จอมใจ....สุดที่รัก
เขียนโดย ปลายปากกาสีน้ำเงิน
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.
แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) +++ นางมารร้าย....ในคราบนักบุญ! 2 ++++
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ก็ฉันเป็นผู้หญิงของวิลเลียม….เหมือนกับคุณนี่คะ”
คำๆนั้นทำให้ดวงตาหวานต้องเบิกตากว้าง เหมือนมีน้ำเย็นเจี๊ยบมาซัดสาดกายสาวให้เย็นยะเยือกไปจนถึงขั้วของหัวใจ เหมือนหัวใจดวงน้อยมันหยุดเต้นไปชั่วขณะ คำว่า ‘ผู้หญิงของวิลเลียม’ มันดังก้องไปทั่วโสทประสาทจนเธอลืมไปแล้วว่ามาที่ย่านธุรกิจแห่งนี้เพื่อโอนเงินส่วนหนึ่งไปให้กับเจ้านายทั้งสองที่เปรียบเสมือนเป็นผู้มีพระคุณตั้งแต่ยังเด็กยังเล็กของเธอ
“คะ….คุณว่าอะไรนะ” หญิงสาวถามย้ำกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“ฉันบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงของวิลเลียมเหมือนกับคุณค่ะ” หญิงสาวอีกคนตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่เคลือบไปด้วยอำนาจและชัยชนะ
“คุณเป็นผู้หญิง….ของคุณวิลเลียม”
กานดาทวนคำด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาอย่างยวดยิ่ง ดวงตาสวยกรอกตาไปมาด้วยความสับสน ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยคิดว่าเขาอาจจะมีสาวน้อยสาวใหญ่มาคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ก่อนหน้าที่เธอจะมาอยู่กับเขา เพราะมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนหล่อๆแถมยังรวยล้นฟ้าอย่างเขาย่อมจะมีผู้หญิงมาเกาะแกะวุ่นวายไม่ขาดสายอยู่แล้ว แต่พอต้องมาเจอหน้าพวกหล่อนแบบตรงๆอย่างนี้ มันเหมือนเธอถูกพวกหล่อนเอามีดคมกริบมาทิ่มแทงและปักไว้กลางอกของเธออย่างไงอย่างงั้น หัวใจดวงน้อยมันสั่นคลอนและปวดร้าวจนเธอต้องนำมือเรียวมาเกาะกุมอกด้านซ้ายเอาไว้แน่น พลางสูดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ และตั้งสติมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตาอีกครั้ง
“ฉันว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่านะคะ ดูคุณอาการจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
เสียงยียวนบอกกับเธอพร้อมกับรอยยิ้มที่เหยียดหยัน ก่อนที่ร่างอวบอึ๋มจะหันหลังกลับและพาเธอไปยังร้านกาแฟที่เปิดอยู่ไม่ไกลจากธนาคารที่เธอและหล่อนยืนอยู่นัก
ร่างใหญ่นั่งทอดสายตามองไปยังนอกร้านกาแฟสุดหรูพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยมีสองสาวสุดแสบแห่งตระกูลเลสเซิ้ลนั่งถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานอยู่ตรงหน้า ไมเคิลออกมาหาอะไรดื่มหลังจากที่เขาไปเป็นช่างภาพกิตติมาศักดิ์ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในบริเวณแถวนี้ที่จ้างเด็กสาวทั้งสองมาเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย
“นั่งทำหน้าเป็นลิงบาบูนอีกแล้วไมเคิล” มีอากล่าวเสียงใสพลางตีหน้ายุ่งใส่ชายตรงหน้าเล็กน้อย
“ก็มันเบื่อๆนี่ งานของฉันมีแต่ตามไปถ่ายแบบให้กับพวกเธอ เป็นใครใครก็ต้องเบื่อ” ไมเคิลเอ่ยแกมหยอก ก่อนจะยักคิ้วให้กับสองสาวเป็นการกวนประสาทซึ่งได้ผลดีเสียด้วย
“ถ้าอย่างนั้นทีหลังก็ไม่ต้องรับงานสิ เป็นคนรับงานมาเองแล้วมานั่งบ่นอย่างนี้มันใช้ได้เสียที่ไหน….น่าเบื่อจริง” เอมิลี่กล่าวด้วยความหงุดหงิดพลางตีหน้ายุ่งใส่เขายิ่งกว่าผู้เป็นน้องเสียด้วย
“ฉันก็แค่ล้อเล่นเองหน่า ทำเป็นอารมณ์เสียไปได้” เสียงทุ้มว่าพลางเอื้อมมือไปตบศีรษะของเด็กสาวคนโตแห่งตระกูลเลสเซิ้ลเบาๆเป็นการหยอก ทำเอาใบหน้าขาวใสแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นเล็กน้อยด้วยความเขินอายต่อการกระทำของเขาเลยทีเดียว
แถมหัวใจของหล่อนยังเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะเสียด้วย!
‘ตี๊ด….ตี๊ด….’
โทรศัพท์เครื่องหรูสั่นขึ้นจนคนเป็นเจ้าของต้องสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่มือแกร่งจะล้วงกระเป๋าเสื้อสูทและหยิบขึ้นมาดูว่าใครกันที่โทรหาเขาในเวลาเย็นย่ำแบบนี้ แต่พอได้เห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอปุ๊บเขาก็ต้องทำสีหน้าเบื่อโลกมากยิ่งกว่าเก่า ก่อนที่เขาจะกดรับสายตามมารยาทอันพึงควร
“หวังว่าจะเป็นเรื่องดีนะ” เขาเอ่ยทักปลายสายด้วยน้ำเสียงราบเรียบและประโยคที่คนฟังถึงกับต้องชะงักไปเล็กน้อย
“แค่ฉันโทรมามันยังไม่ใช่เรื่องดีอีกหรอคะ” เสียงเซ็กซี่ตอบกลับไปอย่างประชดประชันเล็กน้อย
“มีอะไรก็ว่ามาสิ” ไมเคิลกล่าวเสียงเรียบตามเคย ก่อนที่เขาจะคว้ากระดาษโน้ตมาเขียนขยุกขยิกเป็นคำว่า ‘โมนิก้า’ และชูขึ้นให้สองสาวที่จ้องเขาตาเขม็งอ่าน
“ฉันแค่อยากเจอคุณบ้างน่ะค่ะ ตั้งแต่ฉันกลับมาเราก็ยังไม่ได้เจอกันเลย คุณว่างไหมคะ” โมนิก้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วดูเหมือนเธอกำลังมีเรื่องคับอกคับใจอยู่ก็มิปาน
“ผมตอบว่าไม่ว่างได้ไหมล่ะ” ชายหนุ่มถามออกไปตามที่เขาคิด ทำเอาคนปลายสายถึงกับรู้สึกจุกอกขึ้นมาในทันที
“ฉันมีเรื่องกลุ้มใจอยากจะปรึกษาคุณค่ะไมเคิล ช่วยมาหาฉันที่ร้านกาแฟที่เราเคยเจอกันหน่อยได้ไหมคะ” หล่อนกล่าวเสียงอ่อนลงไปอีก แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนที่กำลังฟังรู้สึกสงสารขึ้นมาบ้างเลย
“กลุ้มใจก็มาหาผม แต่พอมีความสุขก็ไปหาวิลเลียมอย่างนั้นน่ะหรอ” เสียงทุ้มตอกกลับไปอย่างตรงจุด จนคนปลายสายแทบอยากจะกรีดร้องออกมาเพราะเกินจะทนกับความใจแข็งของเขาเสียแล้ว
“ได้โปรดเถอะค่ะไมค์ ฉันไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากคุณ” หากแต่หล่อนกลับยังคงกดอารมณ์ไว้และพยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ก็ได้….ฉันอยู่ร้านกาแฟแถวนั้นพอดี….แค่นี้แหละ” กล่าวจบมือแกร่งก็กดวางสายไปทันที โดยไม่คิดจะรอให้อีกฝ่ายพูดต่อเลยสักนิด
“อะไรคะ” เอมิลี่โพล่งออกมาทันทีที่ชายหนุ่มกดวางสาย
“อะไรล่ะ….เขาให้ฉันไปเจอที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม” ไมเคิลตอบกลับพลางทำหน้าเซ็งเล็กน้อย
“ฉันไปด้วยค่ะ” ว่าแล้วร่างอวบอิ่มก็ลุกขึ้นพร้อมกับฉุดให้ผู้เป็นน้องสาวลุกตามหล่อนมาด้วย
“ตามใจ”
ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยเหมือนกัน ก่อนที่เขาจะเดินนำหน้าเด็กสาวทั้งสองออกจากร้าน หากแต่จู่ๆเขาก็หันมาทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ลูกสาวคนโตของตระกูลเลสเซิ้ล และโน้มหน้าไปไกล้เสียจนใบหน้าสวยหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาในทันที
“แต่ไม่รับประกันนะว่าฉันจะทำให้เธอหึงหรือเปล่า เพราะฉันกับโมนิคเราก็เคยคบกันอยู่ระยะนึง เธอก็รู้หนิใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยเป็นเสียงกระซิบที่ยียวนเสียจนคนหน้าแดงต้องหน้าแดงแป๊ดมากขึ้นเข้าไปอีก แถมตอนนี้เขายังยั่วอารมณ์หล่อนจนมันคุกรุ่นได้ที่แล้วเสียด้วย
“ใครเขาจะไปหึงคุณกัน!”
เอมิลี่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดุแข็ง ก่อนจะลากผู้เป็นน้องสาวให้เดินตามตัวเองออกจากร้านไปต้อยๆพลางนับเลขหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อควบคุมอารมณ์ไม่ให้พุ่งสูงไปมากกว่านี้ ทำเอาคนยืนมองต้องหัวเราะออกมาเบาๆก่อนที่เขาจะเดินออกจากร้านตามพวกหล่อนไปด้วย
ยามค่ำคืนที่มีแสงสว่างไสวจากท้องถนนที่มีคนจอแจ อุณหภูมิภายนอกในตอนนี้ลดลงต่ำจนทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่น จนต้องหาที่พักพิงกายให้อบอุ่นภายในร้านกาแฟที่อบอวลความหอมกรุ่นของเมล็ดกาแฟที่ทางร้านลงมือคั่วเองกับมือ หากแต่ความอบอุ่นของอุณหภูมิภายในร้านนั้นมันไม่อาจช่วยให้ร่างเล็กที่นั่งใจสั่นรู้สึกดีขึ้นมาได้เลย
“ตกใจมากหรือไงคะ ที่รู้ว่าวิลเลียมยังมีผู้หญิงคนอื่นอีกนอกจากคุณ”
เสียงยียวนเอ่ยขึ้นหลังจากที่หล่อนและเธอนั่งเงียบอยู่เป็นนานสองนาน ก่อนที่หล่อนจะยกกาแฟขึ้นมาจิบพลางวางมาดเย่อหยิ่งใส่คนตรงหน้าที่นั่งทำหน้าเจื่อน ไม่ยอมพูดตอบอะไรออกมาเลยสักนิด
“อย่าตกใจไปเลยค่ะ เพราะยังไงนอกจากฉันแล้วคุณก็ยังต้องเจอผู้หญิงของเขาอีกหลายคน” หล่อนกล่าวก่อนจะโน้มตัวไปหาเธอเล็กน้อย “ที่มาตามทวงเขาคืน”
ดวงตาหวานมองใบหน้าสวยด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกเล็กน้อยเหมือนดั่งคนกำลังร้องไห้อยู่ก็มิปาน มือเรียวงามที่วางอยู่บนตักนุ่มกุมเข้าหากันแน่นจนมันสั่นเทาและชาไปหมด ร่างกายที่เคยเข้มแข็งดูเหมือนจะอ่อนแรงลงจนเหมือนคนที่หมดกำลังทั้งกายและใจ แต่นั่นทำให้คนที่ถือไพ่เหนือกว่าต้องแสยะยิ้มให้กับชัยชนะที่หล่อนสามารถคว้ามาครอบครองได้อย่างง่ายดาย
เพราะความอ่อนแอของศัตรูที่เพียงแค่รู้ว่าหล่อนเป็นใคร ก็ทำให้กายงามที่เคยมีแต่ความสดใสก่อนหน้านี้หม่นหมองลงจนเหลือแต่ความเหี่ยวเฉา….
ดั่งดอกไม้ที่กำลังจะแห้งตาย!
“ฉันจะเชื่อได้ยังไง ว่าคุณเป็นผู้หญิงของคุณวิลเลียมด้วยเหมือนกัน” กานดาถามออกไปเสียงแข็ง หากแต่เจือปนไปด้วยความสั่นเครือถึงแม้ว่าเธอจะพยายามบังคับเท่าไหร่ก็ตาม
“ฉันกับเขาคบกันเมื่อหลายเดือนก่อน….ก่อนที่เขาจะเจอกับคุณประมาณเดือนนึงเห็นจะได้ล่ะมั้งคะ” หล่อนตอบอย่างสบายๆ พลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้กำมะหยี่ให้สบายตัว “ตอนนั้นน่ะฉันมีความสุขมากที่ได้คบกับเขา เพราะเขาดูแลฉันอย่างดี คอยเอาอกเอาใจฉัน คอยถะนุถนอมฉัน….เหมือนที่เขากำลังทำกับคุณ”
“แล้วยังไงต่อคะ” เสียงหวานถามต่อถึงแม้ว่าประโยคสุดท้ายของหล่อนจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บร้าวที่หัวใจขึ้นมาก็ตาม
“ก็ไม่แล้วยังไง คุณก็รู้ว่าคนคบกันรักกันก็ต้องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันเป็นธรรมดา….แล้วฉันก็ท้องกับเขา” หล่อนเอ่ยก่อนจะลูบหน้าท้องที่นูนเด่นไปมาเบาๆ “ลูกในท้องของฉันตอนนี้ก็คือลูกของเขา….วิลเลียม เลสเซิ้ล”
กานดามองตามมือนั้นแล้วก็ต้องนิ่งอึ้งไปในทันใด ความที่ก่อนหน้านี้เธออยู่ในอาการตกใจจึงไม่ทันได้สังเกตท้องนูนๆของหล่อนเลยสักนิด แล้วยิ่งเมื่อหล่อนใส่ชุดพรางตัวไว้ตอนยืนมันก็ยิ่งดูไม่ออกไปกันใหญ่ เพราะด้วยความที่หน้าท้องนั้นยังไม่ใหญ่มากจึงทำให้เธอไม่คิดตะขิดตะข่วนใจเลยสักนิด หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา หากแต่จู่ๆอีกฝ่ายก็ทำแววตาและสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวดจนเธอเองต้องรู้สึกประหลาดใจ
“ฉันก็ไม่อยากเล่าให้คุณฟังหรอกนะคะ แต่เห็นแก่ความเป็นผู้หญิงแถมยังเป็นคนไทยด้วยกัน คุณวิลเลียมน่ะ….เขามีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเหลือเกิน ตอนที่เขากำลังคบอยู่กับฉัน เขาก็คบกับคนอื่นด้วยเหมือนกัน” หล่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ไม่มีใครเลยที่สำคัญสำหรับเขา ถึงแม้ว่าเขาจะทำเป็นรักและถะนุถนอมเรามากแค่ไหนก็ตาม ผู้หญิงทุกคนเปรียบเสมือนของเล่นในสายตาของเขา และคุณ….ก็คงไม่ต่างกัน”
คำพูดประโยคสุดท้ายและรอยยิ้มที่กระตุกขึ้นอย่างเย้ยหยันเล็กน้อยมันช่างทิ่มแทงหัวใจของอีกฝ่ายได้ดียิ่งนัก ถึงแม้ว่าใบหน้าสวยจะยังคงความโศกเศร้าไม่เสื่อมคลายก็ตาม
“รู้ไหมคะ….ตอนที่ฉันรู้ว่าตั้งท้องกับเขา มันเหมือนเป็นพรจากสวรรค์ที่พระเจ้าทรงมอบให้ฉันก็มิปาน ฉันดีใจมาก….ดีใจมากจริงๆที่จะได้เป็นแม่คน และมีเขาเป็นพ่อของลูกฉัน แต่แล้ว….ฝันของฉันมันก็พังสลาย เมื่อเขารู้ว่าฉันตั้งท้อง” หล่อนเล่าต่อพลางเอามือปาดน้ำตาที่จู่ๆก็ไหลออกมาเล็กน้อย
“ทำไมหรือคะ” กานดาถามออกไปด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว
“เขา….เขาบอกให้ฉันไปทำแท้งค่ะคุณกานดา”
ร่างอวบอึ๋มโพล่งออกมาก่อนจะปล่อยโฮอย่างสุดจะกลั้น ทำเอาคนได้ยินดังนั้นถึงกับต้องชะงักงันไปในทันที ดวงตาสวยเบิกตากว้างพลางอ้าปากเล็กน้อยด้วยความตกใจ ความคิดต่างๆถูกหยุดนิ่งไว้อย่างเฉียบพลัน หัวใจดวงน้อยที่สั่นคลอนเต้นโครมครามและรัวเร็วจนมือเรียวข้างหนึ่งต้องเอื้อมมาทาบทบอกด้านซ้ายเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันเต้นเร็วไปมากกว่านี้
เหมือนโดนน้ำอันแสนเย็นเจี๊ยบสาดใส่หน้าเข้าอย่างจัง….เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เป็นเสมือนดวงใจของเธอจะใจร้ายใจดำมากขนาดนี้ เขาสั่งให้คนตรงหน้าเธอไปทำแท้งแบบคนที่ไม่มีความรับผิดชอบงั้นหรือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเขาออกจะแสนดีกับใครต่อใครขนาดนั้น ไม่มีแม้แต่เงาของความเป็นคนชั่วที่กล้าฆ่าลูกตัวเองได้เลยสักนิด
แล้วความจริง….มันเป็นอย่างไรกันแน่….
“เขาบอกให้ฉันเอาลูกของเขาออก เพราะเขาไม่อยากโดนผูกมัดและเขาก็ไม่เคยคิดจริงจังกับฉันเลย แต่ฉันทำไม่ได้ค่ะ….ฉันทำแท้งเพื่อเขาไม่ได้ เพราะยังไงเด็กในท้องก็คือลูกของฉัน และฉันก็รักลูกมากเกินกว่าที่จะทำร้ายเขาได้ ถึงแม้ว่าคนเป็นพ่อจะไม่ยอมรับเขาก็ตาม” หล่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวดอย่างยวดยิ่ง ก่อนที่มือนิ่มจะเอื้อมมาเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มพวงสวยอีกครั้ง และมองใบหน้าหวานพร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนๆให้กับเธอ
“ฉันก็เลยต้องหลบหน้าและหายไปจากชีวิตของวิลเลียม ไม่ติดต่อ….และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก เพื่อความปลอดภัยของฉันและลูกค่ะ”
คำพูดและน้ำเสียงของหล่อนช่างดูน่าเชื่อถือยิ่งนัก จนคนฟังมิอาจจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงได้เลย หากแต่ความสงสัยในจิตใจยังคงวนเวียนอยู่ไม่ยอมไปไหน ความแสนดีที่เขามอบให้มันยังคงถูกจดจำไว้ในหัวใจของเธออยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่คิดสงสารคนตรงหน้าหรืออะไร แต่เพียงแค่เธอคิดว่าการฟังความจากฝ่ายเดียวแล้วหลงเชื่อเลยนั้นมันคงจะเป็นอะไรที่ไร้เหตุผลไปเสียหน่อย อย่างน้อย….เธอก็อยากจะฟังจากปากของเขา คนที่เธอรักยิ่งกว่าคนไหนๆ คนที่เป็นเสมือนดวงใจที่ทำให้เธอยังคงมีชีวิต และยังคงก้าวเดินต่อไปจนมาถึงตอนนี้
แต่ถ้าหากสิ่งที่หล่อนพูดมันเป็นเรื่องจริง….หัวใจของเธอมันก็คงจะแหลกสลายจนกลายเป็นผุยผงอย่างแน่แท้….
“ฉันจะเชื่อคำพูดของคุณได้ยังไง” เสียงหวานกล่าวออกมาลอยๆพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่นั่นทำให้คนที่กำลังเสแสร้งแกล้งแสดงละครต้องเปลี่ยนสีหน้าในทันที!
“ดูเหมือนเรื่องของฉันมันจะไม่เข้าไปอยู่ในสมองคุณเลยนะ….คุณนี่มันเห็นแก่ตัวที่สุด” หล่อนกัดเคี้ยวเขี้ยวฟันเอ่ยออกมาด้วยความโมโหที่เธอไม่ยอมเชื่อหล่อนเสียที
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เพียงแต่ฉันคิดว่าจะมานั่งฟังคุณข้างเดียวแล้วเออออตามมันก็คงจะไม่ได้ เพราะฉันต้องให้โอกาสคุณวิลในการอธิบายให้ฉันฟังก่อนด้วย อย่างนี้มันถึงจะถูกต้องไม่ใช่หรือคะ” กานดารีบแก้ตัวเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นพวกคนใจร้ายใจดำ
“แล้วคุณคิดว่าเขาจะบอกคุณหรือไง หึ….ไม่มีทางซะหรอก” หล่อนบอกพลางเบ้ปากอย่างเหยียดๆใส่เธอเล็กน้อย
“ฉันเชื่อว่าเขาจะบอกฉันค่ะ….ฉันเชื่อใจเขา”
หญิงสาวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ทำเอาคนที่ได้ยินและได้เห็นดังนั้นต้องหัวเสียขึ้นมาในทันที อารมณ์หงุดหงิดพุ่งสูงปี๊ดจนใบหน้าสวยๆบูดบึ้งและยุ่งเหยิงไปหมด นี่หล่อนแสดงละครไม่เนียนเลยหรืออย่างไรอีกฝ่ายถึงได้ไม่ยอมปักใจเชื่อหล่อนอย่างนี้ ทั้งบีบน้ำตาทั้งทำเสียงและสีหน้าให้น่าสงสาร แถมยังแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องจริงแม้แต่นิด เพราะความจริงแล้วหล่อนไม่เคยคบกับมหาเศรษฐีชื่อดังคนนี้เลย และคงจะไม่มีวันได้คบด้วยเพราะตัวหล่อนเองก็มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แถมเขายังโหดอย่าบอกใครเสียด้วย แต่ที่หล่อนต้องแกล้งโกหกหน้าตายอย่างนี้ก็เพราะว่าหล่อนต้องการเงินก้อนใหญ่มาจุนเจือครอบครัวของหล่อนก็เท่านั้น เงินก้อนใหญ่ที่ได้จากหญิงสาวอีกคนผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด และอีกก้อนใหญ่มหาศาลที่หล่อนจะได้จากหญิงสาวตรงหน้าในไม่ช้า!
‘ยัยโง่เอ๊ย ถึงขนาดนี้แล้วยังจะมั่นใจอยู่อีกเหรอ….ความรักนี้หนาช่างทำให้คนเราหน้ามืดตามัวได้ดีจริงๆ’
“ก็ได้….ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็ ฉันมีคลิปนะ จะดูไหมล่ะ”
กล่าวจบมืออิ่มก็คว้ากระเป๋าถือของตัวเองมาค้นหาโทรศัพท์เครื่องสวยออกมา ทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าต้องทำหน้าเจื่อนลงในทันที หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเร็วอีกครั้งด้วยความตื่นตระหนก มือเรียวกุมเข้าหากันอีกครั้งพลางพร่ำภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าให้คลิปที่หล่อนพูดถึงเป็นอย่างที่เธอคิดไว้เลย ตอนนี้เธอไม่อยากเห็นอะไรที่มันบาดตาบาดใจทั้งนั้น เพราะแค่เรื่องที่เธอต้องเผชิญอยู่นี้มันก็มากมายจนเกินกว่าที่ใจของเธอมันจะรับได้อีกแล้ว
“ครั้งสุดท้ายที่เรามีอะไรกัน ฉันแอบอัดคลิปเอาไว้” หล่อนกล่าวพลางยื่นโทรศัพท์เครื่องสวยมาจ่อตรงหน้าเธอ “ดูสิ….ใช่หรือเปล่า สามีของคุณน่ะ”
กานดามองภาพเคลื่อนไหวนั้นแล้วก็แทบหัวใจสลาย คำภาวนาที่พร่ำเพ้ออยู่ในใจดูเหมือนว่าคนบนฟ้าจะไม่ได้ยินเอาเสียเลย ถึงแม้ว่าเธอจะได้เห็นเพียงแค่ภาพเบลอๆในส่วนของใบหน้า แต่รูปร่างและน้ำเสียงที่เปล่งออกมาของชายในคลิปนั้นก็ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเจ้านายหนุ่มสุดที่รักเสียเหลือเกิน จนไม่อาจจะหักห้ามใจไม่ให้คิดว่าไม่ใช่เขาไปได้เลย ใบหน้าสวยเบี่ยงหน้าหลบและหันไปมองภายนอกร้านแทนเพราะทนดูต่อไปไม่ได้อีก ทำให้คนจอมวางแผนต้องแสยะยิ้มและกดปิดคลิปนั้นก่อนจะนำโทรศัพท์ใส่ลงไปในกระเป๋าถือดั่งเดิม
“ทนดูไม่ได้ล่ะสิ ก็บอกแล้วว่าฉันพูดเรื่องจริง….อย่ามาทำเป็นโง่เพราะความรักไปหน่อยเลย” หล่อนกล่าวอย่างแดกดันพลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
“คุณต้องการอะไรจากฉัน” เธอถามกลับไปด้วยน้ำเสียงดุแข็งทันทีเมื่อโดนคนตรงหน้าทำกิริยาท่าทางไม่เป็นมิตรใส่อีกครั้ง
“หึ….ตรงไปตรงมาดีนี่ ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ” หล่อนเอ่ยก่อนจะจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ “ฉันต้องการเงินสิบล้าน….ไม่ใช่สิบล้านบาทนะ แต่เป็นสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ”
คำตอบของหล่อนแทบทำให้คนได้ยินเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้น สิบล้านดอลลาร์สหรัฐ!....เธอจะไปเอามาให้หล่อนได้อย่างไร แค่ตอนนี้สักล้านนึงเธอยังไม่มีติดตัวเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องสักล้านนึงหรอก สักแสนนึงก็ยังไม่รู้ว่าในบัญชีของเธอจะมีหรือเปล่าเลย ยิ่งถ้าเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง ลืมมันไปซะ!
“ฉันไม่มีให้คุณหรอกค่ะเสียใจด้วย แค่หนึ่งล้านบาทไทยฉันยังไม่มีเลยค่ะ” กานดาบอกออกไปตามตรง แต่นั่นทำให้คนตรงหน้าต้องหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเบาๆ
“งั้นคุณก็ขอวิลเลียมสิคะ ฉันว่าเขาคงจะประเคนให้คุณแน่ๆ และอาจจะมากกว่าสิบล้านที่ฉันขอด้วยซ้ำ” เสียงยียวนกล่าวพลางแสยะยิ้มเล็กน้อย “เพราะเงินแค่นี้มันไม่สะทกสะท้านฐานะของเขาหรอกค่ะ มันก็แค่เศษเงิน….ที่เขาจะเจียดมาให้คุณเท่านั้น”
“ไม่ได้หรอกค่ะ จะให้ฉันไปขอเงินเขาแบบไม่มีเหตุผลอย่างนี้ไม่ได้ แถมเงินที่คุณขอมันก็ตั้งมากมายไม่ใช่แค่ล้านสองล้าน ฉันคงเอาเงินของเขามาให้คุณไม่ได้ค่ะ” หญิงสาวยังยืนยันคำเดิมไม่มีเปลี่ยน ซึ่งทำให้คนร้อนเงินต้องรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่ก็ยังเก็บอาการและข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หากแต่พวกเธอไม่รู้หรอกว่ามีใครบางคนกำลังดักฟังการสนทนาของพวกเธออยู่ ไมเคิลนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะที่หญิงสาวทั้งสองนั่งเท่าไหร่นัก ด้วยความที่เมื่อครู่นี้ที่เขาเดินเข้ามาในร้านแล้วสังเกตเห็นเลขาสาวของเพื่อนหนุ่มกำลังนั่งคุยกับใครบางคนอยู่เลยตั้งใจจะเดินไปหา เพราะเอมิลี่และมีอาขอตัวไปซื้อของใช้บางอย่างที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่พอเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้เธอ เขาก็ได้ยินบทสนทนาที่ดูเหมือนว่าหญิงแปลกหน้ากำลังข่มขู่ด้วยการเรียกเงินจากเธออยู่ไม่มีผิด และด้วยความที่เธอนั่งหันหลังให้เขาเธอจึงไม่ทันได้เห็นเขา มันจึงเป็นโอกาสที่เขาจะนั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆกับเธอและคอยฟังว่าพวกเธอคุยอะไรกันต่อจากนั้นบ้าง
“เรื่องที่ฉันเล่า มันยังไม่มีเหตุผลพออีกหรอคะ” หล่อนถามด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
“แต่นั่นมันมากเกินไป เงินตั้งมากมายขนาดนั้นฉันคงหามาให้คุณไม่ได้….เอาอย่างนี้ดีไหมคะ ฉันจะลองคุยกับคุณวิลดู ให้เขารับผิดชอบคุณและลูกในท้องของคุณ….”
“ห้ามบอกให้เขารู้เด็ดขาด!” หล่อนรีบขัดทันทีที่หญิงสาวอีกคนเอ่ยเช่นนั้น “คุณคิดดูสิว่าถ้าเขารู้ว่าฉันยังไม่ยอมไปทำแท้งตามที่เขาบอก มันจะเป็นยังไง ทีนี้เขาจะไม่บังคับและพาฉันไปทำแท้งด้วยตัวเองเลยหรือ”
กานดาได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบจะจับเป็นปมแน่น ตอนนี้เธอไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดีแล้ว เพราะจะให้หาเงินสิบล้านดอลลาร์สหรัฐมาให้หล่อนง่ายๆมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ และคงจะไม่มีวันเป็นไปได้ด้วย จะไปคุยกับคนตัวการหล่อนก็ดันสั่งห้ามเอาไว้อีก แล้วอย่างนี้เธอจะต้องทำอย่างไรดีหนา ต้องทำยังไงเรื่องร้ายๆเหล่านี้ถึงจะจบลงเสียที….
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างเองค่ะ….ฉันจะเป็นคนดูแลคุณตั้งแต่ออกค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคุณ จนไปถึงวันที่คุณคลอดและหลังจากนั้นจนกว่าคุณจะตั้งตัวได้….ฉันจะเป็นคนช่วยคุณเองค่ะ”
ในที่สุดเธอก็พูดออกไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ในเมื่อมันทำอะไรไม่ได้เธอก็ขอรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดแทนเจ้านายหนุ่มของเธอเอง เพราะมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรที่เธอจะดูแลผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังตั้งท้องและกำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และมันก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้เรื่องต่างๆจบลงด้วยดี โดยไม่ต้องมีคนเดือดร้อนอีกต่อไป
อย่างน้อยเธอก็ได้ช่วยเขา….ให้พ้นจากบาปกรรมที่เขาเคยก่อไว้บ้าง….หากว่าเรื่องทั้งหมดที่หล่อนเล่ามานี้เป็นเรื่องจริง!
“หึๆ….ช่างเป็นแม่พระจริงๆเลยนะคะ” หล่อนกล่าวพลางเหยียดยิ้ม ก่อนที่ใบหน้าสวยจะแปรเปลี่ยนมาเป็นจริงจังและเจ้าเล่ห์ในทันที “แต่ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณค่ะ สิ่งที่ฉันต้องการ….คือเงินสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วคุณก็ต้องหามันมาให้ได้ด้วย เพราะถ้าเกิดว่าคุณไม่ยอมเอามาให้ฉันตามที่บอกแล้วล่ะก็….คุณก็รู้ดีใช่ไหมว่าตระกูลเลสเซิ้ลน่ะมีชื่อเสียงและโด่งดังในอเมริกามากแค่ไหน รับรองว่าคลิปที่ฉันให้คุณดูไปเมื่อกี้ได้ตกไปอยู่ในมือของพวกนักข่าวแน่ และคงจะไม่เป็นภาพเบลอเหมือนอย่างในคลิปด้วย”
คำข่มขู่กับแววตาที่ฉายแต่การเอาจริงไม่มีเล่นตลกใดๆทั้งสิ้นทำให้คนโดนขู่ต้องรู้สึกอกสั่นขวัญหายขึ้นมาในทันที ดวงตาสวยมองตามร่างอวบอึ๋มที่ลุกขึ้นดั่งผู้มีชัยชนะ ก่อนที่หล่อนจะแสยะยิ้มให้เธออีกครั้ง และโน้มตัวไปหาเธออย่างจงใจ
“คิดให้ดีๆนะคะคุณกานดา แล้วฉันจะโทรหานะคะ” เสียงยียวนกระซิบข้างหูนิ่มเป็นการเป็นท้าย ก่อนที่หล่อนจะยืดตัวขึ้นอีกครั้ง และเดินออกจากร้านไปอย่างไม่คิดจะหันมามองคนที่กำลังนั่งวิตกกังวลอยู่เลย
“คุณกานดาครับ” ไมเคิลเรียกหญิงสาวพร้อมกับรีบเดินปรี่ไปนั่งตรงหน้าเธอแทนที่ ทำให้ดวงตาหวานต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจอย่างยวดยิ่งเมื่อรู้ว่าเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย
“คุณไมเคิล!”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้ขู่คุณอย่างนั้นล่ะ” ชายหนุ่มโพล่งคำถามออกไปทันทีด้วยใจที่ร้อนรนระคนสงสัย
“คือ….” กานดาได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะพูดตอบคนตรงหน้าว่าอย่างไรดี
“เธอเป็นอะไรกับวิลเลียมงั้นหรือครับ” เสียงทุ้มถามต่อพลางขมวดคิ้วเข้าหากัน ซึ่งนั่นเป็นจังหวะที่สองสาวแห่งตระกูลเลสเซิ้ลเดินเข้ามาในร้านและตรงมาทางพวกเขาพอดิบพอดี
“คือ….เธอท้องกับคุณวิลค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าตอบออกไปด้วยหัวใจที่เจ็บจี๊ดกับคำตอบของตัวเอง
“อะไรนะ!!” เอมิลี่และมีอาอุทานออกมาพร้อมกันก่อนที่ผู้เป็นพี่จะลากตัวน้องสาวมาหลบอยู่ตรงกำแพงกั้นระหว่างทางที่เดินไปยังห้องน้ำ
“อะไรนะครับ! เป็นไปไม่ได้” ไมเคิลอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองด้วยเหมือนกัน
“เป็นไปแล้วค่ะคุณไมเคิล เธอบอกว่าเธอคบกับคุณวิลเมื่อหลายเดือนที่แล้วและเกิดท้องขึ้นมา คุณวิลก็เลยสั่งให้เธอไปทำแท้งแต่เธอไม่ได้ทำค่ะ” เสียงหวานอธิบายให้คนตรงหน้าฟังด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ใบหน้าสวยฉายแต่แวววิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วยังไงครับ….พอรู้ว่าคุณกับวิลเลียมคบกัน เขาก็เลยมาข่มขู่คุณอย่างงั้นเหรอ” ชายหนุ่มถามต่อพลางทำหน้าเคร่งเครียดหนักกว่าเก่า จนตอนนี้ใบหน้าอันหล่อเหลากลับยับย่นและยุ่งเหยิงไปหมด หากแต่คนโดนถามกลับไม่ยอมเปิดปากตอบอะไรเขาสักคำ ได้แต่นั่งก้มหน้าและเม้มปากแน่นเหมือนเป็นคนทำผิดซะเองเสียอย่างนั้น
“เธอทำอย่างนี้ได้ยังไงกันนะ กล้ามาขู่คุณได้ยังไงทั้งๆที่ก็เป็นคนไทยด้วยกัน” เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงล้มเลิกในการตั้งคำถามเธอ และหันมาบ่นหญิงแปลกหน้าผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องแทน
“ฉันเห็นใจเขานะคะ เพราะเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันแถมยังเป็นคนไทยเหมือนกันด้วย….ฉันไม่คิดเลยว่าคุณวิลจะกล้าทำอะไรแบบนี้” กานดาเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาและบอกออกไปจากใจจริง ก่อนที่เธอจะก้มหน้าลงอีกครั้งเมื่อความรู้สึกเศร้าสลดครอบงำหัวใจเธออีกหน
“ไม่ครับ….นั่นไม่ใช่ตัวตนของวิลแน่ๆเพราะผมรู้จักเขามานาน ถึงแม้ว่าเขาจะเคยนอนกับผู้หญิงมานักต่อนัก แต่นั่นเพราะว่าพวกเธอยอมที่จะไม่ผูกมัดเขาเอง และถ้าเกิดผู้หญิงพวกนั้นท้องจริงผมเชื่อว่าวิลเลียมจะต้องรับผิดชอบอย่างลูกผู้ชายแน่ๆ เพราะมันเป็นนิสัยและสายเลือดของเขาครับ” ไมเคิลยืนยันเสียงหนักแน่น เพราะตั้งแต่ที่เขาคบกับครอบครัวตระกูลเลสเซิลมาเขาก็ไม่เคยเจอะเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย
เพื่อนคนนี้ของเขาที่คบกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่เคยมีแม้สักครั้งที่จะทำผิดแล้วไม่รับผิดชอบ แถมยังเป็นคนพูดจริงทำจริงไม่มีล่อหลอก และมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่ในสายเลือดอย่างเต็มตัวตามผู้เป็นพ่อ และยังเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษต่างๆเพราะถูกปลูกฝังมาจากคนเป็นทวดที่เป็นคนไทยโดยกำเนิด อย่างนี้แล้วจะให้คิดว่าเพื่อนของเขาเป็นพวกใจไม้ไส้ระกำ คิดที่จะฆ่าลูกของตัวเองโดยไม่กลัวบาปกรรมได้อย่างไร
“ดาไม่รู้ค่ะ ดาสับสนไปหมดแล้ว” เสียงหวานตอบออกมาพลางกรอกตาไปมาด้วยความสับสน
“เชื่อผมนะครับคุณดา ผู้หญิงคนนั้นอาจจะมาหลอกคุณเพื่อหวังเอาเงินจากคุณและวิลก็ได้ ทางทีดีผมว่าคุณควรจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับเขานะ คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลใจอย่างนี้ด้วย” ชายหนุ่มชี้แนะแนวทางหากแต่ใบหน้าหวานกลับส่ายหน้าไปมาเป็นการปฏิเสธ
“เธอบอกว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับคุณวิลค่ะ เพราะเธอกลัวว่าถ้าหากคุณวิลรู้เข้าเขาจะบังคับให้เธอไปทำแท้งอีก แล้วถ้าหากเรื่องทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกเขาก็ไม่เท่ากับว่าฉันทำร้ายเธอและลูกของเธอหรอคะ”
“ยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าวิลจะทำใครท้องแล้วไม่รับผิดชอบ” เขายังยืนยันความคิดเดิมไม่มีเปลี่ยน “ผมว่า….เราคงต้องร่วมมือกันและหาข้อเท็จจริงให้ได้แล้วล่ะ”
“อย่าเลยค่ะดาไม่อยากดึงคุณเข้ามาเกี่ยวด้วย ดาเกรงใจค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธเธอความช่วยเหลือจากคนตรงหน้าในทันที เพราะเธอไม่อยากดึงใครให้มาเดือดร้อนกับเธอด้วย
แค่เธอเดือดร้อนอยู่คนเดียวอย่างนี้มันก็มากเกินพอแล้ว!
“เรื่องที่คุณเผชิญอยู่นี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะครับคุณกานดา แล้วจะให้ผมนิ่งเฉยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยคุณได้ยังไง”
“แต่ว่าดา….”
“ให้ผมช่วยเถอะครับคุณดา สองหัวดีกว่าหัวเดียวนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเรายังจะได้ช่วยกันคิดหาทางออกได้ทัน” ไมเคิลกล่าวพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือนุ่มมาเกาะกุมไว้เป็นการให้กำลังใจ เขาไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอเผชิญกับชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่ออยู่คนเดียวเป็นแน่
“ขอบคุณนะคะคุณไมเคิล” หญิงสาวกล่าวขอบคุณออกมาจากใจจริงพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้กับเขา
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีช่วยคุณเสมอ” ชายหนุ่มตอบพลางส่งยิ้มนุ่มให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะปล่อยมือนุ่มให้เป็นอิสระเมื่อนึกขึ้นมาได้
ร่างเพรียวสูงยืนแสยะยิ้มอยู่มุมหนึ่งของร้าน มือเรียวงามชูโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยขึ้นและกดถ่ายภาพเบื้องหน้าสองสามภาพ ดวงตาคมเฉี่ยวมองหญิงสาวอีกคนอย่างเหนือกว่า ก่อนที่ขาเรียวยาวจะเดินออกจากร้านไปหาใครบางคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกก่อนแล้ว
โดยไม่เห็นสองสาวฝาดแฝด ที่ยืนหลบอยู่อีกมุมเลยสักนิด!
“นั่นมันโมนิก้าหนิ” มีอาพูดขึ้นเมื่อหันมาเห็นนางแบบสาวเดินออกจากร้านไปพอดี
เอมิลี่หันไปมองตามสายตาของน้องสาวก่อนที่มือนุ่มจะรีบจูงมือนิ่มให้เดินออกไปยังนอกร้านอย่างเร็วรี่ ทั้งสองแอบลอบตามร่างเพรียวสูงไปโดยไม่ให้หล่อนรู้ตัว ก่อนจะหยุดชะงักและรีบหลบเข้าไปตรงมุมตึกเมื่อหล่อนหันมามองด้านหลังเล็กน้อย จากนั้นหล่อนจึงพาหญิงสาวแปลกหน้าเดินเข้าร้านกาแฟอีกร้านไปอย่างระแวดระวัง แต่ก็ยังไม่ทันสังเกตุเห็นสองสาวแห่งตระกูลเลสเซิ้ลอยู่ดี
“เธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ” มีอาเอ่ยด้วยเสียกระซิบพลางหรี่ตามองคนทั้งสองที่กำลังจะเริ่มสนทนากันเมื่อหล่อนและผู้เป็นพี่สาวเดินตามนางแบบสาวเข้ามาในร้านกาแฟหรู แต่แล้วดวงตากลมก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “โอ๊ะ! หรือว่าผู้หญิงคนนั้น….”
“ชู่ว์! เงียบก่อน” ผู้เป็นพี่ดุน้องสาวเสียงแผ่วพลางแอบมองหญิงสาวทั้งสองและคอยดักฟังบทสนทนานั้นอย่างตั้งใจ
“ฉันทำตามที่คุณต้องการแล้วนะ” หญิงแปลกหน้าเอ่ยพลางแสยะยิ้มเล็กน้อย
“ดีมาก….ฉันโอนเงินให้เธอเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน” โมนิก้าตอบกลับด้วยท่าทางที่ยังคงวางมาดสูงส่งเหมือนอย่างเคย
“แหม….ได้นายจ้างดีอย่างนี้ค่อยรู้สึกว่าโลกมันสดใสขึ้นมาหน่อย แต่ยัยผู้หญิงคนนั้นก็ช่างรักคุณวิลเลียม เลสเซิ้ลจังเลยนะ ฉันล่ะอยากให้เขาสองคนแต่งงานกันจริงจริ๊ง พวกเขาคงจะมีความสุขกันน่าดู” เสียงยียวนกล่าวเหน็บแนมผู้เป็นนายจ้างอย่างไม่กลัวเกรงเลยสักนิด
“หน้าที่เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ กลับไปได้แล้วสิ” นางแบบสาวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดออกมาด้วยภายในที่เริ่มคุกรุ่นจนต้องกำมือแน่นเพื่อระงับอารมณ์เอาไว้
“ทนฟังความจริงไม่ได้ล่ะสิ หึ….แต่ฉันก็เข้าข้างเธอนะโมนิก้า” ผู้เป็นลูกจ้างเอ่ยพลางแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยัน ก่อนที่ร่างอวบอึ๋มจะลุกขึ้นและมิวายกล่าวอะไรทิ้งท้ายก่อนจะกลับ “จนกว่างานของฉันจะสำเร็จนั่นแหละ….ไปก่อนนะ”
โมนิก้าเชิดหน้าพลางหันไปมองทางอื่นโดยไม่คิดจะล่ำลาลูกจ้างแสนแสบเลยสักนิด หล่อนพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจให้ความโกรธแค้นเหือดหายไปเสียหมดสิ้น ก่อนที่ร่างเพรียวบางจะลุกขึ้นและเดินอย่างมาดมั่นออกจากร้านไปโดยไม่คิดเอะใจกับหญิงสาวทั้งสองที่ทำเป็นยืนอ่านเมนูของร้านอยู่ตรงทางเข้าออกเลยสักนิด
“มันอะไรกันนะ ยัยนั่นกำลังทำอะไรกัน” มีอาร์บ่นออกมาพร้อมกับทำหน้ายุ่งเมื่อร่างเพรียวสูงเดินพ้นร้านไปแล้ว
“คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ล่ะ แล้วดูเหมือนว่าจะเกี่ยวกับป๊ะป๋าและคิตตี้ด้วย” เอมิลี่กล่าวพลางทำสีหน้าครุ่นคิด
“พี่ถ่ายรูปพวกนั้นเอาไว้แล้วใช่ไหม” เสียงใสถามผู้เป็นพี่พลางเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ใช่….ฉันถ่ายไว้แล้ว” ผู้เป็นพี่ตอบกลับพร้อมกับชูโทรศัพท์มือถือให้ผู้เป็นน้องดู “เราคงต้องรีบสืบหาความจริงให้ได้แล้วล่ะ แต่ตอนนี้กลับไปหาไมเคิลกันก่อนดีกว่า ป่านนี้เขาคงรอเราแย่แล้ว” ก่อนที่ร่างอึ๋มจะเดินนำหน้าร่างเล็กออกจากร้านไป
บรรยากาศเงียบเชียบปกคลุมไปทั่วบริษัทชื่อดังที่ตอนนี้มีเพียงผู้เป็นเจ้าของบริษัทเท่านั้นที่ยังคงนั่งทำงานอยู่ วิลเลียมเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะแล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา หลักจากที่เขาเสร็จจากการประชุมเขาก็มานั่งจ่อมตรวจดูแฟ้มเอกสารต่างๆจนเหลือเพียงหน้าสุดท้ายแล้วในตอนนี้ หากแต่เวลากลับเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่รอเขาเลย เพราะตอนนี้มันปาไปตั้งสามทุ่มครึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้แม่กระรอกน้อยของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง จะยังรอเขาหรือเปล่า หรือว่าผล็อยหลับไปแล้วเพราะความเหนื่อยจากการทำงานในวันนี้ที่ค่อนข้างจะหนักกว่าวันที่ผ่านๆมา
“สวัสดีค่ะวิลเลียม”
เสียงเซ็กซี่ที่ดังขึ้นทำเอาใบหน้าหล่อคมต้องยับย่นมากขึ้นไปกว่าเก่า ชายหนุ่มเงยหน้ามองแขกที่ไม่ได้รับเชิญพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบจะจับเป็นปมแน่น ก่อนที่เขาจะหันเหความสนใจมายังเอกสารที่อยู่ตรงหน้าต่อเมื่อร่างเพรียวสูงเดินมาถึงโต๊ะทำงานและฉีกยิ้มหวานๆให้เขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“มีอะไร” เสียงทุ้มถามสั้นๆด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ตาก็ยังจ้องอยู่ที่แผ่นกระดาษใบสุดท้ายอย่างไม่คิดจะเงยหน้ามามองอดีตคนรักสาวเลยสักนิด
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่อยากจะมาถาม….ช่วงนี้คุณกับเลขาของคุณยังรักกันดีอยู่ใช่ไหมคะ” โมนิก้ากล่าวอย่างเข้าประเด็นทันทีพลางนั่งลงตรงหน้าอดีตคนรักหนุ่ม
“ใช่….ทำไมเหรอ” วิลเลียมตอบกลับไปพลางเริ่มจัดเก็บแฟ้มเอกสารให้เรียบร้อยเมื่อเขาทำงานเสร็จสรรพแล้ว
“พอดีเมื่อเย็นนี้ฉันเห็นเธออยู่กับไมเคิลน่ะค่ะ ท่าทางสนิทสนมเชียว” หล่อนบอกออกมาเหมือนเป็นการพูดลอยๆ ก่อนที่ใบหน้าสวยเฉี่ยวจะกระตุกยิ้มเล็กน้อยและมองคนตรงหน้าที่หันมามองเธอด้วยเหมือนกัน
“ก็ไม่แปลกหนิ คนอยู่บ้านใกล้กันก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดา” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างเบื่อหน่าย หากแต่หัวใจของเขากลับกระตุกขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคหลังนั้น
“จริงเหรอคะ” หญิงสาวถามก่อนที่หล่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูออกมาจากกระเป๋า “แล้วถ้าเป็นอย่างในรูป….มันจะยังเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคุณอยู่หรือเปล่าคะ”
มือเรียวยื่นโทรศัพท์ให้กับคนตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่เคลือบไปด้วยชัยชนะ มือแกร่งรับโทรศัพท์นั้นมาและมองดูภาพที่เพียงแค่เห็นแวบแรกก็รู้แล้วว่าคนในภาพทั้งสองนั้นเป็นใคร ดวงตาคมจ้องมองภาพนั้นตาเขม็ง หากแต่ใบหน้าหล่อเหลากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาเลยสักนิด ก่อนที่เขาจะยื่นโทรศัพท์คืนให้ผู้เป็นเจ้าของดั่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งๆที่ตอนนี้ใจของเขามันสั่นจนแทบจะนั่งไม่ติดที่อยู่แล้ว!
“ก็ไม่มีอะไรหนิ เขาก็แค่จับมือกันเท่านั้นเอง” วิลเลียมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบดั่งเดิม ทำเอาคนที่รอลุ้นปฏิกิริยาต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจทันที แต่หล่อนกลับเก็บคำถามแครงใจเอาไว้และเปลี่ยนมาเป็นส่งยิ้มหวานให้กับเขาแทน
“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกค่ะวิลเลียม” หล่อนกล่าวอย่างมีเลศนัย “ที่ฉันเอามาให้คุณดูนี่ก็แค่อยากจะให้คุณลองคิดอะไรเสียหน่อย ฉันไม่อยากให้คุณโดนหลอกนะคะ”
“ขอบคุณในความหวังดีนะโมนิค….แต่นั่นมันเรื่องของผม” คำพูดของเขาแทบทำให้คนฟังกรีดร้องออกมาในทันที หากแต่หล่อนกลับเก็บกดอารมณ์เอาไว้ไม่ให้ระเบิดออกมา “ถ้าหมดธุระก็เชิญกลับไปได้แล้ว ผมก็กำลังจะกลับเหมือนกัน”
“ฉันขอกลับด้วยได้ไหมคะ” หญิงสาวรีบตีสีหน้าขอความเห็นใจใส่คนตรงหน้าทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น
“อย่าเลยผมไม่อยากให้ภรรยาของผมเข้าใจผิด แต่ถ้าคุณอยากให้ใครไปส่ง งั้นผมจะกลับแท็กซี่แล้วให้โจเซฟไปส่งคนเองตกลงไหม” วิลเลียมตอบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางลุกขึ้น หากแต่นั่นทำให้คนที่ได้ยินคำว่า ‘ภรรยา’ ต้องเม้มปากเข้าหากันแน่นเพราะรู้สึกเจ็บจึกเข้าตรงกลางหัวใจในทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้” โมนิก้ากล่าวพลางส่งยิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะทำให้ได้กับอดีตคนรักหนุ่ม แม้ว่าตอนนี้ข้างในของหล่อนจะร้อนรุ่มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวแค่ไหนก็ตาม “ราตรีสวัสดิ์นะคะวิล”
ร่างเพรียวสวยลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหลังกลับและก้าวฉับตรงไปยังประตูทันที มือเรียวกำเข้าหากันแน่นจนเล็บแหลมจิกเข้าไปที่ฝ่ามือจนเป็นลอยลึก อารมณ์โกรธที่วิ่งพลุ่งพล่านอยู่ในกายแทบจะระเบิดออกมาเมื่อเท้าเรียวก้าวออกมาจากห้องทำงานหรูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่หล่อนอุตส่าห์หวังดีทำตัวเป็นแม่พระเอาเรื่องของแม่ภรรยาตัวดีมาบอกให้เขาว่าหล่อนแอบไปนัดพบกับผู้ชายคนอื่น แต่เขากลับปฏิเสธความหวังดีของหล่อนอย่างนั้นน่ะหรือ หล่อนอุตส่าห์สร้างสถานการณ์ขึ้นเพื่อให้เขาและยัยผู้หญิงต่างชาตินั่นแตกคอกันแต่เขากลับเพียงแค่มองมันผ่านไปเท่านั้น เขาไม่รู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาบ้างเลยหรืออย่างไร หรือว่าเขาเชื่อใจเธอมากจนไม่คิดว่าเธอจะหักหลังเขาได้ หึ....เขาคิดผิดแล้วล่ะ เพราะหล่อนนี่แหละจะทำให้เขารู้เองว่าธาตุแท้ของผู้หญิงคนนั้นมันเป็นยังไง และหล่อนนี่แหละจะเป็นคนทำให้เขาและเธอแตกหักกันจนต่อไม่ติด แบบชนิดที่เรียกว่าเกลียดเข้ากระดูกดำกันไปเลย!
ในเมื่อหล่อนไม่มีความสุข คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะมีความสุข….
ในเมื่อหล่อนไม่ได้เขา ใครหน้าไหนก็ห้ามได้เขาไปเหมือนกัน!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ