รักฉันนั้น...เพื่อเธอ

-

เขียนโดย Topazio

วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.10 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 เมษายน พ.ศ. 2556 20.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) อุบัติเหตุ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

http://www.keedkean.com  http://www.keedkean.com

 

            หลังจากพักผ่อนกันพอแล้วทุกคนก็เตรียมตัวกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนกลุ่มอื่นๆ พอมาถึงแอ่งน้ำ เมฆหันไปมองแพรวาที่กำลังคุยกันเพลินอยู่กับแอนและแก้ม    เมฆหยุดรอแพรวแอนหันมาเห็นสะกิดให้แพรวาดูเมฆ  เมฆพยักหน้าเรียกแพรวาให้เดินมาหา

 

           “จะไปกับเมฆหรือเปล่า?”  เมฆถามเพราะเขาขี้เกียจเดินกลับมารับอีก

 

           “ไม่อ่ะ..เมฆขี้บ่น แพรข้ามไปเองก็ได้” แพรวาพูดพลางก้มลงถอดรองเท้า เมฆมองดูแพรวาที่กำลังถอดรองเท้า

 

           “แพรนี่เท้าสวยจังเลย” เมฆชมมองดูนิ้วเท้าเรียงกันเป็นระเบียบเล็บเท้าสีชมพูอ่อนตามธรรมชาติดูสะอาดตา..จะข้ามไปรอดหรือเปล่าเนี่ย... เมฆคิด  แพรวาเงยหน้าขึ้นมามองแบะปากบอก

 

           “อยู่ด้วยกันตั้งนาน…เพิ่งจะมาชมไม่เคยเห็นเหรอ?

 

           “ไม่รู้ซิ..เมฆไม่ทันสังเกตุ”

 

           “ก็อย่างว่าแหละ..แพรไม่ใช่เนตรนี่ เมฆจะมาสังเกตอะไร”  แพรวาบอก ถอดรองเท้าออกมายืนรอคนอื่น

 

           “ไปเองแน่นะ?” เมฆขมวดคิ้วถามอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ

 

           “เมฆนี่ยังงัย แพรไม่ใช่เด็กซะหน่อย ถามอยู่ได้ก็บอกว่าไปเอง เมฆไปเหอะ แอนกับคนอื่นๆ ก็กำลังตามมากันแล้ว” แพรวาพูดก่อนจะหันไปมองแอน เมฆเห็นอย่างนั้น ก็เลยก้มลงถอดรองเท้าเดินนำไปก่อน

 

           “นึกว่านางเอกจะขี่หลังพระเอกไปซะแล้ว” เรียกรอยยิ้มให้คนอื่นๆ ที่กำลังเดินตามมา

           “แพรไม่อยากขี่หลังเมฆ ตอนขามาแกล้งนิดเดียวทำเป็นโกรธ...แพรตัวเบาจะตายไม่หนักซะหน่อย แค่นี้เดินเองก็ได้ไม่เห็นต้องง้อเลย” แพรวาพูดไปเรื่อย   แอนมองหน้าว่านแล้วยิ้มขำคนปากเก่ง

 

           “จ้า...แม่คนเก่ง ป่ะ..ไปกันได้แล้ว”  แอนบอกแพรวา ทุกคนจึงทยอยกันเดินข้ามแอ่งน้ำระหว่างทางแพรวาโชคไม่ดีเพราะบังเอิญไปเหยียบโดนอะไรบางอย่างใต้น้ำ

 

           “โอ๊ย....”แพรวาอุทานออกมาเบาๆ  มองไปที่เท้าตัวเองเห็นเลือดไหลแล้วต้องตกใจยกเท้าขึ้นมาดูเห็นเศษแก้วบาดเข้าไปในเท้าพยายามดึงออกมาแแพรวาหันไปมองคนอื่นๆ ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาเดินมุ่งหน้าข้ามเพื่อไปให้พ้นจากแอ่งน้ำ แพรวาเห็นเมฆยืนรออยู่แล้วจึงค่อยๆเดินไปฝืนทนไว้ทั้งๆ ที่เจ็บจนอยากร้องไห้แต่กลัวเมฆจะคิดว่าแกล้งอีก   แพรวาเดินข้ามแอ่งน้ำไปถึงทีหลังรีบใส่ถุงเท้ารองเท้า เมฆขมวดคิ้วมอง

 

           “เป็นอะไร!”

 

           “ไม่มีไร เสร็จแล้ว ไปกันเหอะ”  แพรวารีบบอกโดยไม่ยอมมองหน้าเมฆระหว่างทางแพรวาต้องยกแขนขึ้นมาปาดเหงื่อที่หน้าผากบ่อยๆ  พยายามอดทนเดินไปด้วยความเจ็บปวด  เมฆคอยชำเลืองมองดูแพรวาเป็นระยะก่อนจะหันไปถาม

 

            “มีอะไรหรือเปล่า..แพร?”

 

            “ไม่นี่” แพรวาบอกเสียงแผ่วๆ เมฆขมวดคิ้วมองด้วยความแปลกใจแต่ไม่ได้เซ้าซี้อะไรเพราะคิดว่าแพรวาคงจะเหนื่อยกว่าทุกคนจะเดินมาถึงจบนัดพบเป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมง ลายคนต่างแยกย้ายกันไปหาที่นั่งพักผ่อน แพรวาเดินไปนั่งใกล้ๆ แอนหันไปเห็นแก้มกับเก้าคุยกันกระหนุ๋งกระหนิ๋งก็อมยิ้มสะกิดให้แอนดู

 

           “เออนะ...เพื่อนฝูงพอมีแฟนก็ไม่สนใจเราเลย” แอนพูดเสียงดังพอให้แก้มได้ยิน แก้มหันมายิ้มให้

 

            “แหม คุณนาย...มันก็เรื่องธรรมดา อยากรู้ก็ต้องรีบหาคู่นะยะ” ก่อนที่จะหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเรียกรอยยิ้มจากเก้าที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

 

            “เป็นงัยบ้างล่ะ แอน”  เก้าถามแอน

 

            “ดีคร้า สนุกดีแต่แพ้คนบางคน” แอนทำเสียงล้อเลียนเก้ายิ้มด้วยความเขิน

 

            “แล้วแพรล่ะ...นั่งอมยิ้มอะไร?”  เก้าถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นแพรวามองมาแล้วยิ้มๆ

 

            “แพรก็ดี วันนี้โชคดีจังที่อากาศไม่ร้อน” แพรวายิ้มบางๆ ก่อนตอบก่อนจะนั่งทุบขาตัวเองเบาๆ ทั้งสี่คนนั่งคุยกันไปเรื่อย ชัฎจะเดินเข้ามาหาแพรวา

 

            “แพร...เป็นอะไรหรือเปล่า ชัฏเห็นหน้าซีดๆ” 

 

            “ไม่เป็นไร ปวด...เอ่อ..ปวดขานิดหน่อย”  แพรวาบอกฝืนยิ้มให้ชัฏ

 

           “ไม่ไหว ก็บอกนะ ชัฎแข็งแรงแบกแพรได้สบาย” พูดเสร็จก็ทำท่ายกกล้ามขึ้นมาเบ่งเรียกรอยยิ้มจากคนอื่นๆ ได้ เมฆกำลังจะเดินเข้ามาหาแพรวา แต่ได้ยินเสียงเคนเรียกจึงหันไปยืนคุยกัน ไม่นานก็ได้ยินสียงอาจารย์คมกฤษก็บอกกคนเตรียมตัวลงภูกลับไปที่พักเพื่อทำธุระส่วนตัวและทานอาหารมื้อค่ำ างลงภูค่อนข้างชัน ตอนนี้แพรวาเริ่มจะเดินไม่ไหวแล้ว ปวดขาตุ๊บๆ   แพรวาเดินเริ่มเดินรั้งท้าย ชัฎสังเกตแพรวาตั้งแต่เดินมาจากแอ่งน้ำแล้ว ว่าดูเงียบผิดปกติ จึงชลอฝีเท้า เพราะเห็นเมฆเดินคุยกับเคนไปเรื่อยๆ  คงคุยเพลินจนลืมแพรวา

 

            “ไหวไหม..แพร?” ชัฎถามด้วยความเป็นห่วง แพรวาเลยขอนั่งพักข้างทางเพราะเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว

 

            “ขอพักหน่อยนะ แพรรู้สึกปวดขาจัง”

 

            “ถ้าไม่ไหวขี่หลังชัฏก็ได้นะ ทางแบบนี้กว่าจะถึงแพรหมดแรงก่อนแน่ ทำไมดูหน้าซีดจัง”   ชัฎพูดพลางเอามือมาปัดผมที่เปียกไปด้วยเหงื่อของแพรวาออก

 

            “ชัฎพอจะมีพลาสเตอร์ยามั๊ย..แพรไปเหยียบโดนเศษแก้วเมื่อตอนข้ามน้ำมา...ตอนนี้รู้สึกปวดแผลจังเลย"  แพรวาพูดเสียงอ่อยๆ ชัฎส่งขวดน้ำให้แพรวา แพรวารับมาดื่ม แล้วชัฏก็ควานหาพลาสเตอร์ยาในกระเป๋า

 

            “ว่ามีนะ...แต่ไม่รู้เอามาหรือเปล่า ทำไมไม่ยอมบอก  แผลลึกหรือเปล่า?”

 

            “ไม่แน่ใจ...แพรไม่กล้าดู”   เมฆเดินกลับมายืนมองสองคนด้วยสีหน้าเรียบสนิท....ไม่ชอบสักนิด....

 

            “เป็นอะไร...อย่าบอกนะว่าเป็นโรคอ้อน!”

 

            “มึงไม่พูด...ก็ไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้หรอกนะ ไอ้เมฆ” ชัฎเงยหน้าขึ้นมามอง...ก่อนจะก้มหาพลาสเตอร์ยาต่อ แพรวาไม่ยอมมองหน้าเมฆตอนนี้ต่อมน้ำตาใกล้จะทำงานอีกแล้ว

 

           “แพรเป็นอะไร..?” เสียงเมฆอ่อนลง หันมามองด้วยความรำคาญ

 

           “ไปเหยียบเศษแก้วเข้า..ถ้ามึงไม่ทำห่าอะไรก็ช่วยถอยออกไปเกะกะ”      ชัฎพูดด้วยความหงุดหงิด เมฆได้ยินถึงกับอึ้ง

 

           “ไหนดูซิ..ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้ คนอื่นไม่เห็นมีใครเขาเป็นอะไร!”  เมฆตกใจแต่ปากก็ยังคงทำงานได้ดีเหมือนเคย ส่วนมือก็กำลังพยายามถอดรองเท้าแพรวาออก แพรวามองเมฆด้วยความน้อยใจกัดปากตัวเองแน่นแผลที่เท้าก็เริ่มปวดมากขึ้น

 

            “ไม่ต้องมายุ่งเลย!!!” แพรวาอารมณ์เสียพยายามขัดขืนผลักเมฆออกไม่ยอมให้เมฆถอดรองเท้าแต่สู้แรงเมฆไม่ได้

 

           “แพร..!!.” เสียงชัฎกับเมฆพูดขึ้นเกือบจะพร้อมกันเมื่อเมฆถอดรองเท้าแพรวาออกได้...ถุงเท้าสีชมพูที่แพรวาใส่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงปนดำ ดูแทบไม่ออกว่าก่อนหน้านี้เคยเป็นสีอะไร เมฆมองหน้าแพรวาที่ตอนนี้ยิ่งซีดเข้าไปอีกเมื่อเห็นคลาบเลือดในถุงเท้าตัวเอง เมฆถอดถุงเท้าแพรวาออกส่งให้ชัฎแล้วยกเท้าขึ้นแพรวาขึ้นมาดูหันไปมองหน้าชัฎ

 

            “มึงมีพลาสเตอร์ยาหรือเปล่า?”

 

            “อ่ะ..ปิดไว้ชั่วคราวก่อน”  ชัฏแกะพลาสเตอร์ยาปิดแผลส่งให้เมฆที่กำลังเปิดขวดน้ำดื่มเทล้างแผลให้แพรวาก่อนจึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเช็ดแผลให้แห้งแล้วรับเอาพลาสเตอร์ยาจากชัฏมาปิดไว้

 

            “แพร..ขึ้นหลังเมฆ....รีบไปเหอะ แบบนี้คงเดินไม่ได้แน่” เมฆบอกแพรวาท่าทางเป็นห่วง

 

            “ไม่!!....แพรไม่ขึ้นหลังเมฆ…แพรเดินเองได้”  แพรวาบอกเสียงแข็ง บทจะรั้นก็ไม่มีใครเกินแพรวา

 

            “ขึ้นมา!!” เมฆพูดเสียงดังด้วยความโมโหคนที่รั้นไม่รู้เรื่อง เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ ๆ

 

            “ไม่!!....แพรไม่ขึ้นหลังเมฆ ฮึก ฮึก”  เสียงแพรวาบอกเสียงเริ่มเบาหวิว ปนเสียงสะอื้น ชัฎเห็นท่าไม่ดีจึงค่อยๆ  พูดกับแพรวา

 

           “แพร..ขึ้นไปเหอะ เย็นมากแล้วมาชัฎช่วย”  ชัฎเข้าไปประคองแพรวาให้ลุกขึ้นไปขี่หลังเมฆนั่งรออยู่หน้าแดงจนเส้นเลือดปูดออกมาจากข้างขมับ

 

           “มึงถือของมาด้วยนะ” เมฆบอกชัฎแล้วลุกขึ้นพาแพรวาค่อยๆ เดินลงภูโดยมีชัฎถือรองเท้าถุงเท้าตามมา

 

            “แพร ไม่อยากขี่หลังเมฆ…ฮึก ฮึก”  แพรวายังดื้อไม่เลิกทุบหลังเมฆดังอึกๆ  เมฆยกกระชับขาแพรวาให้แน่นขึ้นเพื่อที่เขาจะได้แบกได้ถนัดเพราะทางเดินลงภูค่อนข้างลำบาก ทั้งยังต้องทนเจ็บที่แพรวาพยศอยู่บนหลังแถมต้องมาฟังเสียงคร่ำครวญของแพรวาตลอดทางด้วยความปวดใจ...

 

             "ไหวหรือเปล่ามึง เปลี่ยนให้กูแบกก็ได้นะ”  ชัฎพูดขึ้นหลังจากที่เสียงของแพรวาเงียบไปแล้ว เห็นเมฆเดินลงมาด้วยความทุลักทุเลเพราะทางบางช่วงค่อนข้างลาดชันเดินคนเดียวยังลำบากเลยเขาเลยต้องคอยระวังหลัง

 

             “ยังไหว..หลับไปแล้วเหรอ?” เมฆถามชัฎ

 

             “หลับแล้ว กูว่าคงจะปวดแผลน่าดู ดูท่าจะลึกใช่เล่น แล้วมึงไปทำอีท่าไหน ปกติแพรไม่คยเป็นแบบนี้นี่นา ไม่รู้ทนเจ็บอยู่ได้ยังงัย”  ชัฎหันไปมองแพรวาที่หลับไปแล้วหน้าตาซีดเซียว มอมแมมก่อนจะพูดกับเมฆ

 

            “ก็ไม่ได้ทำอะไร กูแค่บอกว่าเล่นอะไรเป็นเด็ก ตอนที่ข้ามแอ่งน้ำไม่อยากข้ามก็ไม่บอกให้กูเดินไปเดินมาตั้งสามเที่ยว”

 

            “แล้วมึงจะพูดทำไม สงสัยคงอยากแกล้งมึง กูเห็นมึงก็แบกกันอยู่บ่อยๆ แพรเคยตัวจะไปแปลกอะไร ก็มึงตามใจกันซะขนาดนั้น แล้วถ้ามึงไม่พูดมากวันนี้แพรอาจจะไม่เจ็บตัวก็ได้ เพราะยังงัยมึงก็ต้องแบกข้ามมาอยู่ดี”  ชัฎพูดแล้วยักไหล่ เมฆฟังแล้วอึ้ง....


             
            เมฆ ชัฎ และแพรวากลับมาถึงเต้นท์เกือบจะห้าโมงแล้ว เมฆวางแพรวาลง ชัฎรีบเดินเข้าไปค้นหากล่องพยาบาลด้านในยกออกมาให้เมฆจัดการทำแผลให้แพรวา แพรวาชักเท้าออกแทบจะทันที  ตอนเมฆเอาทิงเจอร์ล้างแผลเช็ดลงไปบนแผลจนแทบจะเป็นลาดเสียมากว่า

 

             “ฮึก ฮึก เจ็บนะ..แพรเจ็บนะ ฮึก ฮึก”  ต่อมน้ำตาเริ่มทำงานอีกครั้งหลังจากได้พักตอนหลับ

 

             “เจ็บนะ..เมฆ แพรเจ็บนะ ไม่ต้องล้างแล้ว ฮึก ฮึก”  แพรวาพยายามชักเท้าออกปากก็ยังพูดไปเรื่อย ชัฎต้องคอยจับมือแพรวาไว้ไม่ให้ทุบเมฆ เมฆกดเท้าแพรวาไว้ฝืนล้างแผลจนแน่ใจว่าสะอาดเพราะเห็นตอนนี้แผลเริ่มเป็นสีแดง ก่อนจะเอาสำลีก้อนเล็กๆ ชุบเบตาดีนปิดปากแผลแล้วปิดพลาสเตอร์ไว้ไม่ให้สำลีหลุดออกมาก่อนที่จะหาผ้าพันแผลมาพันเท้าไว้อีกทีหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชัฎถอดรองเท้ากับถุงเท้าอีกข้างของแพรวาออกเอาไปกองรวมไว้กับที่เขาถือมามองหน้าเมฆแล้วบอกว่าจะไปเอาข้าวมาให้แล้วให้เมฆอยู่เป็นเพื่อนแพรวาก่อนคนอื่นคงไปอาบน้ำหรือกินข้าวกันหมดแล้ว    แพรวารีบเขยกไปหาที่นอนทันทีที่เมฆปล่อยขาไม่ยอมมองหน้าเมฆ เมฆจึงลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อจะรีบไปอาบน้ำเพราะเขารู้สึกเหนียวตัวมาก

 

           “แพรนอนอยู่นี่ก่อนเดี๋ยวเมฆจะรีบกลับมา”

 

           “…………”  เมฆได้แต่ส่ายหัวคนขี้งอนแล้วเดินออกไป  กลับมาอีกครั้งใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีพร้อมถังน้ำกับผ้าขนหนูผืนเล็กๆ

 

           “แพรเช็ดหน้าเช็ดตาเสียหน่อย อ่ะ” เมฆส่งผ้าให้แพรวา แพรวาสะบัดหน้าหนี

 

           “อย่างอนน่ะ เมฆสัญญาว่าจะไม่บ่น ไม่ว่าแพรอีกนะ นะ”

 

            “………”

 

            “ถ้าไม่ลุกขึ้นมา เมฆจะเช็ดเองแล้วนะ แล้วไม่ต้องมาโวยวาย….”  แค่นั้น แพรวาก็เด้งขึ้นมารับผ้าจากเมฆไปเช็ดหน้าเช็ดตาลวกๆก่อนจะส่งให้เมฆ

 

           “ทำอย่างนี้จะเกลี้ยงได้ยังงัย” เมฆรับผ้านำมาชุบน้ำอีกครั้ง

 

           “หลับตา....” เมฆบอกแพรวา ก่อนจะค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าของแพรวาเบาๆ อย่างทนุถนอม  เมฆมองริมฝีปากอันอวบอิ่มของแพรวาแล้วรู้สึกใจเต้นแรงก่อนจะสลัดความรู้สึกประหลาดออกเอ่ยถามแพรวา

 

           “แพร...หิวหรือยัง?”  แพรวาลืมตาขั้นมามองพยักหน้าตอบ

 

           “รอเดี๋ยวนะ เมฆไปดูซิว่าทำไมชัฎยังไม่มา..แล้วจะไปบอกแอนให้มาอยู่เป็นเพื่อนแพรด้วย”   เมฆเดินออกไปได้ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับ แอน ว่าน เคน เก้า แก้มและชัฎ  ทุกคนตกใจใหญ่ที่รู้ว่าแพรวาไปเหยียบกระเบื้อง

 

           “ตายแล้ว..แพรเป็นยังงัยบ้าง แล้วไม่ยอมบอกเดินมายังงัยเนี่ย” แอนรีบเข้ามายกเท้าแพรวาขึ้นมา

 

           “ปวดนิดหน่อย” แพรวาตอบเสียงเบาหวิวพร้อมส่งยิ้มให้แอน

 

           “ชัฎมัวแต่ไปหายาแก้อักเสบที่อาจารย์ ที่เราเตรียมมามีแต่พารา กินข้าวก่อนเหอะจะได้กินยาไม่งั้นปวดแผลแน่คืนนี้”  ชัฏส่งชามข้าวให้แพรวาและเมฆคนละจานก่อนจะหันไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่มีพาราอยู่ออกมาสองเม็ดส่งให้เมฆพร้อมกับยาแก้อักเสบ เมฆหยิบมาใส่กระเป๋าไว้ ก่อนจะนั่งกินข้าวที่ชัฏตักมาให้ เพื่อนๆ   คนอื่นเข้ามาคุยถามอาการแพรวา หลังจากนั้นต่างคนต่างก็แยกไปนอนส่วนสาวๆ  ก็นั่งคุยกันต่อ

 

           “ทำยังงัย...แพรนี่จริงๆ เลย อาบน้ำหรือยังนี่” แอนบ่นไปเรื่อยแพรวากำลังกินข้าวอยู่สั่นหน้า

 

           “กินข้าวซะเดี๋ยวแอนกับแก้มพาไปอาบน้ำ” แอนบอกก่อนที่จะไปค้นหาเสื้อผ้าแพรวาในกระเป๋า

 

           “เป็นอะไร...ไม่อร่อยเหรอ?” เมฆเห็นแพรวากินข้าวไปได้นิดเดียวก็เขี่ยข้าวไปมา

 

           “ไม่ใช่หรอก...แพรกินไม่ค่อยลงมันเจ็บแผล”

 

           “งั้นกินไก่ทอดนี่หน่อยนะ”  แพรวากินไปได้อีกสองสามคำก็ส่งชามให้เมฆ

 

           "แพร...ไปอาบน้ำก่อนนะ”

 

           “เมฆไปส่ง..ไม่ต้องสระผมอีกล่ะ หนาวแล้ว”  เมฆรีบวางชามข้าวก่อนจะประคองแพรวาออกมาจากเต้นท์ ย่อตัวลงให้แพรวาขึ้นหลัง

 

           “ถ้าแอนเจ็บ เมฆจะให้แอนขี่หลังแบบนี้มั๊ยเนี่ย...”  แอนเอ่ยแซวเมฆขณะที่เดินตามหลังเมฆมาพร้อมกับแอน เมฆหันมามองยิ้มๆ  แอน ยังแซวไม่เลิกเมื่อเห็นเมฆเขิน แพรวายิ้มน้อยๆ เพราะรู้สึกปวดแผลไม่อยากพูดอะไร แก้มอมยิ้มมองดูเมฆกับแพรวาแล้วเดินจูงมือแอนถือของตามมา เมฆพาแพรวามาส่งที่หน้าห้องน้ำ

 

           "เดี๋ยวเมฆกลับมารับนะ" เมฆบอกแพรวาพยักหน้า มองเมฆเดินกลับไปที่เต้นท์  เมฆกลับมานั่งกินข้าวที่เหลือต่อชัฎนอนมองอยู่ลุกขึ้นมาคุย

 

          “กินหมดเหรอวะ”  ชัฎหันไปมองเมฆที่นั่งกินข้าวชามแรกหมดแล้วกำลังจะกินชามที่สองต่อ

 

          “มึงตักมาทำไมตั้งเยอะ แพรปวดแผล...คงไม่อยากกินอะไร”  เมฆตอบก่อนจะตักข้าวกินไม่ได้พูดอะไรอีก ชัฏอมยิ้มขำคนปากหนัก

 

          “กูถามมึงจริงๆ เหอะ...ตกลงมึงชอบแพรหรือเปล่า”

 

          “มึงถามทำไม?

 

          “แพรติดมึงขนาดนี้ เคลียร์ให้ดีเหอะเด็กในคอนโทรลมึงน่ะ  ถ้ามึงชอบแพรจริงๆ...กูไม่อยากให้แพรเสียใจ”

 

          “ทำไมจะเสียใจ”

 

          “เพราะถ้ามึงทำให้แพรเสียใจ..มึงจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีก” ชัฎพูดจบก็ตบบ่าเมฆ หันไปหยิบถุงเท้าแพรวาที่เขาถอดมาวางกองไว้ถือออกจากเต้นท์เดินไปอาบน้ำ ปล่อยให้เมฆนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น  เคนอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นชัฏกำลังซักถุงเท้าอยู่

 

          “หนาวชิบหายเลยว่ะ…มึงทำอะไรวะ?”

 

          “ซักถุงเท้า”

 

          “ของใคร อย่าบอกนะว่ามึงใส่ถุงเท้าสีชมพู”


                   
          “แพร..ไม่รู้ทนเจ็บอยู่ได้งัยเดินมาเกือบครึ่งทางคืนนี้สงสัยไข้ขึ้นแน่..กูเห็นแผลลึกขนาดนั้น” 

 

           “มึงนี่ดีเนาะ...แฟนก็ไม่ใช่ ทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย”

 

           “ทำอะไรวะ?”

 

           “ก็ซักถุงเท้าให้งัย”

 

           “ไม่เห็นไปไรเลย”

 

           “ไม่เป็นไรจริงอ่ะ..ถามจริงถ้าเป็นคนอื่นมึงจะมายืนซักให้อย่างนี้รึเปล่า?” เคนพูดบีบไหล่ชัฏ …กูรู้นะมึงคิดอะไร.... ชัฏนิ่งเงียบไม่พูดอะไร


             
           เมฆเดินกลับไปรับแพรวาอีกครั้งเห็นแอนกับแก้มกำลังพยุงแพรวาออกมาพอดี เมฆยิ้มก้มหลังให้แพรวาปีนขึ้นมา แอนกับแก้มยิ้มให้กันเดินตามสองคนกลับมาที่เต้นท์   เมฆเอายาให้แพรวากินก่อนจะก้มลงไปดูที่แผลอีกครั้งหนึ่งเห็นแผลชื้นๆ  จึงทำแผลให้ใหม่แล้วบอกให้แพรวานอนพักผ่อน  แล้วตัวเองกลับไปนอนกับเคนและชัฎเพราะวันนี้เมฆรู้สึกเมื่อยไปทั้งตัวและยิ่งรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นอีกเมื่อนึกถึงคำพูดของชัฎก่อนหน้านี้  คนอื่นๆ นอนกันหมดแล้วเพราะวันนี้ทั้งวันคงเหนื่อยจากการขึ้นลงภู   พรุ่งนี้เช้าหลายคนคงอยากออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์และถ่ายรูปตอนเช้าๆ 

 

            แพรวานอนกระสับกระส่ายไปมาเพราะนอนไม่หลับ แผลเริ่มระบมอากาศก็หนาวขึ้นเรื่อยๆ แพรวาค่อยๆ  คลานมานั่งมองเมฆอยู่ห่างๆ เมฆเองกำลังจะหลับแต่อดห่วงแพรวาไม่ได้ตั้งใจจะลุกมาดูแพรวาอีกครั้ง เห็นแพรวานั่งมองอยู่ก็ตกใจ ก่อนจะพยักหน้าให้แพรวามาหา  แพรวารีบคลานไปหาเมฆไม่ต้องให้เรียกซ้ำครั้งที่สอง

 

             “เป็นอะไรแพร!! ทำไมไม่นอน?”  เมฆดึงแพรวาเข้ามาหาถามด้วยความเป็นห่วงมือลูบผมแพรวาท่าทีอ่อนโยน แพรวาก้มหน้านิ่งน้ำตาคลอ

 

             “แพร..นอนด้วยคนได้หรือเปล่า?” เมฆนิ่งอึ้งไปพักนึงมองด้วยความแปลกใจ

 

             “แพรเจ็บแผลเหรอ?”  เมฆถามแพรวาสั่นหน้า เมฆค่อยๆ ดึงแพรวาให้ข้ามมานอนฝั่งเคน แล้วเมฆก็ล้มตัวลงนอนตามแพรวาจับหัวทุยๆ  ของแพรวามุดเข้าไปในเสื้อกันหนาวของตัวเองที่ตัวค่อนข้างใหญ่แถมแพรวาก็ตัวเล็กนิดเดียว แพรวานอนซุกอยู่กับเมฆได้ไออุ่นจากตัวเมฆทำให้หลับไปในที่สุด  เมฆรูปร่างสูงใหญ่กว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันเพราะได้เชื้อมาจากปู่ที่เป็นคนอเมริกัน พอแพรวามานอนอยู่กับเมฆถ้าไม่สังเกตุให้ดีก็แทบจะไม่มีใครมองเห็นแพรวาเลย เมฆกอดแพรวาไว้ลูบไหล่เบาๆ    ก้มหน้าลงไปมองอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้เพราะท่าทางแพรวาดูจะหลับสบายจริงๆ คืนนี้ แต่ตัวเมฆรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ปวดเมื่อยไปหมดเพราะการที่ต้องแบกแพรวาลงเขามาไม่ใช่เรื่องเล่นๆ  แต่ในใจรู้สึกอบอุ่น..ไม่นานจะหลับไปเพราะความเพลีย 


            
                       
            เมฆตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่หลับไปเต็มตื่นรู้สึกสบายตัวขึ้นแต่รู้สึกปวดขาพอลืมตามาก็ก้มลงมองแพรวาเห็นยังหลับสนิทอยู่รู้สึกเบาใจที่เมื่อคืนตัวไมร้อนเขากลัวแทบแย่ว่าจะเป็นไข้ เมฆถอดเสื้อกันหนาวตัวนอกออกให้แพรวาคิดว่าจะลุกไปสูดอากาศข้างนอกเพราะวันนี้จะกลับกันแล้ว พอห่มเสื้อให้แพรวาเสร็จก็หันไปเห็นชัฎกับเคนกำลังมองมาที่ตัวเอง  แต่ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร เมฆหันไปมองคนอื่นๆ เห็นยังหลับกันอยู่ก็ถอนใจอย่างโล่งอกลุกมานั่งกับชัฎและเคนที่ตอนนี้ออกไปนั่งอยู่นอกเต้นท์มองดูกลุ่มคนเดินผ่านไปมาคุยกันเสียงไม่ดังมากนัก

 

            “แพร..เป็นยังงัยบ้าง” ชัฏถามทั้งที่ไม่ได้หันมามองหน้าเมฆ

 

            “ไม่เป็นอะไรแล้วเมื่อคืนไม่มีไข้”

 

            “กูถามมึงจริงๆ ตกลงมึงคิดยังงัยกับแพรกันแน่” ชัฏถามขึ้นมาอีกครั้ง เคนมองหน้าชัฏนิ่งแต่ไม่ได้พูดอะไร รอฟังเมฆที่นิ่งอึ้งไปพักนึงก่อนจะตอบ

 

            “ก็อย่างที่กูเคยบอก แพรกับกู......เป็นแค่เพื่อนกัน”  แพรวารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทันได้ยินคำถามที่ชัฎถามเมฆพอดี ก่อนจะกลั้นใจฟังคำตอบ น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาทันทีพอเมฆพูดจบ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วแต่ทำไมแพรรู้สึกปวดใจแบบนี้  แพรวาพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้ ก่อนที่จะค่อยๆ   ลุกขึ้นเดินไปหาแอนกับแก้มที่นอนอยู่อีกฝั่งหนึ่งอย่างลำบาก

 

           “แพร!!!” เสียงสามหนุ่มอุทานออกมาเกือบพร้อมๆ กัน   เมื่อหันไปเห็นแพรวา

 

          “พอดีแพร..เอ่อ.แพรกำลังจะไป…ไปหาแอนน่ะ” แพรวาหันหน้ามาฝืนยิ้มให้ชัฏกับเคนแต่ไม่ยอมสบตาเมฆค่อยๆ เดินไปล้มตัวลงนอนข้างๆ แอนน้ำตาพาลไหลออกมาแต่พยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้ใครเห็น

 

          ชัฏ เคนและเมฆหันมามองหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไร เมฆหันไปมองแพรวาอีกครั้งอย่างรู้สึกเป็นห่วงเห็นแพรวานอนหันหลังให้ก็ไม่อยากไปกวนใจเดินตามชัฎและเคนออกไปข้างนอกด้วยความรู้สึกที่ตนเองก็ไม่อาจเข้าใจ แอนตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นานปลุกแพรวากับแก้มให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างหน้าแล้วเตรียมเก็บข้าวของเพราะเดี๋ยวสายๆ ทุกคนก็ต้องเดินทางกลับบ้าน

 

            “แพรเก็บเสร็จแล้ว” แพรวาบอกแอน

 

            “แผลเป็นงัยบ้างแพร เจ็บหรือเปล่า” แอนถามด้วยความเป็นห่วง

 

            “ไม่แล้วหล่ะ ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน”

 

            “แก้ม ลุก ไปอาบน้ำได้แล้ว” แอนหันไปปลุกแก้มอีกครั้ง แก้มจึงลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจก่อนจะเอื้อมไปหยิบของใช้ส่วนตัว  แพรวาเดินออกมานอกเต้นท์โดยมีแก้มคอยพยุง แอนถือข้าวของตามมา ระหว่างทางสวนกับเมฆ ชัฎ และเคนที่กำลังเดินกลับมา ว่านกับเก้าเดินตามมารั้งท้าย เมฆเดินเข้าไปหาแพรวาถามด้วยความเป็นห่วง

 

            “ขาเป็นยังงัยบ้าง ยังปวดอยู่หรือเปล่า เดี๋ยวเมฆพาไปเอง”

 

            “ไม่ต้องหรอก แพรเดินไปเองได้ หายแล้วหล่ะ” แพรวาพูดเสียงเรียบแต่ไม่ยอมมองหน้าเมฆก่อนจะเดินหลบออกไป  แอนหันมามองหน้าเมฆที่ยืนนิ่งอยู่ก่อนจะเดินตามไปช่วยพยุงแพรวา เพราะเก้าฉุดเอาแก้มไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ว่าน เคน  ชัฎเดินเข้ามาหาเมฆ ชัฎกับเคนบีบไหล่เมฆด้วยความเห็นใจ

 

            “กูก็อยากจะเข้าใจมึงนะ แต่ที่กูดูๆ กูว่าตัวมึงเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลย ตกลงว่าถ้าเห็นเค้าเป็นแค่เพื่อนจริงๆ ก็ถอยออกมาซะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช่แค่แพรที่จะต้องเสียใจ”  ชัฏพูดก่อนจะเดินเข้าไปเก็บสัมภาระด้านในพร้อมกับเคน

 


             วันเดินทางกลับแพรวากับเมฆย้ายมานั่งรถกลับคันเดียวกับเพื่อนคนอื่น ๆ แพรวาไปนั่งกับแอน เบาะหลังสุดเป็นพวกชัฎ เคน ว่าน เมฆ  ส่วนแก้มกับเก้านั่งแถวเกียวกับแอนแต่คนละฝั่ง เมฆมองแพรวาตลอดเห็นแพรวาซึมๆ ก็รู้สึกเป็นห่วง   แพรวานอนหลับมาตลอดทางกลับบ้านไม่รู้ว่าไม่อยากมองหน้าเมฆหรืออย่างไร

 

             เมื่อรถกลับมาถึงโรงเรียนทุกคนทยอยขนของลงมา เมฆรีบลงมาก่อนเพื่อรอรับแพรวา แต่แพรวาหลบไม่ยอมมองหน้าเมฆ ขอตัวเพื่อนๆ กลับบ้านเพราะแพรวาโทรบอกให้ลูกน้องของคุณคเชนทร์มารับเพราะช่วงนี้คุณพ่อของแพรวาไปราชการทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายวัน   เมฆรับกระเป๋าจากชัฏมาแล้วรีบวิ่งตามแพรวาไป

 

             “แพร..รอก่อน”

 

             “แพร เป็นอะไร โกรธอะไรเมฆหรือเปล่า?” แพรวามองหน้าเมฆ

 

             “ไม่นี่ แพรจะโกรธเพื่อนที่แสนดีอย่างเมฆได้ยังงัยกัน” แพรวายิ้มให้เมฆเดินไปขึ้นรถกระบะตำรวจที่จอดรออยู่ เมฆมองตามแพรวาจนรถออกไปจากบริเวณโรงเรียนรู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของแพรวา  หลังจากนั้น ว่าน เคน     ชัฎก็ตามมาสมทบเพราะวันนี้ทั้งสามคนจะไปค้างบ้านเมฆเพราะไม่อยากกลับบ้านพรุ่งนี้ยังหยุดอีกวัน เก้าอาสาไปส่งแอนกับแก้มที่บ้านบอกว่าจะตามไปสมทบกับทุกคนทีหลัง


                     
            เช้าวันพุธเมฆมาโรงเรียนตามปกติพอเข้าห้องมาต้องแปลกใจเพราะเห็นเนตรดาวมานั่งอยู่ที่โต๊ะของแพรวา เนตรดาวหันมาเจอเมฆที่เพิ่งเดินถือกระเป๋าเข้ามาก็ร้องทักด้วยความยินดี

 

            “เมฆ...มาแล้วเหรอ คิดถึงจังเลย ไม่ได้เจอหน้าตั้งหลายวัน”  เมฆยิ้มในเนตรดาว

 

            “ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ เนตร”

 

            “แหม...เนตรอยากนั่งกับเมฆบ้างไม่ได้เหรอ?”   เนตรดาวบอกทำหน้าเศร้า

 

            “ไม่ใช่อย่างนั้น...เมฆแค่แปลกใจ” เมฆพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนที่จะส่ายตามองหาแพรวา  เขาเห็นหลังแพรวานั่งอยู่ตรงโต๊ะที่เนตรดาวเคยนังกำลังคุยกับเพื่อนๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่ปกติแพรวาจะไม่ค่อยได้ไปนั่งตรงนั้นบ่อยนัก เมฆขมวดคิ้วทำท่าสงสัยเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ห้องหกทับสองเดินถือถุงอะไรสักอย่างมาส่งให้แพรวา เมฆเห็นแพรวารับมาด้วยความงงๆ   ผู้หญิงคนนั้นคุยอะไรสักพักกับแพรวาแล้วเดินกลับออกไป หลังจากนั้นเพื่อนๆ กลุ่มของเนตรก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ต่างพากันชะโงกมาดูของที่อยู่ในถุงที่แพรวารับมา เอมอรดึงตุ๊กตาเท็ดดี้ออกจากถุงแล้วเสียงกรี๊ดก็ดังมาจากกลุ่มนั้น  เมฆเห็นเอมอรจะเอาตุ๊กตาเท็ดดี้มายื่นใส่หน้าของแพร  แพรวารีบคว้าตุ๊กตาเก็บเข้าถุงแล้วยิ้มเขินๆ ท่าทางน่ารักแต่เมฆรู้สึกไม่ชอบรอยยิ้มของแพรวาแบบนี้เลย ไม่รู้ทำไม เอมอรดึงซองคล้ายๆ จดหมายออกมาเพื่อนๆ   ที่นั่งอยู่ด้วยกันต่างเอาหัวสุมกันอ่าน แอนกับแก้มรีบเดินไปหาแพรวาแล้วคุยกันอยู่ซักพักก่อนชำเลืองมองมาทางเมฆ  เห็นเมฆจ้องมองแพรวาอยู่ก็หันมายิ้มให้กันเดินจูงมือแพรวาและแก้มออกไปเข้าแถวเพราะไอ้ยินเสียงออดดังพอดี

 

           “นั่นพวกนั้นทำอะไรกันน่ะ?” เนตรดาวถามเมฆที่นั่งมองเพื่อนๆ  ของเธอ เมฆไม่ได้ตอบแต่ชวนเนตรดาวลุกไปเข้าแถวตามคนอื่นๆ ไป  ชัฎเดินมากอดคอเมฆตามด้วยเคน

 

           “นึกยังงัยมานั่งตรงนี้ล่ะ เนตร” เคนเอ่ยปากถามเนตรดาวขณะที่กำลังเดินออกมา 

 

           “พอดีแพรมาถามว่าอยากจะเปลี่ยนที่นั่งกับแพรหรือเปล่า...เนตรกำลังคิดถึงเมฆเพราะไม่ได้เจอหลายวันก็เลยบอกโอเค เมฆไม่ชอบใจเหรอ เนตรกลับไปนั่งที่เดิมก็ได้นะ”  เนตรดาวบอกเคนแต่สายตามองไปที่เมฆที่เดินเงียบออกมาไม่ได้พูดอะไร

 

           “ไม่มีอะไร เนตรก็นั่งได้…ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”  เมฆตอบสีหน้าเรียบสนิท เนตรดาวเกาะแขนเมฆด้วยความดีใจ     แต่เมฆพยายามแกะออกอย่างนุ่มนวลแล้วยิ้มให้เนตร เนตรอึ้งไปนิดนึง แต่เมื่อเห็นเมฆยิ้มให้ก็ดีใจแต่ทำไมเนตรดาวรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นช่างดูเศร้านัก    ระหว่างที่นักเรียนกำลังทยอยเดินมาเข้าแถว เมฆเห็นนาวินที่อยู่ห้องหกทับสองเดินเข้ามาหาแพรวาด้วยท่าทางเขินๆ พูดคุยอะไรกับแพรวาสักอย่างเพื่อนๆ   เดินหลบกันออกมารวมทั้งแอนกับแก้มด้วยเพื่อนผู้หญิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชัฎสังเกตถึงความผิดปกติตั้งแต่แพรวาขอย้ายไปนั่งกับเอมอรแล้วแต่ไม่ได้พูดอะไร แพรวายิ้มตอบนาวินขณะพูดคุยด้วย    ก่อนที่นาวินจะเดินกลับไปที่แถวของตัวเอง เพื่อนๆ  นาวินตบไหล่หลอกล้ออย่างสนุกสนานส่วนนาวินก็ยิ้มด้วยท่าทางเขินๆ

 

            “แพร!...แพร!”  เมฆรีบเดินเข้ามาหาแพรวาหลังจากที่นักเรียนแยกย้ายกันกลับเข้าห้องเห็นแพรวากำลังเดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับแอนและแก้ม    แพรวาหยุดเดินหันมายิ้มให้เมฆพยายามไม่แสดงความรู้สึกอะไร

 

            “ทำไมย้ายไปนั่งกับเอม”  เมฆดึงมือแพรวาถามด้วยน้ำเสียงออกจะหงุดหงิด แพรพยายามดึงมือออกอย่างนุ่มนวล  หันไปมองแก้มกับแอนที่ยิ้มให้แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำก่อน

 

            “ไม่มีอะไรนี่...แพรนั่งกับเมฆตั้งหลายปีเบื่อแล้ว เปลี่ยนไปนั่งกับคนอื่นบ้างก็ดีเหมือนกัน เมฆจะได้นั่งกับเนตรดาวด้วยงัย แพรจะได้ไม่ต้องเกะกะ” แพรวาบอกสีหน้าเรียบเฉย  พอเมฆเห็นแล้วรู้สึกเจ็บแป๊บในใจสายตาแบบนี้เมฆไม่เคยเห็นมันห่างเหินเกินไป

 

             “ทำไม!! แพรโกรธอะไรเมฆ?”

 

             “ก็บอกว่าไม่มีอะไร...ห่างๆ  กันบ้างก็ดีอยู่กับเมฆทุกวันแพรรู้สึกเบื่อ” แพรวาบอกไม่ยอมสบตาเมฆที่จ้องมองอย่างไม่ค่อยพอใจ   แพรวารีบเดินหนีออกไปเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงเมฆตะโกนตามหลัง

 

             “แพรทำแบบนี้...ทำไม!!!”   เสียงตะโกนของเมฆทำให้ชัฏกับเคนที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำชายชะงักหันไปมองแพรวายกมือป้ายน้ำตาทีกำลังรินไหล...เพิ่งจะรู้ว่ารักมันก็สายเสียแล้ว...

 

            “มึงดู…แล้วมันบอกว่าแพรเป็นเค่เพื่อน กูเชื่อก็ต้องกินหญ้าแล้ว...มึงว่ามั๊ย!” เคนหันไปพูดกับชัฏ

 

            “มันคงยังสับสนมั๊ง!!..เพราะมันคบกับแพรมานานจนแยกไม่ออกว่าเพื่อนกับแฟนมันต่างกันยังงัย”  ชัฏบอกมองเมฆที่เดินไปชกกำแพงอย่างอัดอั้นตันใจก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น

 

            “มือหักแน่ไอ้เชี่ยนี่..แล้วมึงละ” เคนมองเมฆ หันมาถามชัฏ

 

            “กูทำไม?”

 

            “ก็สับสนเหมือนมันงัย..จะให้กูบรรยายให้ละเอียดเลยมั๊ย  ถึงกูอ่านใจคนอื่นไม่ได้ แต่กับมึงขอบอกว่ากูดูทะลุไปถึงใส้ติ่งเลยหละ”  เคนพูดด้วยความหมั่นไส้

 

            “จะทำอะไรได้..มึงก็รู้ว่าไอ้เมฆมันชอบแพร" ชัฏบอกแววตาดูเศร้าแกล้งเงยหน้ามาถามเคน "คงไม่ใช่แค่ชอบด้วย กูไม่ชอบแย่งของๆ ใคร แล้วมึงล่ะอย่าบอกนะ ว่ามึงก็ชอบแพรเหมือนกัน"


             
            "พูดก็พูดเหอะ จริงๆ แพรก็น่ารัก ไม่แปลกที่พวกมึงจะชอบแพร” เคนบอก

 

            “อย่าบอกนะว่า...”

 

            “ชอบ แต่กูชอบแบบเพื่อน กูไม่ชอบรักสามเศร้าหรือต้องมาแตกคอกันเพราะผู้หญิง ไปกันเหอะป่านนี้ไอ้เชี่ยนั่นหายคลั่งแล้วมั๊ง” เคนบอกเดินกอดคอชัฏแหย่กันไปตลอดทางจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหัวเราะขำ    พอเดินเข้ามาในห้องเห็นเมฆนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเอง  มีเนตรดาวนั่งคุยกับเมฆใบหน้าเปื้อนยิ้ม เคนเห็นแล้วก็อดสงสารคนทั้งคู่ไม่ได้หันไปมองหน้าชัฏที่ยักไหล่ประมาณว่า ..ทำงัยได้... สองคนนั่งลงได้ไม่นานอาจารย์ก็เข้ามาสอนทุกคนจึงหันมาฟังอาจารย์ เมฆแอบมองแพรวาเป็นระยะเห็นแพรวาไม่คิดแม้แต่จะชายตามามองตัวเองก็รู้สึกไม่พอใจ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา