จอมใจ....สุดที่รัก

7.7

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.

  23 ตอน
  50 วิจารณ์
  119.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) +++ เพื่อนบ้าน (จอมจุ้น) ผู้แสนดี 2+++

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

VS

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

“เดินเล่น….หรือว่าเดินอ่อยใครกันแน่” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างไม่ทันคิดเพราะความโมโห ทำให้คนที่ก้มหน้าอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมาจ้องสบตากับเขาทันที

 

 

“คุณว่าอะไรนะคะ” เธอถามกลับไปเสียงหนัก หากแต่คนถูกถามกลับเงียบไม่ยอมเปิดปากพูดออกมา

 

 

“ฉันไม่จำเป็นต้องอ่อยใครหรอกค่ะ….รู้ไว้ซะด้วย”

          

 

               เสียงหวานกล่าวพร้อมกับสะบัดแขนเล็กให้หลุดออกจากพันธนาการ หากแต่อีกฝ่ายกลับจับให้แน่นขึ้นพลางดันร่างเล็กจนหลังงามสัมผัสกับผนังอย่างรุนแรง สายตาดุแข็งที่เขาใช้มองมาช่างทำให้คนตรงหน้ารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด

“แม่สาวน้อย….เธอไม่มีสิทธิ์อ่อยใครหน้าไหนทั้งนั้น เพราะตอนนี้เจ้านายของเธอคือฉัน….และฉันขอสั่งห้าม!”

 

 

                คำสรรพนามที่เขาใช้เปลี่ยนไปกับเสียงเข้มที่เหยียบเย็นทำให้หญิงสาวมองคนตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่น ใจดวงน้อยเต้นระส่ำเพราะสายตาเฉียบคมที่มองมามันช่างเย็นชาและน่ากลัวเสียเหลือเกิน แถมมือแกร่งที่เปลี่ยนมาบีบจับต้นแขนนุ่มไว้ทั้งสองข้างก็ออกแรงบีบจนเธอรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วแขน แต่ก็ยังฝืนทนเอาไว้ไม่ร้องออกมาสักแอะ เพราะกลัวว่าหากร้องออกไปคงได้โดนเขาทำโทษเป็นแน่

 

 

“จะไปไหนก็ไป วันนี้ไม่ต้องไปทำงาน….ฉันไม่มีอารมณ์”

 

 

                ชายหนุ่มกล่าวพลางปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ ก่อนที่เขาจะเดินปึงปังไปจากตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์นัก ทิ้งให้ร่างเล็กต้องยืนเหรอหรา มึนงงไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดกันเจ้านายหนุ่มถึงได้ทำท่าโมโหโทโสเธอซะขนาดนี้

 

 

แต่เมื่อกี้ตอนที่เธอได้สบตากับเขาอยู่แวบหนึ่ง เธอเหมือนกับแห่งแววตาหึงหวงที่ส่งตรงมายังเธออย่างไรบอกไม่ถูก!

 

 

 

 

                หลังจากที่ยืนแก่วอยู่ได้สักระยะ กานดาก็เดินหน้าสลดเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่มีเหล่าเจ้าของบ้านทั้งสามและเพื่อนบ้านแสนจุ้นนั่งดูรูปที่ถ่ายกันอยู่ หน้าตาบึ้งตึงบอกบุญไม่รับของเจ้านายหนุ่มทำให้หญิงสาวต้องลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเธอทำอะไรผิดนักหนา อยู่ดีๆเขาก็มาทำเป็นโมโหใส่เธอแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยง ไม่คิดบ้างหรือไรว่าเธอจะรู้สึกผิดมากแค่ไหน และจะอึดอัดมากเพียงใดที่คนเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวของเธอดันมาทำปั้นปึงใส่เธออย่างนี้

 

 

“คิตตี้ หายไปไหนมา….มาดูรูปด้วยกันเร็วเข้า” มีอาเอ่ยขึ้นเสียงแจ้วเมื่อเห็นแขกคนสำคัญยืนทำหน้าจ๋อยอยู่หน้าทางเข้าห้องนั่งเล่น

 

 

                หญิงสาวเหลือบมองเจ้านายหนุ่มที่นั่งทำหน้าขรึมไม่ยอมหันมาเชิญชวนหรือพูดคุยกับเธออย่างเคย ก่อนที่ร่างน้อยจะเดินก้มหน้าก้มตาเพื่อไปนั่งข้างกายกำยำของชายอีกคนเพราะเหลือแค่ที่ว่างตรงนั้นที่จะพอให้เธอเห็นภาพถ่ายได้ หากแต่เธอต้องเดินผ่านเจ้านายใหญ่เสียก่อน และพอเมื่อเธอทำท่าจะเดินผ่านเขาไป แขนแข็งแรงก็กลับรวบร่างเล็กให้นั่งลงบนตักแกร่งอย่างที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ทำเอาเสียงหวานต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย ส่งผลให้ผู้เป็นเจ้าของบ้านสาวทั้งสองต้องหันมองหน้ากันไปมาด้วยความประหลาดใจที่เห็นพี่ชายสุดที่รักทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้ ทั้งๆที่แต่ก่อนไม่มีมาทำให้พวกหล่อนเห็นเลยสักนิด

 

 

ดั่งกับว่าเขากำลังประกาศก้องให้ทุกคนได้รับรู้ ว่าผู้หญิงคนนี้คือของของเขาแต่เพียงผู้เดียวอย่างนั้นแหละ!

 

 

“ทำอะไรของคุณ ดาตกใจนะคะ” กานดาหันไปว่าเจ้านายหนุ่มที่ยังคงตีหน้าบึ้งใส่เธออยู่ หากแต่ลำแขนแกร่งกลับโอบรอบเอวบางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

 

 

“ป๊ะป๋าอย่าแกล้งคิตตี้สิคะ ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้เลยนะ” เอมิลี่เอ่ยขึ้นพร้อมกับนิ่วหน้าใส่พี่ชายสุดที่รัก

 

 

“ปล่อยดาค่ะคุณวิลเลียม” ร่างเล็กพยายามดิ้นหนีจากตักแกร่ง แต่อีกฝ่ายกลับยังคงทำเป็นเมินเฉยแถมยังกอดรัดเอวคอดให้แน่นขึ้นอีกเสียด้วย

 

 

“ปล่อยคุณกานดาเดี๋ยวนี้วิลเลียม เธอเป็นผู้หญิง….และคนไทยเขาถือกันนะวิล จะทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังซะบ้างพวกฉันก็นั่งหัวโด่กันอยู่ตรงนี้” ไมเคิลเอ่ยออกมาเสียงเข้ม พลางจ้องผู้เป็นเจ้าของบ้านด้วยสายตาดุๆอย่างไม่คิดเกรงกลัวเลยสักนิดทั้งๆที่ตนเป็นเพียงแค่เพื่อนบ้านเท่านั้น

 

 

“มันเรื่องของฉัน” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างไม่แคร์ว่าใครจะเป็นยังไง หรือจะคิดยังไงทั้งนั้น

 

 

“ปล่อยดาค่ะ” คราวนี้หญิงสาวหันมาพูดเสียงหนักพร้อมกับทำหน้าบึ้งใส่เจ้านายหนุ่มบ้าง และพยายามแกะแขนแกร่งให้หลุดพ้นจากเอวบางของตนอย่างสุดความสามารถ

 

 

                วิลเลียมมองคนในอ้อมกอดพลางขมวดคิ้ว ก่อนจะปล่อยร่างระหงให้เป็นอิสระตามที่เธอสั่ง หากแต่พอเมื่อกายสาวได้เป็นอิสระแล้ว เธอก็กลับเดินไปนั่งลงข้างกายกำยำของชายอีกคนอย่างไม่สนใจจะหันมามองเขาเลยสักนิด ความรู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์ที่คุกรุ่นจึงปะทุขึ้นในตัวเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มือใหญ่กำหมัดแน่นทำให้เกิดเป็นรอยเส้นเลือดปูดโปนจนเห็นได้ชัด แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร โทรศัพท์เครื่องหรูของเขาก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

 

 

“ว่าไงครับคนสวย”

 

 

                คำว่าคนสวยกระทบกับโสตประสาทของกานดาเข้าอย่างจังจนเธออดที่จะหันไปมองเจ้านายหนุ่มเสียไม่ได้ ร่างใหญ่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับทำหน้าสบายอารมณ์หากแต่กลับมีแววยียวนกวนประสาทเมื่อดวงหน้าหวานหันไปมอง ก่อนที่หญิงสาวจะทำเป็นหันกลับมามองรูปถ่ายอีกครั้ง แต่หูก็ยังคอยฟังคำสนทนาของเจ้านายหนุ่มที่พูดกับปลายสายด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มแสนจะอ่อนโยน จึงทำให้ไม่ต้องบอกเธอก็รู้ได้เลยว่าเขากำลังคุยอยู่กับใคร….

 

 

และคนนั้นมีความสำคัญแค่ไหนสำหรับเขา!

 

 

“ตอนนี้หรอ….ว่างสิครับ สำหรับคุณผมว่างเสมอแหละที่รัก” เสียงทุ้มเอ่ยเอาอกเอาใจคนปลายสาย หากแต่ทุกคำพูดที่เขาพูดออกมามันเป็นการประชดประชันใครอีกคนที่ทำเป็นไม่สนใจเขาเลยสักนิด ทำให้เขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเข้าไปใหญ่

 

 

“ตกลงครับ….เดี๋ยวอีกยี่สิบนาทีผมจะไปรับคุณที่คอนโดนะ แล้วเจอกันครับโมนิค” วิลเลียมกล่าวกับคนปลายสายพร้อมด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ก่อนจะกดวางสายไปและหันไปมองหน้าผู้เป็นน้องสาวทั้งสองที่บัดนี้หันมาจ้องหน้าเขาตาเขม็ง

 

 

“อะไร” เขาถามพวกหล่อนพลางทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

 

 

“นี่แม่นางแบบนั่นยังไม่เลิกติดต่อกับป๊ะป๋าอีกหรอคะ หล่อนหายไปตั้งนมนานแล้วไม่ใช่เหรอแล้วทำไมถึงกลับมาได้ล่ะ” เอมิลี่ถามเสียงขรมพร้อมกับมองหน้าพี่ชายของตนด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก

 

 

“มันเรื่องของพี่” ผู้เป็นพี่กล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นหากแต่เสียงใสๆของผู้เป็นน้องคนเล็กกลับห้ามไว้เสียก่อน

 

 

“ป๊ะป๋าจะไปไหนคะ อย่าบอกนะว่าจะไปหาแม่นั่น เมียร์ไม่ให้ไปนะคะ” มีอาเอ่ยขึ้นมาบ้างพร้อมกับยืนขึ้นโดยรั้งแขนพี่สาวให้ลุกขึ้นมาด้วย

 

 

“บอกแล้วไงว่ามันเรื่องของพี่….คนเคยคบกันจะไปมาหาสู่กันมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหนิ”

 

 

 

                กล่าวจบร่างสูงใหญ่ก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทิ้งให้ผู้เป็นน้องสาวทั้งสองต้องยืนทำเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจพี่ชายของตนอย่างยวดยิ่ง ส่วนคนที่นั่งฟังเงียบๆก็เอาแต่จ้องหน้าจอแล็ปท็อปตรงหน้าตาไม่กระพริบ หากแต่ภายในใจกับรู้สึกหวิวไหวไปกับคำพูดทุกคำของเจ้านายหนุ่ม รู้สึกหัวใจมันสั่นคลอนอย่างไรบอกไม่ถูก ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลยสักนิด เขาจะไปทำอะไรที่ไหนกับใครมันก็เรื่องของเขา เธอเป็นเพียงแค่เลขา….เป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้น แล้วทำไมเธอจะต้องรู้สึกไม่ดีเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะไปหาอดีตคนรักเก่าด้วยล่ะ

 

 

มันไม่สมควรเลยสักนิดที่จะรู้สึกแบบนั้น….

 

 

แต่ทำไมตอนนี้ใจของเธอมันสั่นจนน้ำตาแทบจะไหลพลันลงมาอยู่รำไร….มันเป็นเพราะอะไรกันนะ?

 

 

“คุณกานดาครับ” เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์และหันไปมองคนข้างกายด้วยใบหน้างุนงง

 

 

“ค….คะ” เธอรับคำเสียงแผ่ว ดวงตาหวานฉายแววเศร้าจนคนเห็นสังเกตได้

 

 

“ไหนๆเจ้านายของคุณก็ออกไปข้างนอกแล้ว….งั้นให้ผมพาไปเที่ยวรอบเมืองไหมครับ….สาวๆ เราออกไปเที่ยวรอบเมืองกันดีกว่า” ไมเคิลเอ่ยพลางฉีกยิ้มก่อนจะลุกขึ้นบ้างและส่งมือให้หญิงสาวข้างกายจับ “ไปนะครับคุณกานดา”

 

 

“แต่ว่าฉัน….” หญิงสาวทำท่าอึกอัก เพราะถึงแม้อยากจะตอบตกลงไปแต่ถ้าหากว่าเธอออกไปเที่ยวเล่นจริงๆแล้วเกิดเจ้านายใหญ่ของเธอกลับมาแล้วไม่เจอเธอ….เขาจะโกรธเธอมากขึ้นไปอีกหรือเปล่าหนอ

 

 

“ไปกันเถอะคิตตี้ อย่าไปสนใจป๊ะป๋าเลยป๊ะป๋าไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าหากเขาว่าล่ะก็….พวกฉันนี่แหละจะช่วยรุมป๊ะป๋าให้เอง” มีอากล่าวพร้อมกับทำท่าขึงขังดั่งคาดโทษพี่ชายตัวดีเอาไว้แล้ว

 

 

“ไปเถอะครับคุณกานดา….ไปแค่ไม่นานเดี๋ยวก็กลับแล้ว วิลเลียมคงกลับมาดึกๆนั่นแหละครับไม่ต้องห่วง”

 

 

                 กานดามองชายหนุ่มอย่างชั่งใจ ก่อนจะยอมตอบตกลงเมื่อไม่เห็นว่ามันจะเป็นความผิดอะไรถ้าหากเธอจะออกไปเที่ยวเล่นกับเขาบ้าง แล้วเธอก็ไม่ได้ไปเพียงแค่กับชายหนุ่มสองต่อสอง แต่ยังมีสองสาวพี่น้องซึ่งเป็นเจ้าของบ้านไปกับเธอด้วย เพราะฉะนั้นเธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอะไรนี่นะ….

 

 

“ฉันนั่งหน้า!” มีอาบอกเสียงแจ้วพร้อมกับวิ่งไปยังรถเปิดประทุนที่จอดรออยู่หน้าตัวคฤหาสน์

 

 

“ฉันขับ!” เอมิลี่เอ่ยขึ้นบ้างพลางฉวยกุญแจรถมาจากพนักงานที่ยืนถือกุญแจรถคันนั้นอยู่

 

 

“ไม่ครับสาวๆ เราจะไปรถของผมกัน เอมี่เอากุญแจคืนอีเดนซะ” ไมเคิลกล่าวพลางปลดล็อครถเปิดประทุนราคาแสนแพงของเขาและเปิดประตูรถให้กับสาวๆทั้งสาม “เชิญครับคุณผู้หญิง”

 

 

“โถ่เอ๋ย….เซ็งเป็นบ้าเลย” เอมิลี่บ่นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะหล่อนอยากจะขับรถใจจะขาด แต่ก็จำยอมเดินเข้าไปนั่งด้านเบาะหลังของรถอีกคันตามผู้เป็นน้องไปแต่โดยดี

 

 

“เชิญครับคุณกานดา” ชายหนุ่มหันมาเอ่ยกับเพื่อนใหม่พลางแย้มยิ้มนุ่มๆให้กับเธอพร้อมกับเปิดประตูรถด้านหน้าข้างคนขับให้

 

 

“ขอบคุณค่ะ” กานดาเอ่ยพลางยิ้มรับก่อนจะเข้าไปนั่งในรถคันหรูแบบเกร็งๆเล็กน้อย

 

 

“ลุยกันเลย!” สองสาวเลสเซิ้ลตะโกนออกมาพร้อมกันเมื่อสารถีจำเป็นเข้ามาในรถและสตาร์ทเครื่องเสร็จสรรพแล้ว

 

   

            

                รถยนต์คันโก้แล่นไปตามทางที่สองข้างขนาบด้วยคฤหาสน์อันใหญ่โตและหรูหรา ก่อนจะแล่นมายังถนนที่มีร้านค้าแบรนด์ดังต่างๆอันซึ่งเป็นสถานที่ช็อปปิ้งสำหรับเหล่าไฮโซย่านนี้ ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า และอื่นๆอีกมากมายที่คนรวยแถวนั้นจะนึกได้ กานดาหันซ้ายหันขวามองร้านดังทั้งสองข้างทางนั้นด้วยความมึนงง โดยมีฝาแฝดสุดแสบคนน้องเดินคล้องแขนข้างหนึ่งและมีหนุ่มเพื่อนบ้านแสนดีเดินตามหลังมาติดๆ

 

 

“ความจริงพวกเราไม่ได้ซื้อของที่นี่กันหรอกนะ ส่วนมากพวกเราจะโทรสั่งจากบริษัทแม่เลย….คอลเลคชั่นที่ยังไม่มีวางขายน่ะ” เอมิลี่เอ่ยพลางหันไปเบ้ปากใส่ร้านค้าร้านหนึ่งที่ในร้านมีเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังเลือกชุดอยู่

 

 

“ใช่….ของทุกอย่างของพวกเราจะต้องนำเทรนด์ก่อนใครๆ….แต่บางครั้งพวกลิสกี้ก็ชอบสั่งปาดหน้าเราไปอยู่เรื่อย” มีอาพูดขึ้นบ้างพลางทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อกล่าวประโยคหลัง

 

 

“ใครหรอคะพวกลิสกี้” กานดาถามขึ้นด้วยความสงสัย

 

 

“พวกไฮโซในเมืองปาล์มบีชน่ะ เพื่อนๆของพวกเราเอง” เสียงใสตอบก่อนจะทำตาโตเมื่อหันไปเห็นสร้อยเพชรแสนสวยที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้านขายเครื่องประดับ

 

 

“พวกเราแข่งกันอยู่น่ะว่าใครจะนำเทรนด์กว่ากัน” เอมิลี่ตอบขึ้นมาบ้างพลางดึงแฝดผู้น้องให้เดินตามหล่อนไปจนผู้เป็นแขกสาวต้องเดินตามไปด้วยเพราะแขนเรียวถูกแขนเล็กคล้องไว้อยู่

 

 

“เป็นเพื่อนกันทำไมต้องแข่งกันด้วยล่ะคะ” คนขี้สงสัยยังคงถามต่อไปโดยไม่คิดจะสนใจสิ่งสวยงามรอบตัวเลย

 

 

“ไม่รู้สิ….มันสนุกดีมั้ง” ร่างเล็กยักไหล่พลางตอบออกมาก่อนจะหันไปสนใจร้านที่อยู่ตรงหน้าแทน

 

 

                กานดาถูกพาเข้าร้านโน้นออกร้านนี้จนเธอตาลายไปหมด ฝาแฝดทั้งสองต่างทำเหมือนกับว่าเธอเป็นตุ๊กตาบาร์บี้เสียอย่างนั้น พวกหล่อนจับเธอลองโน่นลองนี่ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับต่างๆและแม้แต่กระเป๋าเองก็ตาม แถมอันไหนที่เธอใส่แล้วสวย ใส่แล้วเหมาะพวกหล่อนก็จัดแจงซื้อให้เสียด้วยถึงแม้ว่าเธอจะพูดห้ามหยุดปากแล้วก็ตาม ส่วนด้านเพื่อนบ้านหนุ่มก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยและอมยิ้มไปกับสาวๆที่เขาพามาช็อปปิ้งคลายเครียดกันอย่างสนุกสนาน

 

 

“เอาตัวนี้ด้วย” เสียงใสเอ่ยพร้อมกับทาบชุดเดรสเกาะอกสีชมพูตัวสั้นที่มีลายดอกไม้น่ารักรอบชุดบนตัวของตุ๊กตาบาร์บี้มีชีวิตของหล่อน

 

 

“พอแล้วค่ะคุณมีอา ไม่ต้องซื้อหรอกนะคะแค่นี้ฉันก็ใส่ไม่หวาดไม่ไหวแล้วค่ะ” กานดาโอดครวญขอร้องให้สองสาวแห่งเลสเซิ้ลเลิกซื้อของให้เธอเสียที แต่ดูเหมือนว่าพวกหล่อนจะไม่สนใจกับคำอ้อนวอนของเธอเลยแม้แต่นิด

 

 

“อย่าปฏิเสธพวกเธอเลยครับคุณกานดา พวกเธอไม่ฟังหรอกครับ….นี่แหละสองแสบแห่งเลิสเซิ้ล” ไมเคิลเอ่ยพลางอมยิ้มและมองสองสาวสุดแสบที่กำลังหัวเราะร่าอย่างชอบใจกับอะไรบางอย่างอยู่

 

 

“แต่ฉันเกรงใจนี่คะ พวกเธอซื้อของให้เยอะแยะซะขนาดนี้ทั้งๆที่ฉันไม่เคยทำอะไรหรือซื้ออะไรให้เลย มันทำให้ฉันรู้สึกแย่น่ะค่ะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับทำหน้าเศร้าพลางก้มมองถุงแบรนด์เนมในมือทั้งสองข้างที่ตอนนี้เกือบจะร่วมสิบถุงแล้ว

 

 

“อย่ารู้สึกแย่เลยครับคุณกานดา พวกเธอก็แค่หวังดี อยากให้คุณมีชุดสวยๆใส่ก็เท่านั้น” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบใจพลางมองถุงแบรนด์เนมสองสามถุงของตัวเองด้วยเหมือนกัน “อีกอย่าง….มันยังเป็นข้อพิสูจน์ด้วยว่าพวกเธอชอบคุณมากๆ ถึงได้ซื้อของให้มากมายขนาดนี้ เพราะปกติพวกเธอไม่เสียเวลามาเดินเลือกของให้เมื่อยขาเป็นแน่ครับ”

 

 

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ แต่ฉันก็ยังเกรงใจ ฉันไม่เคยมีใครซื้อของให้เยอะแยะขนาดนี้เลยนะคะ แล้วแถมของแต่ละชิ้นยังแพงมากอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าชาตินี้ฉันจะใช้หนี้พวกเลสเซิ้ลหมดหรือเปล่า”

 

 

                กานดาเอ่ยด้วยเสียงเศร้าพลางคิดว่าชาตินี้เธอคงต้องอยู่ชดใช้หนี้ตระกูลเลสเซิ้ลไปจนแก่ตายเป็นแน่ เพราะแค่ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เจ้านายใหญ่ของเธอออกให้ตั้งแต่ก่อนมาอยู่ที่นี่มันก็มากโขลแล้ว แต่นี่น้องสาวทั้งสองของเขายังจะมาซื้อข้าวของให้เธอตั้งมากมายอีก ราคาก็แพงหูฉีกจนเธอไม่คิดว่าชาตินี้เธอจะมีเงินซื้อพอได้ แล้วจะไม่ให้เธอกลุ้มใจอยู่อย่างนี้ได้อย่างไร

 

 

“อย่าคิดมากเลยครับคุณกานดา” ไมเคิลกล่าวพลางตบบ่าเล็กเบาๆเป็นการปลอบใจ ก่อนจะเดินตามสองสาวสุดแสบออกจากร้านไปโดยมีร่างบางเดินตามเขามาด้วย

 

 

“เอ่อ….ฉันขอเข้าร้านนี้หน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อเดินผ่านร้านขายเนคไทที่อยู่ติดกับร้านเสื้อผ้าที่เธอพึ่งจะเดินออกมา

 

 

“ร้านเนคไทหรอ….เธอจะซื้อไปใส่หรือไง” มีอาถามพลางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยเล็กน้อย

 

 

“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้ซื้อไปใส่เองค่ะ” กานดาตอบพร้อมกับก้มหน้างุดดั่งกำลังเขินอายอะไรบางอย่าง

 

 

“อ๋อ….เธอจะซื้อไปให้ป๊ะป๋าล่ะสินะ เอ้ะ! นี่เธอคิดจะจับป๊ะป๋าหรือไงถึงจะซื้อของให้น่ะ” เอมิลี่เอ่ยพลางขมวดคิ้วใส่แขกสาวคนพิเศษของพี่ชาย

 

 

“เปล่านะคะ ฉันแค่อยากจะซื้อของตอบแทนคุณวิลที่ช่วยเหลือฉันเฉยๆค่ะ ฉันไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแก้ตัวเป็นพัลวัน เพราะกลัวว่าผู้เป็นน้องสาวทั้งสองของเจ้านายใหญ่จะไม่เชื่อเธอขึ้นมา และจะพรานทำไม่ดีกับเธออีกเหมือนตอนแรกที่เธอมาอยู่ในอาณาเขตของพวกเขา

 

 

 “เร็วๆเข้าล่ะ” เสียงทรงเสน่ห์กล่าวก่อนที่หล่อนจะเชิดหน้าไปทางอื่น

 

 

                ร่างบางรีบเดินเข้าไปในร้านขายเนคไททันทีที่ได้ยินประโยคนั้น โดยที่ไม่รู้ว่าอีกฟากของถนนมีใครบางคนกำลังนั่งมองเธอด้วยสายตาเฉียบคมตั้งแต่ที่เธอออกมาจากร้านขายเสื้อผ้าชื่อดัง วิลเลียมนั่งจิบกาแฟอยู่นอกร้านฝั่งตรงข้ามกับร้านขายเนคไทโดยมีอดีตคนรักนั่งอยู่เคียงข้าง หลังจากที่เขาออกมาจากคฤหาสน์เขาก็นัดพบหล่อนที่ร้านกาแฟแห่งนี้ แทนที่จะไปรับหล่อนตามที่ได้บอกไว้ เพราะเขารู้ดีว่าหากเขาไปรับหล่อนที่คอนโดหล่อนคงจะทำการเหนี่ยวรั้งเขาไว้ให้อยู่ที่คอนโดของเธอไม่ยอมออกมาข้างนอกกับเขาเป็นแน่

 

 

“โอ้! นั่นน้องสาวของคุณหนิคะวิล” โมนิก้าพูดขึ้นเมื่อหันไปเป็นสองสาวแห่งเลสเซิ้ลยืนอยู่หน้าร้านค้าฝั่งตรงข้าม หากแต่ผู้เป็นพี่ใหญ่แห่งเลสเซิ้ลไม่ยอมพูดตอบหล่อนเลยแม้แต่คำเดียว และมันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ที่หล่อนมานั่งจ่อมอยู่กับเขาในร้านกาแฟสุดหรูนี้แล้ว

 

 

                ตลอดเวลาที่นั่งดื่มกาแฟชายหนุ่มแทบจะไม่พูดคุยกับอดีตคนรักเลย เขาได้แต่นั่งนึกถึงใครบางคนที่ทำให้เขาอารมณ์เสียจนต้องทำเป็นประชดโดยการออกมาข้างนอกกับคนรักเก่าของเขาอย่างนี้ คิดแล้วมันก็น่าหงุดหงิดนัก….เธอทำเหมือนเขาเป็นผู้ชายที่น่ากลัวสำหรับเธออย่างนั้นแหละ แถมยังไปทำตัวสนิทสนมกับชายอื่นมากกว่าเขาเสียอีก ทั้งๆที่เขาเป็นคนพาเธอมาที่นี่เองแท้ๆ เป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่างให้กับเธอ และยังเป็นเจ้านายคนใหม่ของเธอ แต่เธอกลับยื่นความสนิทสนมให้กับชายอีกคนแบบต่อหน้าต่อตาเขา คิดแล้วมันน่าจับมาตีก้นสักเผียะสองเผียะจริงเชียว มีอย่างที่ไหนไปนั่งติดกับผู้ชายที่พึ่งรู้จักอย่างแนบชิดขนาดนั้น ทีเขาให้นั่งตักเขาล่ะก็ทำมาเป็นขัดขืน

 

 

หึ่ย! มันน่าโมโหจนควันแทบจะออกจากหูยิ่งนัก!

 

 

แถมนี่เธอยังออกมาเที่ยวเล่นกับไอ้หนุ่มเพื่อนบ้านจอมจุ้นอย่างสบายใจเฉิบอีก สงสัยคืนนี้เขาคงต้องสั่งสอนแม่เลขาสาวของเขาเสียหน่อยแล้ว

 

 

ว่าไม่ให้ยุ่งวุ่นวายกับผู้ชายคนไหนนอกจากเขาที่เป็นเจ้านายของเธอเพียงเท่านั้น!

 

 

 

                หลังจากที่ออกมาจากร้านขายเนคไทหญิงสาวก็ยังคงถูกพาเข้าออกร้านดังแทบจะทุกร้าน จนตอนนี้มือทั้งสองข้างของเธอไม่มีที่ว่างพอสำหรับถือถุงแบรนด์ดังได้อีกแล้ว มันจึงทำให้ฝาแฝดไฮโซทั้งสองล้มเลิกความคิดที่จะซื้อของให้เธอได้ในที่สุด ก่อนที่พวกหล่อนจะพาเธอแวะทานอาหารในร้านหรูที่พวกหล่อนชอบมาทานเป็นประจำ และแน่นอนว่าพวกหล่อนก็จัดการเลือกอาหารให้กับแขกสาวคนพิเศษอย่างเสร็จสรรพ จนเหมือนกับว่าตอนนี้เธอเป็นตุ๊กตามีชีวิตของพวกหล่อนไปแล้วจริงๆ

 

 

“เดี๋ยวกินเสร็จเราไปเที่ยวแถวชายหาดกันดีกว่า” มีอาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

 

“ถ้าจะไปเที่ยวชายหาด งั้นก็ต้องกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนสิ” เอมิลี่เอ่ยพลางมองชุดหรูของตัวเอง

 

 

“ซื้อเปลี่ยนจากร้านแถวนี้เอาก็ได้ ไม่เห็นจะยากเลย” ผู้เป็นน้องว่าก่อนจะหันมาสนใจสเต้กเนื้อตรงหน้าต่อ

 

 

                กานดามองดูฝาแฝดสุดแสบทั้งสองด้วยความเหนื่อยใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพวกหล่อนจะใช้เงินแบบมือเติบจนเคยตัวกันเสียแล้ว แต่มันจะผิดอะไรในเมื่อพวกหล่อนออกจะรวยล้นฟ้าขนาดนี้ จะซื้อจะหาใช้จ่ายอะไรฟุ่มเฟือยตามอำเภอใจมันก็ไม่แปลก ไม่เหมือนกับตัวเธอที่กว่าจะซื้ออะไรได้แต่ละชิ้นล่ะเป็นต้องคิดแล้วคิดอีก คิดซ้ำไปซ้ำมาว่าสิ่งที่จะซื้อนั้นมันมีประโยชน์ต่อตัวเธอจริงๆหรือเปล่า และซื้อมาเธอจะใช้มันได้คุ้มค่ากับเงินทองที่เสียไปหรือไม่ ก็เธอไม่ได้รวยล้นฟ้าเหมือนอย่างพวกเขานี่นะ ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะนึกอยากซื้ออะไรก็ซื้อได้ แค่ที่เป็นอยู่นี่เธอก็ต้องเขียมใช้เงินในแต่ละเดือนมันก็ยังแทบจะไม่พอค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเลย เธอเฝ้าประหยัดทุกทางที่ประหยัดได้ บางเดือนเธอยอมทานแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตลอดทั้งเดือนเลยด้วยซ้ำ เพื่อที่จะได้เก็บเงินไว้เยอะๆ และจะได้สร้างหลักสร้างฐานกับเขาได้บ้าง แต่มันก็คงอีกนานกว่าที่เธอจะตั้งตัวและรวยได้ ตอนนี้เธอต้องขยันและอดทนอย่างเดียวเท่านั้น เพื่ออนาคตที่สุขสบายในวันข้างหน้า

 

 

                แล้วถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งเธอกลายเป็นมหาเศรษฐีมีเงินมีทองรวยล้นฟ้ากับเขาบ้าง เธอจะใช้ชีวิตอย่างไรกันหนอ จะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยตามใจปรารถนาอย่างพวกคนรวยไหมนะ จะมีชีวิตติดหรูอย่างคนพวกนั้นหรือเปล่า….

 

 

                 คงไม่หรอก….เธอคงไม่ใช้ชีวิตแบบนั้นเป็นแน่ เพราะกว่าที่เธอจะรวยล้นฟ้าขนาดนั้นเธอคงต้องเสียแรงเสียเหงื่อไปมากโขล คงจะกัดฟันสู้ล้มแล้วล้มอีกไม่รู้จะกี่ครั้ง คงต้องบากบั่นทำงานจนสายพานแทบขาดเป็นแน่ หากว่าเธอกลายเป็นเศรษฐีแล้วเธอก็คงจะเป็นอย่างเดิม ใช้เงินอย่างประหยัดไม่สุรุ่ยสุร่าย เพียงแต่เธอคงจะใช้ชีวิตอย่างสบายขึ้นมากก็เท่านั้น แต่ถ้าหากเธอรวยมาตั้งแต่เกิดนี่สิว่าไปอย่าง เธอก็อาจใช้ชีวิตอย่างสองสาวมหาเศรษฐีนี้ก็เป็นได้

 

 

                 รวยตั้งแต่เกิดหรือ….เธอนี่นะจะรวยตั้งแต่เกิด คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะตัวเธอเองยังไม่รู้เลยว่าพ่อและแม่ที่แท้จริงของเธอคือใคร ตั้งแต่จำความได้เธอก็อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว ไม่มีพ่อไม่มีแม่อย่างใครเขา ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผู้มีพระคุณทั้งสองของเธอมีหน้าตาเป็นเช่นไร ถึงเธอจะเฝ้าอธิฐานต่อพระจันทร์และดวงดาวขอให้พ่อและแม่ที่แท้จริงของเธอมารับตัวเธอออกจากสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าสักครั้ง หรือแค่มาเยี่ยมเยียนเธอสักหน ให้เธอได้รู้ว่าพวกเขายังมีตัวตน แต่ดูเหมือนว่าพระจันทร์และดวงดาวจะไม่ฟังคำขอของเธอเลย ที่เธอเติบโตมาได้ก็เพราะตัวของเธอเองเท่านั้น ใช่….ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็คอยช่วยเหลือเธอบ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ตอนที่เธอยังเด็กอยู่มาก เธอถูกส่งเข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาลที่อยู่ไม่ไกลนักเพราะเป็นนโยบายของที่แห่งนั้น แต่พวกเขาก็ส่งเธอเรียนเพียงแค่จบประถมศึกษาปีที่หกเท่านั้น

 

 

                 ส่วนมัธยมศึกษากับมหาวิทยาลัยน่ะหรือ….เธอต้องเป็นคนส่งตัวเองเรียนทั้งหมด เพราะทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลี้ยงดูเธอจนถึงแค่เธออายุสิบสองเท่านั้น ตอนที่เธอต้องออกมาจากที่นั่นเธอรู้สึกหวาดกลัวมาก และไม่เห็นหนทางที่จะดำรงชีวิตด้วยตัวเองเลยสักนิด แต่ดีที่มีร้านอาหารร้างหนึ่งที่เธอไปสมัครงานเอาไว้ยอมจ้างเธอให้เป็นเด็กล้างจาน และให้ที่พักแก่เธอเพราะสงสารเนื่องด้วยตอนนั้นเธอก็ยังเด็กอยู่มากและเธอก็ไม่มีที่ไปเสียด้วย

 

 

                เธอโชคดีที่ได้นายจ้างเป็นคนดี พวกเขาให้เธอทำงานหนักก็จริงเพราะเป็นร้านอาหารแต่พวกเขาก็ใจดีกับเธอมากๆ ทั้งให้เธอทานอาหารจนอิ่มครบสามมื้อ ให้ที่พักที่อบอุ่นแก่เธอถึงแม้ว่าจะเป็นห้องเล็กๆหลังร้าน และประจวบกับที่พวกเขาไม่มีลูกและสงสารเธอที่เธอไม่ได้เข้าเรียนพวกเขาจึงส่งเสียให้เธอได้เล่าเรียนชั้นมัธยมศึกษา แต่มันก็แรกมาด้วยกับการทำงานอย่างหนักของเธอ ทั้งปัด กวาด เช็ด ถูร้าน ทั้งล้างจานแถมเมื่อเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายเขาก็ให้เธอออกมาเสิร์ฟอาหาร ดีที่ร้านอาหารแห่งนี้ไม่ใช่ร้านนั่งดื่มแต่อย่างใดเธอจึงไม่ค่อยถูกลูกค้าลวนลามสักเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี และพอเมื่อเธอฝึกฝนฝีมือจนทำอาหารได้คล่องเธอก็ได้เป็นแม่ครัวประจำร้านร่วมกับแม่ครัวของร้านอีกคน ซึ่งถือเป็นโชคดีของเธออย่างมากเลยทีเดียว

 

 

                      เธอต้องกัดฟันสู้ทำงานทุกอย่างภายในร้านและยังต้องรับงานพิเศษมาทำเพื่อเป็นค่ายังชีพของตัวเองในส่วนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับค่าเทอม จนเมื่อเธอเข้ามหาวิทยาลัยด้วยความที่เธอมุมานะตั้งใจเรียนทำให้เธอได้รับทุนเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยที่เธอไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนเลยทั้งสิ้น แต่ก็อีกนั่นแหละ….อย่างไรเสียเธอก็ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงชีพตัวเองอยู่ดี และยิ่งลำบากตรากตรำมากขึ้นเนื่องด้วยเธอต้องย้ายจากที่อันเป็นเสมือนบ้านของเธอไปยังที่ที่ไกลแสนไกล เธอต้องเช่าหอพักอยู่ตัวคนเดียวและถึงแม้ว่าหอพักนั้นจะมีราคาที่ไม่แพงเลยแต่เธอก็ต้องบากบั่นหาเงินเพื่อเลี้ยงดูตัวเอง เธอไม่เคยหยุดพักแม้แต่วันเดียว ขนาดวันที่เธอป่วยเธอยังกัดฟันสู้ออกไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอย่างไม่ย่อท้อ เงินแต่ละเดือนที่ได้มาเธอก็แบ่งส่งไปให้กับนายจ้างผู้ใจดีทั้งสองเพื่อตอบแทนพระคุณพวกท่านที่มีเมตตาต่อเธอ ทำให้ทุกเดือนเธอแทบจะมีเงินใช้ไม่พอ แต่เธอก็สู้ต่อจนเธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วยเกรดเฉลี่ยอันงดงามจนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาครอบครองในที่สุด และนั่นทำให้เธอได้งานทำในบริษัทที่ดีอย่างของเจ้านายเก่าของเธอนั่นเอง

 

 

                    ชีวิตของเธอตั้งแต่เด็กจนโตมันช่างลำบากนัก ลำบากจนเธอไม่คิดว่าเธอจะเติบโตจนมาถึงทุกวันนี้ได้ ชีวิตของเธอช่างเล่นตลกกับเธอเสมอ ดูอย่างตอนนี้สิ จู่ๆเธอก็มาอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนของเธอเหลือกัน แถมยังอยู่สุขสบายจนไม่คิดว่าชาตินี้เธอจะมีชีวิตอย่างนี้ได้ แต่อย่างไรแล้วเธอก็จะเดินหน้าต่อไป เพื่ออนาคตของเธอและเพื่อบั้นปลายชีวิตที่สงบสุขของเธอ

 

 

เพื่อเส้นทางชีวิตเส้นสุดท้ายของเธอที่จะมีแต่ความราบรื่นไปจนสิ้นลมหายใจ….

 

 

“สเต้กเย็นหมดแล้วครับคุณกานดา”

 

 

               เสียงทุ้มที่ทักขึ้นทำให้กานดาหลุดออกจากความคิดอันแสนเศร้าได้ ใบหน้าหวานหันไปยิ้มให้กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าต่อด้วยความรู้สึกเศร้าหมองไปกับชีวิตที่แสนมืดหม่นนั้น

 

 

 

                หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วผู้เป็นเพื่อนหนุ่มคนใหม่และคู่แฝดคนละฝาแห่งเลสเซิ้ลก็พาแขกคนสำคัญไปเที่ยวกินลมชมวิวตลอดแนวชายหาดแสนสวย กานดาเหม่อมองท้องทะเลแสนกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา จนเห็นเพียงเส้นขอบน้ำบรรจบกับเส้นขอบฟ้า เธอสลัดความคิดทุกอย่างออกไปจากหัวสมอง ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับสายลมและเสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดกระทบหาดทรายอันขาวสะอาด ที่เปล่งประกายระยิบระยับรับแสงตะวันที่เริ่มจะคล้อยลอยต่ำ ดื่มด่ำกับบรรยากาศอันแสนจะละมุนใจจนเวลาล่วงเลยไปใกล้พลบค่ำ ไมเคิลจึงพาสาวๆของเพื่อนหนุ่มจอมเฮี๊ยบกลับไปยังคฤหาสน์เลสเซิ้ลสุดหรูหราในที่สุด

 

 

“ขอบคุณคุณไมเคิลมากนะคะที่พาฉันไปเที่ยวรอบเมืองวันนี้” กานดาหันไปขอบคุณชายหนุ่มที่เดินมาส่งเธอและสองสาวเจ้าของคฤหาสน์ถึงตรงทางเข้า

 

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” ไมเคิลยิ้มรับพลางกล่าวออกมา “ไว้ว่างๆผมจะพาคุณไปอีกนะ”

 

 

“อย่าเลยค่ะฉันเกรงใจ” คนขี้เกรงใจเอ่ยพลางส่งยิ้มหวานพิมพ์ใจให้กับคนตรงหน้า

 

 

“อย่างเกรงใจเลยครับคุณกานดา” ชายหนุ่มว่าก่อนที่เขาจะยื่นถุงห่อของขวัญให้กับเธอ “นี่ครับ ของขวัญของผม”

 

 

“อะไรกันคะ” หญิงสาวถามออกมาด้วยความประหลาดใจพลางมองถุงแบรนด์เนมสลับกับใบหน้าอันหล่อเหลานั้นอย่างสงสัย

 

 

“ของเล็กๆน้อยๆที่ผมซื้อให้คุณน่ะครับ เป็นของขวัญที่เราได้พบกัน” ไมเคิลตอบพร้อมกับจับมือเล็กขึ้นมาและยื่นถุงให้มือนุ่มนั้นถือไว้แทน

 

 

“แต่ว่าคุณ….”

 

 

“ราตรีสวัสดิ์ครับ”

 

 

                ชายหนุ่มรีบตัดบทโดยการบอกราตรีสวัสดิ์และหันหลังกลับเดินลิ่วไปยังคฤหาสน์ของตนในทันที ทำให้ฝ่ายคนที่ได้ของขวัญทำได้แต่อ้าปากค้างเพียงเท่านั้น ก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และเดินเข้าคฤหาสน์ไปพร้อมกับถุงแบรนด์เนมเป็นสิบใบและถุงใส่ของขวัญที่เธอคิดว่าข้างในคงจะเป็นของมีค่าราคาแพงอยู่เป็นแน่

 

 

“กลับมาแล้วหรือคะคุณกานดา ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะ” รัญจวนทักแขกคนสำคัญของเจ้านายใหญ่เสียงใส พลางรีบเดินมาหาร่างบางและรีบช่วยหญิงสาวถือข้าวของที่อยู่ในมือทันที

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า ดาถือได้ค่ะ” กานดากล่าวด้วยความเกรงใจผู้ที่อาวุโสกว่า

 

 

“ให้ป้าช่วยถือเถอะคุณดา แล้วตกลงไปเที่ยวมาสนุกไหมคะ” เสียงนุ่มแบบฉบับคนสูงวัยเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มแสนใจดี พลางพยายามแย่งถุงข้าวของที่อยู่ในมีเรียวมาไว้กับตนจนหญิงสาวไม่สามารถปฏิเสธความช่วยเหลือนี้ได้เลย

 

 

“ก็สนุกดีค่ะ แต่ดาล่ะปวดหัวแทบแย่” เสียงหวานตอบอย่างเหนื่อยใจพร้อมกับทำหน้าหม่นลงเล็กน้อย

 

 

“อ้าว….ทำไมล่ะคะคุณกานดา” นางถามด้วยความประหลาดใจ

 

 

“ก็สาวๆเล่นซื้อของให้ดากันเสียยกใหญ่ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าแล้วก็เครื่องประดับอีกเยอะแยะเลยค่ะ พวกเธอทำเหมือนดาเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ที่พวกเธอจับแต่งตัวเลย ดาเกรงใจมากๆเลยค่ะปฏิเสธไปตั้งหลายครั้งแล้วพวกเธอก็ยังจะซื้อให้ จนดาไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้วค่ะคุณป้า” หญิงสาวกล่าวเหมือนเป็นการโอดครวญให้นางฟังนิดๆ

 

 

“โอ้! นั่นถือเป็นฤกษ์งามยามดีเลยทีเดียวแหละค่ะคุณกานดา เพราะสองสาวไม่เคยซื้อของอะไรให้ใครง่ายๆเลยนะคะ ยิ่งคุณเอมิลี่ด้วยแล้วเธอยิ่งไม่ชอบยุ่งเรื่องของใครเข้าไปใหญ่ แสดงว่าคุณชนะใจสองสาวได้ครึ่งนึงแล้วนะคะเนี่ย และอาจจะเกินครึ่งแล้วเสียด้วยค่ะ” รัญจวนบอกพลางยิ้มกว้าง

 

 

“แต่ยังไงดาก็ยังเกรงใจค่ะ แล้วก็มากด้วย เพราะของแต่ละชิ้นมันแพงๆทั้งนั้นดาละอยากจะร้องไห้” กานดาเอ่ยเสียงหม่นพลางทำหน้าเหมือนดั่งว่าเธอจะร้องไห้ตามที่พูดจริงๆ “นี่คุณไมเคิลยังมาให้ของขวัญดาอีก ดาไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ”

 

 

“อย่าคิดมากไปเลยค่ะคุณดา ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นก่อนดีกว่านะคะ”

 

 

“แล้วนี่คุณป้าทำอะไรอยู่หรือคะ” กานดาถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องรับแขกและเห็นว่าบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ท่ามกล่างโซฟาสุดหรูมีแจกันใบเล็กใหญ่และดอกไม้หลากสีสันวางไว้อยู่

 

 

“ป้ากำลังจัดแจกันดอกไม้อยู่น่ะค่ะ เห็นดอกไม้หลังคฤหาสน์ออกดอกสวยๆก็เลยเอามาจัดเสียหน่อย” รัญจวนตอบก่อนจะเดินนำหน้าหญิงสาวไปนั่งจัดดอกไม้ตามเดิม “คนแก่ก็อย่างนี้แหละค่ะหาอะไรทำไปเรื่อย”

 

 

“งั้นดาช่วยจัดนะคะ” เสียงหวานกล่าวพร้อมกับนั่งลงบ้าง

 

 

“อย่าเลยค่ะคุณกานดา คุณขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเถอะค่ะนี่ก็ดึกมากแล้ว ป้าว่าคุณควรจะเข้านอนได้แล้วนะคะเดี๋ยวจะตื่นสายเอา” นางห้ามเพราะเห็นว่าตอนนี้มันดึกแล้วและถ้ายังให้เธอมาช่วยนางจัด สงสัยเธอคงได้ตื่นสายโด่งดั่งวันนี้อีกเป็นแน่

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะป้าดาอยากช่วยจัด….จริงสิ นี่….คุณวิลกลับมาหรือยังคะ” หญิงสาวนึกไปถึงเจ้านายใหญ่ที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะกลับมาหรือยัง หรือว่าจะอยู่ค้างอ้างแรมกับอดีตแฟนสาวกัน

 

 

หรือว่าพวกเขา….จะคืนดีกันแล้ว….

 

 

“พึ่งมาถึงก่อนคุณดาแปบเดียวเองค่ะ ป่านนี้คงจะอาบน้ำนอนหลับปุ๋ยไปแล้ว” นางตอบพลางแย้มยิ้มน้อยๆให้กับแขกสาวคนสำคัญของเจ้านายใหญ่

 

 

“หรอคะ….แล้วห้องคุณวิล เอ่อ….มีคนจัดแจกันดอกไม้ให้ไหมคะ” กานดาถามออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบาเล็กน้อย เหมือนดั่งว่าเธอกลัวจะโดนจับผิดอย่างไงอย่างงั้น

 

 

“ป้าเป็นคนจัดให้ประจำแหละค่ะ แต่ถ้าวันนี้คุณดาอยากจะจัดให้คุณวิล….ก็ได้นะคะ” คนรู้ทันเอ่ยพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มทำเอาใบหน้าสวยหวานถึงกับหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาในทันใด จนหญิงสาวต้องก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความเขินอายไว้หากแต่ก็มิอาจจะรอดพ้นสายตาของคนที่อาวุโสกว่าไปได้

 

 

แล้วนี่เธอจะเขินอายเรื่องอะไรกัน ก็แค่จัดแจกันดอกไม้ให้เจ้านายคนใหม่เอง แต่ทำไมมันรู้สึกตื่นเต้นอย่างนี้นะ….

 

 

“ถ้าอย่างนั้นดาขอจัดแจกันดอกไม้ให้คุณวิลนะคะ” เสียงหวานเล็กกล่าวพลางเงยหน้ามาส่งยิ้มแหยๆให้กับนาง

 

 

“เชิญเลยค่ะ แหม….สงสัยคุณวิลคงจะได้นอนหลับฝันดีทุกคืนแน่ๆเลยค่ะ ได้เห็นของสวยๆงามๆ แถมยังเป็นฝีมือของคนสวยๆงามๆจัดให้ น่าอิจฉาคุณวิลจริงเชียว” รัญจวนว่าพลางทำหน้ากรุ้มกริ่มและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนหญิงสาวถึงกับต้องหน้าแดงมากขึ้นไปอีก

 

 

“คุณป้าก็ ดาไม่สวยไม่งามสักนิดเลยนะคะ คุณป้าดูยังไงคะว่าดาสวย….อย่างคุณโมนิก้าต่างหากล่ะคะที่สวย….ถูกใจคุณวิลเขา” กานดาปฏิเสธเป็นพัลวัน แล้วก็ต้องรู้สึกเจ็บจุกขึ้นมาในทันใดเมื่อปากอิ่มดันเผลอไผลพูดไปถึงใครบางคนที่สำคัญกว่าตัวเอง ตามที่สมองสั่งการให้พูดออกมา

 

 

“ไม่จริงหรอกค่ะคุณดา”

 

 

                    เสียงนุ่มตามแบบคนสูงวัยเอ่ยอย่างคนที่รู้ดี ก็จะไม่ให้นางรู้ดีได้อย่างไรในเมื่อนางทำงานกับตระกูลนี้มาตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่าของเจ้านายใหญ่คนปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ แล้วนางก็เป็นคนเลี้ยงเจ้านายใหญ่ทั้งสามคนนี้มากับมือด้วย แล้วจะไม่ให้นางรู้นิสัยใจคอได้อย่างไร

 

 

และจะไม่ให้นางรู้ได้อย่างไรว่าคุณชายใหญ่ของบ้านชอบหรือไม่ชอบผู้หญิงแบบไหน! 

 

 

“แต่ป้าว่าคุณดาขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายเนื้อสบายตัวก่อนดีกว่านะคะ แล้วค่อยลงมาจัดก็ยังไม่สายจ้ะ”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นดาขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ แล้วดาจะรีบลงมา” หญิงสาวยอมรับคำบอกของคนสูงวัยตรงหน้าแต่โดยดี เพราะเธอก็รู้สึกเหนียวตัวไปหมดด้วยเหมือนกัน อยากจะอาบน้ำให้ชุ่มฉ่ำไปทั่วทั้งกาย เธอจะได้สดชื่นและมีแรงจัดแจกันดอกไม้ให้สวยๆ

 

 

เผื่อว่าคนที่เธอจัดให้เขาจะนึกถูกใจมันขึ้นมาบ้าง….

 

 

                ผ่านไปร่วมเกือบครึ่งชั่วโมงร่างบางก็อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงสีชมพูขายาวและเสื้อกล้ามสีเทาก่อนจะคลุมด้วยเสื้อคลุมยาวตัวหนาเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น จากนั้นเธอจึงลงมายังห้องรับแขกที่ยังคงมีแม่บ้านประจำตระกูลนั่งจัดแจกันดอกไม้อยู่ กานดาตั้งหน้าตั้งตาจัดแจกันดอกไม้ให้กับเจ้านายคนใหม่ของเธออย่างสุดความสามารถ ถึงแม้ในใจจะรู้สึกตุ้มๆต่อมๆเพราะไม่รู้ว่าเขาจะชอบในฝีมือของเธอหรือเปล่า แต่มันก็แค่แจกันดอกไม้นี่นะ เขาคงจะไม่แลไม่มองให้มันเสียเวลาหรอก เขาคงจะไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าดอกไม้ช่อนี้ใครเป็นคนจัด แต่ก็ช่างเถอะนะ อย่างไรเธอก็ต้องตอบแทนที่เขาช่วยเหลือเธอบ้าง แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ มันก็คุ้มกว่าที่เธอไม่ยอมทำอะไรเลยไม่ใช่หรือ

 

 

                ใช้เวลาไม่นานนักหญิงสาวก็จัดแจกันดอกไม้เสร็จสรรพ และยังได้รับคำชมจากแม่บ้านสูงวัยประจำตระกูลอย่างไม่ขาดปาก จนทำให้เธอต้องยิ้มจนแก้มแทบปริเพราะดีใจที่ฝีมือของเธอเข้าขั้นกับเขาบ้างจนมีคนชม ก่อนที่เธอจะถือแจกันนั้นและตรงไปยังอาณาเขตของเลสเซิ้ลผู้พี่ ที่ตอนนี้ดูเงียบสงบอย่างกับไม่มีใครอยู่เลยสักคน ผิดกับอีกฟากฝั่งนึงที่มีเสียงเพลงร็อคเปิดดังฟังชัดจนเธอคิดว่าสองสาวของตระกูลคงจะจัดคอนเสิร์ตในห้องนอนอยู่เป็นแน่

 

 

‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’

 

 

                หญิงสาวชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเคาะประตูห้องของเจ้านายหนุ่มอย่างกล้าๆกลัวๆ หากแต่ไม่มีวี่แววว่าร่างใหญ่จะเปิดประตูให้เธอเลยสักนิด เธอจึงลองเคาะอีกครั้งแต่ก็ยังมีแต่ความเงียบทำเอาเธอรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย มือเรียวเล็กจึงค่อยๆบิดลูกบิดประตูแล้วก็รู้ว่าห้องไม่ได้ล็อคไว้ เธอจึงค่อยๆเปิดประตูออกและมองเข้าไปข้างในอย่างหวาดๆ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นเจ้าของห้องเลยสักนิด ทำให้ร่างบางต้องถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งใจและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน

 

 

                เท้าเรียวค่อยๆก้าวเท้าไปยังโต๊ะวางของที่ตั้งอยู่ข้างเตียงใหญ่ ความมืดของห้องทำให้เธอต้องระแวดระวังมากยิ่งขึ้น หญิงสาววางแจกันลงบนโต๊ะนั้นก่อนจะวางกล่องของขวัญที่มีเนคไทสีเรียบหรูที่เธอซื้อมาให้เขาไว้ข้างๆแจกันใบนั้น ก่อนที่เธอจะระบายยิ้มเล็กน้อยและก้าวถอยหลังให้ห่างจากโต๊ะสูงนั้น

 

 

“อ๊ะ!”

 

 

                เสียงหวานอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อกายสาวกระทบกับร่างใหญ่ที่มายืนอยู่ด้านหลังของเธอตอนไหนก็ยังไม่ทราบ ร่างบางทำตัวแข็งทื่อไม่ยอมก้าวขยับไปไหน ด้วยความที่ภายในห้องนั้นแทบจะมืดสนิททำให้เธอก็นึกหวาดกลัวขึ้นมาเหมือนกันว่าคนที่กำลังกอดรัดเธอจากด้านหลังนั้นอาจจะไม่ใช่เจ้านายหนุ่มของเธอ แต่อาจจะเป็นคนอื่นที่เป็นลูกจ้างในคฤหาสน์หลังนี้ หรือไม่ก็เป็นโจรขโมยที่แอบลักลอบเข้ามาในห้องนี้ก็เป็นได้ แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงทุ้มครางต่ำด้วยความพอใจที่ได้ขโมยหอมแก้มนวลนิ่มของเธอไปเสียฟอดใหญ่ เธอจึงรู้ได้ทันทีว่าคนที่โฉบฉวยโอกาสอยู่นี้คือเจ้านายคนใหม่ของเธอตัวจริงเสียจริงแน่นอน!

 

 

“คุณวิล! ปล่อยดาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”

 

 

                ร่างเล็กพยายามขืนดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดอัดแข็งแกร่ง หากแต่แรงกำลังที่มีเพียงน้อยนิดไม่สามารถสู้แรงกำลังอันมหาศาลของคนที่แข็งแรงกว่าได้เลย หญิงสาวถูกชายหนุ่มดึงตัวให้นั่งลงบนตักแกร่งที่นั่งบนขอบเตียงนุ่ม ก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมไปแตะโคมไฟให้เกิดแสงสลัวเพียงเท่านั้น หัวใจดวงน้อยในตอนนี้เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ทั้งหวาดหวั่นและตื่นตระหนก ลุ้นระทึกไปในเวลาเดียวกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้อีกจนเธอทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ดิ้นขยุกขยิกบนตักของชายหนุ่มเพียงเท่านั้น

 

 

“เข้ามาทำไม” เสียงทุ้มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงดุห้วนไม่ทุ้มนุ่มอย่างเช่นเคย เล่นเอาคนได้ยินถึงกับนึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่น้อย

 

 

“ดะ….ดาแค่เอาแจกันดอกไม้มาไว้ในห้องคุณน่ะค่ะ เห็นว่าอันเก่ามันเหี่ยวหมดแล้วดาก็เลย….จัดมาให้ค่ะ” กานดาตอบเสียงอ้อมแอ้ม พลางพยายามแกะแขนแกร่งที่โอบรอบตัวเธอให้คลายออก หากแต่ยิ่งดันออกเขาก็ยิ่งรัดเธอแน่นมากขึ้นเข้าไปอีก

 

 

“ฉันไม่ชอบ เอามันออกไปด้วย….เกะกะ” คนเป็นเจ้าของห้องยังคงเอ่ยด้วยเสียงดุ ไม่มีความใจดีอยู่ในน้ำเสียงนั้นเลยสักนิด แถมประโยคที่เขาพูดมันช่างแทงใจดำร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนตักเขาเสียเหลือกัน

 

 

“เข้าใจแล้วค่ะ”

 

 

                  เสียงหวานเล็กตอบออกมาเสียงแผ่วด้วยความน้อยใจเจ้านายใหญ่เป็นที่สุด พลางพยายามดิ้นรนให้ตัวเธอหลุดพ้นจากพันธนาการสุดแน่นหนาของเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระง่ายๆ แถมตอนนี้ปากหยักก็เริ่มเล่นซนโดยการเป่าลมเบาๆไปตามข้างคอถึงกกหูให้กายสาวต้องรู้สึกวาบหวิวไปตามลมอุ่นนั้นและเริ่มจะบังคับใจไม่ให้สั่นตามไปกับเขาได้ยากลำบากเสียแล้ว

 

 

“คุณวิล….” กานดาครางเรียกเจ้านายหนุ่มเสียงแผ่วพลางพยายามขยับตัวให้เขาไม่สามารถกลั่นแกล้งเธอด้วยวิธีหวามไหวเช่นนี้ได้

 

 

“ไปไหนมา” ผู้เป็นนายถามขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงห้วนดุเช่นเดิม

 

 

“คะ?” หญิงสาวชะงักเล็กน้อยพลางเอี้ยวตัวไปมองหน้าคนด้านหลังด้วยความสงสัย หากแต่พอเมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลากระทบแสงไฟสลัวและดวงตาคมที่สบตากับเธอด้วยแววตาดุแข็ง ใบหน้าหวานจึงรีบหันกลับมาและก้มหน้าลงทันที

 

 

“วันนี้เธอออกไปข้างนอกกับไมเคิลไม่ใช่หรือ….ไปไหนกันมา”

 

 

“ไป….ไปเที่ยวรอบเมืองมาค่ะ พอดีว่าคุณไมเคิลเขาชวน แล้วคุณมีอากับคุณเอมิลี่เขาก็อยากให้ดาไปด้วย ดาก็เลยต้องไปค่ะ” เสียงหวานตอบตามความจริงหากแต่คนที่ได้ยินคำตอบกลับรู้สึกคุกรุ่นขึ้นมาเสียอย่างนั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้แขนแกร่งโอบรัดเอวบางแน่นขึ้นจนคนถูกรัดเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาบ้างแล้ว

 

 

“คงสนุกมากเลยสินะ….ไปกับมันน่ะ” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงที่กดต่ำลง จนเหมือนกับว่าเขากำลังคำรามหึ่มอย่างความไม่พอใจใส่เธอ

 

 

ดั่งเหมือนกับสิงห์ที่กำลังแยกเขี้ยวใส่กระรอกเนื้อหวานอยู่ก็มิปาน!

 

 

“ค่ะ….สนุกมากค่ะ” กานดาตอบประชดไปด้วยความเหลืออดก่อนที่เธอจะพูดถากถางเขาไปบ้าง “คุณก็คงจะสนุกมากสินะคะ ที่ได้อยู่กับแฟนของคุณ”

 

 

“นั่นอะไร” วิลเลียมหันมาเปลี่ยนเรื่องพูดถึงกล่องของขวัญที่วางอยู่ข้างแจกันดอกไม้แสนสวยแทน

 

 

“เนคไทค่ะ….ฉันซื้อมาเป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆให้คุณ แต่คุณคงไม่อยากได้หรอกมั้งคะเพราะมันไม่ได้มียี่ห้อหรูหราอะไรมากมายและก็ไม่ได้แพงหูฉีกอย่างของที่คุณใส่ด้วยค่ะ” หญิงสาวตอบออกไปเสียงแข็ง พลางพยายามแกะแขนแกร่งให้คลายออกจากเอวบางอีกครั้ง

 

 

“งั้นหรือ” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วพร้อมกับหายใจรดต้นคอนวลเนียนของอีกฝ่ายดั่งอยากจะแกล้งให้เธอหวิวไหวไปกับเขาอีกครั้ง

 

 

“ยะ….อย่าค่ะคุณวิล”

 

 

                เสียงหวานเอ่ยห้ามคนชอบแกล้งเสียงสั่น พลางดิ้นหลบปากร้ายที่กำลังพรมจูบไปทั่วต้นคอขาวเป็นพัลวัน มือเล็กก็พยายามดันให้แขนแกร่งปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระอย่างสุดความสามารถ หากแต่พยายามเท่าไหร่ก็เหมือนว่าผลสำเร็จมันจะห่างไกลออกไปมากขึ้นทุกที ยิ่งเธอดิ้นเขาก็ยิ่งรัด ยิ่งเธอผลักเขาก็ยิ่งเข้าหา ยิ่งเธอเบี่ยงหลบสัมผัสอันหวิววาบเขาก็ยิ่งสนองให้เธอด้วยการระดมจูบและดูดดึงไปทั่วซอกคอขาวพลางขบกัดหูนิ่มให้อีกฝ่ายต้องขนลุกขนพอง

 

 

เหมือนดั่งกำลังบอกให้เธอรับรู้ไว้ ว่าเขามีอำนาจเหนือกว่าเธอเป็นหลายเท่า จนหากเขาจะทำอะไร จะโฉบฉวยโอกาสจากเธอเมื่อไหร่มันก็ย่อมได้ทุกเมื่อ!

 

 

“อย่าดิ้น….ถ้าไม่อยากเสียความบริสุทธิ์”

 

 

                คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว ความรู้สึกหวาดกลัวประดังประเดเข้ามาในจิตใจของเธอในทันที ร่างบางขืนตัวไว้แต่ไม่ยอมขยับกายเพราะกลัวว่าสิ่งที่ปากร้ายเอ่ยออกมาจะเป็นความจริง สัมผัสวาบหวิวยังคงฝากฝังบนเนื้อเนียนที่ตอนนี้ลามลงมายังฐานคอขาวนวลเมื่อมือหน้าข้างหนึ่งล่นเสื้อคลุมตัวหนาลงให้อยู่ในระดับอกของกายสาว ดวงตาคมเหลือบมองเนินเนียนงามที่นูนพ้นขอบเสื้อกล้ามอยู่แวบหนึ่งก่อนที่เขาจะข่มอารมณ์และหันมาสนใจลำคอขาวนวลแทน

 

 

                วิลเลียมฝากรอยจ้ำแดงไว้ที่ซอกคอของแม่เลขาสาวแสนสวยอยู่หลายจุด ก่อนที่เขาจะเลื่อนมาฝังจูบลงบนไหล่มล และหันมาขโมยหอมแก้มนวลนิ่มเสียฟอดใหญ่ให้ชื่นใจอีกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงเมื่อแขนกำยำคลายกอดออกและดันร่างเล็กที่เหมือนจะอ่อนแรงให้พ้นออกจากตักแกร่งของเขา

 

 

“กลับห้องไปได้แล้ว”

 

 

เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดุแข็งเช่นเดิม พลางมองคนตรงหน้าที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่ในตอนนี้ ก่อนที่เขาจะกล่าวห้ามขึ้นเมื่อมือเล็กทำท่าจะเอื้อมไปจับแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ตัว

 

 

“เอามันไว้นี่แหละ….เชิญ”

 

 

                กานดากัดฟันแน่นพยายามข่มน้ำตาไม่ไหลออกมา ก่อนที่ร่างบางจะก้าวไปทางประตูเชื่อมระหว่างห้องและรีบเข้าห้องของตัวเองไปให้เรียวที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือเล็กทั้งสองข้างกำเข้าหากันด้วยความโกรธ รู้สึกอยากจะกรีดร้องออกมาจนเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด ความรู้สึกเสียใจถ่าโถมเข้ามาในใจจนเธอแทบจะทรงตัวไว้ไม่ไหว เหมือนขาแข้งอ่อนแรงลงในทันใด เมื่อความร้ายกาจที่เขามอบให้มันกัดกินหัวใจของเธอให้มันแหลกสลายไม่เป็นชิ้นดี

 

 

                ทำไมเขาถึงได้ทำกับเธออย่างนี้ ลวนลามเธอ โฉบฉวยโอกาสจากเธอโดยที่เธอไม่ได้อนุญาตให้เขาทำเลยสักนิด เขาเห็นเธอเป็นอะไรกัน ตัวอะไรสักอย่างงั้นหรือ หรือว่าเห็นเธอเป็นตุ๊กตาของเล่นที่จะจับโน่นจูบนี่ได้ดั่งใจปรารถนา จะกอดจะลูบจะจูบจะคลำอย่างไรก็ย่อมได้ เพียงแค่เพราะเขาเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของเธอน่ะหรือ….

 

 

เจ้าหนี้รายใหญ่….ที่หวังจะให้เธอชดใช้ด้วยร่างกายอย่างนั้นน่ะสิ!

 

 

               แต่จะโทษว่าใครผิดมันก็คงเป็นตัวเธอ ที่ไม่รู้จักปกป้องตัวเองปล่อยให้เขาแทะโลมอย่างอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่มันเป็นเพราะอะไรล่ะ นั่นก็เพราะเธอดันเข้าไปในห้องของเขาโดยที่เขาไม่ได้เชื้อเชิญเลยด้วยซ้ำ แล้วเป็นอย่างไรเล่า เขาคงจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายที่เข้ามาอ่อยเขาถึงในห้องนอนเลยน่ะสิ เขาถึงได้ทำกับเธอเหมือนเธอเป็นสาวโคมแดงเช่นนี้

 

 

เธอไม่น่าเข้าไปในห้องเขาเลย ไม่น่าเชื่อใจเขาเลยจริงๆ....

 

 

“คนบ้า! ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้ เห็นฉันเป็นของเล่นหรือไง….ฉันเกลียดคุณที่สุดคุณวิลเลียม!”

 

 

                เสียงสั่นเครือว่าออกมาอย่างตัดพ้อ แก้มนวลนิ่มทั้งสองในตอนนี้อาบไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลร่วงรินไม่ขาดสาย ก่อนที่ร่างบางจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มและปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ให้ความเจ็บช้ำระกำใจในสิ่งที่เจ้านายหนุ่มผู้แสนใจร้ายเป็นคนทำมันไหลผ่านไปกับน้ำตาหยดใสที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะแห้งเหือดลงเสียที….

 

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา