DETECTIVE GIRL อย่าให้ใครรู้ว่าฉันเป็นนักสืบ

8.2

เขียนโดย ทานากะ

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.26 น.

  8 ตอน
  22 วิจารณ์
  13.09K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2556 19.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ใครกัน !! คือ จอมโจรโจ๊กเกอร์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

                    " นี่แม่ค่ะ  ทำไมต้องพาหนูไปงานเปิดตัวเพรชอะไรนี่ด้วย  ว่าจะดูละครอยู่ที่บ้านซะหน่อย " เสียงของมินนะที่ทำหน้าตาบูดบึ้งอยู่ภายในรถเก๋งสีขาว

มินนะนั่งข้างๆคนขับ  รถที่เธอนั่งอยู่นั้น  เต็มไปด้วยรถมากมายที่ล้อมหน้าล้อมหลัง ที่กำลังติดสัญญาณไฟแดงอยู่  แต่ด้วยเป็นเวลากลางคืนรถจึงไม่มากนัก

                   " ก็มาเป็นเพื่อนแม่แค่นิดๆ หน่อยๆ ทำบ่นเป็นคนแก่ไปได้  นี่ถ้าพ่อไม่ติดงานสืบคดีที่ต่างประเทศละก็แม่ก็ไม่เอามินจังมาด้วยหรอก "   แม่ของมินนะใช้มือจับพวกมาลัยรถ พร้อมกับหันมาพูดกับมินนะที่นั่งอยู่ข้างๆ

                   " อย่างนี้ไงละค่ะ ที่หนูเกลียดนักสืบ มีเวลาไปช่วยเหลือคนอื่น  แต่ไม่เคยเที่ยวกับครอบครัวเลยซักครั้ง " มินนะกอดอกทำหน้าบึ้ง

                   " ปากก็บอกว่าเกลียด  เห็นอาทิตย์ก่อนไขคดีได้ไม่ใช่หรอ  หะ .... มินจังสาวยอดนักสืบ " แม่ของมินนะหันมาพูดพร้อมกับยิ้มหยอกล้อกับมินนะ

                   " ใช่ที่ไหนกันเล่า  ก็แค่ไม่อยากให้คนร้าย หนีลอยนวลได้หน้าตาเฉย ยังไงหละ "  ถึงมินนะจะแก้ตัวยังไง  แม่ของมินนะก็เอาแต่ยิ้มพร้อมกับใช้นิ้วเคาะพวงมาลัยตามจังหวะเพลงที่เปิดในรถ

 

                   จากนั้นสัญญาณไฟเขียวก็ขึ้นมาแทนที่สัญญาณไฟแดง รถที่อยู่ข้างหน้าของมินนะก็เริ่มออกตัว จากนั้นรถของมินนะก็เคลื่อนตามไปติดๆ

ไม่นานนักก็ถึงหน้าห้าง ที่จะเปิดตัวเพรช ห้างที่จะเปิดตัวเพรชนั้น เป็นตึกสามชั้น แต่ใหญ่และสวยงามมาก โดยเฉพาะแสงไฟที่ติดอยู่ทั่วทั้งตึก

 

ห้าง ไดอาม่อน เซ็นเตอร์   เวลา 19.30 นาที

 

 

                     รถเก๋งสีขาวของมินนะได้วิ่งเข้ามาถึงที่จอดรถภายในห้าง   จากนั้นประตูรถทั้งสองข้างก็เปิดออก  ทั้งคู่ก้าวลงมาจากรถ  ทั้งสอง สวมด้วยชุดเดรสและรองเท้าส้นสูงทั้งคู่  แต่ชุดของมินนะจะเป็นสีชมพูดอ่อนๆ  ส่วนชุดแม่ของมินนะจะเป็นสีฟ้า ทั้งคู่เดินออกมาจากที่จอดรถจนมาถึงประตูทางเข้าของห้าง

                    " คนเยอะจังเลยนะเนี่ย  สงสัยเพรชที่ว่านี้คงจะเเพงน่าดู  " มินนะมองผ่านประตูกระจกใสที่เป็นทางเข้าของห้าง  เธอเห็นการ์ดมากมาย ยืนเฝ้าทางเข้าอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันการโจรกรรมเพรช  และผู้คนที่แต่งด้วยชุดหรูหรามากมาย ยืนรอเพื่อที่จะเข้างานเต็มไปหมด

                    " แม่ว่าเราเข้างานกันก่อนเถอะ มินจัง " จากนั้นทั้งคู่ก็มาถึงชั้นสอง ที่เป็นโซนที่จะเปิดตัวเพรช  และเช่นกันกับผู้คนที่จะรอชมก็มีเป็นจำนวนมาก

ผู้คนนั้นเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในงานมากขึ้น 

                    "  รับเครื่องดื่ม มั๊ยครับ " พนักงานเสิร์ฟใส่แว่น และสวมด้วยชุดทักซิโด้  ท่าทางดูเรียบร้อย เดินเข้ามาถามมินนะที่กำลังยืนอยู่กับแม่ของเธอ ที่อยู่ข้างๆงาน 

                    " อ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ " มินนะยิ้มพร้อมกับโบกมือปฏิเสธ 

                    " แค่ก  แค่กๆ "   เสียงไอที่มากจากพนักงานคนเดิม ได้ไอออกมาเบาๆ พร้อมกับใช้มือปิดปาก

                    " เอ่อ ขอโทษครับ พอดีไม่ค่อยสบายนิดหน่อย " พนักงานเสิร์ฟหันมาพูดกับมินนะที่กำลังมองดูอยู่ เธอก็ได้แต่ยิ้มตอบ

                  

                     มินนะรู้สึกเบื่อ   จึงกวาดสายตามองดูคนรอบๆงาน  มินนะสังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่ง  ที่เป็นทีมงาน เข้ามาเช็คกลไก ที่ตั้งอยู่ตรงกลางของงาน

กลไกที่ว่านี้เป็นกลไกที่มีลักษณะ  สูงและเป็นรูปดอกบัวตูม  ภายในนั้นจะมีกลไกที่จะทำให้เปิดตัวเพรชออกมาอย่างสวยงาม  จากนั้นมินนะก็สังเกตเห็นชายที่ยืนมองดูกลไกอยู่ และเค้าจะมองดูนาฬิกาที่ข้อมืออยู่ตลอดเวลา   และก็ชายวัยกลางคนที่ถือไม้เท้าทรงประหลาดอีกคน กำลังยืนมองดูกลไกอยู่เช่นกัน

                   

                    จากนั้นประธานในงานก็ออกมายืนข้างๆกลไก  เพื่อที่จะทำการเปิดตัวเพรช

                     " เอาหละครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทุกท่านจะได้พบกับ ซิลเวอร์ ไดอาม่อน ที่ทางเราภูมิใจ เพราะมันมีมูลค่า ถึง หนึ่งพันล้านบาท  ขอเชิญทุกท่านเชิญชมความสวยงามได้ ณ บัดนี้ครับ "   เมื่อสิ้นสุดเสียงประธานของงาน  กลไกก็เริ่มทำงาน  กลไกที่เป็นดอกบัวตูมนั้นก็ค่อยๆบานออก  ผู้คนในงานต่างก็มองเพรชที่ส่องระยิบระยับนั้นจนตาค้าง   รวมทั้งมินนะที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพนักงานเสิร์ฟกับคุณแม่ของเธอที่ยืนดู อย่างใกล้ชิด 

                    " แค่ก  แค่กๆๆๆ "  เสียงไอของพนักงานเสิร์ฟดังอีกครั้ง มินนะก็หันมามองพนักงานเสิร์ฟและยิ้มให้ เหมือนเดิม   ขณะที่ผู้คนในงานกำลังชื่นชม ซินเวอร์ไดอาม่อนอยู่นั้น   ไฟทั่วทั้งตึกก็ดับลง  เสียงของผู้คนในงานที่ได้แต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ดังไปทั่วงาน มินนะหันไปด้านข้างขวาของเธอเพราะได้ยินเสียงไอของพนักงานเสิร์ฟ  จากนั้นมินนะก็ได้สังเกตเห็น แสงเล็กๆที่ส่องอยู่ตรงหน้าของเธอ   ไม่นานไฟทั้งตึกก็ติดขึ้นมาอีกครั้ง

                    " แว่นตา  แว่นตาผม " เสียงของพนักงานเสิร์ฟที่กำลังนั่งลงควานหาแว่นตาที่พื้น มินนะจึงก้มไปหยิบแว่นตามาสวมให้และจับชายคนนั้นลุกขึ้น

                    " เพรช หายไปแล้ว !! "  เสียงของชายคนหนึ่งตะโกนขึ้น  ทุกคนต่างมองไปที่กลไกที่ว่างเปล่า    จากนั้นทีมงานก็สังเกตเห็นบางอย่าง  ที่อยู่ข้างบนของกลไก ทีมงานคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปดู

                    " นี่มันไพ่รูปโจ๊กเกอร์   งั้นก็แสดงว่าโจ๊กเกอร์ แฝงตัวอยู่ในงานเปิดตัวครั้งนี้ เหรอเนี่ย  "  ทีมงานหยิบไพ่ใบนั้นขึ้นมา

                    ประธานของงานได้ยินดังนั้น ก็สั่งการ์ดที่อยู่รอบๆของงาน ให้ปิดประตูเข้าออกทุกทางภายในตึก  มินนะก็เริ่มคิดในใจ

                    " ไฟนั้นดับในเวลาไม่นาน  ถ้าคิดตามความเป็นจริงคือ  จะมีผู้ต้องสงสัยคือ     คนที่ถือไม้เท้า  ทีมงาน  และคนที่ดูนาฬิกาอยู่ตลอดเวลา  เพราะเมื่อไฟติดขึ้น ก็มีแต่คนเหล่านี้เท่านั้นที่ทำได้  "

                    " คิดอะไรอยู่เหรอ แม่นักสืบ "  เสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของมินนะ  มินนะจึงหันไปตามเสียงนั้นทันที

                     " พ่อ "  มินนะ และแม่ของมินนะ ต่างหันมามองชายคนนั้นที่สวมชุดสูทสีน้ำตาล ไว้หนวด  ที่กำลังยิ้มให้กับคนทั้งสอง

                     " ก็พ่อ นี่ไง เห็นเป็นใครกัน "

                     " แล้วพ่อมาที่นี้ได้ยังไงกัน " มินนะถามสวนกลับไปทันที

                     "  ก็มาตามคำเชิญหนะสิ "

                      " คำเชิญ "  มินนะถามกลับไปอีกครั้ง

                      " ก็คำเชิญของเจ้าโจ๊กเกอร์  ที่ขโมยเพรช ในครั้งนี้ไปยังไงหละ  นี่ไงจดหมายแล้วก็ไพ่รูปโจ๊กเกอร์ของมัน จดหมายนั้นมันส่งไปยังที่อยู่ของพ่อ

ในจดหมายนั้นมันเขียนไว้ว่า    " ยอดนักสืบ เฮจิ โคจิโร่  ถ้าหากไม่อยากให้เพรชที่มีมูลค่าสูง  หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วหละก็ จงสืบให้ได้ว่าฉันคือใครที่อยู่ภายในงาน อย่าทำให้ชื่อยอดนักสืบต้องหายไปหละ  มาตามที่อยู่ของงานครั้งนี้  ลงชื่อ  โจ๊กเกอร์  "  ที่จริงพ่อไม่อยากมาเท่าไรหรอก แต่ถ้ามันมั่นใจว่าพ่อจะจับมันไม่ได้หละก็ พ่อก็อยู่เฉยไม่ได้  "  เฮจิ พ่อของมินนะ ยื่นจดหมายและไพ่ให้มินนะดู 

                   " งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ มันก็ยังคงอยู่ในงานอย่างงั้นสินะ  แล้วตอนนี้พ่อสงสัยใครเป็นพิเศษรึเปล่า " มินนะพูดพร้อมกับมองพวกคนที่มินนะได้สงสัยเอาไว้แต่แรก

                    " ใช่  พ่อยืนดูอยู่ตั้งแต่ตอนเริ่มงานแล้วหละ   คนที่น่าสงสัยก็คือ    คนที่ถือไม้เท้า  ทีมงาน  คนที่ดูนาฬิกาอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็พนักงานเสิร์ฟ  คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไง " เฮจิ มินนะ และแม่ของมินนะ ก็มองไปยังพนักงานเสิร์ฟคนนั้น

                     " พนักงานเสิร์ฟคงทำไม่ได้หรอกน่า  เพราะตอนไฟดับเค้าก็อยู่ข้างๆ หนูตลอดเลยนี่นา "  มินนะพูดกับเฮจิ พ่อของเธอ

                    " สิ่งที่เรามองเห็นหรือได้ยินนั้นไม่ใช่ทุกอย่างหรอก  เดี๋ยวพ่อจะขอไปคุยกับเจ้าของงานหน่อย จะตามมาก็ได้นะ " เฮจิ พูดชักชวนมินนะ แล้วมินนะก็เดินตามไปเพราะความอยากรู้   จากนั้นทั้งสองก็เดินไปถึงประธาน ที่กำลังยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่นั้น และประธานก็ได้สังเกตเห็น เฮจิ

                    " อ้าว คุณคือ ยอดนักสืบ  เฮจิ  โคจิโร่ นี่ โชคดีจริงๆที่เจอคุณในเวลานี้ " สีหน้าที่เคร่งเครียดของประธานคนนั้น กลับกลายเป็นยิ้มอย่างมีความหวังทันที

                    " ผมอยากให้ประธานช่วย เรียก สี่คนนี้ที่ผมจะบอกมาหน่อยได้ไม๊ครับ "

                    " ยินดีเลยครับ "  จากนั้นประธานก็ได้ทำตามคำบอกของเฮจิ จึงได้เรียกผู้ต้องสงสัยทั้งสี่มา

                     " ผมสงสัยพวกคุณทั้งสี่ว่าจะเป็นผู้ต้องสงสัย  ยังไงก็ให้ความร่วมมือด้วยนะครับ " เฮจิพูดกับชายทั้งสี่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

                     " นี่ๆ อย่าบอกนะว่าพวกเราเป็นคนขโมยเพรชไป  คนที่ขโมยป่านนี้มันหนีกลับไปแล้วละมั้ง " เสียงของชายกลางคนที่ถือไม้เท้าพูดขึ้น

                     " ไม่หรอกครับ  เพราะโจ๊กเกอร์มันเป็นคนรักษาคำพูดซะด้วยสิ ผมคิดว่าโจ๊กเกอร์คือ คนที่แฝงตัวอยู่ภายในพวกคุณนี่แหละ ยังไงก็ขอตรวจดูบัตรประชาชนของพวกคุณก่อนแล้วกัน "  จากนั้นเฮจิก็ได้ ดูบัตรประชาชนของผู้ต้องสงสัยทุกคนแต่รูป  ชื่อ  และหน้า ก็ตรงกับในบัตรประชาชนหมดทุกคน

                      " นี่  เลิกสงสัยพวกเรารึยัง พวกเราไม่ใช่คนร้ายหรอกน่า " ทีมงานพูดขึ้นมา   

                     " ยังไงผมก็ขอตรวจดูหลักฐานซักครู่ ยังไงพวกคุณก็ต้องอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนเป็นอันขาด "

                  เฮจิ เริ่มเคร่งเครียด เพราะยังหาหลักฐานจะมัดตัวว่าใครเป็นโจ๊กเกอร์ ไม่ได้

                     " นี่คุณ  ดูสิ  วิดีโอที่ฉันถ่ายไว้เป็นไงเพรชสวยใช่มั๊ยหละ "  แม่ของมินนะพูดขึ้นกับเฮจิ ที่ยืนเคร่งเครียดอยู่ข้างๆ

                     " นี่คุณเวลานี้ยังจะมาดูอยู่อีกเหรอ " เฮจิพูดเสียงเนือยๆ

                     " จริงสิ  กล้องเหรอ ไหนเอามาดูหน่อย "  เฮจิรีบคว้ากล้องวิดีโอจากภรรยาของตัวเองมา  และมินนะก็วิ่งมาดูด้วย

                      " คลิปนี้ยาว 30 วินาที ตั้งแต่เริ่มเปิดงานจนถึงไฟที่ดับติดขึ้น  ตอนที่ดับนั้น ดับประมาณ 10 วินาที  แต่แสงเล็กๆนี่มันอะไรกัน แถมแสงยังขาดหายในบางตอนอีกด้วย " เฮจิสงสัยกับแสงที่ขึ้นอยู่ภายในภาพ

                      " แสงนี้ หนูก็เห็นเหมือนกันค่ะ " จากนั้นทั้งสองก็เดินไปยังกลไกนั้นทันที

                      " เอาหละทีนี้ก็พอรู้แล้วว่าใครเป็นคนร้าย และเป็นที่สามารถทำได้ แต่ต้องหาหลักฐานอีกอย่างให้ได้ " เฮจิพูดขึ้นอย่างมีหวัง

                      " นี่นะ ตอนแรกแม่จะอัดเสียง พูดของแม่ที่ดูเพรชอยู่แล้วเอาไปอวดเพื่อนที่ไม่ยอมมาด้วยซะหน่อย แต่ดันไฟดับซะก่อนเนี่ยสิ "  มินนะและเฮจิได้ยินดังนั้น ก็หันมาที่แม่ของมินนะ และยิ้มทันที

                      จากนั้น เฮจิก็ได้สั่งประธานให้ไปทำหน้าที่อย่างหนึ่ง โดยที่เฮจิและมินนะ ยังยืนอยู่กับผู้ต้องสงสัย

                       " ตอนนี้เรารู้แล้วหละครับว่าคนร้ายเป็นเริ่มจากฟฤติกรรมของพวกคุณก่อนเลย  มินนะพูดมาซิ " เฮจิหันไปบอกกับมินนะที่ยืนมองผู้ต้องสงสัยอยู่ข้างๆ

                         " พฤติกรรมของพวกคุณล้วนแปลกๆกันทั้งนั้น  ทีมงานที่ชอบเช็คกลไกบ่อยจนเกินเหตุ  ชายที่ถือไม้เท้าประหลาด  ชายที่ดูนาฬิกาอยู่ตลอดเวลา  และคนที่ไออยู่บ่อยครั้ง อย่างพนักงานเสิร์ฟ "

                        " นี่ยัยหนู ฉันก็ต้องทำตามหน้าที่ของฉันสิ " ทีมงานพูดสวนขึ้นมา

                         " ใช่ ฉันเองก็รีบไปงานที่อื่น เลยต้องดูนาฬิกาบ่อยๆ หนะสิ "

                          " ฉันเองก็ถือไม้เท้านี่เป็นประจำอยู่แล้ว   มันแปลกตรงไหนไม่ทราบ " ทุกคนเริ่มจี้คำถามมาที่มินนะ

                          " พวกเราไม่ได้สงสัยพวกคุณหรอกค่ะ สงสัยก็แต่ คุณพนักงานเสิร์ฟคนนี้นี่แหละ " ทุกคนเริ่มหันไปมองที่พนักงานเสิร์ฟ

                           " ผมน่าสงสัยตรงไหนกัน แล้วตอนที่ไฟดับผมก็อยู่ข้างๆคุณตลอดเวลาไม่ใช่รึไง " พนักงานเสิร์ฟเถียงขึ้นมา

                          " มันก็ใช่ เพราะทุกครั้งที่ไอคุณจะเอามือปิดปาก  แต่ก่อนที่ไฟจะดับนั้น  คุณไปจับที่โบว์ตรงคอเสื้อของคุณแล้วก็ไอขึ้นมา แทนที่จะปิดปากเหมือนทุกครั้ง ถ้าฉันเดาไม่ผิดมันก็คงเป็นไมค์นั่นเอง  ส่วนหลักฐานชิ้นอื่นนั้นจะให้คุณยอดนักสืบเป็นคนเล่าแล้วกัน " จากนั้นเฮจิก็ได้เริ่มพูดขึ้น

                           " ใช่แล้วครับ  ในวิดีโอที่พวกเราดูกันนั้น  มันมีแสงเล็กๆ  นั่นมันก็คือเทปเรืองแสงที่คุณได้เอาไปติดไว้นั่นเอง  และหลักฐานที่ว่าคุณอยู่ข้างๆ มินนะนั้น ก็อาจจะเป็นการอัดเสียงก็ได้ เพราะจากที่มินนะเล่า  คุณทำแว่นตาตกด้วย ผมจะอธิบายง่าย ๆ    ก่อนที่จะเริ่มแผนของคุณ คุณก็แกล้งไอเพื่อตบตาว่าตัวเองไม่สบาย จากนั้นก็ไอขึ้นมาเพื่อเป็นสัญญาณ ให้ผู้ช่วยของคุณอีกคนที่มองดูอยู่ที่ไหนซักแห่งดับไฟซะ  จากนั้นคุณก็ เปิดเทปอัดเสียงที่เตรียมไว้ วางลงที่พื้น แล้วเดินไปยังจุดที่มีเทปเรืองแสง  ที่คุณเอาไว้จับตำแหน่ง จากนั้น เมื่อคุณได้เพรชไปแล้ว  คุณก็กลับมาที่เดิม  แล้วทำแกล้งว่าแว่นตาหล่น  จากนั้นคุณก็เก็บเทปเสียงขึ้นมา "

                            " ฮ่าๆๆ   สันนิษฐานได้สนุกดีนี่นา คุณนักสืบแล้วก็ยัยหนู นี่ด้วย งั้นมาค้นตัวผมสิ ว่ามีเทป หรือเพรชที่ขโมยไปที่ว่านั่นรึเปล่า " พนักงานเสิร์ฟเริ่มท้าทาย เฮจิ

                            " ฝีมืออย่างโจ๊กเกอร์นั้นการที่จะซ่อนของ นั้นทำได้ไม่ยากหรอกจริงมั๊ย  ผมยังเชื่ออีกอย่างที่ว่า  ที่ๆอันตรายที่สุดคือที่ๆ ปลอดภัยที่สุด "  จากนั้นเฮจิ ก็ได้ก้มลงไปใต้กลไก แล้วก็เจอเพรชกับเทปเสียง ที่ติดอยู่ ใต้เครื่องของกลไก

                            " นี่ไงหละครับ คุณโจ๊กเกอร์ "  เด็กเสิร์ฟคนนั้นถึงกับเหงื่อไหล ทันที แต่ดูเหมือนเขายังไม่ยอมรับ

                             " โธ่.....   คุณนักสืบ  ใครๆเค้าก็ทำได้ อาจจะเป็นใครที่ไหนก็ได้ในนี้วางลงไป จริงมั๊ย "   จากนั้นไฟก็ดับลง ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นสังเกตเห็นแสงไฟเล็กๆ  สองจุดด้วยกันและไฟ ก็เปิดขึ้นอีกครั้ง

                             " ทุกคนคงสังเกตเห็นแสงสองเมื่อไฟดับแล้วใช่มั๊ยหละครับ  เทปเรืองแสงที่ติดอยู่ที่หลังมือของคุณ กับกลไกของที่นี้   ถ้าเดาไม่ผิดคุณก็คงกลัวคนอื่นสวมรอยขโมยเพรชไป  คุณจึงนำเทปเรืองแสงมาติดไว้ที่มือเพื่อให้ผู้ช่วยของคุณรู้ว่านั่นคือคุณ ถ้าหากเป็นคนอื่นที่ไม่มีเทปเรื่องแสงผู้ช่วยคุณก็จะเปิดไฟทันที คราวนี้จะยอมรับรึยังโจ๊กเกอร์ "  จากนั้นพนักงานเสิร์ฟก็เริ่มยิ้มแล้วก็หัวเราะออกมา

                              " สมกับเป็นยอดนักสืบ จริงๆ  ยัยหนูนี่ก็ด้วยรู้จักสังเกตดีนี่นา สมกับที่เป็นลูกของยอดนักสืบ ใช่แล้วชั้นที่แหละคือโจ๊กเกอร์ แต่ระดับอย่างจอมโจมแล้วก็คงจะยอมให้จับไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ "

                           " จับมันไว้ที " เฮจิตะโกนขึ้น  โจ๊กเกอร์ ทุ่มบอลยางขนาดเล็กลงที่พื้น  จากนั้นควันก็เริ่มฟุ้งกระจายไปทั่วจนทำให้มองไม่เห็นอะไร  และโจ๊กเกอร์มันก็พูดบางอย่างก่อนที่จะหายตัวไป

                                            " แล้วจะกลับมาเล่นอีกนะยัยหนู สนุกจริงๆเลย  ฮ่าๆๆ "  จากนั้นควันก็เริ่มจางลง เฮจิก็ได้แต่เจ็บใจ  ถึงแม้จะได้ของที่ขโมยไปกลับคืนมา แต่สิ่งที่เค้าหวังคือการจับจอมโจร อย่างโจ๊กเกอร์ให้ได้  เฮจิได้แต่พูดออกมาอย่างเจ็บใจ

                            " หนอยยย  .... เจ้าโจ๊กเกอร์ “

                                     

                                      

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา