Eve in Mystery book อีฟกับหนังสือแห่งความลึกลับ

8.0

เขียนโดย ShineLove

วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.53 น.

  28 บทตอน
  54 วิจารณ์
  40.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) เงื่อนงำแห่งหน้ากากจอมปลอม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ



26

เงื่อนงำแห่งหน้ากากจอมปลอม

 

          หลังจากที่อีฟกับอลิซหาทางออกได้ อีฟก็ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเธอ

จนในที่สุดก็ได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ ในขณะที่เพื่อนทั้งสี่ ต่างก็เผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่

คาดคิด

          
          แอนโทนี่และโซเฟียกำลังหาทางช่วยเหลือบลูมกับเฮ็ดวิก ซึ่งถูกจับกุมไว้ ด้วยความ

พยายาม แผ่นโน้ตและข้อความปริศนาที่อยู่บนปืน? รวมไปถึงบุคคลผู้มีแววตาสีแดง เขาคนนั้น

คือใคร? และต้องการอะไร? อีกไม่นานเท่านั้น..

          
          “ทนไม่ไหวแล้ว เราต้องช่วยสองคนนั้น” แอนโทนี่ซึ่งกำลังคอยแอบมองอยู่ที่ประตู

กระแทกออกอย่างแรง “ยัยแก่! แกจับเพื่อนฉันมาทำไม! แกต้องการอะไร?”  

          
          แอนโทนี่ตะโกนด้วยน้ำเสียงด้วยความโกรธ ยายแก่ผู้สวมชุดคลุมสีดำ ละจากสิ่งที่ทำอยู่

หันมามองแอนโทนี่ด้วยสายตาเย็นชาและน้ำเสียงอันเรียบ “ว่าไงเจ้าหนู อย่างพึ่งใจร้อนสิ มากิน

อะไรเย็นๆด้วยกันก่อน”  

          
          “ไม่เอา ไอ่ยายแก่สกปรก!” เขาตะโกนด่าพลางยกปืนขึ้นมา ในขณะที่โซเฟียเดินเข้ามา

อย่างใจเย็น “ถ้าไม่ปล่อยตัวสองคนนั้น ฉันจะยิงแก!”

           
          “อ้าวมากันตั้งสองคนเลยเหรอนี่?.. หัดใจเย็นเหมือนเพื่อนของเธอบ้างสิ หึหึ รู้ไหมมาขู่

คนแก่อย่างฉันแบบนี้ ข้าคงทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก”  ยายแก่ฉีกยิ้มอย่างน่ากลัว พลางมองเขา

ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

         
          “โกหกค่ะ” โซเฟียขานตอบอย่างสุภาพ

          
          “หึหึ! พวกเจ้านี่มันดื้อจริงๆเลย แทนที่จะเข้ามานั่งกินอะไรเย็นๆแก้เหนื่อย กับต้องมา

เอะอะโวยวายอะไรแบบนี้..” แม่มดในชุดสีดำหยุดพูดสักพัก ทำให้สถานการณ์เริ่มดูหดหู่ลง

          
          “ไม่มารยาท! แกมันพวกเด็กโง่!!” แม่มดตนนั้นตะคอกอย่างโมโห แล้วชี้นิ้วปล่อยพลัง

ไฟฟ้าสีม่วงออกไป แต่ทั้งสองหลบทัน จึงไปโดนผนังกำแพงแทน

          
          “ตูม!!”  เสียงระเบิดของกำแพงดังสนั่น สองคนพยายามเบี่ยงตัวหลบ

          
          “ตูม!!”

          
          “ตูม!!!!!”

      
          ยายแม่มดตนนั้นเริ่มดูราวกับคนบ้าคลั่ง หล่อนหัวเราะเสียงดังและปล่อยพลังไม่หยุด

หล่อนเบิกตาโต ทำให้เห็นสีแดงเป็นเส้นๆของตาอย่างชัดเจน  แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

อำมหิต

          
          “ฮ่าๆๆ! พวกแกมันก็แค่หนูเกะกะ ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” หล่อนพูดดูถูกด้วยน้ำเสียงสูง

          
          “เจอนี่หน่อยเป็นไง!!” แอนโทนี่คว้าปืนยิงไปที่หล่อน “ชิ้ว!!”

          
          แม่มดหลบแอนโทนี่อย่างรวดเร็วราวกับไม่ใช่คุณยาย เสียงตอบโต้ไปมาในการโจมตีดัง

กระหึ่มไปทั่วห้อง ชั้นไม้ซึ่งวางของอยู่ล้มลงพังเสียหาย ข้าวของซึ่งอยู่ในห้องระเนระนาดจน

หมด

          
          “วอเทอร์ วอลเล็ต” โซเฟียร่ายเวทย์ปล่อยกระสุนน้ำใส่แม่มดดำ แต่หล่อนก็ยังหลบได้อยู่ดี

          
          “โบซาโมโต ซิมอสเค็ท” แม่มดดำยืนทรงตัวแล้วยกมือทั้งสองข้างสูงขึ้น ท่องคาถา

ภาษาแปลกประหลาด ปิศาจหลายตัวค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นมา มันเป็นผู้หญิง ผิวเป็นสีม่วง ท่อนบน

เหมือนมนุษย์ มีปีกเหมือนกับมังกร  ท่อนล่างเหมือนนางเงือก หูเหมือนค้างคาว ผมสีเขียวสั้น

จนถึงคอ ดวงตาสีดำมืดสนิทไร้แวว  พวกมันมีหอกสามง่ามเป็นอาวุธ

 

          ปิศาจบินว่อนไปมาทั่วห้องเต็มไปหมด แอนโทนี่และโซเฟียยิงปืนและปล่อยพลังใส่มัน

อย่างปวดหัวและสับสน

          
          “ฮิฮิๆๆ” พวกมันหัวเราะสนุกสนาน พลางบินจะเข้ามาแทงทั้งสองคน แอนโทนี่และ

โซเฟียต่างก็พยายามเบี่ยงหลบอย่างระมัดระวัง

      
          “แอนโทนี่ระวัง!” โซเฟียตะโกนบอกเขาเมื่อเห็นปิศาจตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา

      
          “แขวก!” ปลายแหลมของหอกเฉียดกับเสื้อของแอนโทนี่ ทำให้เกิดแผลบนแขนของเขา

      
          “โอ๊ย เจ็บ! ไอ่ปิศาจบ้า!” เขาเอ่ยอย่างไม่พอใจ พลางแตะมองแขนของตนเอง

      
          “ฮ่าๆๆ! เจ้าพวกเด็กโง่ อยากอวดดีกับฉันนัก!!” แม่มดผู้หยิ่งผยองพูดเสียงดัง

      
          ระหว่างการต่อสู้นั้น บลูมจึงได้สติแล้วลืมตาขึ้นมามองสถานที่เละเทะที่ผู้คนกำลังต่อสู้กัน

สถานการณ์ตื่นเต้นเหมือนในภาพยนตร์แอกชั่นที่เคยดู  เธออยากจะช่วยเหลือพวกเขา แต่ก็ทำได้

แต่ทำเสียงอือๆไปเท่านั้น เพราะมีสก็อตเทปปิดปากเธอไว้ ตัวและแขนด้านหลังก็ถูกมัดไว้ ราว

กับเป็นตัวประกัน  

       
          บลูมรู้สึกผิด เธอคิดในใจพลางมองเพื่อนที่กำลังต่อสู้  ‘ทำไมนะ ฉันถึงต้องโดนจับทุก

ครั้งเลย ทุกคนต้องเหนื่อยเพื่อช่วยฉันทุกครั้ง ทั้งๆที่ฉันคิดว่าดูแลตัวเองได้’

      
          ‘ขอบใจที่ช่วยฉันนะ สักวันฉันคงมีโอกาสได้ตอบแทนบ้าง’ เธอยิ้มในใจ  

     
          “ฮูกกกก!” ขณะนั้นเองบลูมก็ได้ยินเสียงร้องและกระพือปีกของเจ้าเฮ็ดวิกที่อยู่บนหัว เธอ

จึงเงยหน้าขึ้นไปมอง มันกำลังมองมาที่เธอ ทำท่าร้อนรนเหมือนกำลังบอกอะไรบางอย่าง..

     
          ‘เฮ็ดวิก แกคิดอะไรของแกอยู่นะ?”

     
          ในขณะที่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ฝ่ายอีฟกับอลิซก็ยังคงนอนมองดูดวงจันทร์และหมู่

ดาวไปเรื่อยๆ แต่จนป่านนี้แล้ว เธอทั้งสองไม่เห็นแม้แต่วี่แววของใครสักคนว่าจะกลับมา

         
           “อลิซ..ฉันรู้สึกไม่ดีเลย เรากลับไปดูอีกครั้งดีไหม” อีฟถามพลางอดนึกเป็นห่วงทุกคนไม่ได้

           “ก็ได้..แต่เดี๋ยว เราก็มองจากตรงนี้ได้นะ” อลิซเอ่ย อีฟทำฝีหน้าสงสัย

   
          “ตุ๊กตาวิเศษเอ๋ย ขอของวิเศษหน่อยสิ!” เธอโยนตุ๊กตาตัวสีแดงขึ้นไปบนท้องฟ้า มัน

เปล่งประกายแสงสีเหลืองออกมา แล้วพ่นควันออกมา ของวิเศษจึงปรากฏเป็นรูปร่างออกมา เป็น

ทีวีจอเล็กๆ ที่มีปุ่มกดเหมือนกับของเล่นเด็ก  “ขอบใจนะคุณตุ๊กตา”

   
          “ยั๊ปปี้!” มันร้องด้วยน้ำเสียงมีความสุข แล้วกลับไปอยู่ในอ้อมกอดอลิซเช่นเดิม

   
          “เธอเอาของเล่นออกมาทำอะไรหนะ?” อีฟคิดว่ามันคือของเล่น ก็เลยถามออกไปอย่างนั้น

  
          “ไม่ใช่ของเล่นจ๊ะอีฟ  เขาเรียกมันว่า ‘โทรทัศน์สังเกตการณ์’ เราสามารถดูทุกคน ได้ทุก

สถานที่เลยหล่ะ” อลิซเอ่ยแล้วจึงกดปุ่มพิมพ์ช่อง อีฟมองเธอแล้วแปลกใจที่ทีวีปกติควรจะเป็น

แบบปุ่มกดมากกว่า

   
          “ซ่าๆๆ...” จอโทรทัศน์เริ่มเปลี่ยนคลื่นสัญญาณ

          
          “ตูม!..ตูม!”  ภาพในจอทีวีเริ่มเห็นชัดขึ้น ทั้งสองคนเห็นภาพของโซเฟียและแอนนี่กำลัง

ต่อสู้กับคุณยายแก่ท่าทางเหมือนแม่มดคนหนึ่ง และเห็นบลูมถูกจับมัดไว้ที่เสารวมถึงเฮ็ดวิกด้วย

   
          “แย่แล้ว! เราคงต้องรีบไปช่วยแล้วหล่ะ!” อีฟบอกอลิซ

   
          “ใช่ เรากลับไปทางเดิมกันเถอะ!” ทั้งสองรีบลุกขึ้นวิ่งแล้วไต่บันได้กลับลงไปทางเดิม

  

          ผ่านไปหลายนาที จนกระทั่งแอนโทนี่และโซเฟียเริ่มรู้สึกเหนื่อยและพลังก็เริ่มหมดไป

ทุกทีปิศาจเหล่านั้นก็กำจัดได้ยาก ตัวเขาเองและเธอจะทำอย่างไรดี

   
          ในขณะนั้นเองโซเฟียก็นึกอะไรได้บางอย่าง เธอเคยฝึกท่าเวทย์มนต์อย่างหนึ่งมาก่อน

แต่เป็นท่าที่เธอยังทำได้ไม่สมบูรณ์มากนัก และตอนนี้เธอก็จะลองใช้มันดูอีกครั้ง

     
          “AREA LIGHT BOMB!”  โซเฟียย่อตัวลง เธอนำมือแตะที่พื้นพลางปล่อยพลังเวทย์

เป็นระเบิดแสงสีขาวสว่างตา เสียงดังออกมาเป็นวงรัศมีกว้าง จนปิศาจพวกนั้นต่างกรีดร้องอย่าง

เจ็บปวด

    
          “กรี๊ดดดดดด!” เสียงของพวกมันแหลมจนเขาและเธอปิดหู แม่มดดำใช้สายฟ้าสีม่วงเป็น

วงโค้งกั้นเอาไว้อย่างอดกลั้น แต่ก็ไม่สำเร็จ 

    
          “อ๊ากกกก!” หล่อนกรีดเหมือนกับปิศาจพวกนั้น  แล้วร่างกายจึงค่อยๆเห็นเป็นสีดำเลือน

ลางสลายไปพร้อมกับแสงที่สว่างจนแสบตา

    
          เมื่อทุกอย่างกลับเป็นปกติ อีฟกับอลิซเปิดประตูเข้ามาพอดี เธอทั้งสองโล่งใจที่แอนโทนี่

กับโซเฟียไม่บาดเจ็บมากนัก


          “ทุกคน! เป็นยังไงบ้าง?” อีฟเข้ามาและตะโกนถามเพื่อนทุกคนด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง

              
          “ปลอดภัยดีนะค่ะ” โซเฟียเอ่ยอย่างอ่อนล้าหลังจากใช้พลังไปมาก เธอทรุดตัวลง

เล็กน้อย

          
          “โซเฟีย! เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” อลิซวิ่งเข้ามาพยุงโซเฟียทันที

          “รีบไปช่วยแก้มัดบลูมกันก่อนเถอะ!” แอนโทนี่วิ่งไปหาบลูมที่ถูกมัดไว้  

  
          ในขณะนั้นเอง บุคคลปริศนาได้โผล่มาที่ด้านหลังจากอีฟอย่างรวดเร็ว เป็นชายปริศนา

สวมเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่ สวมผ้าปิดปาก เขาสวมหมวกและแว่นสีดำ กำลังจ่อมีดเข้าที่คอของอีฟ

    
          “ทะ..ทุกคน” อีฟเรียกทุกคนอย่างตะกุกตะกัก เพื่อนทุกคนจึงหันมามองชายปริศนาคนนั้น

   
          “อีฟ!! แก!!” แอนโทนี่มองเขาด้วยความโกรธ เขาจึงจะวิ่งเข้าไป


          “หยุดอยู่ตรงนั้น!” ชายปริศนาเอ่ยด้วยน้ำขู่เบาๆ

  
          “แกเป็นใคร!”


          “ไม่ใช่เรื่องของแก!” เขาตะคอกเสียง

          ‘นั่นใครกันหนะ..เขาต้องการอะไรจากฉันนะ เสียงนี่เหมือนฉันเคยได้ยินมาจากที่ไหน

เลย?”อีฟคิดในใจอย่างกลัวๆ

  
          “นายใช่ไหม! คิวเลอร์!” ทุกคนต่างมองไปที่โซเฟีย แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากเขาและอีฟ

  
          “ก่อนหน้านั้นฉันเห็นท่าทีแปลกๆของนาย ฉันมองเห็นรังสีความมืดที่อยู่รอบตัวนาย! นาย

เป็นคนคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้ ฉันรู้ธาตุแท้ของนายแล้วคิวเลอร์!”

  
          “หึหึหึ..รู้ตัวจนได้สินะ!” เขาเปิดเผยความจริง แล้วจึงถอดส่วนที่บังใบหน้าและร่างกาย

ออกลงไปกองกับพื้น  โดยทีแขนและมือที่าถือมีดนั้นไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย

  
          “นาย! นายทำแบบนี้ทำไม คิวเลอร์!” โซเฟียถามเขา

    
          “หึหึ…ก็เพราะ...” เขาก้มหน้าลง

          “ผมเป็นปิศาจยังไงหล่ะ!! ฮ่าๆๆ!!” เขาเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะอย่างสะใจ  ตาของเขาแดง

   
          “ทำไมค่ะ?” โซเฟียเอ่ยถาม หยดน้ำตาหยดเล็กเริ่มไหลออกมาจากตาของเธอ

          
          “แหม..ผมแค่จัดฉากนิดหน่อยเท่านั้นเอง คุณก็หลงเชื่อแล้วงั้นเหรอ? ที่ผ่านมาคุณก็เป็น

ฝ่ายบอกรักผมเองไม่ใช่เหรอ?” เขาพูดดูแคลนโซเฟีย

  
          ในตอนนี้โซเฟียนึกอะไรไม่ออก เธอทำได้แต่ยืนนิ่งๆ  แล้วทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา

เพียงเท่านั้น 

  
          ‘ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงในตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าบอกรักเขาไปเพราะอะไร ฉันดูเหมือนคน

โง่…ความรักทำให้คนเราตาบอด คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ’

  
          ‘ฉันรักนายนะ’ นี่คือสิ่งที่เธอเคยพูดออกไป

    
          “ฮ่าๆๆๆ รู้ไหม ผมหลอกใช้พวกคุณมาตลอดเลยหล่ะ”

          “เพื่ออะไรกัน?” อลิซถามเขา“

          
          โนโลกของฉันแล้วทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่หน้าสนุก และฉันเป็นผู้ควบคุมมันทั้งหมด ทุก

คนก็เป็นได้แค่ ‘มด’ ที่ทำได้แต่วิ่งนี้เท่านั้นแหละ” ฝีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย


          ในขณะที่ทุกอย่างกำลังแย่ลง บลูมก็ยังไม่ถูกแก้เชือกจนกระทั่ง เธอมองไปยังเฮ็ดวิกและ

รู้ว่าสิ่งที่มันต้องการจะบอกคือ..

    
          ‘ฉันลืมไปเลยว่าพกมีดไว้ข้างหลัง เอาหล่ะทีนี้ ฉันก็ต้องค่อยๆตัดมันออกสินะ’

   
          ‘ขอบใจนะที่ช่วยบอก ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าจะช่วยพวกเขายังไง’

    
          บลูมพยายามดิ้นรนจนสามารถแกะเชือกที่มัดอยู่ที่มือและตัวได้แล้ว เป้าสายตาของ

เธอก็ไปยังคิวเลอร์ทันที บลูมถูกมัดไว้อยู่ด้านหลังของเขาไม่ไกลนักประมาณแปดถึงเก้าเมตร

เธอลุกขึ้นยืน และพยายามขยับตัวไม่ให้คิวเลอร์จับพิรุธได้

     
          “ตึก..ตึก..ตึก..” หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ


          “ฉึก!” เธอปามีดเข้าไปปักที่หัวของเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาทรงตัวไม่ได้และล้มลงไป

นอนกับพื้น จนในที่สุดจึงหมดสติไป ร่างของเขาคว่ำลงกับพื้น ส่วนอีฟวิ่งออกมาจากตรงนั้นและตั้ง

สติกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

      
          “จบแล้วสินะคะ...” โซเฟียเอ่ยเสียงแผ่ว เธอก้มหน้าน้ำตาพลางไหลออกมาไม่หยุด

          
          “ยังไม่จบหรอกนะโซเฟีย.. ยังมีเราทุกคนเป็นเพื่อนนะ พวกเรา..จะเป็นเพื่อนของเธอเอง

นะ”อีฟปลอบใจโซเฟีย

    
          “ขอบคุณนะค่ะ..ฮึก!” เธอสะอื้นร้องไห้

          “สู้ๆ! โซเฟีย เราจะผ่านมันไปด้วยกัน และจะออกไปจากหนังสือเล่มนี้ให้ได้!” แอนโทนี่

ให้กำลังใจ บลูมและอลิซต่างก็เข้ามาลูบหลังแบะโอบกอด

   
          “ครืนน!” เสียงแปลกประหลาดดังขึ้น ตามมาด้วยสายน้ำขนาดใหญ่ซึ่งไหลออกมาจากทั่ว

บริเวณในที่แห่งนี้

   
          “ทำไมถึงมีน้ำออกมาได้หล่ะเนี่ยย!” แอนโทนี่หงุดหงิด

    
          “คงเป็นเพราะการต่อสู้ที่ผ่านมาไปทำลายบ่อน้ำที่อยู่ใต้ดินบริเวณไม่ไกลจากห้อง” บลูม

บอก

   
          “เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ!” อีฟพูดอย่างตื่นตระหนก

   
          “เดี๋ยวก่อนทุกคน ใช้ของวิเศษของฉันก็ได้!”  อลิซพูดพลางขอพรจากตุ๊กตาแล้วได้ของ

วิเศษออกมา เธอนึกขึ้นได้ว่าต้องทำภารกิจสำคัญ

     
          “พวกเธอลอดห่วงนั่นเข้าไปเลยนะ เดี๋ยวฉันจะเอาหลอดทดลองไปตักของเหลวที่อยู่ใน

หม้อเร็วเข้า! รีบไปเร็ว!” เธอบอกทุกคนให้ลอดเข้าห่วงที่มีลักษณะเป็นวงกลมขนาดพอดีตัว ซึ่ง

ลอยตั้งอยู่เหนือพื้นดิน แล้วจึงวิ่งไปตักของเหลวที่อยู่ในหม้อที่อยู่มุมห้องไม่ไกลมาก

     
          เมื่ออลิซตักของเหลวและปิดฝาเสร็จ เธอจึงต้องดำน้ำลงไปให้ถึงห่วง ระดับที่น้ำท่วมก็

เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว จนเลยเหนือหัวเธอไปมาก แต่อลิซก็ใช้พลังขาทั้งหมดถีบน้ำ และ

สามารถลอดห่วงออกมาได้


          “แคก..แคก!” อลิซสำลักน้ำ ทุกคนพากันเข้ามาดู “น้ำคงลึกมากจริงๆ”


          อีฟช่วยตบหลังอลิซเบาๆ มีฝีหน้ากังวลเล็กน้อย “โอเคขึ้นไหม อลิซ?”

     
          “โอเคแล้วหล่ะ ขอบใจนะ” อลิซตอบเธอ

      
          “แล้วของวิเศษหล่ะ?” แอนโทนี่เอ่ยถามรวมถึงทุกคนก็ลุ้นไปตามๆกัน

    
          “อยู่นี่…” ที่พูดพลางหยิบขวดแก้วที่มีฝาจุกออกมาจากกระเป๋ากระโปรง

    
          “ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะหายไปซะแล้ว!” แอนโทนี่ถอนหายใจ

    
          “โซเฟีย….” บลูมเรียกโซเฟีย เมื่อเห็นใบหน้าของเธอดูหมองเศร้า

    
          “ฉัน..ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ” โซเฟียตอบแววตาเข้มแข็งขึ้นเล็กน้อย

   
          “พวกเราจะเป็นเพื่อนอยู่เคียงข้างเธอเองนะ” อีฟพูดปลอบใจอีกครั้งพลางยิ้ม


          “ใช่แล้วหล่ะ!” แอนโทนี่ทำท่าทางฮึกเหิม


          “เราจะพากันออกไปจากที่นี่ และกินไอศกรีมด้วยกันให้ได้ ใครสัญญากับฉันบ้าง!” เขานำ

มือข้างหนึ่งมาไว้ตรงกลางระหว่างเพื่อนๆ


          “ฉันสัญญา!” บลูมนำมือมาวางด้านบนถัดจากแอนโทนี่ รวมถึงอีฟ อลิซ โซเฟีย เช่นกัน

ทุกคนมีฝีหน้าร่าเริงและมุ่งมั่นอย่างมาก


          “แกหละ เฮดวิก แกอยากจะร่วมมือกับเรารึเปล่า?” เขาถามเฮ็ดวิกพลางเชื่อว่ามันจะ

เข้าใจ

  
          “ฮูกกกก!” เฮ็ดวิกบนมายืนเกาะอยู่ด้านบนสุดของมือ ทุกคนต่างพากันหัวเราะให้กับความ

ฉลาดของมัน

 
          “จะเริ่มนับแล้วนะ!” แอนโทนี่ทัก ทุกคนมีท่าทีฮึกเหิม

         
          “สาม!..สอง!...หนึ่ง!” 

  
          “เฮ้!!”

 
          เมื่อให้กำลังใจกันเสร็จแล้ว ทุกคนจึงยิ้มและหัวเราะให้กันและกัน หลังจากนั้นเองเงา

ปริศนาสีดำก็ได้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว และนำพาทุกคนกลับมาอยู่ในประตูมิติเวลาเช่นเดิม เพียง

ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

     
          แท้จริงแล้วช่างเป็นช่วงเวลาอันน่าจดจำสำหรับพวกเขา แต่คงดีมากกว่านี้ หากแต่ไม่มี

โลกแห่งหนังสือปริศนาเช่นนี้มาเป็นอุปสรรค รวมถึงผู้บงการหนังสือกับแผนที่ชั่วร้ายเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ทำภารกิจสำเร็จทุกเรื่องในประตูแล้ว แต่พวกเขานั้นจะสามารถหา

ทางออกจากโลกอันน่าสับสนเช่นนี้หรือไม่ และทุกเรื่องจะลงเอยอย่างไร ติดตามได้ในตอนต่อ

ไป…







 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา