เผลอรัก...จับใจ

10.0

เขียนโดย soso_sung

วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.15 น.

  20 chapter
  0 วิจารณ์
  24.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 20.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่2

 

            ผ่านไปแล้วสองเดือน ทุกอย่างเป็นปกติฉันไม่ได้โดนบึ้มบ้าน ไม่ได้ถูกใครทำร้ายร่างกาย ฉันยังมีอวัยวะครบ 32 ยังเรียนและทำงานพิเศษที่ร้านเบเกอรี่ดี ยังถูกอาเฉินราวีไม่เลิกรา ยังสู้รบตบมือกับข้อสอบสุดหินและเจ้านายขี้วีนได้เป็นอย่างดี แต่เหมือนเป็นเวลาที่สั้นที่ฉันจะได้พบกับความสงบสุขแบบนี้ เขาเรียกอะไรนะ ‘คลื่นใต้น้ำ’ ที่รอจะซัดกระหน่ำแบบไม่ยั้งเมื่อถึงเวลา และเวลานั้นก็มาถึงแล้วสินะ

            “ยินดีต้อนรับคะ!!!” พนักทุกคนหยุดทำกิจกรรมทุกอย่างแล้วหันไปต้อนรับลูกค้าที่เดินเข้ามาทันที่ที่ได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าประตู

            “ไขไข่ เล่าให้ฉันฟังอีกสิว่าคุณคาร์ลทำยังไงตอนไล่พนักงานคนนั้น” ซูเพื่อนร่วมงานคะยั้นคะยอให้ฉันเล่าอีกว่าเหตุการณ์ที่ระทึกขวัญที่สุดในชีวิตฉันกับพนักงานคนนั้นเกิดอะไรขึ้นและฉันก็เล่าเป็นรอบที่ล้านแล้วมั้ง

            “เธอเอาเครื่องอัดเสียงมาเลยดีกว่า ฉันจะได้พูดทีเดียว” ฉันพูดประชดเธออย่างเหนื่อยๆ แต่เหมือนคำพูดของฉันจะแรงไปนิดเลยทำให้เธอเชิดหน้าใส่ “ซู ฉันไม่อยากนึกถึงมัน เธอช่วยเข้าใจฉันหน่อยสิ” ยิ่งนึกทีไรก็ยิ่งรู้สึกผิด

            “แต่ฉันชอบคุณคาร์ลนิ ถ้าฉันเป็นเธอนะจะจับไม่ให้ปล่อยเลยละ” ไม่นานเธอก็กลับมาร่าเริงอีกครั้ง

            “เอาละ นี้ก็ใกล้ปิดร้านแล้วเดี๋ยวฉันจะไปเก็บของหลังร้านนะ” ซูหลุดจากความฝันแล้วกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ

            “ไขไข่ ซู ฉันกลับก่อนนะ” เพื่อนร่วมงานต่างทยอยกันเลิกงาน

            “จ้า เจอกันพรุ่งนี้”
            ฉันทำงานพาร์ทไทม์ที่นี้มาสามปีแล้ว เป็นร้านเบเกอร์รี่เล็กๆ เปิดทำการตั้งแต่แปดโมงยันเที่ยงคืนโดยช่วงเช้ามักจะเป็นวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่มานั่งกัน แต่พอดึกๆก็จะเป็นวัยทำงานที่จะมานั่งพักดื่มกาแฟหอมๆ กินเค้กหวานๆให้หายเหนื่อย

            “ลูกค้าหมดแล้ว เริ่มเก็บโต๊ะดีกว่า” เมื่อสำรวจว่าลูกค้าไม่น่าจะเข้ามาแล้ว ฉันก็เดินออกไปพลิกป้ายที่เขียนว่าเปิดเป็นปิด แล้วเข้ามาเก็บโต๊ะที่เหลือ

            “ไขไข่เสร็จหรือยัง” ซูที่ไปเช็คของหลังร้านและเปลี่ยนเสื้อผ้ารออยู่ที่แคชเชียร์

            “เสร็จแล้ว” ฉันที่เก็บเก้าอี้ถูพื้นเรียบร้อยก็เดินไปเก็บของล้างมือแล้วมาดูของที่ค้างในตู้แช่

            “วันนี้เหลือเค้กไม่มาก อยากเอากลับไปกินด้วยจัง” ซูบ่นอย่างเสียดาย ก็เพราะว่าเค้กนี้ถ้าเหลือก็ใช่ว่าพนักงานจะได้รับสิทธ์นำกลับบ้านได้

            “หัวหน้าเรานี้ก็ใจดีกับเด็กตลอด” ซูบ่นไปก็นับเค้กไปว่าเหลือเท่าไร และสายตาของฉันก็พลันไปเห็นรถเคลื่อนมาจอดที่หน้าร้าน และมองเห็นคนที่กำลังลงจากรถมาเป็นใครก็ทำให้ฉันต้องตกใจ

            “ไขไข่เป็นอะไร” ซูที่นับเค้กอยู่ก็พลอยตกใจไปด้วยเมื่อเห็นฉันลงไปนั่งข้างล่าง

            “ชู่ๆๆ” ฉันส่งสัญญาณว่าให้เงียบๆ

            “ปิดร้านหรือยังค่ะ” เสียงหวานของผู้หญิงร่างเล็กเดินเข้ามาถาม

            “ปิด...ยังค่ะ...มีอะไรให้รับใช้ค่ะ” ซูรีบเปลี่ยนคำพูดทันทีเมื่อเห็นชายในฝันเดินเข้ามาในร้าน

“อืม...ฉันอยากได้เค้กซักชิ้นสองชิ้นนะค่ะ อ่ะ เอาสองชิ้นนี้ค่ะ แล้วคาร์ลละค่ะเอาชิ้นไหนดี” เธอหันไปถามชายร่างสูงที่มาด้วยกันอย่างออดอ้อนเอาใจ เหอะ! ครั้งก่อนก็สาวสวยเซ็กซี่ครั้งนี้ก็สาวหวานน่ารัก เขาเป็นผู้ชายที่แย่มากจริงๆ

            “เอาหมดนี้เลย” เสียงนิ่งๆของเขาผิดกับแต่แววตาซุกซนนั้นทำเอาคนมองต้องยิ้มเพ้อๆออกมา

            “อ่ะ...ของคุณผู้หญิงสองชิ้นนะคะ ส่วนของคุณผู้ชายก็...สิบสามชิ้น ใส่รวมกันนะคะ” ซูยังถามไปเรื่อยๆแต่ขาก็สะกิดฉันยิกๆ

            “แยก” จู่ๆเสียงนิ่งๆของผู้ชายคนเดียวในร้านก็ดังขึ้นทำให้ทุกคนถึงกับสะดุ้งโดยเฉพาะคนที่แอบซ้อนตัวอยู่ข้างล่าง 

“เอ่อ...แยกค่ะ...คาร์ลค่ะเราไปนั่งรอข้างนอกกันดีกว่าค่ะ” สาวร่างเล็กหัวเราะเบาๆแก้เขินแล้วชวนเขาไปนั่งรอข้างนอกที่อากาศเริ่มเย็นสบายด้วยเห็นว่ามีพนักงานอยู่คนเดียว คงอีกนานกว่าจะเสร็จ

“ยัยไขไข่ลุกออกมาเดียวนี้นะ” เมื่อสองคนเดินออกไปจากร้าน ซูก็รีบกระชากเพื่อนที่ซ้อนตัวให้ลุกมาช่วยห่อเค้ก

“หมอนั้นรวยล้นฟ้าหรือยังไง สั่งทีเป็นสิบ” ฉันบ่นกระปอดประแปด

“คุณคาร์ลสุดหล่อ” ยัยซูเกิดอาการเพ้ออีกครั้ง

“ซูเธอมีสติหน่อย รีบทำให้เสร็จสักที ฉันอยากกลับบ้านแล้ว” ฉันเร่งให้ซูลงมือห่อเค้กและในที่สุดก็เสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว และฉันก็รีบมุดตัวลงไปดังเดิม

“เค้กได้แล้วค่ะ” ซูเดินออกไปเรียกลูกค้าทั้งสองที่นั่งสวีตกันอยู่

            “คุณไปรอผมที่รถก่อนเดี๋ยวผมตามไป” คาร์ลหันไปบอกสาวข้างกาย

            “แต่ว่า...ก็ได้คะ” ถึงแม้หญิงสาวจะไม่พอใจที่ต้องไปรอที่รถคนเดียวแต่ก็ขัดคำสั่งของเขาไม่ได้

            “คุณเป็นผู้จัดการ” เขาถามซูด้วยน้ำเสียงนิ่งๆตามแบบฉบับ

            “เปล่าคะ วันนี้ผู้จัดการไม่ได้เข้าร้าน คุณคาร์ลมีอะไรหรือเปล่าค่ะ” ซูยังคงใช่น้ำเสียงสุภาพถามกลับแต่ในใจลึกๆของเธอนั้นอยากจะกระโดดเข้าไปกอดเขาเสียเหลือเกิน

            “ไม่มีอะไรหรอก เค้กนี้ผมฝากให้คนข้างล่างด้วย หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ” เขาพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกไปจากร้าน

            “นี้เขาเห็นฉันมาโดยตลอดหรอเนี่ย” ฉันลุกขึ้นมาโวยวายทันทีที่เขาเดินออกจากร้าน                      “ก็เออนะสิ ที่ฉันสะกิดแกยิกๆก็เพื่อให้แกดู” และซูก็ชี้ไปทางเคาเตอร์ด้านหลังว่ามันเป็นกระจก ให้ตายสินี้ฉันก้มหน้าไม่ดูตาม้าตาเรือเลย โอ้ย หน้าอายชะมัด

            “เลิกคิดได้แล้ว กลับบ้านๆ เอ่อ...ฉันขอกล่องนึงนะ”

            “เธอเอาไปหมดเลยฉันให้” ฉันไม่อยากได้อะไรจากเขาทั้งนั้นแหละ

            “ไม่เอาน่า คุณคาร์ลอุตสาห์หวังดี แถมยังทำกำไรให้เราอีก นี้ฉันแอบโกงราคาด้วยนะ คิดแล้วก็มีความสุข สิ้นเดือนนี้ได้โบนัสเพียบแน่”

            “นี้เธอชอบหมอนั้นจริงๆหรือเปล่าเนี่ย”

            “เรื่องชอบก็ส่วนชอบ เรื่องธุรกิจก็ส่วนหนึ่งยะ อีกอย่างคงไม่กระทบยอดหุ้นที่พุ่งกระฉูดของเขาหรอก” น่ากลัวสุดๆเลยยัยผู้หญิงคนนี้

            “ย่ะ นี้เอาไปเลยฉันให้” ฉันยัดถุงให้ซู

            “ไม่เอา เขาให้เธอไม่ใช่ฉัน” แต่ซูกลับปัดมันออก “อีกอย่างฉันกำลังควบคุมน้ำหนักอยู่”

            “นี้เธอยังจะลดอีกหรอ ผอมอย่างกับไม้เสียบลูกชิ้นแล้วเนี่ย”

            “ก็น้ำหนักฉันเพิ่มนิ ไม่พูดกับเธอละ ฉันกลับดีกว่า” ซูพูดเสร็จก็ชิงออกจากร้านไปก่อนต้องลำบากฉันมาปิดร้าน

            “เดี๋ยวสิ แล้วฉันจะแบกกลับยังไงละเนี่ย” ฉันมองดูถุงเค้กแล้วนึกถึงคนให้

            “ถ้าเจอครั้งหน้าฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่” ฉันคาดโทษแล้วก็ต้องทำใจแบกถุงเค้กกลับบ้าน

            “แล้วทำไมวันนี้บ้านมันถึงได้ไกลขนาดนี้นะ” อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ วังเวงไปหมด

            “แล้วใครมันโทรมาตอนนี้เนี่ย” ฉันยังไม่ทันเอามือลวงดูว่าใครโทรเข้ามาก็มีตาแก่เมาสามคนเดินสายไปสายมาเข้ามาวนเวียนรอบตัวฉัน

            “ชัดเลย เจอหมอนั้นที่ไรฉันต้องซวยทุกที” แล้วทีนี้ฉันจะทำยังไงดีละ แถวนี้ก็ไม่ใครอีก อย่าให้ได้เจอนะ ฉันจะฆ่านายด้วยมือของฉันเลย (ถ้ารอดไปได้นะ)

            “น้องสาวไปกับพี่ไมจ๊ะ” ตาแก่ขี้เมาไม่ถามเปล่าแต่เดินเขามาหมายจะจับหน้า แต่ด้วยความเมา เลยได้แต่คว้าลมไป

            “ลุงไปนอนเถอะ อย่ามาวุ่นวายกับคนรุ่นลูกเลย” คนเมาคนที่สองพูดกับตาแก่คนแรกแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เจียมสังขารกันทั้งคู่

            “เฮ้ย มึงหยุดไปเลยมึงก็ไม่ได้เด็กไปกว่ามึงหรอก” เอ่อดูเหมือนว่าจะเริ่มสับสนกับสรรพนาม

            “พวกมึงจะทะเลาะกันอีกนานไมว่ะ” และคนสุดท้ายก็ออกโรง

            “มึงยุ่งอีกละ พวกกูปรึกษากันมึงยุ่งตลอด” เหอะๆ คงจะหนักกันพอดู

            “พวกคุณลุงตัดสินใจกันก่อนก็ได้นะค่ะว่าใครจะได้ฉันไปฉันไม่รีบ แล้วจะไปรอตรงโน่นนะคะ” พูดเสร็จฉันก็เดินหลีกคนทั้งสามแต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายเลย

            “น้องสาว ไม่ต้องรอหรอกเพราะพวกพี่ได้ตัดสินใจกันแล้ว” อ่อ ตัดสินใจกันก่อนหน้านี้แล้วด้วย ดีจังเลย

            “แล้วใครจะได้ฉันไปค่ะ”ฉันทำเป็นใจกล้าถามไปอย่างนั้นแต่แท้จริงแล้วฉันกลัวแทบจะบ้าอยู่แล้ว แต่ฉันก็ต้องตั้งสติไว้ก่อน

            “ฉันไง” ตาแก่คนแรกยกมือแล้วเดินมาทางฉัน

            “ใครว่า ฉันต่างหาก” คนที่สองเดินเข้าผลักคนแรกและเดินเข้ามาหาฉัน

            “พวกมึงนี้ยังไงกัน ฉันต้องได้สิ” และคนที่สามก็เริ่มร่วมวงผลักอกกันเล่น

            “ลุงค่ะหนูแบ่งเค้กให้นะคะ ใครชนะก็เอาไปกินกันนะคะ” ฉันวางถุงเค้กลงใกล้ๆแล้วรีบโกยเถอะโยมทันที

            “เห็นไม เพราะพวกมึงอ่ะพวกมึงเลยไม่ได้น้องสาวคนสวยมาแอ้ม” เสียงตะโกนโวกแหวกจาก พวกลุงๆที่เมาปลิ้นนอนกลิ้งทับกันไปกันมาอยู่เหมือนเด็ก  

            “เฮ้อ หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายระหว่างทางกลับบ้านอีกนะ” เมื่อห่างมาได้สักพักฉันก็กลับมาเดินจ้ำอ้าวแทนการวิ่งตรงดิ่งกลับบ้านทันที ดีที่ว่าร้านเบเกอรรี่ไม่ได้ห่างจากบ้านฉันเท่าไร

 

            “เหนื่อยจังเลย” และแล้วฉันก็มาถึงหน้าบ้านตัวเอง แล้วคว้าหากุญแจในกระเป๋า

            “หายากหาเย็นอีกแล้ว” ฉันว่าจะต้องซื้อกระเป๋าใบใหม่แล้วจริงๆ ใบก็ไม่ได้ใหญ่แต่หาของไม่ยักจะเจอเลย

            “เจอแล้ว” ฉันชูกุญแจที่มีพวกกุญแจหมีน้อยสีน้ำตาลโชว์ของกลางอากาศแล้วรีบไขทันที

            “เฮ้ออ ถึงที่นอนสักที” ฉันล้มตัวลงที่นอนอย่างเหนื่อยล้า

“ว่าแต่เมื่อกี้ใครโทรมานะ” พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็เห็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้

“ไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรแล้วกัน” เมื่อตัดสินใจได้แล้วเธอก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ

หลังจากที่ไขไข่เข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้วรถยี่ห้อแพงคันหนึ่งก็สตาร์ทรถแล้วขับออกจากซอยบ้านของไขไข่ เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ไขไข่ออกจากร้านเบอเกอรี่ เขาขับรถตามเธอไม่ให้เธอรู้ตัว แต่ก็หลายครั้งที่เขาลองขับเทียบข้างเธอ แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยจริงๆ ยิ่งเหตุการณ์คนเมานั้นก็ยิ่งทำให้เขาทั้งหงุดหงิดแล้วทึ้งไปตามๆกัน คิดดูสิถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปก็คงร้องกรี๊ดๆด้วยความกลัวแต่เธอกลับยืนนิ่งแล้วก็พูดตอบกลับเหมือนรู้จักกับคนเมามาเป็นชาติ ยังนึกอุตสาห์ใจดีกลัวพวกเขาจะหิวก็เลยเอาเค้กที่เขาลงทุนซื้อให้เธอไปให้กับพวกคนเมาอีก เธอชั่งเป็นคนจิตใจดีอะไรแบบนี้ แต่ผิดที่ผิดเวลาไปหน่อยเจอกันครั้งหน้าจะจับสั่งสอนซะให้เข็ด คิดมาได้ถึงตรงนี้ก็ทำให้เขาสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้สนใจเธอนัก เธอก็ไม่ได้ต่างจากผู้หญิงที่เขาคบด้วยเผลอๆเธออาจจะไม่อยู่ในสายตาเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ไอ้เหตุการณ์ตอนที่เธอมองเขาในห้องน้ำและที่ยืนด่าเขาโดยไม่แคร์สายตารอบข้างที่หากเขาไม่เผอิญไปอยู่ตรงนั้นและเหตุการณที่ร้านหนังสือนั้นอีก ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากได้สิ่งที่เขามอบให้คงมีแต่เธอคนเดียว ขายไข่ ที่ไม่ยอมรับของๆเขา พบกันแค่ไม่กี่ครั้งก็ทำให้เขาลืมเธอไม่ได้ซะแล้ว เธอแน่มาก ไขไข่

 

 

เช้าวันต่อมาที่มหาลัยฯฉันซึ่งกำลังยืนต่อว่ากับอาเยียนเรื่องที่เธอทิ้งฉันไว้กับอาเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่อาเยียนกลับยืนยิ้มมองนู่นมองนี้จนสายตาไปสะดุดกับเขา นั้นทำให้เธอยิ่งยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่และหันมาชี้ชวนให้แฟนของเธอดู และเหมือนเธอจะนึกออกเลยหันมาสนใจฉันซึ่งฉันยังไม่ทันด่าจบ

            “ไขไข่นั้นมันเหวินอี้นิ”

“เธอไม่ต้องมาหลอกฉันเลยนะ วันนั้นเธอทำกับฉันแสบมากเลย...”

            “เขาเดินมาทางนี้แล้ว” อาเยียนไม่สนใจสิ่งที่ฉันพูด เธอเอาแต่กระดี๊กระด๊าไม่เกรงใจแฟนของตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆเลย

            “อาเยียนเธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง” อาเยียนทำหน้าเหนื่อยใจแล้วหมุนตัวฉันให้เผชิญหน้ากับเหวินอี้ที่กำลังก้าวเดินมาทางฉัน ซึ่งทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก

            “นั้นๆเหวินอี้...” ฉันหันกลับไปหาอาเยียนแล้วถามออกมาเสียงสั่นๆ “อาเยี่ยนเขาเดินมาทางฉันจริงๆหรอ” แต่แล้วฉันก็ต้องรีบหันตัวกลับเมื่ออาเยียนพยักหน้ารัวเร็ว

            “หวัดดีเหวินอี้ มีอะไรให้เราช่วยหรอ” และเมื่อหันกลับฉันก็รีบพูดทักทายเขาทันที แต่เหมือนจะเยอะไปหน่อย

            “หืม ไม่มีอะไรหรอก” เขาทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็กลับมายิ้มน่ารักเหมือนเดิม

            “แหะๆ” ฉันได้แต่ยืนเกาหัวแก้เก้อไปอย่างนั้น

            “หวัดดีเหวินอี้” เมื่อเห็นท่าไม่ดี อาเยียนก็ช่วยแก้ขัดให้โดยการทักทาย

            “สวัดดี...เอ่อ...เพื่อนไขไข่” ตึ๋ย อาเหยี่ยนหุบยิ้มทันที

            “ไขไข่วันนี้เธอเลิกเรียนกี่โมงหรอ” เหวินอี้เลิกสนใจอาเยียนแล้วหันมาถามฉันที่ยังมองเขาอย่างเคลิ้ม

            “อ่ะ...เที่ยงก็เลิกแล้วละ นาย...มีอะไรกับฉันหรอ” และพอได้สติฉันก็ถามหน้าตาซื่อๆแต่มือกลับเต็มไปด้วยเหงื่อ

            “ดีเลย งั้นเดี๋ยวฉันไปรอไขไข่ที่หน้าห้องนะ เราไปทานข้าวด้วยกัน” เหวินอี้ชวนฉันกินข้าว เป็นไปไม่ได้ นี้ฉันฝันอยู่ใช่ไม

            “ทำไมหรอ หรือไขไข่มีนัดแล้ว” เหวินอี้ทำหน้าผิดหวังนิดๆ

            “ไม่มีๆ ตอนเที่ยงเจอกันหน้าห้องนะ” ฉันรีบพูดจนลิ้นรัวกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ

            “โอเค งั้นเราไปก่อนนะ” เหวินอี้พูดเสร็จก็โบกมือลาจาก

            “กรี๊ด อาเยียนเมื่อกี้ฉันฝันไปใช่ไม” ฉันหันมาสนใจอาเยียนที่ตอนนี้ตื่นเต้นไม่ต่างจากฉัน

            “ฉันว่าเราไม่ได้ฝันนะ เหวินอี้ผู้ชายที่สาวๆต่างคลั่งไคล”

            “แถมยังเป็นผู้ชายสุภาพบุรุษ ขี้เล่นใครอยู่ด้วยแล้วก็มีความสุขอีก” ฉันต่อคำพูดอาเยียนทันที

            “พวกเธอจะเพ้ออีกนานไมฮะ” เพล้ง! ภาพที่ฉันกำลังยืนคุยกับเหวินอี้ที่สวนดอกไม้ต้องแตกลง

            “อาฉี นายขัดจังหวะมากเลยนะ อาเยียนฉันฝากจัดการด้วยนะ” แล้วฉันก็สะบัดตูดเดินเข้าห้องเรียนไปอย่างอารมณ์เสีย แต่ไม่นานฉันก็ยิ้มหน้าบานเมื่อนึกถึงภาพที่เหวินอี้ชวนไปกินข้าว

            “เรามีเคลียกันแน่อาเยียน” อาฉีคาดโทษอาเยียน

            “อาฉี ฉันรักเธอคนเดียว คนอื่นก็เป็นแค่อาหารตาของฉันเองนะ” แทนที่อาเยียนจะจัดการอาฉี

กลับต้องทำเสียงออดอ้อนเกาะแขนเอาหัวถูไถตามแขนเหมือนแมวขี้อ้อน

            “ถ้าฉันมองผู้หญิงคนอื่นเธอก็ไม่ว่าฉันใช่ไม” อาฉีถามกวนๆแต่ก็พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

            “ถ้าเธอกล้ามองผู้หญิงคนอื่นนอกจากฉันเธอตายแน่ อาฉี” จากแมวขี้อ้อนกลายเป็นนางแมวพยักฆ์ทันที

            “ฮ่าฮ่า” อาฉีหัวเราะออกมาแล้วก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับอาเยียนกลางที่สาธารณะ

            “เธอก็น่ารักอย่างนี้เสมอแหละอาเยียน”

            “นายก็เหมือนกัน”

 

            “เหวินอี้รอนานหรือเปล่า” พอเลิกเรียนเสร็จฉันก็รีบเก็บของออกมาหาเหวินอี้ที่รออยู่หน้าห้องก่อนแล้ว

            “ฉันก็พึ่งมาถึงเองแหละ” เหวินอี้ตอบยิ้มๆ

            ที่จริงเขามารอฉันตั้งนานแล้วแหละเพราะฉันมองหาเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ในเมื่อเขาบอกว่าพึ่งมานั้นก็หมายความว่าพึ่งมา

            “เราจะไปทานกันที่ไหนดี” ฉันถามอย่างเขินๆ

เขาอยู่ใกล้ๆพร้อมรอยยิ้มหวานอย่างนี้ยิ่งทำให้ฉันเขินและทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่เลย

            “ไปที่...เป็นร้านนั่งเล่นชิวๆ น่ารักมากเลย อาหารก็อร่อย” เหวินอี้ตอบพลางยื่นมือมาข้างหน้า

            “อะไรหรอ” ฉันถามและมองหน้าเขาอย่างงๆ

            “ฉันช่วยถือ” แล้วเขาก็หยิบหนังสือจากมือฉันไปถือ

            “อ่อ...ขอบใจนะ” ทำไมเขาน่ารักแบบนี้นะ ฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกเลย

            “เราไปกันเถอะ” โอ๊ะ! เมื่อกี้ฉันทำหน้าอะไรไปหรอ ทำไมเหวินอี้มองฉันแปลกๆ

            “แหะๆ เราไปกันเถอะ” ฉันตอบเขินๆแล้วเดินตามเหวินอี้ไปอย่างเงียบๆ

ด้านหลังของเขาดูดีมากๆเลย ไหล่ของเขากว้างน่าซบดูแล้วอบอุ่นชะมัด เฮ้อ หลังของเหวินอี้ทำไมอบอุ่นแบบนี้

            “เออ ไขไข่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” เฮือก นี้ฉันทำอะไรลงไปอีกละเนี้ย ฉันมายืนซบหลังของเขากลางทางเดินแบบนี้ได้ยังไงกัน พอมองรอบข้างก็มีสายตาอำมหิตสาดมาทางฉัน

            “ฮ่าๆ ฉันไม่เป็นอะไร” ฉันรีบก้มหน้าเดินหนีออกมาจากตรงนั้นทันทีเพื่อหลบสายตาและความอายของตัวเอง

            “ไขไข่” เสียงเหวินอี้ตามมาข้างหลังแต่นั้นก็ไม่สามารถหยุดเท้าฉันได้  นี้ฉันทำอะไรลงไป น่าขายหน้าชะมัด

            “ไขไข่เธอจะไปไหน” เหวินอี้เข้ามาคว้าแขนฉันได้ทัน

            “เหวินอี้ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันแค่...” ฉันแค่ชอบนายมากเกินไปจนยับยั้งตัวเองไม่ได้

            “ไม่เป็นไรหรอก ดูสิตอนนี้หน้าเธอแดงเป็นมะเขือเทศแล้ว” เหวินอี้พูดยิ้มพลางเอานิ้วมาเกลี่ยแก้มฉัน นายทำแบบนี้หน้าฉันก็ยิ่งแดงสิเหวินอี้

            “ฉันว่าเรารีบไปดีกว่านะ” ฉันรีบพูดเมื่อเห็นว่าเหวินอี้ไม่มีท่าจะละมือไปจากแก้มของฉันเลย

            “นั้นสิ เธอคงหิวแล้วใช่ไม” เพียงแค่นั้นฉันก็โดนเหวินอี้จูงมือไปที่รถ และมันก็เป็นทางตรงข้ามที่ฉันเดินนำเขาออกมาก่อน ฉันนี้แย่จริงๆเลย

ร้ายที่เราไปเหวินอี้บอกว่าเป็นของพี่สาวเขา เป็นร้านอาหารเล็กๆที่สามารถเข้าไปนั่งเล่นอย่างเดียวก็ได้ แถมร้านนี้ก็พึ่งสร้างได้ไม่นานเป็นที่วัยรุ่นสนใจมากๆ คือใครไม่เคยไปนี้เฉยระเบิดเลยแหละส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารกินเล่นเป็นหลัก ราคากันเองด้วยพอได้ยินแบบนี้ก็อยากจะไปพิสูจน์ และระหว่างทางไปร้านอาหารและเนื่องด้วยบรรยากาศบนรถมันทำให้ฉันไม่รู้จะทำอะไร ฉันเลยสำรวจภายในรถที่ดูคลาสสิคสมกับยี่ห้อ และสายตาของฉันก็ไล่ไปทางฝั่งคนขับทำให้ไปการสำรวจสะดุดเพราะสายตาของฉันนั้นหยุดอยู่ตรงที่เขาที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ เพียงแค่เห็นเสี้ยวหน้าของเขาก็ทำให้ฉันใจเต้นไม่หยุด

            “เธอมองแบบนี้ฉันก็เขินเหมือนกันนะไขไข่” เหวินอี้พูดโดยที่สายตายังมองไปที่ถนน

            “เอ่อ นายรู้ด้วยหรอ” ก็เล่นจ้องขนาดนั้น คนตาบอดก็ยังรู้เลยยัยไขไข่เอ่ย

            “ไม่รู้หรอก ผมก็เดาไปงั้น”

            “เอาอีกแล้วนะ” ตกลงเขารู้หรือไม่รู้ที่ฉันแอบจ้องเนี่ย

            “ก็นายดูดีนิ” ฉันเผลอหลุดปากออกไปอย่างใจนึก

            “เธอก็น่ารักนะ” เป็นจังหวะที่รถติดไฟแดงพอดีทำให้เขาหันมาตอบ

            “ฮ่าๆๆ ตอนนี้หน้าเธอแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศแล้วละ” เขาเอามือมายี้หัวฉันเล่นจนหัวยุ่งไปหมด

            “นายจะทำฉันหมดสวยนะ”

            “ฮ่าๆ ถึงแล้วละ” พอไฟเขียวเขาก็หักรถเข้าตรงตรอกเล็กๆไม่นานก็ถึงร้านที่ว่า

            “เร็วจัง” เวลาเราอยู่กับคนที่ชอบทำไมเวลามันหมุนเร็วแบบนี้นะ

            “นั้นสิ ฮ่าๆๆ เรารีบลงกันเถอะ” เหวินอี้ดับเครื่องแล้วเปิดประตูลงรถ เพียงไม่นาน

            “เชิญเจ้าหญิงลงจากลงได้พะยะคะ” เขาเดินมาเปิดประตูให้ฉันลงจากรถ

            “ขอบใจนะ”

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา