อลัน ลัสเบิร์ก...ผมกำลังตามหาเจ้าหญิง

-

เขียนโดย WhenSasukefollowers

วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.47 น.

  5 ตอน
  3 วิจารณ์
  9,616 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 00.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ผมมีเรื่องกับมังกร!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"อลัน...."

ผม ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือเชอรีน รูบี้ วีนัส เอสเตอร์ และอาเชอร์ พร้อมหน้าพร้อมตาราวกับว่ามาดูใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนผมจะหมดลมหายใจ

 

 

 

 

 

 

 

            ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ไหนสักที่ บางทีอาจจะเป็นห้องนอนผม

 

 

 

 

 

 

 

            “นายเป็นอะไรรึเปล่า?” เชอรีนถามขึ้นมาเป็นคนแรก ผมสังเกตเห็นว่ามือของเธอกำผ้าปูที่นอนแน่นจนมันยับไปหมด คนอื่นๆก็ดูกังวลเช่นกัน แต่ผมไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย

 

 

 

 

 

 

 

            “ฉันก็สบายดีนี่ แล้วทำไมทุกคนถึงมายืนล้อมเตียงฉันแบบนี้ล่ะ” ผมกำลังจะก้าวเท้าลงจากเตียงแต่เอสเตอร์ก็ดึงผมไว้ก่อน ผมต้องขอบคุณเขาเพราะเมื่อกี้ผมแทบจะล้มหน้าทิ่มด้วยอาการวิงเวียนศีรษะที่ ยังคงตามหลอหลอนอยู่

 

 

 

 

 

 

 

            ว่าแต่....ผมไปทำอะไรมานะ

 

 

 

 

 

 

 

            “ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย”

 

 

 

 

 

 

 

            “ห้องพยาบาลในเดอะ ริเวอร์เพลส” รูบี้บอก เธอแกว่งกระบองพลาสติกประจำตัวไปมา ผมพยายามไม่หันไปมองเจ้ากระบองนั่น

 

 

 

 

 

 

 

            “แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...เอ๊ะ...เอ็มม่า คาม่อน!!!” ผมร้องเสียงดังเพราะเพิ่งคิดออก เธอหลอกลวงผมมาที่นี่! เธอซื้อเสื้อผ้าให้ผม! แล้วเธอก็บอกว่าเรามีพันธะสัญญาอะไรบางอย่าง! ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังคงไม่เข้าใจเรื่องพันธะอะไรบ้าบอนั่น

 

 

 

 

 

 

 

            “นายไม่ใช่รายแรกที่โดนเอ็มม่าหลอก” อาเชอร์บอก “ฉันเองก็เกือบโดนล่ะนะ แต่เอสเตอร์มาช่วยไว้”

 

 

 

 

 

 

 

            “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เวทมนตร์ของเอ็มม่ามีผลกับคนบอบบางเท่านั้นแหละ”

 

 

 

 

 

 

 

            “หมายความว่าฉันบอบบางงั้นสิ” ผมพูดเสียงเข้ม เอสเตอร์รีบส่ายหน้าก่อนจะยิ้มแหยๆให้

 

 

 

 

 

 

 

            “ไม่ใช่อย่างนั้น! นายยังมือใหม่อยู่ ก็ต้องโดนหลอกลวงง่ายเป็นธรรมดา”

 

 

 

 

 

 

 

            “แล้วเมื่อกี้พวกนายพูดอะไรถึงเวทมนตร์รึเปล่า?” ผมรีบท้วงขึ้นมา ทุกคนหันมองหน้ากัน ผมพยายามอ่านสายตาที่แต่ละคนส่งให้กัน แต่บอกได้เลยว่า ผมไม่เข้าใจ

 

 

 

 

 

 

 

            “อย่าตกใจนะอลัน” เชอรีนพูดเสียงเรียบ เธอสูดลมหายใจเบาๆก่อนจะพูดว่า “เอ็มม่าน่ะไม่ใช่คนธรรมดา แต่เธอเป็น—”

 

 

 

 

 

 

 

            “แม่มด!!!!!”

 

 

 

 

 

 

 

            ผมหันขวับไปมองต้นเสียงที่ดังมาจากประตู แล้วผมก็เห็นสกู๊ปที่ยืนอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาของผมเล็กน้อย เขากำลังเดินเข้ามา

 

 

 

 

 

 

 

            “แล้วก็เป็นแม่มดที่สวยมากด้วย!!” สกู๊ปกระโดดขึ้นมานั่งข้างๆผมก่อนจะพร่ำพรรณนาถึงเอ็มม่า คาม่อน แต่แล้วเขาก็ต้องเงียบลง เมื่อเห็นสายตาของเชอรีน

 

 

 

 

 

 

 

            “ใช่ อย่างที่สกู๊ปบอก เอ็มม่าเป็นแม่มด แล้วงานอดิเรกของเธอก็คือช็อปปิ้งไปวันๆ แล้วเมื่อเธอต้องการอะไรสักอย่าง เธอก็จะไปหลอกลวงคนนู้นคนนี้เพื่อที่จะทำให้เกิดพันธะสัญญา เพื่อให้คนคนนั้นช่วยในเรื่องที่เธอทำเองไม่ได้”

 

 

 

 

 

 

 

            “เธอตามจีบฉันด้วย” เอสเตอร์บอก “เธอตามจีบฉันมาหลายปีแล้ว แต่เสียใจด้วย ยังไงก็ไม่สำเร็จหรอก”

 

 

 

 

 

 

 

            “ขอโทษนะ! ขอขัดจังหวะหน่อย” ผมแทรกขึ้นมา “พวกนายทำเหมือนรู้จักเอ็มม่ามานานแล้ว แต่ทำไม...ฉันถึงไม่เคยเห็นเธอเลยล่ะ”

 

 

 

 

 

 

 

            “ไม่จริงน่า...นายต้องรู้จักเธอสิ” อาเชอร์ขมวดคิ้ว ดวงตาสีเขียวสุกสว่างหรี่ลงด้วยความฉงน อาเชอร์เดินเข้ามาใกล้เตียงผมมากขึ้นก่อนจะหันมองไปรอบๆ เมื่อทุกคนพยักหน้า เขาก็โบกผ่านหน้าผมไปมาพร้อมกับบ่นอะไรบางอย่าง

 

 

 

 

 

 

 

            “อาร์เช พอลิสคานิส!”

 

 

 

 

 

 

 

            “!!!”

 

 

 

 

 

 

 

            เขาโบกมือผ่านหน้าผมเจ็ดที ก่อนจะเอานิ้วชี้ยาวๆมาแตะที่กลางหน้าผากผม

 

 

 

 

 

 

 

            เงียบกันไปสักพัก....

 

 

 

 

 

 

 

            “ขอโทษนะ” ผมเอ่ยขึ้น “พวกนายกำลังทำอะไรเนี่ย?”

 

 

 

 

 

 

 

            “ทำไมมันใช้กับเขาไม่ได้ผลล่ะ!”

 

 

 

 

 

 

 

            “ใช้อะไร?” ผมถามอย่างสงสัย อาเชอร์ทำหน้ามุ่ยก่อนจะเดินมาเขย่าหัวผมแรงๆ

 

 

 

 

 

 

 

            “โอ๊ย! นายทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ”

 

 

 

 

 

 

 

            “นายรู้จักเอ็มม่า คาม่อน นายเคยเจอเธอ นายเคย...”

 

 

 

 

 

 

 

            “ฉันไม่เคยอะไรทั้งนั้นแหละ! นายกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย!!??”

 

 

 

 

 

 

 

            “พอแล้วอาเชอร์!”

 

 

 

 

 

 

 

            เชอรีนสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด อาเชอร์จึงปล่อยมือจากหัวผมและกลับไปยืนทที่เดิม แล้วเชอรีนก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามานั่งข้างๆผม เธอจ้องมองผมอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะค่อยๆยื่นหน้ามาใกล้ๆ

 

 

 

 

 

 

 

            “เอ่อ...เธอจะทำอะไร” ผมถามขึ้นมาอย่างอายๆเมื่อพบว่าตอนนี้หน้าเราอยู่ห่างกันไม่กี่เซนต์ ซึ่งทำให้ผมสามารถมองเห็นสิวบนใบหน้าเธอได้เลยล่ะ แต่บังเอิญว่าเชอรีนนั้นไม่มีสิว ผมเลยเห็นแต่ใบหน้าเนียนๆของเธอ

 

 

 

 

 

 

 

            “อลัน นายช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”

 

 

 

 

 

 

 

            “หืม? อะไร”

 

 

 

 

 

 

 

            “อะไรสักอย่าง แต่ว่าเสี่ยงตายพอดูเลยล่ะ” หน้าของเชอรีนค่อยๆห่างออกไป ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมโล่งใจ แต่สิ่งที่ได้ยินกลับทำให้ผมกลับมาช็อกอีกครั้ง!

 

 

 

 

 

 

 

            “ก็แค่สู้กับสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายและหน้าเกลียดบางตัวเท่านั้นแหละ นายโอเคใช่ไหม”

 

 

 

 

 

 

 

            เชอรีนมองผมอย่างคาดหวัง แต่มคงทำให้เธอผิดหวังแล้วล่ะ เพราะผมตะโกนลั่นว่า

 

 

 

 

 

 

 

            “ไม่โอเค!!!!!!!!!”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

            ผมช่างเป็นผู้ชายที่โชคร้ายเหลือเกิน

 

 

 

 

 

 

 

            หลังจากที่ผมยืนกรานว่ายังไงก็ไม่มีทางสู้กับอะไรบางอย่างที่ชวนฝันร้ายแน่ๆ เชอรีนก็สั่งเอสเตอร์กับอาเชอร์จับผมไว้แน่น และให้รูบี้เป็นผู้คุมพาผมมายังห้องโถงใหญ่แห่งนี้ ผมก้มหลบกระบองพลาสติกสีแดงสดที่โบกไปมาของรูบี้ เธอชี้กระบองไปด้านหน้า ผมมองตามไป เบื้องหน้ามีแต่หมอกควันสีดำ มันทึบเสียจนมองไม่เห็นว่าด้านหลังมีอะไร

 

 

 

 

 

 

 

            “ฝันร้ายของนายอยู่เบื้องหลังหมอกนี่แหละ” เอสเตอร์บอก

 

 

 

 

 

 

 

            “ขอบใจนะที่บอก”

 

 

 

 

 

 

 

            “นายจะต้องไม่เป็นไรน่า ก็แค่...”

 

 

 

 

 

 

 

            “ต้องสู้มังกรอัคนี พันธุ์ดึกดำบรรพ์ ที่ถูกดาร์กออร่าของรามิลเข้าไปน่ะสิ” เสียงเชอรีนดังขึ้น เธอกำลังเดินเข้าห้องโถงมาพร้อมกับสกู๊ปและวีนัส อ้อ...แล้วก็เด็กผู้หญิงอีกคน

 

 

 

 

 

 

 

            “แน่ใจแล้วเหรอคะ? ที่จะปลุกเจ้าอาร์ริส” เด็กสาวเจ้าของผมยาวสลวยสีรัตติกาลที่เดินมาพร้อมกับเชอรีนพูดขึ้น นัยน์ตากลมโตสีม่วงสดใสกำลังจ้องมองไปทางกลุ่มหมอกนั่น ก่อนจะเลื่อนมายังผม

 

 

 

 

 

 

 

            “นาย!”

 

 

 

 

 

 

 

            “เธอ! คนที่ฉันชนเมื่อกลางวันนี่!”

 

 

 

 

 

 

 

            “ใช่ค่ะ ขอโทษนะคะที่เกะกะขวางทาง” เธอโค้งให้ผมหลายทีก่อนจะเดินผ่านพวกผมไปยังลุ่มหมอกนั่น

 

 

 

 

 

 

 

            “ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษเธอ!!” ผมตะโกนตามหลังเธอไป ร่างบางหันมายิ้มหวานให้ผมก่อจะมุ่งหน้าไปต่อ เชอรีนเดินตามไปทำให้พวกผมต้องเดินตามไปด้วย

 

 

 

 

 

 

 

            ประตูปิดดัง ปัง! ตามหลังผม

 

 

 

 

 

 

 

            “มังกรอัคนีที่ว่านี่ มันคือตัวอะไร?”

 

 

 

 

 

 

 

            “มังกรหินภูเขาไฟพ่นไฟได้ จบ!” เชอรีนพูดแค่นั้น ซึ่งมันทำให้ผมหงุดหงิดเอามากๆ แต่ผมก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะ...ไปสู้กับไอ้มังกรบ้านั่นตามที่เชอรีนบังคับขู่เข็ญ

 

 

 

 

 

 

 

            “ทำไมฉันต้องสู้กับมันด้วยล่ะ”

 

 

 

 

 

 

 

            “เมื่อทุกอย่างเสร็จ ฉันจะบอก”

 

 

 

 

 

 

 

            “แล้วถ้าฉันมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานพอที่จะรอฟังคำตอบล่ะ?” ผมถามอย่างหวาดๆ เพราะเจ้ามังกรภูเขาไฟอะไรสักอย่างที่ผมต้องไปสู้ด้วย ท่าทางจะไม่ใช่มังกรของเล่นแน่ๆ

 

 

 

 

 

 

 

            “ก็รอดูไปก่อนละกัน” เชอรีนตอบยิ้มๆ ก่อนจะตะโกนสั่ง “เบลล์!! ปลุกอาร์ริสได้เลย!!”

 

 

 

 

 

 

 

            “รับทราบค่ะ!!”

 

 

 

 

 

 

 

            เด็กผู้หญิงผมดำที่ชื่อเบลล์ตะโกนกลับมา ประมาณสิบวินาทีต่อมาก็เกิดแสงไฟวูบวาบหลังม่านหมอกสีดำนั่น เบลล์วิ่งกลับมาด้วยความรวดเร็ว เธอยิ้มให้ผม และบอกว่า “โชคร้ายจัง ท่าทางนายจะอายุสั้น” แล้วเธอก็วิ่งออกไป

 

 

 

 

 

 

 

            “สู้ๆนะอลัน!!!” วีนัสร้องเชียร์อยู่ไกลๆ แต่ตอนนี้ผมกำลังขาสั่น

 

 

 

 

 

 

 

            “พวกนายไม่มีอาวุธให้ฉันเหรอ!!”

 

 

 

 

 

 

 

            “ใช่!!” อาเชอร์และเอสเตอร์ตะโกนกลับมา

 

 

 

 

 

 

 

            “แล้วฉันจะสู้กับมันยังไงเล่า!!!????”

 

 

 

 

 

 

 

            “มือเปล่าล่ะมั๊ง!!”

 

 

 

 

 

 

 

            “จะบ้าเหรอ!!! อ๊ากกกกกก!!!” ยังไม่ทันเคลียร์เรื่องวิธีสู้กับเจ้ามังกรนั่น ผมก็โดนจู่โจมด้วยเปลวเพลิงฆาตที่พุ่งเฉียดศีรษะผมไปไม่กี่เซนติเมตร ควันสีดำค่อยๆจางหายไป เผยให้เห็นมังกรเกล็ดมันเลื่อมที่สะท้อนแสงไฟบนเพดานระยิบระยับกำลังกู่ร้อง อยู่เบื้องหลัง ผมตาเบิกโพลง ในชีวิตนี้ผมไม่เคยรู้ว่ามีมังกรอยู่จริง และเปอร์เซ็นต์ที่อยากเจอก็เป็นศูนย์ ผมกำลังจะวิ่งไปหลบหลังโซฟาสีแดงตัวใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้อง แต่ไม่ทันไร ลูกไฟลูกที่สองก็พุ่งมา ทำเอาโซฟาไหม้เกรียม

 

 

 

 

 

 

 

            ที่กำบังของผมมมมมมม!!!!

 

 

 

 

 

 

 

            “กี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!!”

 

 

 

 

 

 

 

            เจ้ามังกรกรีดร้องพลางส่ายหัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง ผมวิ่งหาที่หลบไปทั่วห้อง แล้วก็ลื่นล้มเพราะมีใครไม่รู้ทำน้ำหกไว้ ผมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ทำได้ไม่นาน เพราะเจ้ามังกรกำลังเคลื่อนที่มาทางนี้ มันสยายปีกออกกว้างและค่อยๆกระพือจนตัวมันลอยสูงขึ้นไปติดเพดาน มันกำลังเตรียมพร้อมที่จะทำอะไรบางอย่าง

 

 

 

 

 

 

 

            จบแล้ว ชีวิตผม.....

 

 

 

 

 

 

 

            แต่จู่ๆเจ้ามังกรก็ร้อง กี๊ซซซซซ ด้วยความเจ็บปวดเมื่อปีกของมันไปเกี่ยวแชนเดอเลียคริสตัลบนเพดาน คริสตัลร่วงกราวลงสู่เบื้องล่าง แต่เจ้ามังกรดูเหมือนจะไม่สนใจ (ก็มันเป็นมังกรนี่) ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของเบลล์ดังมาแว่วๆเรื่องงบที่จะต้องเบิกไปซื้อแชนเด อเลียใหม่ แต่ผมมีเวลากังวลได้ไม่นานเพราะเจ้ามังกรน่าเกลียดเริ่มขยับปีกเสียงดังครืด คราดจนปีกข้างที่ติดขาดแควก! เลือดสีแดงข้นคลั่กของมันทะลักล้นออกมาและไหลลงเบื้องล่างราวกับน้ำตก ปีกของมันเป็นอิสระแล้ว

 

 

 

            ถึงแม้มันจะบินตามผมได้ไม่ดีนัก แต่มันยังพ่นไฟได้

 

 

 

 

 

            “กร๊าซซซซซซซซซ!!!!”

 

 

 

 

 

 

 

            เจ้ามังกรพ่นลูกไฟยักษ์ออกมาทางผม ผมรีบกลิ้งตัวหลบก่อนจะออกวิ่งไปเรื่อยๆ ห้องโถงแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่จนผมมองไม่เห็นผนังเลยทีเดียว เจ้ามังกรยังคงไล่ตามผมมา มันบินช้าๆในระดับต่ำๆแต่หน้าตายังคงน่ากลัวหมือนเดิม เล็บเท้าแหลมคมของมันครูดคราดไปตามพื้นกระเบื้องทำให้ผมขนลุกซู่

 

 

 

 

 

 

 

            “เฮ้ย!!”

 

 

 

 

 

 

 

            ผมเกือบจะทำพลาดเสียแล้ว เมื่อไม่มีพื้นให้เท้าเหยียบอีกต่อไป โชคดีที่ผมหันกลับมาพอดี เพราะเบื้องล่างเป็นเหวลึกเกือบยี่สิบเมตร ธารน้ำใสไหลเชี่ยวกราก ผมก้มลงมองอย่างอับจนหนทาง ถ้าอยากหนีเจ้ามังกรก็คงต้องโดดลงไป แต่มันก็คล้ายๆว่าผมกำลังจะพุ่งไปหามัจจุราชเหมือนกัน

 

 

 

 

 

 

 

            “กี๊ซซซซซซซซซซ!!!” เจ้ามังกรเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ มันส่งเสียงคำรามราวกับจะบอกว่า เตรียมตัวตายซะเถอะไอ้หนู มันชะลอความเร็วและหยุดลง ทิ้งระยะห่างระหว่างผมกับมันประมาณสามเมตร

 

 

 

 

 

 

 

            เจ้ามังกรกำลังรวบรวมพลัง ตอนนั้นในหัวผมมีแต่หน้าเพื่อนๆลอยไปมา เชอรีนคงส่งผมมาตายซะแล้วล่ะ ผมกำลังคิดว่าจะเป็นยังไงนะ ถ้าถูกย่างสด

 

 

 

 

 

 

 

            อย่ายอมแพ้สิ นายเป็นผู้ชายนะ!

 

 

 

 

 

 

 

            เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ผมหันซ้ายหันขวาก็ไม่พบใคร นอกจากเจ้ามังกรยักษ์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า มันต้องดังขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกของผมแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้ทำไม เจ้าเสียงนี่ถึงทำให้ผมมีแรงฮึด!

 

 

 

 

 

 

 

            ผมรวบรวมสมาธิเพื่อหาวิธีเอาตัวรอดแต่พระเจ้าไม่ให้เวลาผมขนาดนั้น เพราะในที่สุดเจ้ามังกรก็ตัดสินใจปล่อยพลังเปลวไฟยักษ์ที่ร้อนฉ่าพุ่งมาทาง ผมแล้ว ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากหลับตาลงแล้วตะโกนกึกก้องว่า อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

 

 

 

 

 

 

 

            ผมกำลังยืนรอความตาย เปลวเพลิงนรกกำลังลามเลียใบหน้าผมอย่างช้าๆ แต่มันกลับให้ความรู้สึกไม่ร้อนเท่าที่ควรจะเป็น และผมก็รู้สึกได้ถึงละอองน้ำ

 

 

 

 

 

 

 

            ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพื่อสำรวจว่าตัวเองไห้ไปแล้วหรือยัง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อผมยังคงมีสภาพสมบูรณ์ดี แต่เจ้ามังกรอัคนีนั่นกำลังว่ายน้ำท่าลูกมังกรตกน้ำในพายุหมุน ขนาดยักษ์ที่มาจากไหนไม่รู้ มันส่งเสียงร้องและพยายามพ่นไฟ แต่พายุลูกนั้นก็หยุดยั้งไม่ให้มันมีโอกาสได้ทำตามใจ ผมเห็นออร่าสีดำแปลกประหลาดค่อยๆแผ่ออกมาจากร่างกายของเจ้ามังกร มันรวมตัวเข้ากับพายุหมุนก่อนจะแตกสลายไปในที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

            บึ้ม!! พายุหมุนสลายตัวก่อให้เกิดสายน้ำขนาดใหญ่ท่วมทะลักห้องโถง แต่บริเวณที่ผมยืนอยู่นั้นกลับเว้นช่องว่างเอาไว้เป็นวงกลบรอบตัวผม ผมหมุนไปรอบๆอย่างงุนงงว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วผมก็ได้ยินเสียงของเชอรีนตะโกนมา

 

 

 

 

 

 

 

            “หยุดมันสิ อลัน! มันกำลังจะท่วมเราแล้ว!!”

 

 

 

 

 

 

 

            ผมไม่รู้จะหยุดมันยังไง แต่ตอนนั้นเองความรู้สึกประหลาดๆก็เกิดขึ้นกับตัวผม หัวของผมโล่งๆเหมือนเพิ่งถูกเอาอะไรที่น่าหนักใจ(อย่างเช่นขี้เถ้า)ออกไปจาก หัว มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เหมือนคนที่เพิ่งแก้ไขปริศนาอักษรไขว้ได้สำเร็จ

 

 

 

 

 

 

 

            แล้วผมก็รู้ว่าต้องทำอะไร

 

 

 

 

 

 

 

            ผมค่อยๆเดินไปยังทางออกช้าๆ สายน้ำเชี่ยวกรากแหวกเป็นสายเพื่อเปิดทางให้ ผมได้เดินผ่านไป พวกเพื่อนๆมองผมอย่างอึ้งๆอยู่บนตู้โชว์อะไรสักอย่างที่น้ำเกือบจะท่วมมิด แล้ว

 

 

 

 

 

 

 

            “หยุด”

 

 

 

 

 

 

 

            ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ กระแสน้ำม้วนตัวไปมาอีกครั้งก่อนจะแตกตัวสลายหายไป เชอรีนอ้าปากค้างจ้องผมอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

 

 

 

 

 

 

 

            “นายเป็น...”

 

 

 

 

 

 

 

            “??”

 

 

 

 

 

 

 

            “ใช่จริงๆด้วย!!” เชอรีนร้องอย่างดีใจในขณะที่เจ้ามังกรอัคนีกำลังส่งเสียงครางหงุงหงิงอยู่เบื้องหลัง          

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

            เธอหมายความว่ายังไงกันนะ!!???

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา