อลัน ลัสเบิร์ก...ผมกำลังตามหาเจ้าหญิง
เขียนโดย WhenSasukefollowers
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.47 น.
แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 00.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ผมมีเรื่องกับมังกร!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"อลัน...."
ผม ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือเชอรีน รูบี้ วีนัส เอสเตอร์ และอาเชอร์ พร้อมหน้าพร้อมตาราวกับว่ามาดูใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนผมจะหมดลมหายใจ
ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ไหนสักที่ บางทีอาจจะเป็นห้องนอนผม
“นายเป็นอะไรรึเปล่า?” เชอรีนถามขึ้นมาเป็นคนแรก ผมสังเกตเห็นว่ามือของเธอกำผ้าปูที่นอนแน่นจนมันยับไปหมด คนอื่นๆก็ดูกังวลเช่นกัน แต่ผมไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย
“ฉันก็สบายดีนี่ แล้วทำไมทุกคนถึงมายืนล้อมเตียงฉันแบบนี้ล่ะ” ผมกำลังจะก้าวเท้าลงจากเตียงแต่เอสเตอร์ก็ดึงผมไว้ก่อน ผมต้องขอบคุณเขาเพราะเมื่อกี้ผมแทบจะล้มหน้าทิ่มด้วยอาการวิงเวียนศีรษะที่ ยังคงตามหลอหลอนอยู่
ว่าแต่....ผมไปทำอะไรมานะ
“ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“ห้องพยาบาลในเดอะ ริเวอร์เพลส” รูบี้บอก เธอแกว่งกระบองพลาสติกประจำตัวไปมา ผมพยายามไม่หันไปมองเจ้ากระบองนั่น
“แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...เอ๊ะ...เอ็มม่า คาม่อน!!!” ผมร้องเสียงดังเพราะเพิ่งคิดออก เธอหลอกลวงผมมาที่นี่! เธอซื้อเสื้อผ้าให้ผม! แล้วเธอก็บอกว่าเรามีพันธะสัญญาอะไรบางอย่าง! ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังคงไม่เข้าใจเรื่องพันธะอะไรบ้าบอนั่น
“นายไม่ใช่รายแรกที่โดนเอ็มม่าหลอก” อาเชอร์บอก “ฉันเองก็เกือบโดนล่ะนะ แต่เอสเตอร์มาช่วยไว้”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เวทมนตร์ของเอ็มม่ามีผลกับคนบอบบางเท่านั้นแหละ”
“หมายความว่าฉันบอบบางงั้นสิ” ผมพูดเสียงเข้ม เอสเตอร์รีบส่ายหน้าก่อนจะยิ้มแหยๆให้
“ไม่ใช่อย่างนั้น! นายยังมือใหม่อยู่ ก็ต้องโดนหลอกลวงง่ายเป็นธรรมดา”
“แล้วเมื่อกี้พวกนายพูดอะไรถึงเวทมนตร์รึเปล่า?” ผมรีบท้วงขึ้นมา ทุกคนหันมองหน้ากัน ผมพยายามอ่านสายตาที่แต่ละคนส่งให้กัน แต่บอกได้เลยว่า ผมไม่เข้าใจ
“อย่าตกใจนะอลัน” เชอรีนพูดเสียงเรียบ เธอสูดลมหายใจเบาๆก่อนจะพูดว่า “เอ็มม่าน่ะไม่ใช่คนธรรมดา แต่เธอเป็น—”
“แม่มด!!!!!”
ผมหันขวับไปมองต้นเสียงที่ดังมาจากประตู แล้วผมก็เห็นสกู๊ปที่ยืนอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาของผมเล็กน้อย เขากำลังเดินเข้ามา
“แล้วก็เป็นแม่มดที่สวยมากด้วย!!” สกู๊ปกระโดดขึ้นมานั่งข้างๆผมก่อนจะพร่ำพรรณนาถึงเอ็มม่า คาม่อน แต่แล้วเขาก็ต้องเงียบลง เมื่อเห็นสายตาของเชอรีน
“ใช่ อย่างที่สกู๊ปบอก เอ็มม่าเป็นแม่มด แล้วงานอดิเรกของเธอก็คือช็อปปิ้งไปวันๆ แล้วเมื่อเธอต้องการอะไรสักอย่าง เธอก็จะไปหลอกลวงคนนู้นคนนี้เพื่อที่จะทำให้เกิดพันธะสัญญา เพื่อให้คนคนนั้นช่วยในเรื่องที่เธอทำเองไม่ได้”
“เธอตามจีบฉันด้วย” เอสเตอร์บอก “เธอตามจีบฉันมาหลายปีแล้ว แต่เสียใจด้วย ยังไงก็ไม่สำเร็จหรอก”
“ขอโทษนะ! ขอขัดจังหวะหน่อย” ผมแทรกขึ้นมา “พวกนายทำเหมือนรู้จักเอ็มม่ามานานแล้ว แต่ทำไม...ฉันถึงไม่เคยเห็นเธอเลยล่ะ”
“ไม่จริงน่า...นายต้องรู้จักเธอสิ” อาเชอร์ขมวดคิ้ว ดวงตาสีเขียวสุกสว่างหรี่ลงด้วยความฉงน อาเชอร์เดินเข้ามาใกล้เตียงผมมากขึ้นก่อนจะหันมองไปรอบๆ เมื่อทุกคนพยักหน้า เขาก็โบกผ่านหน้าผมไปมาพร้อมกับบ่นอะไรบางอย่าง
“อาร์เช พอลิสคานิส!”
“!!!”
เขาโบกมือผ่านหน้าผมเจ็ดที ก่อนจะเอานิ้วชี้ยาวๆมาแตะที่กลางหน้าผากผม
เงียบกันไปสักพัก....
“ขอโทษนะ” ผมเอ่ยขึ้น “พวกนายกำลังทำอะไรเนี่ย?”
“ทำไมมันใช้กับเขาไม่ได้ผลล่ะ!”
“ใช้อะไร?” ผมถามอย่างสงสัย อาเชอร์ทำหน้ามุ่ยก่อนจะเดินมาเขย่าหัวผมแรงๆ
“โอ๊ย! นายทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ”
“นายรู้จักเอ็มม่า คาม่อน นายเคยเจอเธอ นายเคย...”
“ฉันไม่เคยอะไรทั้งนั้นแหละ! นายกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย!!??”
“พอแล้วอาเชอร์!”
เชอรีนสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด อาเชอร์จึงปล่อยมือจากหัวผมและกลับไปยืนทที่เดิม แล้วเชอรีนก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามานั่งข้างๆผม เธอจ้องมองผมอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะค่อยๆยื่นหน้ามาใกล้ๆ
“เอ่อ...เธอจะทำอะไร” ผมถามขึ้นมาอย่างอายๆเมื่อพบว่าตอนนี้หน้าเราอยู่ห่างกันไม่กี่เซนต์ ซึ่งทำให้ผมสามารถมองเห็นสิวบนใบหน้าเธอได้เลยล่ะ แต่บังเอิญว่าเชอรีนนั้นไม่มีสิว ผมเลยเห็นแต่ใบหน้าเนียนๆของเธอ
“อลัน นายช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”
“หืม? อะไร”
“อะไรสักอย่าง แต่ว่าเสี่ยงตายพอดูเลยล่ะ” หน้าของเชอรีนค่อยๆห่างออกไป ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมโล่งใจ แต่สิ่งที่ได้ยินกลับทำให้ผมกลับมาช็อกอีกครั้ง!
“ก็แค่สู้กับสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายและหน้าเกลียดบางตัวเท่านั้นแหละ นายโอเคใช่ไหม”
เชอรีนมองผมอย่างคาดหวัง แต่มคงทำให้เธอผิดหวังแล้วล่ะ เพราะผมตะโกนลั่นว่า
“ไม่โอเค!!!!!!!!!”
ผมช่างเป็นผู้ชายที่โชคร้ายเหลือเกิน
หลังจากที่ผมยืนกรานว่ายังไงก็ไม่มีทางสู้กับอะไรบางอย่างที่ชวนฝันร้ายแน่ๆ เชอรีนก็สั่งเอสเตอร์กับอาเชอร์จับผมไว้แน่น และให้รูบี้เป็นผู้คุมพาผมมายังห้องโถงใหญ่แห่งนี้ ผมก้มหลบกระบองพลาสติกสีแดงสดที่โบกไปมาของรูบี้ เธอชี้กระบองไปด้านหน้า ผมมองตามไป เบื้องหน้ามีแต่หมอกควันสีดำ มันทึบเสียจนมองไม่เห็นว่าด้านหลังมีอะไร
“ฝันร้ายของนายอยู่เบื้องหลังหมอกนี่แหละ” เอสเตอร์บอก
“ขอบใจนะที่บอก”
“นายจะต้องไม่เป็นไรน่า ก็แค่...”
“ต้องสู้มังกรอัคนี พันธุ์ดึกดำบรรพ์ ที่ถูกดาร์กออร่าของรามิลเข้าไปน่ะสิ” เสียงเชอรีนดังขึ้น เธอกำลังเดินเข้าห้องโถงมาพร้อมกับสกู๊ปและวีนัส อ้อ...แล้วก็เด็กผู้หญิงอีกคน
“แน่ใจแล้วเหรอคะ? ที่จะปลุกเจ้าอาร์ริส” เด็กสาวเจ้าของผมยาวสลวยสีรัตติกาลที่เดินมาพร้อมกับเชอรีนพูดขึ้น นัยน์ตากลมโตสีม่วงสดใสกำลังจ้องมองไปทางกลุ่มหมอกนั่น ก่อนจะเลื่อนมายังผม
“นาย!”
“เธอ! คนที่ฉันชนเมื่อกลางวันนี่!”
“ใช่ค่ะ ขอโทษนะคะที่เกะกะขวางทาง” เธอโค้งให้ผมหลายทีก่อนจะเดินผ่านพวกผมไปยังลุ่มหมอกนั่น
“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษเธอ!!” ผมตะโกนตามหลังเธอไป ร่างบางหันมายิ้มหวานให้ผมก่อจะมุ่งหน้าไปต่อ เชอรีนเดินตามไปทำให้พวกผมต้องเดินตามไปด้วย
ประตูปิดดัง ปัง! ตามหลังผม
“มังกรอัคนีที่ว่านี่ มันคือตัวอะไร?”
“มังกรหินภูเขาไฟพ่นไฟได้ จบ!” เชอรีนพูดแค่นั้น ซึ่งมันทำให้ผมหงุดหงิดเอามากๆ แต่ผมก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะ...ไปสู้กับไอ้มังกรบ้านั่นตามที่เชอรีนบังคับขู่เข็ญ
“ทำไมฉันต้องสู้กับมันด้วยล่ะ”
“เมื่อทุกอย่างเสร็จ ฉันจะบอก”
“แล้วถ้าฉันมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานพอที่จะรอฟังคำตอบล่ะ?” ผมถามอย่างหวาดๆ เพราะเจ้ามังกรภูเขาไฟอะไรสักอย่างที่ผมต้องไปสู้ด้วย ท่าทางจะไม่ใช่มังกรของเล่นแน่ๆ
“ก็รอดูไปก่อนละกัน” เชอรีนตอบยิ้มๆ ก่อนจะตะโกนสั่ง “เบลล์!! ปลุกอาร์ริสได้เลย!!”
“รับทราบค่ะ!!”
เด็กผู้หญิงผมดำที่ชื่อเบลล์ตะโกนกลับมา ประมาณสิบวินาทีต่อมาก็เกิดแสงไฟวูบวาบหลังม่านหมอกสีดำนั่น เบลล์วิ่งกลับมาด้วยความรวดเร็ว เธอยิ้มให้ผม และบอกว่า “โชคร้ายจัง ท่าทางนายจะอายุสั้น” แล้วเธอก็วิ่งออกไป
“สู้ๆนะอลัน!!!” วีนัสร้องเชียร์อยู่ไกลๆ แต่ตอนนี้ผมกำลังขาสั่น
“พวกนายไม่มีอาวุธให้ฉันเหรอ!!”
“ใช่!!” อาเชอร์และเอสเตอร์ตะโกนกลับมา
“แล้วฉันจะสู้กับมันยังไงเล่า!!!????”
“มือเปล่าล่ะมั๊ง!!”
“จะบ้าเหรอ!!! อ๊ากกกกกก!!!” ยังไม่ทันเคลียร์เรื่องวิธีสู้กับเจ้ามังกรนั่น ผมก็โดนจู่โจมด้วยเปลวเพลิงฆาตที่พุ่งเฉียดศีรษะผมไปไม่กี่เซนติเมตร ควันสีดำค่อยๆจางหายไป เผยให้เห็นมังกรเกล็ดมันเลื่อมที่สะท้อนแสงไฟบนเพดานระยิบระยับกำลังกู่ร้อง อยู่เบื้องหลัง ผมตาเบิกโพลง ในชีวิตนี้ผมไม่เคยรู้ว่ามีมังกรอยู่จริง และเปอร์เซ็นต์ที่อยากเจอก็เป็นศูนย์ ผมกำลังจะวิ่งไปหลบหลังโซฟาสีแดงตัวใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้อง แต่ไม่ทันไร ลูกไฟลูกที่สองก็พุ่งมา ทำเอาโซฟาไหม้เกรียม
ที่กำบังของผมมมมมมม!!!!
“กี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!!”
เจ้ามังกรกรีดร้องพลางส่ายหัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง ผมวิ่งหาที่หลบไปทั่วห้อง แล้วก็ลื่นล้มเพราะมีใครไม่รู้ทำน้ำหกไว้ ผมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ทำได้ไม่นาน เพราะเจ้ามังกรกำลังเคลื่อนที่มาทางนี้ มันสยายปีกออกกว้างและค่อยๆกระพือจนตัวมันลอยสูงขึ้นไปติดเพดาน มันกำลังเตรียมพร้อมที่จะทำอะไรบางอย่าง
จบแล้ว ชีวิตผม.....
แต่จู่ๆเจ้ามังกรก็ร้อง กี๊ซซซซซ ด้วยความเจ็บปวดเมื่อปีกของมันไปเกี่ยวแชนเดอเลียคริสตัลบนเพดาน คริสตัลร่วงกราวลงสู่เบื้องล่าง แต่เจ้ามังกรดูเหมือนจะไม่สนใจ (ก็มันเป็นมังกรนี่) ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของเบลล์ดังมาแว่วๆเรื่องงบที่จะต้องเบิกไปซื้อแชนเด อเลียใหม่ แต่ผมมีเวลากังวลได้ไม่นานเพราะเจ้ามังกรน่าเกลียดเริ่มขยับปีกเสียงดังครืด คราดจนปีกข้างที่ติดขาดแควก! เลือดสีแดงข้นคลั่กของมันทะลักล้นออกมาและไหลลงเบื้องล่างราวกับน้ำตก ปีกของมันเป็นอิสระแล้ว
ถึงแม้มันจะบินตามผมได้ไม่ดีนัก แต่มันยังพ่นไฟได้
“กร๊าซซซซซซซซซ!!!!”
เจ้ามังกรพ่นลูกไฟยักษ์ออกมาทางผม ผมรีบกลิ้งตัวหลบก่อนจะออกวิ่งไปเรื่อยๆ ห้องโถงแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่จนผมมองไม่เห็นผนังเลยทีเดียว เจ้ามังกรยังคงไล่ตามผมมา มันบินช้าๆในระดับต่ำๆแต่หน้าตายังคงน่ากลัวหมือนเดิม เล็บเท้าแหลมคมของมันครูดคราดไปตามพื้นกระเบื้องทำให้ผมขนลุกซู่
“เฮ้ย!!”
ผมเกือบจะทำพลาดเสียแล้ว เมื่อไม่มีพื้นให้เท้าเหยียบอีกต่อไป โชคดีที่ผมหันกลับมาพอดี เพราะเบื้องล่างเป็นเหวลึกเกือบยี่สิบเมตร ธารน้ำใสไหลเชี่ยวกราก ผมก้มลงมองอย่างอับจนหนทาง ถ้าอยากหนีเจ้ามังกรก็คงต้องโดดลงไป แต่มันก็คล้ายๆว่าผมกำลังจะพุ่งไปหามัจจุราชเหมือนกัน
“กี๊ซซซซซซซซซซ!!!” เจ้ามังกรเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ มันส่งเสียงคำรามราวกับจะบอกว่า เตรียมตัวตายซะเถอะไอ้หนู มันชะลอความเร็วและหยุดลง ทิ้งระยะห่างระหว่างผมกับมันประมาณสามเมตร
เจ้ามังกรกำลังรวบรวมพลัง ตอนนั้นในหัวผมมีแต่หน้าเพื่อนๆลอยไปมา เชอรีนคงส่งผมมาตายซะแล้วล่ะ ผมกำลังคิดว่าจะเป็นยังไงนะ ถ้าถูกย่างสด
อย่ายอมแพ้สิ นายเป็นผู้ชายนะ!
เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ผมหันซ้ายหันขวาก็ไม่พบใคร นอกจากเจ้ามังกรยักษ์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า มันต้องดังขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกของผมแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้ทำไม เจ้าเสียงนี่ถึงทำให้ผมมีแรงฮึด!
ผมรวบรวมสมาธิเพื่อหาวิธีเอาตัวรอดแต่พระเจ้าไม่ให้เวลาผมขนาดนั้น เพราะในที่สุดเจ้ามังกรก็ตัดสินใจปล่อยพลังเปลวไฟยักษ์ที่ร้อนฉ่าพุ่งมาทาง ผมแล้ว ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากหลับตาลงแล้วตะโกนกึกก้องว่า อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!
ผมกำลังยืนรอความตาย เปลวเพลิงนรกกำลังลามเลียใบหน้าผมอย่างช้าๆ แต่มันกลับให้ความรู้สึกไม่ร้อนเท่าที่ควรจะเป็น และผมก็รู้สึกได้ถึงละอองน้ำ
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพื่อสำรวจว่าตัวเองไห้ไปแล้วหรือยัง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อผมยังคงมีสภาพสมบูรณ์ดี แต่เจ้ามังกรอัคนีนั่นกำลังว่ายน้ำท่าลูกมังกรตกน้ำในพายุหมุน ขนาดยักษ์ที่มาจากไหนไม่รู้ มันส่งเสียงร้องและพยายามพ่นไฟ แต่พายุลูกนั้นก็หยุดยั้งไม่ให้มันมีโอกาสได้ทำตามใจ ผมเห็นออร่าสีดำแปลกประหลาดค่อยๆแผ่ออกมาจากร่างกายของเจ้ามังกร มันรวมตัวเข้ากับพายุหมุนก่อนจะแตกสลายไปในที่สุด
บึ้ม!! พายุหมุนสลายตัวก่อให้เกิดสายน้ำขนาดใหญ่ท่วมทะลักห้องโถง แต่บริเวณที่ผมยืนอยู่นั้นกลับเว้นช่องว่างเอาไว้เป็นวงกลบรอบตัวผม ผมหมุนไปรอบๆอย่างงุนงงว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วผมก็ได้ยินเสียงของเชอรีนตะโกนมา
“หยุดมันสิ อลัน! มันกำลังจะท่วมเราแล้ว!!”
ผมไม่รู้จะหยุดมันยังไง แต่ตอนนั้นเองความรู้สึกประหลาดๆก็เกิดขึ้นกับตัวผม หัวของผมโล่งๆเหมือนเพิ่งถูกเอาอะไรที่น่าหนักใจ(อย่างเช่นขี้เถ้า)ออกไปจาก หัว มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เหมือนคนที่เพิ่งแก้ไขปริศนาอักษรไขว้ได้สำเร็จ
แล้วผมก็รู้ว่าต้องทำอะไร
ผมค่อยๆเดินไปยังทางออกช้าๆ สายน้ำเชี่ยวกรากแหวกเป็นสายเพื่อเปิดทางให้ ผมได้เดินผ่านไป พวกเพื่อนๆมองผมอย่างอึ้งๆอยู่บนตู้โชว์อะไรสักอย่างที่น้ำเกือบจะท่วมมิด แล้ว
“หยุด”
ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ กระแสน้ำม้วนตัวไปมาอีกครั้งก่อนจะแตกตัวสลายหายไป เชอรีนอ้าปากค้างจ้องผมอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“นายเป็น...”
“??”
“ใช่จริงๆด้วย!!” เชอรีนร้องอย่างดีใจในขณะที่เจ้ามังกรอัคนีกำลังส่งเสียงครางหงุงหงิงอยู่เบื้องหลัง
เธอหมายความว่ายังไงกันนะ!!???
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ