาๆดวงตาสีชาฉายแววอบอุ่นเมื่อนึกถึงความหมายของเนื้อเพลง เพราะเจ้าตัวนั่งหันหลังให้ประตูบ้านทำให้ไม่อาจมองเห็นบานประตูที่ถูกงัดให้เปิดออกอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ร่างของหญิงสาวผมสั้นในชุดแนบลำตัวสีดำสนิทก็ก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าเรียบกริบโดยในมือถือมีดเล่มเล็กๆ หญิงสาวขว้างมันไปอย่างชำนาญ เป้าหมายคือตรงตำแหน่งหัวใจของเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งหันหลังให้อยู่ขณะนี้
เด็กหนุ่มก้มตัวหลบได้ทันท่วงทีราวมีตาทิพย์ เขายืนขึ้นแล้วเดินอ้อมไปด้านหลังเจ้าของมีดด้วยความเร็วที่มองตามแทบไม่ทัน มือข้างหนึ่งล็อกคอหญิงสาวไว้ มืออีกข้างวางกีตาร์ลงอย่างนุ่มนวล
“คนเขาหัดเล่นดนตรีก็อย่ามาขัดจังหวะสิ มินอา” โซระกล่าวกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเบื่อ ๆ เป็นภาษาเกาหลีที่ชัดเจนราวเป็นเจ้าของภาษา
มินอาสะบัดตัวทีเดียวหลุด หันมามองหน้าเด็กหนุ่ม
“มีดน่ะ ไม่เอามาลับบ่อยๆมันก็ทื่อได้นะ โซระ” หญิงสาวพูด “ว่าแต่ช้องมาสกลับมาหรือยัง”
“ช้องมาสอยยู่ปาร์ตี้ไงฮะ คงค้างบ้านพิมพ์น่ะแหละ ชีล่าก็อยู่ด้วย” โซระตอบอย่างไม่ใส่ใจ แล้วหันไปสนใจกีตาร์ต่อ
“โซระ” มินอาเรียกเด็กหนุ่ม น้ำเสียงเครียด “วางกีตาร์ แล้วโทรบอกให้ช้องมาสกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“มินอา ใจเย็นน่า เกิดอะไรขึ้น” เด็กหนุ่มถาม ขมวดคิ้วงุนงง “ก่อนหน้านี้คุณเป็นคนอนุญาตให้ช้องไปงานเลี้ยงเองนะครับ”
หญิงสาวร่างบางกล่าวตอบโซระด้วยภาษาเกาหลีเร็วปรื๋อ น้ำเสียงร้อนรน “ฉันคำนวณวันพลาดไป จริงๆแล้วคืนนี้จะมีพระจันทร์เต็มดวงปรากฏบนท้องฟ้าราวหนึ่งชั่วโมง! มันเป็นคืนที่พลังของคนแบบช้องมาสจะสูงกว่าปรกติ ถ้าไม่รีบกลับมาที่บ้านก่อนที่พระจันทร์จะปรากฏ อาจเสี่ยงต่อการเปิดเผยตัวตนได้”
โซระวางกีตาร์ กดโทรศัพท์ แต่ปลายสายกลับไร้ซึ่งคนรับ เขากดวางโทรศัพท์ แล้วโทรใหม่ ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยมีสายตาของหญิงสาวใบหน้าอ่อนเยาว์มองตามอย่างกังวลใจ
“มินอา มันร้ายแรงมากเลยเหรอฮะ” เด็กหนุ่มหันไปถามผู้สูงวัยกว่าอย่างร้อนใจ “จำเป็นต้องให้ช้องรีบกลับมาขนาดนั้นเลยเหรอ ช้องมีสร้อยข้อมือ พระจันทร์เต็มดวงคืนนี้จะส่งผลขนาดไหนกันเชียว”
ดวงหน้าอ่อนวัยของมินอาเครียดขรึม “ในหนึ่งปีจะมีไม่กี่คืนที่ปรากฏพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้าเพียงหนึ่งชั่วโมง ศาสตร์แห่งการคำนวณนี้ลึกล้ำ ต้องประยุกต์ความรู้ในหลายๆด้าน ตอนที่ฉันคำนวณครั้งแรกนั้นฉันลืมใส่ตัวแปรในแง่พิกัดของสถานที่ รวมทั้งความเร็วลม ทำให้พลาดไป ฉันบอกเธอไปหลายครั้งแล้วว่าช้องมาสถือกำเนิดขึ้นในแง่จิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์เราในคืนที่มีพระจันทร์เต็มดวงเพียงหนึ่งชั่วโมง ดังนั้น คืนนี้จึงมีอิทธิพลให้เด็กคนนั้นทรงพลังที่สุดในช่วงเวลานั้น มันเป็นช่วงเวลาที่จะทำให้สิ่งที่หลับใหลอยู่ในตัวเด็กคนนั้นตื่นขึ้นและพยายามจะเผยโฉมออกมา ฉันบอกได้แค่ว่าเป็นคืนนี้ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ และถ้าในเวลานั้นช้องมาสยังไม่กลับมาถึงบ้าน อะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้”
โซระวางโทรศัพท์ “ผมไปรับช้องดีกว่า”
เมฆทะมึนบดบังแสงจันทร์นวลจนมิด ทว่าแสงไฟนีออนอันมีที่มาจากยุคปฏิวัติวิทยาศาสตร์เมื่อหลายร้อยปีก่อนก็ขับไล่ความมืดให้อันตรธานไปสิ้น แสงไฟวิบวับหลากสีจากการร่วมมือลงแรงของเพื่อนในห้อง อาหารที่ทุกคนช่วยกันทำ รวมทั้งบรรยากาศครื้นเครงบนเวทีจากความดีความชอบของ ‘ปกรณ์’ พิธีกรหนุ่มหล่อประจำห้องชวนให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความสุขที่ล่องลอยในอณูอากาศ
“ไก่อร่อยๆมาแล้วจ้า” ช้องมาสวางถาดใส่บาร์บีคิวตรงหน้าเพื่อนๆในห้องที่กำลังหยอกล้อวีรกรรมและรำลึกความหลังกันอย่างสนุกสนาน
“ตอนแรกไก่เยอะกว่านี้ล่ะ แต่ไอ้ช้องทำไหม้ไปหลายชุด” ติชิลาที่ช่วยถือถาดบาร์บีคิวมาเสิร์ฟพูดกลั้วหัวเราะ
“โห ชีล่า เผากันเลยนะ” ช้องมาสบ่นอุบ
“เอ้า แม่ครัวก็กินซะสิ” พิมพ์พิกาที่นั่งคุยอยู่กับเพื่อนคนอื่นในห้องยื่นจานใส่บาร์บีคิวให้ช้องมาสและติชิลา ช้องมาสสูดจมูกอย่างชื่นใจ เป็นเชิงอวดเพื่อนซี้ทั้งสองว่า นี่ล่ะ...บาร์บีคิวไก่ฝีมือเธอ
“ฝีมือฉันกับไอ้พิมพ์ไปช่วยแกเหอะ ไก่ที่แกย่างน่ะ ไหม้ทุกไม้แหละ” ติชิลาดักคอ
“คำก็ไหม้ สองคำก็ไหม้” ช้องมาสโวย “งั้นมาชิมไก่ไหม้ๆของฉันหน่อยเป็นไง”
พูดจบช้องมาสก็หยิบบาร์บีคิวไก่ดำปี๋ฝีมือเธอมายื่นให้ติชิลา อีกฝ่ายวิ่งหนีพลางหัวเราะขำ แม่ครัวเจ้าของบาร์บีคิวไหม้ไล่ตามพร้อมถือไก่ไปด้วย
“มากินเซ่ ไก่ไหม้ๆน่ะ อย่าหนีสิชีล่า”
ช้องมาสไล่ตามติชิลามาจนถึงสวนหลังบ้าน จู่ๆเพื่อนซี้ของเธอก็หยุดกึกจนช้องมาสเกือบหยุดเท้าไม่ทัน เธอมองร่างแข็งเกร็งและสีหน้าเลื่อนลอยของอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ ก่อนจะแตะบ่าเพื่อนรักเบาๆ
“ชีล่า แกเป็นอะไร ทำไมหน้าซีดแบบนี้ล่ะ”
ดวงหน้าหวานหันมามองเธอ ส่งยิ้มซีดเซียวมาให้ “ฉันเพลียนิดหน่อยน่ะ ขอสูดอากาศบริสุทธิ์แถวนี้ก่อนนะ แกเข้าไปหาเพื่อนๆก่อนเถอะ”
“แกโอเคไหม สีหน้าแกไม่ดีเลย”
ติชิลาชูนิ้วเป็นสัญลักษณ์ว่าเธอไม่เป็นไร เพียงแค่ต้องการยืนอยู่ตรงนี้สักครู่เท่านั้น ช้องมาสพยักหน้าเข้าใจ ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในงาน ปล่อยเพื่อนรักที่กำลังยืนมองท้องฟ้าด้วยท่าทางกังวลไว้ตามที่อีกฝ่ายต้องการ
ตอนที่เธอเดินกลับเข้าไปในงาน เวทีกำลังร้างพิธีกรเพราะ ‘ปกรณ์’ พิธีกรสุดหล่อของห้องโดนตามตัวกลับบ้านด่วน ทันทีที่เพื่อนๆหันมาเห็นช้องมาสเดินเข้ามา เธอจึงได้รับหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ไปโดยปริยาย
ช้องมาสเดินไปบนเวทีที่เป็นยกพื้นทำจากไม้ที่ไม่สูงมาก เด็กสาวมองสบตาเพื่อนทุกคน รู้สึกใจหายที่หลังจากวันนี้ไปอาจไม่ได้เจอเพื่อนบางคนอีก เพื่อนบางคนย้ายโรงเรียน บางคนไม่มีโอกาสได้เรียนต่อเพราะฐานะทางบ้าน เธอสะกดกลั้นความรู้สึกเหงาก่อนจะยิ้มให้กับทุกคน อย่างน้อยเธอก็อยากให้คืนนี้มีห้วงเวลาสนุกสนานที่จะทำให้เธอและเพื่อนๆได้อมยิ้มเมื่อนึกถึงมัน
เด็กสาวถือไมโครโฟน กระแอมเรียกความสนใจ หันไปมองร่างบางของพิมพ์พิกาในชุดกระโปรงสีชมพูหวาน เพื่อนรักของเธอเกล้าผมมวยเน้นใบหน้ารูปไข่ที่มีเครื่องหน้าเหมาะเจาะสวยซึ้ง ช้องมาสผุดยิ้มน้อยๆเมื่อนึกอะไรสนุกๆขึ้นมาได้ “เพื่อนๆค้า คืนนี้ปาร์ตี้แสนสนุกก็ล่วงเลยมาถึงเวลาอันควรแล้ว ยังไงก็เชิญท่านเจ้าภาพมาร้องเพลงเปิดงานเลยจ้า”
“บ้าน่า” พิมพ์พิกาว่า ช้องมาสไม่สนใจ กระโดดลงจากเวที ลากมือเพื่อนสาวมายืนข้างตัว แล้วส่งไมโครโฟนให้
“เพื่อนๆใครอยากฟังพิมพ์ร้องเพลงส่งเสียงหน่อย” เด็กสาวถามหาเสียงสนับสนุน
“เฮ้” เสียงเห็นด้วยดังสนับสนุนจากเพื่อนร่วมห้อง ช้องมาสยักคิ้วให้พิมพ์พิกาเป็นเชิงว่าปฏิเสธไม่ได้แล้วนะ อีกฝ่ายถอนใจแล้วรับไมโครโฟนมาอย่างเสียไม่ได้ คนต้นคิดยิ้มกริ่มในขณะที่เพื่อนๆเฮลั่น แต่พิมพ์พิกากลับถือไมโครโฟนค้าง ช้องมาสหันไปมองหน้าเพื่อนสาวอย่างนึกเอะใจ แล้วก็เป็นไปตามที่คิด เพื่อนซี้ของเธอยืนนิ่งราวรูปปั้น สีหน้าเลื่อนลอยเหมือนหยุดไปอยู่ในดินแดนอันแสนไกล
“ไอ้พิมพ์มันไม่ร้องแล้วล่ะ พวกแกสนุกกันไปก่อนนะ” ช้องมาสบอกเพื่อนๆ แล้วจูงมือพิมพ์พิกาที่มีหน้าเหม่อลอยมานั่งตรงเก้าอี้ที่ห่างจากจุดที่เพื่อนๆกำลังเฮฮากันพอสมควร เธอแตะแขนเพื่อนรักเบาๆ อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งเฮือก สีหน้าหวาดผวา เด็กสาวจับมือช้องมาสด้วยสีหน้าตื่นกลัว
“อะไร พิมพ์ เกิดอะไรขึ้น”
“ช้อง มันเหมือนในฝันเลย แต่คืนนี้ฉันดันฝัน ทั้งที่ยังตื่นอยู่”
“ไม่เอาน่าแก” ช้องมาสปลอบ รู้สึกชินกับการที่พิมพ์พิกามักเล่าให้ฟังว่ามักจะฝันถึงอะไรแปลก ๆ “แกคงเหนื่อยกับการจัดงานแหละเลยเพลียๆ”
“ภาพเดิมนะช้อง ภาพเดิม คนๆเดิม แต่มันแปลกไปจากทุกที” พิมพ์พิกาแย้ง “ฉันเห็นตัวเองเดินตามผู้ชายคนหนึ่ง แต่เมื่อกี้เนื้อหามันเพิ่มมาจากฝันครั้งก่อนๆ คราวนี้ผู้ชายคนนั้นหันกลับมามองหน้าฉัน”
“ทำไม เขาหน้าตาน่ากลัวหรือไง”
“ไม่ได้น่ากลัวนะ เขาหล่อ...หล่อมากเลยล่ะ หน้าตาติดจะลูกครึ่งเกาหลีด้วยซ้ำ ตาคม จมูกโด่ง ปากแดง ตัวก็สูง แต่...เขาบอกฉันว่าให้ฉันฆ่าเขาซะ!”
ช้องมาสจับมืออันสั่นเทาของอีกฝ่าย “มันแค่ฝัน กินเยอะก็ฝันเยอะน่า แล้วอย่าไปเล่าเรื่องนี้ให้ชีล่าฟังนะ เดี๋ยวมันว่าแกบ้า แล้วถ้าหนุ่มคนนั้นมีตัวตนจริงๆ พอเจอกันแกก็จีบเขาซะ ฟังดูหล่อนี่”
“ไอ้ช้องนี่” พิมพ์พิกาหัวเราะคิก สีหน้าผ่อนคลายขึ้น “ก็ได้ ฉันไม่คิดมากแล้ว ไปร้องเพลงกัน”
พูดจบ พิมพ์พิกาก็จูงมือเธอ แต่ทันทีที่พิมพ์พิกาจับมือ ช้องมาสกลับรู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่แล่นไปทั่วร่าง มันเริ่มจากหัวใจ และค่อย ๆ กระจายออกไป
“ช้อง... ทำไมตัวแกร้อนอย่างนี้”
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี ไปห้องน้ำก่อนนะ” เธอว่า รู้สึกอ่อนเพลียเหลือเกิน พิมพ์พิกาประคองช้องมาสมาส่งหน้าห้องน้ำ
“แกไปเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป” เธอบอก
“ไปได้ไง ดูแกสิ แกเจ็บตรงไหน ทำไมตัวสั่นขนาดนี้ เอางี้ เดี๋ยวฉันโทรเรียกรถพยาบาลนะ”
พิมพ์พิกาไม่รอฟังคำตอบ รีบวิ่งไปกดโทรศัพท์บ้าน ในขณะที่ช้องมาสรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าจนเธอแทบคุมสติไม่อยู่ เด็กสาวทรุดตัวลงไปกองกับพื้น บิดตัวไปมาอย่างทรมาน
“เจ็บ” ช้องมาสร้องครางเสียงแผ่วเบา ลำคอแห้งผาก แม้อยากจะกรีดร้องก็ทำไม่ได้ แขนปัดป่ายไปมา เด็กสาวเอามือมากุมหัวใจ มันเต้นแรงราวจะระเบิดออกมา สร้อยข้อมือเส้นโปรดที่ใส่ติดตัวประจำขาดออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ช้อง!” พิมพ์พิกากรีดร้อง ถลามาหาเธอ แต่ช้องมาสคุมตัวเองไม่อยู่แล้วตอนนี้ เธอรู้สึกถึงกำลังล้นเหลือที่ถาโถมเข้ามาในร่างกาย กำลังล้นเหลือที่บีบรัดให้เธอทรมานและอยากระบายมันออกไป หญิงสาวยกเก้าอี้มาฟาดลงกับพื้น เมื่อเก้าอี้แตกหัก เธอรู้สึกเหมือนความเจ็บปวดจะลดลงไปนิดหนึ่ง
ภาพสุดท้ายที่เห็นคือพิมพ์พิกาที่มองเธอด้วยแววตาตื่นกลัว
พระจันทร์เต็มดวงเริ่มฉายแสงสีเหลืองนวลตอนที่โซระมาถึงบ้านพิมพ์พิกา กวาดสายตาเพียงแวบเดียวเด็กหนุ่มก็รู้ได้ว่าช้องมาสไม่ได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนที่กำลังเฮฮากัน เขาหันไปเห็นเด็กสาวหน้าตาสวยซึ้งวิ่งออกมาจากบ้าน สีหน้าฉายแววตระหนก
“พิมพ์” โซระวิ่งไปจับแขนเด็กสาว กล่าวกับเธอด้วยภาษาไทยคล่องปรื๋อ “ช้องล่ะ ช้องอยู่ไหน”
พิมพ์พิกามองเขาด้วยแววตาแบบคนที่เห็นพระมาโปรด เด็กสาวหันกลับไปทางที่จากมา โซระวิ่งตามเธอมายังหน้าห้องน้ำ ซึ่งช้องมาสกำลังเอามือกุมหัวใจด้วยสีหน้าเจ็บปวด เขากวาดสายตาไล่ไปที่ข้อมือเด็กสาวแทบจะทันที
“บ้าชิบ สร้อยข้อมือขาด”
“ช้อง!” พิมพ์พิกากรีดร้อง ถลาไปหาช้องมาส ช้องมาสค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น สีหน้าเจ็บปวดทรมานแต่แววตากลับเลื่อนลอย เด็กสาวกวาดสายตาไปรอบห้องจนหยุดที่เก้าอี้ไม้แข็งแรงตัวหนึ่ง
“เอาแล้วไง” โซระสบถ ขึ้นลำกระบอกปืนที่ซ่อนไว้ในเสื้อ นึกดีใจที่มันเป็นปืนเก็บเสียง เขายิงทันทีที่ช้องมาสยกเก้าอี้ขึ้น แต่ช้องมาสกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด
“ปกติก็ใช้ปริมาณเท่านี้นี่” โซระหัวเสีย ช้องมาสฟาดเก้าอี้ลงกับพื้นอย่างคลุ้มคลั่งแล้วตอนนี้ เด็กสาวหันมามองพิมพ์พิกาที่ยืนใกล้ที่สุด สีหน้าท่าทางเลื่อนลอยแบบคนที่คุมสติไม่อยู่
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
โซระยิงติดกันสองนัด ช้องมาสทรุดฮวบ เขาเก็บปืน ถลาไปประคองเด็กสาวไว้
“ช้อง” พิมพ์พิการ้องเสียงหลง หันมามองเขาด้วยแววตาตื่นกลัว โซระอุ้มช้องมาส มองคนในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม สีหน้าไร้เดียงสา เขาเผลอยิ้มให้ช้องมาสอย่างอ่อนโยน
“พี่โซระ พี่ทำอะไรยัยช้อง” เสียงพิมพ์พิกาสั่นเครือ สีหน้าแฝงทั้งแววกังวลและหวาดกลัว
“พี่พาช้องกลับนะพิมพ์ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ” เขามองพิมพ์พิกานิ่ง สบตาเด็กสาวทุกข้อความที่เขาพูด เด็กสาวรับคำ ใบหน้าเหม่อลอย โซระรู้ดีว่าทันทีที่เขาเดินลับหายไป พิมพ์พิกาจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นผลจากความสามารถด้านการสะกดจิตที่เขาฝึกมาตั้งแต่เด็ก
พิมพ์พิกาพยักหน้า ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยสีหน้าอ่อนแรง ถ้าเพียงแต่เด็กหนุ่มจะหันมามองเพื่อนรักของคนในอ้อมแขนสักนิด เขาจะเห็นว่าพิมพ์พิกาเองตอนนี้มีสีหน้าเหม่อลอยแบบคนที่ตกอยู่ในภวังค์ แววตาหวาดกลัวกับภาพบางอย่างที่มีเพียงเจ้าตัวคนเดียวที่มองเห็น
เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีชาวางเด็กสาวลงบนเตียงนอนสีขาวอย่างแผ่วเบาราวกับว่าถ้าเผลอวางแรงไปเด็กสาวตรงหน้าจะสะดุ้งตื่น เขามองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน ช้องมาสอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่แสนจะธรรมดา แต่มันก็ไม่สามารถบดบังความงดงามของเจ้าตัวได้ ดวงตาสีน้ำตาลทองที่มักมองเขาด้วยแววตาที่ทำให้เขาใจเต้นบ่อยๆ หลับสนิท เน้นให้เห็นแพขนตางอน ผมสีน้ำตาลเข้มเหยียดยาวถึงกลางหลังล้อมรอบใบหน้าคมที่มีริมฝีบากบางได้รูป
“โซระ ทุกอย่างเคลียร์ไหม” มินอาเดินเข้ามาในห้อง เอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน เด็กหนุ่มหันไปมองตอบเจ้าของคำถาม แววตาที่มองสบมาดูกร้านโลกราวกับหญิงสาวมีชีวิตอยู่มานานเหลือเกิน เป็นแววตาที่ดูขัดกับหน้าตาอ่อนเยาว์ของเจ้าตัวอย่างประหลาด
“ตอนผมไปเจอเข้า ช้องกำลังอาละวาด ดูเหมือนเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเสียงเครียด “ต้องใช้ปริมาณยานอนหลับเพิ่มขึ้นกว่าที่เคยถึงจะออกฤทธิ์ด้วย”
“อัตราที่เราต้องเพิ่มยานอนหลับถี่ขึ้นทุกทีแล้วสินะ” มินอากล่าว “แล้วมีใครเห็นเหตุการณ์ไหม”
“มีแค่พิมพ์พิกา เพื่อนสนิทของช้องมาส แต่ผมลบความทรงจำไปแล้ว” โซระตอบ
“พิมพ์พิกาจะจำอะไรไม่ได้ใช่ไหม”
“ครับ เหมือนทุกคนที่เห็นการอาละวาดของช้อง”
“ก็ดีแล้ว” มินอาพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะเก็บของในส่วนของฉันกับช้องมาสเสียหน่อย”
“เก็บของ” โซระทวนคำ “แต่กำหนดการคือจนกว่าช้องจะยี่สิบปีนี่มินอา ช้องมาสมีอิสระที่จะใช้ชีวิตในแผ่นดินเกิดภายใต้การดูแลของเราจนกว่าจะยี่สิบ แล้วทางสภาจึงจะขอตัวช้องไปฝึกการคุมพลังก่อนจะมอบตำแหน่งให้ ตอนนี้เด็กคนนี้แค่สิบห้าเองนะมินอา”
“เราควบคุมพลังของช้องมาสได้ยากขึ้นทุกทีนะ ยิ่งเธอโตขึ้น พลังในตัวเธอก็เพิ่มขึ้น” มินอาอธิบาย “ทางสภาให้สัญญาว่าจะไม่ก้าวก่ายจนกว่าช้องจะยี่สิบ แต่ระหว่างนั้นก็ขออำนาจในการดูแลช้องมาสอยู่ห่าง ๆ ด้วย ฉันต้องส่งรายงานพัฒนาการด้านพลังและการปกปิดพลังของเด็กคนนั้นไปให้ทางสภาทุกเดือน ทางสภาเองเริ่มกังวลถึงพลังของช้องนะ ถ้าเรายังดื้อดึง ยืนกรานจะดูแลช้องเองแล้วเราเกิดดูแลเธอไม่ได้ขึ้นมา เราจะต้องเสียช้องไปให้ทางสภาแน่ๆ แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายพาช้องไปหาพวกเขา อย่างน้อยเราก็จะยังได้สิทธิ์ที่จะอยู่ข้างๆและคอยปกป้องเด็กคนนี้”
“แต่การให้ช้องอยู่ที่นี่ก็เป็นความประสงค์ขององค์รานีคนก่อนนะครับ”
มินอาหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน “ตอนนี้สภาแข็งแกร่งขึ้นมาก เพราะมีกำลังของสิบสององครักษ์ที่เข้มแข็งถึงสองในสามส่วน ยิ่งช้องเองก็มีตำแหน่งเป็นหนึ่งในสิบสององครักษ์ของสภา อีกทั้งยังมีภาระหน้าที่สำคัญที่ตกทอดมาจากองค์รานีองค์ก่อน ไม่ต้องแปลกใจเลยที่ทางสภาจะจับตาดูพวกเราแจ หัวหน้าสี่เผ่าที่ทำสัญญาร่วมกับเราในการทำภารกิจเองก็รายงานมาว่าสภาพยายามขอซื้อตัวไปนะโซระ”
เด็กหนุ่มนิ่งเงียบ มองช้องมาสที่กำลังหลับ สีหน้าของเด็กสาวไร้เดียงสาเหลือเกิน จนเขาไม่กล้าจะพรากสีหน้าแบบนั้นไปแม้แต่นิดเดียว
“ฉันก็เหมือนกัน” มินอาเอ่ยราวจะล่วงรู้ความคิดของเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีชา “ฉันเองก็ไม่อยากพรากรอยยิ้มไปจากเด็กคนนี้เหมือนกัน”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ