How can i say? ให้ตาย....ฉันพูดอะไรลงไป
-
เขียนโดย steponstep
วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 07.09 น.
11 ตอน
0 วิจารณ์
14.94K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2556 07.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) คำทำนายสยอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเอาหล่ะ...ฉันขอเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดด้วยคำพูดที่แสนจะธรรมดา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...นานแสนนาน นานเสียจนทำให้ฉันรู้สึกแก่ขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงมัน ปมของเรื่องราวต่างๆได้เริ่มต้นก่อตัวขึ้น
วันนั้นคือวันสุดท้ายของชีวิตม.ปลายและคงจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิตอันปกติอยู่ในโรงเรียนเหมือนอย่างเคย หลังจากที่เสียงบอกหมดเวลาสอบดังขึ้น ทุกคนต่างก็รีบเก็บข้าวของบนโต๊ะตัวเองทันทีโดยแทบจะไม่สนใจข้อสอบที่อยู่ตรงหน้าด้วยซ้ำ มีหลายๆคน...ข้อสอบตกไปบนพื้นทั้งฉบับก็ยังไม่คิดที่จะเก็บมันขึ้นมา แถมยังปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนั้นซึ่งฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อเท้าก้าวออกจากห้องได้แล้วรีบตรงดิ่งไปที่หอประชุมโรงเรียนทันที ซึ่งนั่นก็คือจุดหมายเดียวกันของนักเรียนม.6ทุกคน เมื่อไปถึง ภาพแรกที่เห็น....มันคงจะกลายเป็นภาพที่น่าจดจำไปจนวันสุดท้ายของชีวิต มันอาจเป็นสิ่งเล็กๆที่แสนงดงามในความเป็นประเพณีที่ต้องเกิดขึ้นทุกปี ....รุ่นน้องทั้งม.ต้นและม.ปลายยืนเรียงแถวรอมอบดอกไม้และของขวัญอยู่สองฝั่ง บวกกับทางเดินที่เคยมีแต่อิฐสีน้ำตาลอ่อน ตอนนี้ถูกปูด้วยพรมสีแดงสดไปจนสุดทางเดินราวกับฉากร้อยล้านในภาพยนต์ที่ฉันเคยดู ที่แท้ โรงเรียนจะทำเซอร์ไพรส์นักเรียนม.6อย่างพวกเรานั่นเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่พวกเรารู้มาก่อนตั้งนานแล้วก็ตาม ตลอดทางที่ฉันเดิน เสียงชัดเตอร์ ไฟแฟรช และเสียงโห่ร้องร่วมประสานกันจนไม่ตางอะไรกับฉันที่คิดว่าตัวเองกำลังมีความสุขอยู่ในคอนเสริตของตัวเอง
สุดท้าย...ฉันได้ของขวัญกับดอกไม้จากพวกน้องๆจนเต็มไม้เต็มมือ ฉันนี่โชคดีชะมัด
อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า งานพรอมวันอำลาจะเริ่มต้นขึ้น ที่สำคัญ งานนี้เป็นงานแรกที่นักเรียนม.6 ทั้งระดับชั้นจะได้ใช้วิชาลีลาสร้อยล้านหน่วยกิตให้เป็นประโยชน์ ซึ่งทุกคนก็คงเห็นด้วยกับความคิดของฉัน ในขณะที่ทุกคนกำลังก้าวเข้าสู่หอประชุมโรงเรียนพร้อมกับข้าวของที่พะรุงพะรังอยู่นั้น ซึ่งฉันในขณะนั้นก็ไหลไปพร้อมกับฝูงชน แขนข้างที่มีของอยู่น้อยของฉัน(ที่จริง มันเยอะมากกกก)ถูกกระชากโดยเพื่อนที่เดินมาข้างๆ บ้าจริง ใครกันนะ ถ้าฉันล้มหัวฟาดพื้นขึ้นมาจะว่ายังไงเนี่ย เมื่อฉันหันไปมองด้วยแรงอาฆาต..อ้อ..หืม...ยัยน้ำปลาเพื่อนสนิทของฉันนั่นเอง ดีหล่ะ...ฉันจะได้ด่าให้เต็มที่ไปเลย
"นี่...แกจะตามพวกนั้นเข้าไปทำไมยะ"ยังไม่ทันที่ฉันจะได้อ้าปากพูดอะไร ยัยน้ำปลาตะโกนถามฉัน ให้ตายเถอะ...อยู่ใกล้กันขนาดนี้จะตะโกนทำไมยะ พร้อมกับขมวดคิ้วราวกับว่าฉันกำลังทำอะไรบางอย่างผิดไป เอิ่ม...รางชักไม่ดีแล้วสิ
"ก็...ก็...เราต้องเข้าไปข้างในกันไม่ใช่หรอ" ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงใสซื่อบริสุทธิ์ มันก็ควรจะต้องเป็นอย่างนั่นสินะ
"ถ้างั้น...แกลองมองดูซิว่า มีเพื่อนห้องเราเข้ามาข้างในนี้บ้างมั้ย ห๊ะ ยัยเอ๋อเอ้ย" ยัยน้ำปลารีบตัดบท ก่อนที่ฉันจะพยายามมองหาเพื่อนๆห้องเดียวกับฉัน แต่ว่า...
"ไม่มี...มองไปทางไหนก็ไม่มี..แล้ว...พวกมันไปไหน" ฉันจริงใจกับคำถามนี้มาก
"นั่นไง...แกลืมแล้วจริงๆด้วย งั้น...มานี่"น้ำปลาลากฉันไปทั้งๆที่ฉันยังงงๆอยู่
ฉันก้าวลงจากบันไดด้านข้างของประชุมพร้อมกับต้องแหวกฝูงชนไปด้วย โอ้ย...เมื่อไหร่จะออกไปได้ซะทีนะ ตลอดทางฉันต้องพูดขอโทษซะจนเมื่อยปาก ให้ตายเถอะ ท่าทางยัยน้ำปลาจะรีบซะด้วย สงสัยจะเรื่องสำคัญแฮะ!!!
เมื่อเราสองคนลงมาจากบันไดเรียบร้อยแล้ว พอฉันเงยหน้าขึ้น หลังจากที่ต้องก้มหน้าก้มตามาพักใหญ่ และที่น่าประหลาดก็คือ เพื่อนๆในห้องราวๆ 30 คน ยืนรวมกลุ่มกันอยู่และเหมือนกับว่ากำลังรอฉันอยู่ซะด้วย ตายแล้ว!!!!ฉันลืมอะไรไปจริงๆเหรอเนี่ย
"เออ...น้ำปลา ทำไมเพื่อนๆเราต้องมายืนกันตรงนี้ด้วยหล่ะ"ฉันกระซิบถามข้างๆหูยัยเพื่อนสนิทของฉันด้วยอาการอยากรู้อยากเห็นที่แฝงไปด้วยอาการเขินที่มากับความขายหน้า
"อยากรู้เหรอ (ฉันพยักหน้า) แกแหกตาดูนี่" น้ำปลาพูดพร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษที่รูปร่างแปลกตา แต่ว่านี่มัน...
"ใบผูกดวงนี่ แกเอาใบผูกดวงมาทำไมหน่ะ แล้วที่เพื่อนๆเราถืออยู่ก็..."ไม่น่าเชื่อ ในมือของทุกคนทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มีใบผูกดวงกันหมด จะบ้าตาย...นี่คือสภาพของนักเรียนม.6 ที่พึ่งจะเรียบจบกันจริงๆเหรอเนี่ย ปัญญาชนชัดๆ
"มัวแต่อึ่งอยู่ได้ อ่ะนี่...ของแก ฉันเอามาให้ แกไม่รู้เรื่องจริงๆเหรอเนี่ย เฮ้อ...ท่าทางจะไม่มีใครบอกแกจริงๆ ด้วยหว่ะ น่าสงสาร" ฉันรับใบผูกดวงของน้ำปลามาอย่างตั้งตัว ความจริงฉันใบนี่ถูกยัดลงมาในมือฉันเองมากกว่าและยังไม่ทันที่ฉันจะเริ่มตั้งคำถามใหม่ ฉันก็ฉุกคิกขึ้นมาได้ว่า.....
"แล้วพวกแกจะไปดูดวงกันที่ไหน"ฉันถามขึ้นสั้นๆอย่างไม่อ้อมค้อม
"แกไม่ได้ข่าวบ้างหรอ ก็อาจารย์ที่สอนวิชาการงานไง นั่นหน่ะมือโปรของโรงเรียนเราเลยนะ"น้ำปลาฝอยอย่างภูมิใจ
"แล้วแกจะรู้ได้ยังไงว่าอาจารย์ดูแม่น หมอเดารึปล่าวก็ไม่รู้"ฉันถามอย่างกวนอารมณ์ขึ้นมาทันที
"ตอบง่ายๆ ก็ไอ้พวก 20 คนที่ไม่โผล่หัวมาวันนี้ไง(ความจริงห้องฉันมี 50 คน และพวก 20 ที่หายไปคือกลุ่มผู้ชายที่ใหญ่ที่สุดในห้อง)"
"อะไรนะ...อ้อใช่...แล้วพวกมันหายไปไหนอ่ะ"ฉันพูด
"ไปหลีผู้หญิงในงานหน่ะสิ..เฮ้ยเดี๋ยว...แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นน่า ฟังฉันนะ พออาจารย์ทักอะไรไว้ ก็เกิดเรื่องตามนั้นเป๊ะๆ อย่างกับมีทามเม็คชีนมาดูแหน่ะแก"
"ที่ว่าตรง เช่นอะไร"ฉันอยากรู้
"อย่างเช่น จะติดที่ไหน เรียนมหาลัยอะไร แต่อย่างไอ้พวกนั้นหน่ะ มีแต่เรื่องฉาวๆทั้งนั้น"
"ประโยคสุดท้ายทำให้น่าเชื่อถือขึ้นหน่อย แต่เอ๊ะ..จะไม่มีใครไปงานพรอมเลยเหรอ"
"ไม่มีหรอก...ไปดูดวงดีกว่าน่าแก ฟรีด้วย" น้ำปลาพูดขึ้นพร้อมกับอมยิ้มหนาเตอะที่ฉันต้องพบทุกครั้งที่ไปซื้อของด้วยกันแล้วติดป้าย sale ตัวใหญ่สีแดง
"ห๊า...งั้นไป ฟรีจริงใช่ป่ะ" แล้วหน้าที่เพื่อนที่ดีอย่างฉันก็จะต้องตอบไปตามบริบทว่าอย่างนั้น
"นิสัย..." น้ำปลาประชด
ตอนนี้ขบวนคนบ้าดูดวง ความจริงต้องบอกว่าบ้าของฟรีมากกว่า กำลังยกโขยงกันไปที่ห้องพักอาจารย์ ระหว่างที่เราเดินกันอยู่ ฉันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงรีบโยนคำถามนี้ให้น้ำปลาทันที
"น้ำปลา อาจารย์ดูดวงให้พวกนั้นว่าไงมั่ง เอาเฉพาะเด็ดๆนะ ฉัน อยากรู้ เล่าให้ฟังหน่อย"
"อ้อ...เออ...ขอนึกก่อนนะ....อ่า...นึกออกแล้ว ก็ไอ้คณะกรรมการ(โรงเรียน)คนเดียวในห้องไง ฮ่าฮ่า...ฉันนึกแล้วขำชะมัด"
"มีอะไรอ่ะ เล่าต่อดิ" ฉันรีบบังคับให้เธอเล่าต่อ
"คืองี๊นะแก...อาจารย์ดูให้ทุกคนก็เรื่องเดิมๆ งั้นๆ แต่พอถึงของ บาร์(เขาชื่อบาจา ซึ่งตั้งตามยี่ห้อรองเท้าที่แม่ชอบ แต่อายเลยบอกเพื่อนๆว่าชื่อบาร์)นะ อาจารย์ก็รีบทักเลย"
"ทักว่าไง"
"ว่าจะได้เพื่อนเป็นภรรยา"
"ภรรยา...พูดซะดูดี ก็พูดว่าเมียไปเลยสิ สะใจดีออก แล้วมันเด็ดตรงไหน" ฉันผิดหวังกับประโยคนี้ของเพื้อนรักอย่างมาก
"อย่าพึ่งเสียใจ มันเด็ดตรงที่มัน ฉุด คร่า ข่มขืนเพื่อนคนนั้น แล้วอาจารย์ก้อพูดต่ออีกเรื่อยๆของเขาหน่ะนะ แต่ทุกคนพอจะสรุปได้ว่าต้องเป็นใครซักคนในห้องเรา นี่แหละเป็นเหตุผลที่ทำให้เพื่อนๆยกโขยงกันมานี่ไง"
"อ้าว...งั้นผู้หญิงห้องเราก็ซวยสิ" ฉันชักรู้สึกสยองซะแล้ว
"มีซวยยิ่งกว่านั้น อย่าลืมสิ ว่าบาร์สอบตรงติดที่เดียวกับแกนะเว้ย"
"จะบ้ารึไง มีอีกตั้งหลายคน ผู้หญิงที่ติดที่เดียวกับฉันเยอะแยะไป จริงมั้ย" ฉันรีบพูดปัดทันที บ้าไปกันหมดแล้ว งมงาย งมงาย งมงาย
"เออน่า แต่ถ้าเป็นจริงคงฮาน่าดู ว่าป่ะ..." น้ำปลาพูดจบก็หัวเราะขึ้นมาทันที
"ไม่มีทาง ชิ" ฉันรีบตอบโต้
"ฉันจะคอยดู" พอพูดจบน้ำปลาก็มองฉันด้วยดวงตาที่หรี่เล็กลง คิดว่าตัวเองเป็นนางร้ายในละครรำไงยะ
ที่ห้องพักอาจารย์ฝ่ายการงาน ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ ห้องกระจกขนาดที่ติดแอร์ราว 4-5 ตัวที่เคยเย็นยะเยือกยามที่ต้องส่งงานก็อบอุ่นขึ้นทันทีเนื่องจากฉันและเพื่อนๆที่เข้าไปอัดกันอยู่ในนั้น มันแน่นมากจนทำให้ฉันถูกเบียดจนไปติดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง และอาจารย์ก็เริ่มทำนายโดยไม่รีรอ
ผ่านไปคนแล้วคนเล่า ก็ยังไม่ถึงคิวของฉันซักที
.....มีขอความคร๊าบ....มีข้อความคร๊าบ......
เสียงข้อความเข้าของโทรศัพย์มือถือฉันเอง เมื่อฉันเปิดอ่าน ที่แท้ก็มีใครบางคนที่ยังไม่ได้ให้ของขวัญกับฉันนั่นเอง แถมเขายังอยากขอฉันเต้นรำด้วย สงสัยจะต้องออกไปก่อนคนอื่นซะแล้ว ของฟรีเท่านั้นที่ฉันสนใจ อะไรแบบนี้ไม่ให้เหลือรอดไปได้แน่นอน ส่วนเรื่องเต้นรำฉันไม่สนใจอยู่แล้ว แต่จะทำยังไงได้หล่ะ...ฉันยังไม่ได้ดูดวงเลยนี่หน่า ของฟรี...ห้ามหลุดมือฉันเด็ดขาด ฉันหันไปปรึกษากับน้ำปลา ว่าฉันจะต้องแซงคิวให้ได้ ซึ่งเราต้องตะโกนบอกเพื่อนทั้งหมดเพื่อขอแซงคิว โชคดีที่น้ำปลาดูดวงเสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่โชคร้าย..น้ำปลายังไม่มีเสียงที่ดังพอจะให้ใครได้ยิน และคนที่ช่วยชีวิตฉันได้ก็ไม่ใช่ใคร เขาคนนี้ คือ ผักกาด สาวสุดหล่อ หน้าตาบ้องแบ๊ว เพื่อนสนิทสุดที่รักอีกคนของฉันนั่นเอง และแล้ว...
"เพื่อนๆ ขอให้นังนี่ลัดคิวได้มั้ย พอดีมันมีธุระหน่ะ นะ นะ น๊าาาาา"
เป็นอันว่าเรียบร้อย เสียงอันทรงพลังของผักกาดนี่ได้ผลจริงๆด้วยแห๊ะ ขอบคุณนะจ๊ะ คุณผักกาดสุดหล่อ
"เธอ...ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ว่าไง"อาจารย์ถามฉันอย่างรวดเร็ว
"ชื่อ ไอรดา ค่ะ นามสกุล อธิตานนท์ ชื่อเล่น ไอ ค่ะ" ฉันตอบ
อาจารย์ดูที่แผ่นกระดาษก่อนจะนิ่งไปสักพักแล้วพูดขึ้นว่า
"อืม...ดวงของเธอนี่ น่าสงสาร น่าสงสารจริงๆ"
คำพูดนี่ทำเอาทุกคนในห้องนิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ส่วนฉันชักเริ่มใจคอไม่ดีซะแล้วสิ ตุ๊บตุ๊บ ตุ๊บตุ๊บ
"เออ...มีอะไรหรอคะอาจารย์"ฉันถามด้วยเสียงที่อ่อนลง ตอนนี้หน้าของฉันคงกำลังจะซีดด้วยแล้วหล่ะ
"ในอนาคต...ครูไม่รู้ว่าเธอจะรับในสิ่งที่ครูกำลังจะบอกได้รึปล่าว แต่เพื่อประหยัดเวลา ขอพูดแบบกระชับๆเลยแล้วกันนะ อืม....(อาจารย์ทำเหมือนตอนจะเริ่มสอนไม่มีผิด แต่อาจารย์ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ หนูกลัวจะแย่อยู่แล้วนะคะ)เธอจะถูกเพื่อนของเธอข่มขืน จากนั้นเธอจะได้ลาภเป็นสัตว์สองเท้า และเขาคนนั้นก็เป็นคนที่เธอรู้จักดีซะด้วย"
ทุกคนเงียบกันอีกละลอก ....
"ฮ่า ฮ่า ฮ่าาาาาา(ทุกคนหัวเราะกันอย่างร่าเริง...แต่ฉันยังอึ้ง อึ้ง อึ้ง นี่จะสะใจอะไรกันนักหนาไอ้พวกบ้า ช้านเกลียดพวกแก)"
"โอ้โห...ได้ลาภเป็นสัตว์สองเท้าซะด้วย สงสัยแกจะท้องหว่ะ มีหลาน มีหลาน ฮ่า ฮ่า ฮ๋าาาาา"นังผักกาดหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย
"เฮ้ย...ตรงกับของไอ้บาร์เลยหว่ะ อ๋อ...ที่ว่ามันจะข่มขืนเพื่อนหน่ะ ที่แท้ก็เป็นไอ้ไอจริงๆเหรอเนี่ย สงสัยเพื่อนเราจะได้กันเองซะแล้วหว่ะ ฮ่า ฮ่าฮ่า" ใครสักคนพูดขึ้นมา
"ไม่จริงงงงงงงงงงงงง" ฉันสวนกลับบ้าง
ทำไมทุกคนลั้ลลากันจังเลย ฉันชักไม่สนุกแล้วน๊าาาาา ไม่เห็นจะแม่นเลยยยยยยยยยยยยยยยยยย............
วันนั้นคือวันสุดท้ายของชีวิตม.ปลายและคงจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิตอันปกติอยู่ในโรงเรียนเหมือนอย่างเคย หลังจากที่เสียงบอกหมดเวลาสอบดังขึ้น ทุกคนต่างก็รีบเก็บข้าวของบนโต๊ะตัวเองทันทีโดยแทบจะไม่สนใจข้อสอบที่อยู่ตรงหน้าด้วยซ้ำ มีหลายๆคน...ข้อสอบตกไปบนพื้นทั้งฉบับก็ยังไม่คิดที่จะเก็บมันขึ้นมา แถมยังปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนั้นซึ่งฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อเท้าก้าวออกจากห้องได้แล้วรีบตรงดิ่งไปที่หอประชุมโรงเรียนทันที ซึ่งนั่นก็คือจุดหมายเดียวกันของนักเรียนม.6ทุกคน เมื่อไปถึง ภาพแรกที่เห็น....มันคงจะกลายเป็นภาพที่น่าจดจำไปจนวันสุดท้ายของชีวิต มันอาจเป็นสิ่งเล็กๆที่แสนงดงามในความเป็นประเพณีที่ต้องเกิดขึ้นทุกปี ....รุ่นน้องทั้งม.ต้นและม.ปลายยืนเรียงแถวรอมอบดอกไม้และของขวัญอยู่สองฝั่ง บวกกับทางเดินที่เคยมีแต่อิฐสีน้ำตาลอ่อน ตอนนี้ถูกปูด้วยพรมสีแดงสดไปจนสุดทางเดินราวกับฉากร้อยล้านในภาพยนต์ที่ฉันเคยดู ที่แท้ โรงเรียนจะทำเซอร์ไพรส์นักเรียนม.6อย่างพวกเรานั่นเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่พวกเรารู้มาก่อนตั้งนานแล้วก็ตาม ตลอดทางที่ฉันเดิน เสียงชัดเตอร์ ไฟแฟรช และเสียงโห่ร้องร่วมประสานกันจนไม่ตางอะไรกับฉันที่คิดว่าตัวเองกำลังมีความสุขอยู่ในคอนเสริตของตัวเอง
สุดท้าย...ฉันได้ของขวัญกับดอกไม้จากพวกน้องๆจนเต็มไม้เต็มมือ ฉันนี่โชคดีชะมัด
อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า งานพรอมวันอำลาจะเริ่มต้นขึ้น ที่สำคัญ งานนี้เป็นงานแรกที่นักเรียนม.6 ทั้งระดับชั้นจะได้ใช้วิชาลีลาสร้อยล้านหน่วยกิตให้เป็นประโยชน์ ซึ่งทุกคนก็คงเห็นด้วยกับความคิดของฉัน ในขณะที่ทุกคนกำลังก้าวเข้าสู่หอประชุมโรงเรียนพร้อมกับข้าวของที่พะรุงพะรังอยู่นั้น ซึ่งฉันในขณะนั้นก็ไหลไปพร้อมกับฝูงชน แขนข้างที่มีของอยู่น้อยของฉัน(ที่จริง มันเยอะมากกกก)ถูกกระชากโดยเพื่อนที่เดินมาข้างๆ บ้าจริง ใครกันนะ ถ้าฉันล้มหัวฟาดพื้นขึ้นมาจะว่ายังไงเนี่ย เมื่อฉันหันไปมองด้วยแรงอาฆาต..อ้อ..หืม...ยัยน้ำปลาเพื่อนสนิทของฉันนั่นเอง ดีหล่ะ...ฉันจะได้ด่าให้เต็มที่ไปเลย
"นี่...แกจะตามพวกนั้นเข้าไปทำไมยะ"ยังไม่ทันที่ฉันจะได้อ้าปากพูดอะไร ยัยน้ำปลาตะโกนถามฉัน ให้ตายเถอะ...อยู่ใกล้กันขนาดนี้จะตะโกนทำไมยะ พร้อมกับขมวดคิ้วราวกับว่าฉันกำลังทำอะไรบางอย่างผิดไป เอิ่ม...รางชักไม่ดีแล้วสิ
"ก็...ก็...เราต้องเข้าไปข้างในกันไม่ใช่หรอ" ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงใสซื่อบริสุทธิ์ มันก็ควรจะต้องเป็นอย่างนั่นสินะ
"ถ้างั้น...แกลองมองดูซิว่า มีเพื่อนห้องเราเข้ามาข้างในนี้บ้างมั้ย ห๊ะ ยัยเอ๋อเอ้ย" ยัยน้ำปลารีบตัดบท ก่อนที่ฉันจะพยายามมองหาเพื่อนๆห้องเดียวกับฉัน แต่ว่า...
"ไม่มี...มองไปทางไหนก็ไม่มี..แล้ว...พวกมันไปไหน" ฉันจริงใจกับคำถามนี้มาก
"นั่นไง...แกลืมแล้วจริงๆด้วย งั้น...มานี่"น้ำปลาลากฉันไปทั้งๆที่ฉันยังงงๆอยู่
ฉันก้าวลงจากบันไดด้านข้างของประชุมพร้อมกับต้องแหวกฝูงชนไปด้วย โอ้ย...เมื่อไหร่จะออกไปได้ซะทีนะ ตลอดทางฉันต้องพูดขอโทษซะจนเมื่อยปาก ให้ตายเถอะ ท่าทางยัยน้ำปลาจะรีบซะด้วย สงสัยจะเรื่องสำคัญแฮะ!!!
เมื่อเราสองคนลงมาจากบันไดเรียบร้อยแล้ว พอฉันเงยหน้าขึ้น หลังจากที่ต้องก้มหน้าก้มตามาพักใหญ่ และที่น่าประหลาดก็คือ เพื่อนๆในห้องราวๆ 30 คน ยืนรวมกลุ่มกันอยู่และเหมือนกับว่ากำลังรอฉันอยู่ซะด้วย ตายแล้ว!!!!ฉันลืมอะไรไปจริงๆเหรอเนี่ย
"เออ...น้ำปลา ทำไมเพื่อนๆเราต้องมายืนกันตรงนี้ด้วยหล่ะ"ฉันกระซิบถามข้างๆหูยัยเพื่อนสนิทของฉันด้วยอาการอยากรู้อยากเห็นที่แฝงไปด้วยอาการเขินที่มากับความขายหน้า
"อยากรู้เหรอ (ฉันพยักหน้า) แกแหกตาดูนี่" น้ำปลาพูดพร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษที่รูปร่างแปลกตา แต่ว่านี่มัน...
"ใบผูกดวงนี่ แกเอาใบผูกดวงมาทำไมหน่ะ แล้วที่เพื่อนๆเราถืออยู่ก็..."ไม่น่าเชื่อ ในมือของทุกคนทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มีใบผูกดวงกันหมด จะบ้าตาย...นี่คือสภาพของนักเรียนม.6 ที่พึ่งจะเรียบจบกันจริงๆเหรอเนี่ย ปัญญาชนชัดๆ
"มัวแต่อึ่งอยู่ได้ อ่ะนี่...ของแก ฉันเอามาให้ แกไม่รู้เรื่องจริงๆเหรอเนี่ย เฮ้อ...ท่าทางจะไม่มีใครบอกแกจริงๆ ด้วยหว่ะ น่าสงสาร" ฉันรับใบผูกดวงของน้ำปลามาอย่างตั้งตัว ความจริงฉันใบนี่ถูกยัดลงมาในมือฉันเองมากกว่าและยังไม่ทันที่ฉันจะเริ่มตั้งคำถามใหม่ ฉันก็ฉุกคิกขึ้นมาได้ว่า.....
"แล้วพวกแกจะไปดูดวงกันที่ไหน"ฉันถามขึ้นสั้นๆอย่างไม่อ้อมค้อม
"แกไม่ได้ข่าวบ้างหรอ ก็อาจารย์ที่สอนวิชาการงานไง นั่นหน่ะมือโปรของโรงเรียนเราเลยนะ"น้ำปลาฝอยอย่างภูมิใจ
"แล้วแกจะรู้ได้ยังไงว่าอาจารย์ดูแม่น หมอเดารึปล่าวก็ไม่รู้"ฉันถามอย่างกวนอารมณ์ขึ้นมาทันที
"ตอบง่ายๆ ก็ไอ้พวก 20 คนที่ไม่โผล่หัวมาวันนี้ไง(ความจริงห้องฉันมี 50 คน และพวก 20 ที่หายไปคือกลุ่มผู้ชายที่ใหญ่ที่สุดในห้อง)"
"อะไรนะ...อ้อใช่...แล้วพวกมันหายไปไหนอ่ะ"ฉันพูด
"ไปหลีผู้หญิงในงานหน่ะสิ..เฮ้ยเดี๋ยว...แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นน่า ฟังฉันนะ พออาจารย์ทักอะไรไว้ ก็เกิดเรื่องตามนั้นเป๊ะๆ อย่างกับมีทามเม็คชีนมาดูแหน่ะแก"
"ที่ว่าตรง เช่นอะไร"ฉันอยากรู้
"อย่างเช่น จะติดที่ไหน เรียนมหาลัยอะไร แต่อย่างไอ้พวกนั้นหน่ะ มีแต่เรื่องฉาวๆทั้งนั้น"
"ประโยคสุดท้ายทำให้น่าเชื่อถือขึ้นหน่อย แต่เอ๊ะ..จะไม่มีใครไปงานพรอมเลยเหรอ"
"ไม่มีหรอก...ไปดูดวงดีกว่าน่าแก ฟรีด้วย" น้ำปลาพูดขึ้นพร้อมกับอมยิ้มหนาเตอะที่ฉันต้องพบทุกครั้งที่ไปซื้อของด้วยกันแล้วติดป้าย sale ตัวใหญ่สีแดง
"ห๊า...งั้นไป ฟรีจริงใช่ป่ะ" แล้วหน้าที่เพื่อนที่ดีอย่างฉันก็จะต้องตอบไปตามบริบทว่าอย่างนั้น
"นิสัย..." น้ำปลาประชด
ตอนนี้ขบวนคนบ้าดูดวง ความจริงต้องบอกว่าบ้าของฟรีมากกว่า กำลังยกโขยงกันไปที่ห้องพักอาจารย์ ระหว่างที่เราเดินกันอยู่ ฉันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงรีบโยนคำถามนี้ให้น้ำปลาทันที
"น้ำปลา อาจารย์ดูดวงให้พวกนั้นว่าไงมั่ง เอาเฉพาะเด็ดๆนะ ฉัน อยากรู้ เล่าให้ฟังหน่อย"
"อ้อ...เออ...ขอนึกก่อนนะ....อ่า...นึกออกแล้ว ก็ไอ้คณะกรรมการ(โรงเรียน)คนเดียวในห้องไง ฮ่าฮ่า...ฉันนึกแล้วขำชะมัด"
"มีอะไรอ่ะ เล่าต่อดิ" ฉันรีบบังคับให้เธอเล่าต่อ
"คืองี๊นะแก...อาจารย์ดูให้ทุกคนก็เรื่องเดิมๆ งั้นๆ แต่พอถึงของ บาร์(เขาชื่อบาจา ซึ่งตั้งตามยี่ห้อรองเท้าที่แม่ชอบ แต่อายเลยบอกเพื่อนๆว่าชื่อบาร์)นะ อาจารย์ก็รีบทักเลย"
"ทักว่าไง"
"ว่าจะได้เพื่อนเป็นภรรยา"
"ภรรยา...พูดซะดูดี ก็พูดว่าเมียไปเลยสิ สะใจดีออก แล้วมันเด็ดตรงไหน" ฉันผิดหวังกับประโยคนี้ของเพื้อนรักอย่างมาก
"อย่าพึ่งเสียใจ มันเด็ดตรงที่มัน ฉุด คร่า ข่มขืนเพื่อนคนนั้น แล้วอาจารย์ก้อพูดต่ออีกเรื่อยๆของเขาหน่ะนะ แต่ทุกคนพอจะสรุปได้ว่าต้องเป็นใครซักคนในห้องเรา นี่แหละเป็นเหตุผลที่ทำให้เพื่อนๆยกโขยงกันมานี่ไง"
"อ้าว...งั้นผู้หญิงห้องเราก็ซวยสิ" ฉันชักรู้สึกสยองซะแล้ว
"มีซวยยิ่งกว่านั้น อย่าลืมสิ ว่าบาร์สอบตรงติดที่เดียวกับแกนะเว้ย"
"จะบ้ารึไง มีอีกตั้งหลายคน ผู้หญิงที่ติดที่เดียวกับฉันเยอะแยะไป จริงมั้ย" ฉันรีบพูดปัดทันที บ้าไปกันหมดแล้ว งมงาย งมงาย งมงาย
"เออน่า แต่ถ้าเป็นจริงคงฮาน่าดู ว่าป่ะ..." น้ำปลาพูดจบก็หัวเราะขึ้นมาทันที
"ไม่มีทาง ชิ" ฉันรีบตอบโต้
"ฉันจะคอยดู" พอพูดจบน้ำปลาก็มองฉันด้วยดวงตาที่หรี่เล็กลง คิดว่าตัวเองเป็นนางร้ายในละครรำไงยะ
ที่ห้องพักอาจารย์ฝ่ายการงาน ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ ห้องกระจกขนาดที่ติดแอร์ราว 4-5 ตัวที่เคยเย็นยะเยือกยามที่ต้องส่งงานก็อบอุ่นขึ้นทันทีเนื่องจากฉันและเพื่อนๆที่เข้าไปอัดกันอยู่ในนั้น มันแน่นมากจนทำให้ฉันถูกเบียดจนไปติดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง และอาจารย์ก็เริ่มทำนายโดยไม่รีรอ
ผ่านไปคนแล้วคนเล่า ก็ยังไม่ถึงคิวของฉันซักที
.....มีขอความคร๊าบ....มีข้อความคร๊าบ......
เสียงข้อความเข้าของโทรศัพย์มือถือฉันเอง เมื่อฉันเปิดอ่าน ที่แท้ก็มีใครบางคนที่ยังไม่ได้ให้ของขวัญกับฉันนั่นเอง แถมเขายังอยากขอฉันเต้นรำด้วย สงสัยจะต้องออกไปก่อนคนอื่นซะแล้ว ของฟรีเท่านั้นที่ฉันสนใจ อะไรแบบนี้ไม่ให้เหลือรอดไปได้แน่นอน ส่วนเรื่องเต้นรำฉันไม่สนใจอยู่แล้ว แต่จะทำยังไงได้หล่ะ...ฉันยังไม่ได้ดูดวงเลยนี่หน่า ของฟรี...ห้ามหลุดมือฉันเด็ดขาด ฉันหันไปปรึกษากับน้ำปลา ว่าฉันจะต้องแซงคิวให้ได้ ซึ่งเราต้องตะโกนบอกเพื่อนทั้งหมดเพื่อขอแซงคิว โชคดีที่น้ำปลาดูดวงเสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่โชคร้าย..น้ำปลายังไม่มีเสียงที่ดังพอจะให้ใครได้ยิน และคนที่ช่วยชีวิตฉันได้ก็ไม่ใช่ใคร เขาคนนี้ คือ ผักกาด สาวสุดหล่อ หน้าตาบ้องแบ๊ว เพื่อนสนิทสุดที่รักอีกคนของฉันนั่นเอง และแล้ว...
"เพื่อนๆ ขอให้นังนี่ลัดคิวได้มั้ย พอดีมันมีธุระหน่ะ นะ นะ น๊าาาาา"
เป็นอันว่าเรียบร้อย เสียงอันทรงพลังของผักกาดนี่ได้ผลจริงๆด้วยแห๊ะ ขอบคุณนะจ๊ะ คุณผักกาดสุดหล่อ
"เธอ...ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ว่าไง"อาจารย์ถามฉันอย่างรวดเร็ว
"ชื่อ ไอรดา ค่ะ นามสกุล อธิตานนท์ ชื่อเล่น ไอ ค่ะ" ฉันตอบ
อาจารย์ดูที่แผ่นกระดาษก่อนจะนิ่งไปสักพักแล้วพูดขึ้นว่า
"อืม...ดวงของเธอนี่ น่าสงสาร น่าสงสารจริงๆ"
คำพูดนี่ทำเอาทุกคนในห้องนิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ส่วนฉันชักเริ่มใจคอไม่ดีซะแล้วสิ ตุ๊บตุ๊บ ตุ๊บตุ๊บ
"เออ...มีอะไรหรอคะอาจารย์"ฉันถามด้วยเสียงที่อ่อนลง ตอนนี้หน้าของฉันคงกำลังจะซีดด้วยแล้วหล่ะ
"ในอนาคต...ครูไม่รู้ว่าเธอจะรับในสิ่งที่ครูกำลังจะบอกได้รึปล่าว แต่เพื่อประหยัดเวลา ขอพูดแบบกระชับๆเลยแล้วกันนะ อืม....(อาจารย์ทำเหมือนตอนจะเริ่มสอนไม่มีผิด แต่อาจารย์ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ หนูกลัวจะแย่อยู่แล้วนะคะ)เธอจะถูกเพื่อนของเธอข่มขืน จากนั้นเธอจะได้ลาภเป็นสัตว์สองเท้า และเขาคนนั้นก็เป็นคนที่เธอรู้จักดีซะด้วย"
ทุกคนเงียบกันอีกละลอก ....
"ฮ่า ฮ่า ฮ่าาาาาา(ทุกคนหัวเราะกันอย่างร่าเริง...แต่ฉันยังอึ้ง อึ้ง อึ้ง นี่จะสะใจอะไรกันนักหนาไอ้พวกบ้า ช้านเกลียดพวกแก)"
"โอ้โห...ได้ลาภเป็นสัตว์สองเท้าซะด้วย สงสัยแกจะท้องหว่ะ มีหลาน มีหลาน ฮ่า ฮ่า ฮ๋าาาาา"นังผักกาดหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย
"เฮ้ย...ตรงกับของไอ้บาร์เลยหว่ะ อ๋อ...ที่ว่ามันจะข่มขืนเพื่อนหน่ะ ที่แท้ก็เป็นไอ้ไอจริงๆเหรอเนี่ย สงสัยเพื่อนเราจะได้กันเองซะแล้วหว่ะ ฮ่า ฮ่าฮ่า" ใครสักคนพูดขึ้นมา
"ไม่จริงงงงงงงงงงงงง" ฉันสวนกลับบ้าง
ทำไมทุกคนลั้ลลากันจังเลย ฉันชักไม่สนุกแล้วน๊าาาาา ไม่เห็นจะแม่นเลยยยยยยยยยยยยยยยยยย............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ