The Tenderly
เขียนโดย ปรัสรา
วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.32 น.
แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
“...ฉันก็เข้าใจนะจ๊ะ ว่าเธอตกงานมาตั้งหลายเดือนแล้ว” คุณป้าเจ้าของหอกล่าวด้วยน้ำเสียงลำบากใจ เพราะเขากับหล่อนก็มีมิตรสัมพันธ์อันดีในฐานะชาวหอกับเจ้าของมานานหลายปีทีเดียว “ฉันเองก็ยืดเวลาให้ตั้งหลายเดือนแล้ว เพราะเข้าใจว่าเธอคงหางานใหม่ได้เร็วเหมือนเคย แต่ว่า...”
เด็กหนุ่มโค้งศีรษะขอโทษที่ทำให้หล่อนลำบากใจด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวเหลือคณา เงินที่มีที่พออยู่ได้ก็พอสำหรับค่ากินอยู่อย่างเดียว ไปเช่าหออื่นอะไรในเมืองฮารุเสะแห่งนี้ไม่ได้หรอก ถ้าหากเงินก้อนสุดท้ายนี้หมดลง เขาจะต้องม้วนหางกลับบ้านที่เมืองโรกุโจบ้านเกิดแล้วสินะ บอกตามตรงว่าเขาไม่อยากกลับไปเลยจริงๆ
กระเป๋าหนึ่งใบที่ลากออกมาสามารถขนสมบัติทั้งหมดทั้งมวลตลอดระยะเวลาหลายปีที่อยู่หอนั้นได้ เพราะเขาต้องมัธยัสถ์มาตั้งแต่ต้น แถมยังมีนิสัยส่วนตัวอย่างหนึ่งที่จัดข้าวของให้สามารถโยนเข้ากระเป๋าย้ายออกได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คุณป้าเจ้าของหอจึงอดเห็นใจไม่ได้ที่เด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้นต้องหาหลังคาหลบฝนหลังใหม่ไวขนาดนี้ แต่คิดในอีกแง่หนึ่ง...ถ้าหาใหม่ไวเท่าไหร่ยิ่งดี สภาพอากาศวันนี้มันแปรปรวนฝนจวนจะตกเสียด้วยสิ
กระเป๋าหนึ่งใบกับเด็กหนุ่มหน้าหวานหนึ่งคนที่มีเส้นผมสีดำและนัยน์ตาสีนิลไม่แตกต่างจากคนอื่น เดินไปด้วยความรู้สึกราวกับพระเอก mv ที่กำลังอยู่ในสภาวะอกหักชนิดเพิ่มอวัยวะ นั่นคือนางเอก mv บอกเลิกไม่พอยังพาแฟนใหม่ที่ใช้เวลาดูใจกันระหว่างคบกับเขาอีก สภาวะเขางอกชนิดนี้มันช่างน่าเจ็บช้ำเหลือหลายจริงๆ
แต่เขาจะไปอยู่กับเพื่อนก่อนดีไหมนะ? ในโรงเรียนฮาคุโระมีนักเรียนชายหญิงคนหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่งมัธยมต้น ผ่านมาจนเขาอายุครบสิบเจ็ดเรียนปีสามมัธยมปลายแบบนี้ยังสนิทเหนียวแน่นไม่เลิก คนแรกเป็นสาวน้อยน่ารักผู้อ่อนหวานใจดีนามว่าฮิมิโกะ ส่วนอีกคนคือคาโต้ ซาโต้ เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ นอกจากประกาศออกมาโต้งๆ ได้โดยไม่เกรงกลัวสายตาประชาชีว่าชอบเพื่อนสาวในแก๊ง
บ้านของคาโต้ ซาโต้ ได้ข่าวว่าอยู่ตามลำพังเป็นหอพักเหมือนกัน แถมยังใช้เงินที่ทางบ้านส่งมาให้ในจำนวนจำกัดอีก เฮ้อ...ก็เขามัน ‘เด็กหนีออกจากบ้าน’ นี่นา ใครมันจะส่งเงินมาให้ใช้กันเล่า
ส่วนบ้านของฮิมิโกะเป็นบ้านที่มีครอบครัวอันอบอุ่นน่ารัก ประกอบด้วยบุพการีใจดีสองและลูกสาวหนึ่ง เป็นบ้านที่ต่อให้มีคนเพิ่มขึ้นมาก็คงจะไม่ลำบากปากท้องนัก ติดอยู่ตรงเดียว นั่นคือเพศร่างและจิตใจของฮิมิโกะ คนอื่นเขาจะมองยังไงถ้าเขาไปอาศัยบ้านของเด็กผู้หญิงอยู่? แถมบางทีฮิมิโกะอาจจะมองเขาด้วยสายตาเข้าใจผิดๆ ก็ได้ การไปพักบ้านเด็กผู้หญิงควรเป็นตัวเลือกที่โดนตัดทิ้งตั้งแต่เริ่มสินะ
หรือว่าเขาจะไปอยู่โรงเรียนก่อน? แอบลุงยามที่มีไฟฉายหนึ่งกระบอกเป็นอาวุธแล้วอาศัยหลับนอนอยู่ที่นั่น เขาพอรู้จักห้องดีๆ มืดๆ ที่ไม่มีใครสนใจอยู่หลายแห่ง แต่พอนึกถึงคำว่า ‘มืดๆ’ ที่ห้อยท้ายปุ๊บ ความใจกล้าของฮิชิยามะ มิยารุโนะ ก็พลันหดหายไปตามความวังเวงในโรงเรียนอันเพิ่มขึ้นตามเวลา ยิ่งช่วงเย็นๆ ฟ้าสีส้มอมแดง ใครใจกล้าเข้าห้องเรียนไปเอาของที่ลืมไว้เพียงลำพังยังไม่ปรากฏเลย
แล้วนอน...คนเดียว...ในโรงเรียนวังเวง...มืดๆ เขายอมกลับกอดขาอ้อนวอนคุณป้าเจ้าของหอแลกกับพื้นที่แบ่งบางส่วนจากเจ้าตูบเขี้ยวแหลม หมาเฝ้ายามหน้าหอเสียยังดีกว่า!
สายฝนโปรยปรายทำให้รถเริ่มแล่นฉวัดเฉวียนกันมากขึ้น แต่เด็กหนุ่มกลับเดินทอดน่องช้าๆ ริมถนนด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม ถึงอยากจะเอาร่มมากางแต่มันก็พังไปตั้งแต่พายุเข้าคราวที่แล้ว ส่วนหลังคาที่ใช้หลบฝนได้อย่างพวกร้านสะดวกซื้อนั้นอยู่ห่างออกไปอีกพอสมควร ถึงตอนนั้นเขาก็เปียกโชกไปหมดแล้วล่ะ ตามตรรกะของเขาอันเต็มไปด้วยความทดท้อ ถ้าจะเปียกก็ให้มันเปียกไปทั้งแบบนี้นั่นแหละ!
แล้วสวรรค์ก็จัดให้จริงดังว่า...
“เห็นคนบ้างไหมเนี่ย!” มิยารุโนะเผลอก้าวออกไปด่ารถยนต์ที่ขับแฉลบสาดโคลนใส่เต็มตัวเขาด้วยความโมโห โดยไม่ทันสังเกตว่าตนล้ำเส้นถนนมากเกินไปแล้ว จึงเป็นเหตุให้รถคันต่อมาที่ขับมาด้วยความเร็วพอสมควรเบรกไม่ทัน ยังดีที่การหักเลี้ยวทำให้อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดแค่มีคนโดนเฉี่ยวเท่านั้น เสียงแตรเสียงรถยนต์ดังอื้ออึงอยู่ในห้วงความตกใจของเด็กหนุ่ม โชคดีที่บริเวณนั้นเป็นทางที่รถไม่ได้พลุ่กพล่านมากนัก จึงไม่มีรถคันที่สามคันที่สี่เป็นตัวเพิ่มความวุ่นวาย
เจ้าของรถยนต์คันนั้นมั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่ฝ่ายผิดแน่นอน แต่ยังมีน้ำใจกางร่มวิ่งลงมาดูคนที่ตนขับรถเฉี่ยวอย่างไม่ตั้งใจ อย่างน้อยจะได้ไม่ขุ่นเคืองใจกันไป พวกที่โดนเฉี่ยวทั้งที่เป็นฝ่ายผิดแล้วเอาไปคิดแค้นเป็นสิบๆ ปีน่ะมีอยู่เสมอนั่นแหละ โดยเฉพาะพวกวัยรุ่นเลือดร้อนที่กระโดดออกมาขวางหน้ารถคนอื่นเขาแบบนี้
คำว่า ‘ผมขอโทษ’ เกือบหลุดออกมาจากปากมิยารุโนะแล้ว หากชุดที่อีกฝ่ายใส่ไม่ใช่สูทราคาแพงเจือด้วยกลิ่นน้ำหอมแลดูเป็นพวกรสนิยมไฮโซ เข้ากันดีกับรถยุโรปสีดำมันวาวคันนั้น ทั้งกิริยาท่าทางยังมีแววแห่งความมีเงินจริง ไม่ใช่พวกกู้หนี้ยืมสินที่อยากแสดงให้โลกรู้ว่าข้ารวย ส่วนเงินในบัญชีติดตัวแดงเป็นแถบๆ
เขากลืนคำพูดขอโทษนั่นลงคออย่างว่องไว กล่าวขอโทษในเรื่องที่จะทำดังต่อไปนี้กับชายหนุ่ม แล้วตีหน้าโมโหขึ้นมาโดยทันที “นี่คุณ! ขับรถขับราน่ะดูทางบ้างไหม!”
ชายหนุ่มดูดีมีอายุราวสามสิบปีคนนั้นไม่สนใจเสียงคำด่าทอ เขาพลิกเท้าอีกฝ่ายไปมาเพื่อดูอาการ กอปรกับพิศดูบาดแผลถลอกเล็กน้อยที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในชีวิตประจำวัน ก่อนดึงร่างบอบบางนั่นขึ้นมา บาง...แต่ออกจะหนักกว่าที่คิดยังไงไม่รู้
“กระเป๋าเสื้อผ้าผม!” อีกฝ่ายร้องด้วยเสียงเกินจริง ก่อนจะนั่งลงไปอีกรอบเพื่อบีบน้ำตาสะอื้นไห้แก่เจ้ากระเป๋าที่ไม่อาจกั้นน้ำได้อย่างแน่นอน แถมการกลิ้งโคโร่ไปบนถนนเปียกๆ เปี่ยมโคลนแบบนี้ยังส่งผลกระทบต่อเสื้อผ้าที่อยู่ภายในอีกต่างหาก กิริยาเหล่านั้นทำให้คนมองถึงกับถอนหายใจหนักๆ เพราะรู้ว่าเรื่องมันคงไม่จบแค่คำขอโทษแน่ๆ
ข้อเรียกร้องของมิยารุโนะคือเงินจำนวนหนึ่งสำหรับซื้อชุดเสื้อผ้าใหม่ในร้านที่ขายของแพงกว่าชุดเดิมสักสามเท่าได้ บวกด้วยเงินทำขวัญสำหรับเช่าหอถูกๆ ได้หลายเดือน อาจรวมค่ากินอยู่เล็กน้อยเนื่องจากความโลภเล็กน้อย โดยค่า ‘ทำขวัญ’ ทั้งหมดทั้งมวลนั่นคืออาการเต้นเร่าโมโหพร้อมชี้ไปตามเนื้อตามตัว ลามไปจนถึงป่าวประกาศให้สังคมเน็ตลงโทษทางอ้อม
แน่นอนว่ากิริยาเหล่านั้นไม่ทำให้คิริซาโตะ อาเคจิ เกรงกลัวแต่ประการใด ทั้งยังมองด้วยความขำเสียเต็มประดาอีกต่างหาก
สุดท้าย...เด็กหนุ่มไม่คาดคิดมาก่อนว่าตัวเองต้องใช้วิธีก้มศีรษะขอค่าทำขวัญเอาดื้อๆ แถมอีกฝ่ายยังบ้าจี้ฟังคำขอร้องของเขาอีกต่างหาก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ