รักฉันนั้น...เพื่อเธอ

-

เขียนโดย Topazio

วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.10 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  14.11K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 เมษายน พ.ศ. 2556 20.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) เพื่อนกันฉันและเธอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          

http://www.keedkean.com  http://www.keedkean.com

          

            สายหมอกยามเช้าได้ก่อตัวเป็นม่านหนาทึบที่ทำให้ใครๆ เห็นแล้วอดที่จะรู้สึกสดชื่นกับกลิ่นอายธรรมชาติที่แสนจะบริสุทธิ์ของเมืองเชียงใหม่ในเวลานี้ไม่ได้ ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามบนเนินเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของโรงเรียนสหศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าทำให้ม่านธรรมชาติที่มองเห็นเริ่มบางตาลงจนสามารถเห็นตัวอาคารเรียนสูงตระหง่านตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกรับกับแสงของดวงอาทิตย์ รถตู้หลายคันจอดเรียงรายกันอยู่ใกล้สนามบาสเกตบอลซึ่งเป็นจุดนัดพบของนักเรียนที่จะมารวมตัวกันของชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นักเรียนต่างทยอยเดินทางกันมาที่จุดนัดพบเพื่อขึ้นรถตู้ที่มาจอดรอตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เสียงนักเรียนดังเจื้อยแจ้วเหมือนนกกระจอกแตกรังเพราะต่างดีใจที่จะได้เดินทางไปภูกระดึงซึ่งเป็นในสถานที่ท่องเทียวในฝันของใครหลายๆ คน 

 

          “ขยับไปหน่อยได้มั๊ย...นั่งแบบนี้แล้วเมฆจะนั่งได้ยังงัย”

 

          “เมฆก็ไปนั่งที่อื่นซิ แพรจะนั่งกับแอน” เสียงเด็กหนุ่มสาวสองคนกำลังเถียงกันระหว่างหาที่นั่งในรถ

 

          “ไม่เอา แอนไปนั่งกับแก้มแล้ว เมฆจะนั่งกับแพรตรงนี้” เมฆบอกแพรวาขยับเข้าไปชิดด้านในหันมาถามเด็กหนุ่มด้วยความสงสัย

 

          “แล้วคนอื่นยังไม่มากันอีกเหรอ เมฆ?”

 

          “นั่งคันหลังแล้ว พวกนั้นมากันแต่เช้าเลยสงสัยจะตื่นเต้น” เมฆบอก เมฆกับแพรวาเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เริ่มเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ แพรวาย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่พร้อมกับพ่อที่มารับราชการเป็นนายตำรวจใหญ่อยู่ที่เชียงดาว แม่ของแพรวาเสียชีวิตไปหลังจากคลอดแพรวาได้ไม่ถึงเดือนเพราะเกิดโรคแทรกซ้อนสมัยนั้นโรงพยาบาลต่างจังหวัดยังไม่ค่อยเจริญ แพรวาเลยอยู่กับพ่อสองคนมีป้าสำอางซึ่งเป็นคนเก่าแก่ของคุณย่าคือท่านผู้หญิงพรรณราย สุรนารถเตโชมาช่วยดูแลเรื่องงานบ้านให้สองพ่อลูก คุณคเชนทร์ สุรนารถเตโช คุณพ่อของแพรวาเป็นนายตำรวจตงฉินท่านค่อนข้างเป็นคนสมถะ พื้นเพของครอบครัวแพรวาเป็นคนกรุงเทพฯ คุณปู่คุณย่าเป็นคนมีฐานะดีเพราะเป็นลูกหลานเจ้านายในสมัยก่อนและมีลูกชายเพียงคนเดียว

 

           เสียงนักเรียนในรถต่างพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ไปเข้าค่ายที่ภูกระดึง ว่ากันว่า..หากต้องการพิสูจน์รักแท้ให้พาคนที่เรารักมาเที่ยวที่ภูกระดึง เพราะหนทางค่อนข้างลำบากและทางขึ้นภูสูงชันอากาศก็หนาวเย็น หากไม่รักกันจริงอาจถึงขั้นต้องเซย์กู๊ดบาย..เรื่องนี้คู่รักคงต้องไปพิสูจน์กันเอาเอง ปีนี้เป็นปีแรกที่ทางชมรมฯ จัดให้นักเรียนได้ไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายคืน กลุ่มของแพรวามีเพื่อนสนิทที่อยู่ชมรมเดียวกันและมาเข้าค่ายครั้งนี้ทั้งหมดเจ็ดคน คือ เมฆ ชัฎ เคน ว่าน แอน แก้มและเก้าทั้งหมดเรียนห้องเดียวกันคือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สายวิทย์-คณิต เพื่อนๆ แพรวาหลายคนในกลุ่มได้เป็นตัวแทนนักเรียนไปแข่งขันด้านวิชาการและกีฬา อย่างเมฆได้เหรียญทองซีเกมส์จากการแข่งขันว่ายน้ำทำให้ทางโรงเรียนได้ภาคภูมิใจ ชัฎเป็นตัวแทนนักเรียนไปแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกได้เหรียญทองกลับมาสร้างชื่อเสียงให้กับทางโรงเรียนเป็นอย่างมาก

 

            รถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากโรงเรียนมุ่งสู่จังหวัดลำปาง ก่อนที่จะมุ่งสู่จังหวัดอุตรดิษฐ์และแพร่เพื่อเข้าสู่อำเภอน้ำหนาว บรรยากาศริมทางที่รถแล่นผ่านมีต้นไม้เขียวขจีหมอกบางตาลงเพราะแสงอาทิตย์เริ่มส่องทะลุผืนฟ้าลงมา เมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวอากาศที่เชียงใหม่บางปีค่อนข้างเย็นจัดโดยเฉพาะปีนี้บนยอดภูมีอุณหภูมิติดลบทำให้สามารถพบเห็นแม่คะนิ้งอยู่เต็มสองข้างทาง

 

           “แพรไม่หนาวหรืองัย ทำไมใส่เสื้อบางอย่างนี้!” เมฆถามเสียงดุก้มลงมองเสื้อที่แพรวาใส่เป็นเสื้อแขนสั้นสีขาวสกรีนภาพธรรมชาติสวยน่ารัก แต่มันไม่เหมาะกับอากาศของวันนี้เอาเสียเลย

 

           “ไม่หรอก แพรว่าอากาศกำลังเย็นสบายแต่ถ้าออกไปนอกรถก็ไม่แน่เหมือนกัน แพรมีเสื้อแขนยาวมาอีกตัวนึง” แพรวาบอกเมฆขณะที่มือก็จดอะไรอยู่เป็นนานสองนานทำให้เมฆอดที่จะถามไม่ได้

 

           “แพรจดอะไร? เมฆเห็นแพรนั่งจดตั้งแต่ออกมาจากโรงเรียนแล้ว”เมฆถามแพรวาอีกครั้ง

 

           “อ๋อ..จดบันทึกน่ะ เมื่อคืนกะว่าจะเขียนซักหน่อยแต่ทำรายงานจนดึกเลยง่วงต้องเอามาเขียนวันนี้แทน ใกล้เสร็จแล้วหละ...อ่ะเสร็จพอดี” แพรวาบอกเมฆขณะที่มือกำลังพับไดอารี่เล่มสวยใส่กระเป๋าเป้ เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยท่าทางเพลียๆ

 

          “เฮ้อ....สงสัยแพรจะเมารถการเขียนหนังสือในรถนี่มันช่างเวียนหัวดีจริงๆ” แพรวาพูดพร้อมกับบิดขี้เกียจนิดนึงก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องที่สงสัยเพราะเห็นเมฆย้ายมาอยู่ชมรมฯ นี้

 

          “เมฆ...ทำไมเมฆย้ายชมรม อยู่บาสฯ ก็ดีอยู่แล้ว?” แพรวาถามตาเริ่มปลอยๆ เอามือปิดปากหาวไปด้วย เมฆเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะด้วยความเอ็นดูแพรวาเหมือนเด็กนึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่เคยคิดห่วงภาพลักษณ์ตัวเองเลย ถ้าเป็นสาวๆ คนอื่นๆ ที่เมฆเห็นนะเวลาอยู่ต่อหน้าเมฆอะไรที่ทำแล้วไม่งาม..เมฆจะไม่มีทางได้เห็นเด็ดขาด แต่แพรวาไม่ใช่...

 

         “ไม่หล่ะ เทอมสุดท้ายแล้วขี้เกียจเมฆคิดว่าจะสละสิทธิ์ที่จะไปแข่งขันที่จังหวัดเดือนหน้าด้วย”

 

          “อ้าว!..ทำไมละ เท่จะตาย สาวๆ กรี๊ดกันจนแพรยังอดหมั่นไส้ไม่ได้เลย ยังงี้เมฆก็เสียดายแย่ซิ อุตส่าห์ไปหว่านเสน่ห์ไว้ตั้งเกือบสามปี” แพรวาเหมือนไม่อยากเชื่ออดสงสัยไม่ได้เพราะเห็นหนุ่มๆ ชอบไปเข้าชมรมบาสฯ กันเพราะมีสาวๆ ไปเกาะขอบสนามเชียร์กันเสียงดังสนั่น

 

          “ถึงเมฆไม่อยู่ชมรมบาสฯ แพรไม่ต้องกล้วว่าเมฆจะเสน่ห์ลดน้อยลงหรอกแพร ง่วงรึงัย" เมฆถามเพราะเห็นแพรวาอ้าปากหาวหลายครั้งแล้วก่อนจะพูดต่อ "ถ้าง่วงแพรก็นอนไปก่อนเถอะ ใกล้ถึงแล้วเมฆจะปลุกเอง” เมฆบอกน้ำเสียงแสดงถึงความห่วงใยเอามือควานหาสายเสียบหูฟัง MP4 ในกระเป๋าเป้มาเสียบหูฟังข้างหนึ่งไว้ที่หูข้างขวาของตัวเองแล้วปรับพนักพิงให้เอนลงส่งหูฟังอีกข้างให้แพรวา เมฆเอาศีรษะพิงกับเก้าอี้กอดอกหลับตาลงเพราะรู้สึกเพลียอยากพักสายตาสักหน่อยะเมื่อคืนอยู่อ่านหนังสือจนดึก แพรวารับหูฟังมาแล้วเอ่ยบอกขอบใจเอียงศีรษะพิงไหล่เมฆมือสอดเข้าไปกอดแขนเมฆหลับตาลง เมฆลืมตาขึ้นมาขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย

 

          “เป็นอะไร หนาวเหรอ เห็นมั๊ย พูดยังไม่ทันไรเลย” เมฆบ่นท่าทางแบบนี้มีแผนพลางส่ายหน้าแล้วถอดเสื้อของตัวเองออกมาห่มให้แพรวา แพรวาแหงนหน้ามองเมฆนิดนึงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มุดหน้าลงไปซบลงข้างแขนกอดกระชับแน่น เมฆก้มลงมามองด้วยสายตาอ่อนโยน รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏบนใบหน้าเมื่อเห็นแพรวาตอนแรกก็แค่กอดเขนเขาแต่พอผ่านไปยังไม่ถึงสิบนาทีตอนนี้หัวพาดลงมาที่ตักเขาเรียบร้อยแล้วท่าทางดูมีความสุขเสียจริง เมฆเอื้อมมือไปจับไหล่แพรวาลูบเบาๆ หลับตาลงนึกถึงเรื่องราวของเขากับแพรวาในช่วงสามปีที่ผ่านมา... เมฆพบแพรวาครั้งแรกในวันเปิดเรียนวันแรกวันนั้นนักเรียนในชั้นต่างมาถึงโรงเรียนกันแต่เช้าเพื่อมาจับจองที่นั่งเมฆนั่งอยู่เกือบหลังสุดริมหน้าต่าง เขาเห็นแพรวาเดินหน้าตาตื่นเข้ามาแล้วมองหาที่นั่งแต่ปรากฎว่าที่นั่งด้านหน้าเต็มหมดแล้ว แพรวาเลยมองมาข้างหลังเห็นที่นั่งตรงที่เขานั่งว่างอยู่ แพรวาค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขา เมฆสังเกตเห็นนักเรียนชายในห้องเขาหลายคนพากันจ้องมองแพรวาอย่างสนอกสนใจ รวมทั้งไอ้คนตัวผอมสูงสองคนที่นั่งถัดไปจากเขาด้วย เมฆรู้สึกไม่ถูกชะตาไอ้สองคนนี้เอาซะเลย แพรวาเองท่าทางจะรู้ตัวเพราะทำหน้าไม่ถูกถามเขาอย่างกล้าๆ กล้วๆ...มีใครนั่งหรือยัง?...ไม่มีนั่งได้.. เมฆบอกแพรวายิ้มให้เขาแล้วบอกขอบใจ หลังจากนั้นเมฆกับแพรวาก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเพราะแพรวาเพิ่งย้ายเข้ามาเลยไม่รู้จักใครเลยติดเขาเป็นปลาท่องโก๋ แต่ตอนหลังเมฆคิดว่าแพรวาไม่ได้ติดเมฆหรอกแต่เป็นตัวเมฆเองต่างหากที่เป็นฝ่ายเกาะติดแพรวาเพราะเมฆเองก็เพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่เหมือนกันแล้วก็ยังไม่รู้จักใครเพราะฉะนั้นแพรวาก็เลยเป็นเพื่อนคนแรกของเมฆเหมือนกัน

 

           เมฆชอบธรรมชาติของเมืองเชียงใหม่เขาคิดว่าอยากมาอยู่ที่นี่สักพัก พ่อเมฆแต่งงานใหม่กับคุณจรัสศรีซึ่งเป็นเศรษฐีนีที่เชียงใหม่และรู้จักกับพ่อของเมฆเมื่อห้าปีก่อนตอนที่พ่อของเมฆเลิกกับแม่แล้วย้ายมาทำธุรกิจที่เชียงใหม่ เมฆมีน้องชายต่างมารดาชื่อเมฆาที่เกิดกับคุณจรัสศรี แต่ไม่ค่อยสนิทกับเมฆ แม่ของเมฆเองค่อนข้างฐานะดีและเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณตาคุณยายที่ทิ้งมรดกไว้ให้มหาศาล ทำให้แม่ของเมฆเป็นคนค่อนช้างเอาแต่ใจตัวเองเพราะเคยถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ ตอนที่เมฆย้ายมาเรียนที่นี่ เมฆดูออกว่าแม่ไม่อยากให้มา แต่ไม่มีเวลาดูแลเมฆเพราะแม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศค่อนข้างบ่อย นมนิ่มก็ตามมาอยู่กับคุณพ่อเพราะเป็นญาติห่างๆ ของแม่ แม่จึงยอมให้เมฆมาอยู่กับพ่อ เชียงใหม่กับกรุงเทพฯ ไม่ได้ไกลอะไรมากมาย..นั่งเครื่องชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว อีกอย่างเมฆก็กลับกรุงเทพฯ บ่อย แม่เลยไม่ว่าอะไร ทุกวันนี้เมฆคิดเสมอว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเขาคือการที่เขาได้รู้จักกับแพรวา แพรวาน่ารักสดใสและช่างอ้อน เวลาเมฆอยู่กับแพรวาจะรู้สึกสบายใจถึงแม้บางครั้งแพรวาจะขี้งอนบ้างก็ตามแต่เมฆก็ชอบ แพรวาสนิทกับเมฆมากที่สุดเพราะเมฆเคยไปค้างที่บ้านแพรวาหลายครั้งเวลาคุณพ่อของแพรวาต้องไปราชการต่างจังหวัดหลายๆ วัน ท่านจะโทรมาบอกให้เขาขอนุญาตพ่อไปค้างเป็นเพื่อนแพรวากับป้าสำอางที่บ้านเพราะที่บ้านมีแต่ผู้หญิง เมฆนั่งคิดถึงอดีตที่ผ่านมาก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งโดยมีแพรวานอนซุกตัวตัวอยู่ข้างๆ ท่าทางมีความสุข หลังจากนั้นไม่นานบรรยากาศในรถก็เงียบลงจนกระทั่งเข้าสู่จังหวัดอุตรดิษฐ์ คนที่นอนอย่างสุขสบายมาหลายชั่วโมงก็ร้องขึ้นเสียงดัง

 

          “โอ๊ย..เมื่อยจังเลยอ่ะ” เมฆที่เพิ่งจะหลับไปได้ไม่นานสะดุ้งขึ้นมา

 

          "เต็มอิ่มแล้วหรืองัย เมฆว่าใกล้ๆ ถึงจะปลุกแพร” เมฆพูดพลางเอื้อมมือมาลูบผมที่ยุ่งๆ ให้แพรวา

 

          “อึมม..ถึงไหนแล้วเนี่ย?” แพรวาถามท่าทางยังงัวเงียมือบีบคอตัวเองไปด้วยหาวไปด้วย

 

          “อีกครึ่งชั่วโมงเมฆคิดว่าคงถึงที่พัก เป็นอะไรปวดคอเหรอ ไหนเมฆดูซิ” เมฆพูดพลางเอามือกดต้นคอนวดให้แพรวาท่าทีอ่อนโยน ไม่ได้สังเกตว่านักเรียนในรถแอบมองแล้วพากันอมยิ้ม

 

          “อืม...แพรยังมรึนอยู่เลย เมื่อคืนกว่าจะทำรายงานอาจารย์มะลิเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบตี 2 แน่ะ” แพรวาบ่นกระปอดประแปด

 

           “สมน้ำหน้า กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง” เมฆบอกเสียงเรียบๆ.. เขาเคยเตือนแพรวาหลายครั้งแล้วให้รีบทำรายงานจนตอนนี้เขาเองก็ลืมไปเลยเพราะนึกว่าแพรวาส่งไปแล้วเล่นจนวันสุดท้ายก็เลยต้องเป็นอย่างที่เห็น

 

           “ทำไมเมฆต้องสมน้ำหน้าแพรด้วย!” แพรวาพอได้ยินเมฆพูดแบบนั้นก็เริ่มออกอาการรวนเพราะตอนแรกคิดแค่จะเรียกร้องความสนใจ แต่พอเมฆไม่เข้าข้างก็เลยเริ่มออกอาการ ง-อ-น

 

           “อ้าว!...คนขี้เกียจก็ต้องชดใช้กรรมงัย” เมฆยังเล่นไม่เลิกไม่ยอมเข้าข้างแพรวาเหมือนเคย

 

           “ไอ้บ้านี่! ไม่ต้องมาทำพูดดีเลย..เออ! แพรไม่ขยันเหมือนเมฆนี่..นี่แน่ะสมน้ำหน้าเหรอ!!” แพรวาพูดยังไม่ทันจบก็เอามือทุบหลังเมฆไปทีนึงเสียงดังอั๊กก.. อั๊กกก..กร๊อด…

 

           ”เจ็บนะ...แพร!” เมฆพูดพร้อมกับหันมาจับมือแพรวาไว้แน่น

 

          “ก็เมฆมาสมน้ำหน้าแพรก่อนทำไมล่ะ!” แพรวาเถียงนอกจากไม่รู้ว่าตัวเองผิดแล้วยังเริ่มพูดไม่รู้เรื่องอีก

 

           “ก็เมฆบอกให้แพรรีบทำตั้งนานแล้ว..แพรก็บอก.เดี๋ยว เดี๋ยวอยู่นั่นแหละ แล้วเป็นงัยรู้สึกหรือยังตอนนี้?” เมฆจับมือแพรวาไม่ยอมปล่อยแพรวาพยายามบิดมือออก เมฆก็กำแน่นขึ้นอีกจนแพรวาน้ำตาคลอเบ้าพอเมฆคลายมือออก แพรวาก็สะบัดมือออกดึงหูฟังปาใส่เมฆหันหน้าหนีมองไปนอกหน้าต่าง เมฆหยิบหูฟังขึ้นมามองแพรวาอย่างไม่ค่อยชอบใจ

 

           “นี่!....แพร.....แพร”

 

           “………”

 

            “แพร....เมฆล้อเล่นน่ะ”

 

            “……….”

 

            “จะไม่พูดใช่มั๊ย.....แพรวา!!!”

 

            “………..”

 

            “ไม่อยากพูด…ก็ไม่ต้องพูด…เมฆไม่ง้อแล้วนะเคยตัวจริงๆ เลยแพรนี่!” เมฆบ่น คนมีใจอยู่นิดเดียวเอามือป้ายน้ำตาที่เอ่อคลอไม่ยอมหันมามอง เมฆเห็นแล้วใจอ่อนยวบ

 

          รถวิ่งมาจอดปั๊มน้ำมันในอำเภอภูกระดึง นักเรียนต่างลงไปทำธุระส่วนตัวและซื้อของอาจารย์คมกฤษที่ปรึกษาชมรมและอาจารย์ประจำชั้นบอกว่าอีกสิบหน้าให้รีบกลับมาขึ้นรถเพราะกลัวว่าจะค่ำเสียก่อนที่จะถึงภูกระดึง

 

           “เมฆหลีกทางหน่อย....แพรจะไปเข้าห้องน้ำ!” แพรวาบอกเมฆหลังจากนิ่งเงียบมานาน

 

           “นึกว่าเป็นใบ้ซะอีก” เมฆพูดด้วยความหมั่นไส้

 

           “นี่แน่ะ..!.” แพรวายังเคืองเมฆอยู่เลยใช้เท้าเหยียบเท้าเมฆที่ยื่นออกมา เมฆชักเท้ากลับไม่ทันเลยโดยเหยียบแบบเต็มๆ

 

           “โอ๊ย! เจ็บนะ... ยัยบ้านี่ชอบใช้กำลัง” เมฆพูดกระโดดเหย็งลุกขึ้นเดินตามหลังแพรวาออกไปทำธุระส่วนตัวเหมือนกันมองแพรวาที่เดินจ้ำอ้าวไปห้องน้ำหญิง

 

           “แพร แพร รอด้วย” เสียงแอนตะโกนตามมาข้างหลัง

 

           “อ้าว! แอน แอนนั่งตรงไหนอ่ะ แพรไม่เห็นเลย”

 

           “แอนอีกคัน โน่นคันนั้นน่ะ” แอนพูดจบก็ชี้ไปที่รถตู้อีกคันที่จอดต่อท้ายออกไป

 

           “แอนนั่งกับแก้มตอนแรกแอนจะไปเรียกแพรแล้วแต่พอดีแก้มมันงอนเก้าเลยมาขอนั่งด้วยแล้วเมฆเดินมาพอดีเลยบอกจะไปนั่งกับแพรเอง”

 

           “อ๋อ เหรอ..รถคันของแอนเต็มหรือเปล่า..แล้วคนอื่นๆ ล่ะ” แพรวาถามขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ 

 

            “ไม่เต็มหรอกรถแอนเป็นคันสุดท้ายที่ออกจากโรงเรียนเพราะรอเก็บตก แพรถามทำไมเหรอ”

 

            “ดีจังเลย ทำไมเมฆบอกที่นั่งเต็ม งั้นขอแพรนั่งด้วยซิ”

 

            “อ้าว..แล้วเมฆละ ก็เมฆนั่งกับแพรนี่”

 

            “ช่างเหอะ” แพรวาบอกแอนแอนยิ้มสงสัยงอนกันเลยไม่ได้ถามอะไรอีก พากันเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เมฆมองตามแพรวาตั้งแต่ลงจากรถแล้วพลางคิดงอนแบบนี้แล้ววันนี้จะได้คุยกันมั๊ยเนี่ย...ระหว่างที่กำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ

 

            “พี่คะ...คือพี่มีแฟนหรือยังค่ะ” เมฆหันมามองขมวดคิ้วมองหน้าสาวน้อยน่ารักสองคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาพยายามนึกอยู่ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน “อ๋อ! น้องนั่นเองพี่เคยเห็นเราที่ขอบสนามบ่อยๆ ขอบใจนะที่ไปเชียร์..พี่มีแฟนแล้ว จะมาของความรักรึงัย สงสัยจะยาก” เมฆบอกหัวเราะขยิบตายิ้มให้สองสาวอย่างขี้เล่น

 

            “ใช่ผู้หญิงที่พี่นั่งด้วยหรือเปล่าค่ะ?”

 

           “อึมมมม” เมฆไม่ได้ตอบแต่ส่งยิ้มให้ไปให้เด็กสาวทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน เอ่ยขอตัวเดินจากมาปล่อยให้สองสาวมองตามอย่างน่าสงสาร ขณะที่เมฆกำลังเดินคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น

 

          “โอ๊ย!...ไอ้..” เมฆกำลังจะหันไปด่า

 

          “เสน่ห์แรงนะมึง ขนาดมายังงี้ยังมีสาวมาขอความรัก...เหม่อห่าอะไรวะ! กูเรียกตั้งนานเสือกไม่ได้ยิน” ชัฏบอกกอดคอเมฆ เมฆยิ้มไม่ได้พูดอะไรพากันเดินไปเข้าห้องน้ำ เมฆแยกกับชัฏหลังจากออกจากห้องน้ำพากันขึ้นรถ ขมวดคิ้วสงสัยเพราะยังไม่เห็นแพรวากลับขึ้นมา ได้ยินเสียงอาจารย์คมกฤษบอกนักเรียนในรถ

 

          “นักเรียนถ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบขึ้นรถเลย ช่วยครูดูเพื่อนข้างๆ ด้วยว่ามากันครบหรือยัง”

 

          “ยังครับอาจารย์...แพรวายังไม่กลับมาครับอาจารย์”

 

          “แพรวาไปนั่งรถคันหลังค่ะอาจารย์ฝากให้หนูบอกอาจารย์”เพื่อนคนที่นั่งด้านหน้าบอกเมฆหันมามองทำหน้างง

 

          “งั้น.. ครบแล้วนะ ใครยังไม่มาอีก” อาจารย์คมกฤษถามนักเรียนอีกครั้ง เมื่อนักเรียนครบแล้วรถตู้ทั้งสี่คันจึงเคลื่อนออกจากปั๊มน้ำมันสู่จุดหมายปลายทาง

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา