แรกรัก
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะรู้ว่ารักใครสักคน
ถ้าหากต้องมีความรักสักครั้ง
จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะรู้ว่ารัก
ถ้าหากจะพูดว่ารักกับใครสักคนได้
จำเป็นไหมที่ต้องพบกันมาก่อน
แรกรัก :บท 1
กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 25++
สนามบิน +++
ผู้คนแน่นขนัดไปด้วยผู้คนจากทั่วโลกภายในสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ต่างคน ต่างเชื่อชาติ ต่างศาสนา เดินผ่านกันไปมา เหมือนทำบุญเพื่อได้มาพบเห็นแล้วจากไป ความผิวเผือนของคนสมัยนี้ก็ไม่ต่างจากการเดินผ่านกันมากนัก สายธาร วายล ยืนมองผู้คนที่เดินผ่านเธอไปหลายร้อยคนทั้งต้องค่อยสอดส่องสายตาหาคนที่เธอรอคอย กระเป๋าเดินทางใบเดียวที่เธอเอาติดตัวไปด้วยเมื่อสี่ปีก่อนยังคงมีอยู่ใบเดียวเท่ากับวันนั้น เวลาสี่ปีที่จากบ้านเกิดไปทำให้เธอได้รู้ว่าการกลับมาครั้งนี้ทำให้เธอสุขใจแค่ไหน เพียงแค่เท้าเหยียบลงบนแผ่นดินที่ชื่อว่าประเทศไทยใบหน้าสวยหวานของเธอก็เปื้อนรอยยิ้มทันที
สายธารชะเง้อคอผ่านผู้คนด้วยความสูงน้อยนิดของเธอที่แทบจะไม่เป็นผล เธอถอนหายใจกระนั้นใบหน้าก็ยังไม่มีแววอารมณ์เสียใดๆ ทั้งที่ต้องรอบุคลที่จะมารับกว่าชั่วโมง ขอดีของเธออยู่ตรงนี้แหละถึงได้เข้ากับคนง่าย ความใจเย็น ไม่มีพิธีรีตรอง ทั้งทีผู้ที่เป็นคนเลี้ยงดูมามีนิสัยใจร้อนไม่ต่างจากไฟเช่นแม่ของเธอ ผิดกับพี่ชายสองคน อีกคนก็ใจร้อนเหมือนแม่ อีกคนก็ไม่ค่อยพูดเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปากเหมือนพ่อของเธอ เธอเป็นคนที่ผสมความพอดีระหว่างพ่อและแม่ไว้ เพราะเธอเป็นแบบนั้นคุณตาของเธอจึงให้ความรักความสนใจเธอมากกว่าหลานคนอื่น
สายธารตัดสินใจเดินออกจากจุดที่ยืนอยู่เพื่อออกไปค่อยรถแทกซี่่ข้างนอก เพราะมั่นใจแล้วว่าคงไม่มีใครมารับเธอวันนี้ การกลับบ้านเองไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทั้งที่เธอควรจะคิดยังนั้นตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงแรกแล้ว แต่สายธารกลับรอจนเกือบจะเข้าชั่วโมงที่สองเพราะกลัวคนที่มารับต้องหาเธอ เธอจึงตัดสินใจที่จะกลับบ้านเองเพราะเหนื่อยกับการเดินทางกว่าสิบสี่ชั่วโมง
"คุณสายธารใช่ไหมครับ"เสียทุ่มดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงมายืนตรงหน้า สายธารมองคนตรงหน้าก่อนจะตอบ
"ค่ะ"คนที่อยู่ในชุดสูททันสมัยก้มลงเล็กน้อยเหมือนการทักทายของเจ้านายกับลูกน้องเหมือนในหนังมาเฟีย สายธารยิ้มเป็นมิตรให้กับคนตรงหน้าที่ยังคงหน้านิ่งอยู่
"คุณคงเป็นคนที่คุณตาส่งมารับฉันใช่ไหม"
"ผมได้รับคำสั่งให้มารับคุณสายธาร" คนในชุดสูทยื่นมือมาเพื่อของรับกระเป๋าจากเธอ สายธารส่งกระเป๋าให้
"ขอบคุณนะ ที่มารับฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้กลับบ้านแล้วงันนี้ รถอยู่ไหนละ"ร่างสูงเดินนำเธอไปยังรถยนต์รุ่นใหม่สีดำสนิทก่อนจะเปิดประตูให้ สายธารยิ้มแบบไม่ปกปิดก่อนจะเครื่อนย้ายตัวเองเข้าไปในรถ
"คุณชื่ออะไร"สายธารถามระหว่างที่รถเคลื่อนตัวออกจากสนามบินได้สักพัก
"อิทครับ"น้ำเสียงเรียบๆ ทำให้ใบหน้าของสายธารยิ้มกับตัวเองเพราะคิดในใจว่าจะต้องเป็นคนของคุณพ่อเธอแน่เพราะลักษณะการพูดดูเหมือนกัน
"ทำงานกับพ่อฉันนานแล้วหรอ"
"ไม่ครับ ไม่ได้ทำ"
"อ้าว ฉันคิดว่าคุณทำงานกับพ่อฉันสะอีก สงสัยคุณทำงานกับคุณตา---ทำมานานแล้วหรอทำไหมฉันไม่เคยเห็นหน้า"สายธารไม่ได้สนใจเอาคำตอบเพราะกำลังให้ความสนใจกับบรรยากาศตลาดนอกรถที่ทำให้เธตื่นเต้น
"จอดตรงนี้ก่อนได้ไหม"
"ผมไม่ได้รับสั่งให้จอดรถจนกว่าจะถึงที่หมาย เพราะสายมามากแล้วต้องขอโทษด้วยครับ"ความสุภาพของคำตอบทำให้สายธารไม่พูดอะไรต่อเพื่อเป็นการรักษามารยาท
"ถ้าคุณหิ้วน้ำ นี่ครับ อีกสองชั่วโมงเราน่าจะถึงถ้ารถไม่ติด"
สายธารรับขวดน้ำมาเปิดดื่ม โดยไม่สงเกตเลยว่าคนที่ยื่นน้ำให้แอบมองเธอผ่านกระจกมองหลัง
"สองชั่วโมงเลยหรอ----ฉันเบื่อรถติดในกรุงเทพจริงๆ"สายธารถอนหายใจเหมือนเด็ก
"ทำไมง่วงยังงี้เนี้ย"สายธารกลั่นห้าวขณะที่รถแล่นมาได้กว่ายี่สิบนาที เธอกำลังสงสัยเพราะปกติแล้วไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนเธอจะไม่มีทางง่วงถึงขนาดทนไม่ได้แบบนี้ เธอนั่งห้าวมาตั้งแต่ห้านาทีก่อนหน้า จนตอนนี้ตาของเธอกำลังปิดสนิท แต่ยังมองไปยังคนที่กำลังขับรถไม่เห็นปฏิกิริยาใดๆ ในใจของเธอกำลังคิดว่าผู้ชายคนนี้จะไว้ใจได้หรือเปล่าแต่สติของเธอค่อยๆเลื่อนหายไปน้อยๆจนไม่เหลืออยู่ ในที่สุดเปือกตาทั้งสองข้างก็ปิดสนิท
เสียงสั่นของโทรศัพท์ดังสองครั้งก่อนที่เจ้าของมันจะหยิบขึ้นมากดรับ และกรอกเสียงผ่านไป
"เป็นยังไงบ้างใอ้อิท"
[เล่นอะไรของแกเนี้ย ต่อไปฉันไม่เอาด้วยนะโว้ย ต้องมานั่งเฉยๆพูดอะไรก็ไม่ได้ ซวยซิบเป้ง]
"เอาน่า ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ว่าแต่เด็กนั้นเป็นยังไง"
[ไม่เด็กนะ เป็นผู้ใหญ่กว่าแกอีก สวยด้วย]
"ฉันไม่ได้ถามว่าเด็กสวยหรือเปล่า ฉันถามว่าแกเอาน้ำให้กินหรือเปล่า"ร่างสูงขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวยาวอย่างสบายใจรอคำตอบ
[เออ เอาให้แล้วน่าไม่งั้นฉันจะโทรหาแกได้ไง ว่าแต่จะเขาไปทำไมวะเนี้ย]
"รีบมาเร็วๆแล้วกัน เดียวจะเล่าให้ฟัง แค่นี้เเหละ"
ใบหน้าหล่อที่ดูนิ่งแม้จะพูดเรื่องตลกแค่ไหน สีหน้าที่แสดงออกมาก็ยังเท่าเดิมกลาดเป็นคนหน้าเดียวแต่หลายอารมณ์ ตอนนี้กำลังยิ้มกับตัวเอง เวลาแห่งการรอคอยกำลังจะมาถึงในไม่กี่นาทีข้างหน้า จบปัญหาและสิ่งที่ค่อยทำร้ายจิตใจ วันเวลาของการเอาคืนจะเริ่มขึ้น และมันจะต้องจบลงตามที่ใจของเขาปราถนา พีค พิทยา อนันตภัครดี คนที่ทำทุกอย่างเพื่อคนที่รัก ต่อจากนี้ความทรมารจะถูกส่งไปเท่าๆกัน ไม่ใช่การแก้แค้นแต่เป็นการทำให้ ทุกคนในตกุลวายลรู้ว่า อนัตภัครดีไม่ยอมให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นและเจ็บปวดอยู่ฝ่ายเดียว
เสียงแตรรถที่ดังอยู่หน้าคฤหาสใหญ่บ่งบอกฐานะของผู้เป็นเจ้าของได้ดี พิทยาลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวยาวในห้องนอน ร่างสูงไม่ล่ำเหมือนผู้ชายที่ชอบออกกำลังกายทั่วไปแต่ดูไม่เก้งก้างสมส่วนกับความสูงเหมือนผู้ชายเจ้าสำอางมากกว่า ผิวขาวเหลืองไม่มีแม้แต่ริ้วรอยบนแขนที่พ้นจากแขนเสื้อเชิ้ตที่ถูกพับไปกว่าครึ่งแขน ในหน้าคมสันสันออกจะคล้ายผู้หญิงน้อยๆ เพราะเรียวเล็ก แต่ขนคิ้วดกหนาทำให้แตกต่างจากใบหน้าของผู้หญิง ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงปนคร่ำซึ่งเกิดจากการสูบบุหรี่เเสยะยิ้มที่มุมปาก ดวงตาคมมองจองยังประตู ทั้งที่ใจอยากจะลงไปข้างล่างนะนาทีนั้น มือเรียวหยิบกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นก่อนจะก้าวเดินลงไปยังชั้นล่างของคฤหาสน์หรู สาวใช้ที่คอยรับใช้อยู่ด้านล่างมองร่างสูงที่เดินอย่างช้าๆ แต่ไม่กล้าแม้แต่สบตาได้มองแบบก้มหน้าแม้มันจะไม่เห็นอะไรมากนัก แต่ก็ซุบซิบกันเบาๆ
"ไงวะใอ้อิท ขอบใจนะเว้ยที่ช่วยแกกลับไปได้แหล่ะ อ่ะกุญแจ"
"เฮ้ยใอ้พีค นี่ไล่กลับเลยหรอ นี่แกยังไม่ได้บอกฉันเลยนะเว้ยเอาเค้ามาทำไมเนี่ย"
"ไม่ต้องรู้สักเรื่องได้ไหมวะ เอากุญแจมา"เมื่อเจ้าของรถยังนิ่งพิทยาจึงเข้าไปค้นในกระเป๋ากางเกงของเพื่อน
"เฮ้ย ใอ้นี่ทำอะไรของแกวะเนี่ย เฮ้ยๆใอ้พีค"
"นี่จดหมายส่งตรงให้ถึงบ้านวายล ถึงใอ้สายน้ำยิ่งดี ส่งให้ถึงนะ ให้แน่ใจว่าถึงมัน แล้วฉันจะติดต่อกลับมา" ประโยคสุดท้ายที่สั่งเพื่อนสนิทที่ไว้ใจที่สุดไว้ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์บ้าน อนัตภัครดีไปโดยไม่สนใจคนที่ตะโกนตามหลัง อิทธพลเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กมองจดหมายและนึกถึงหน้าเพื่อนที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่ด้วยความคิดสับสน ความรู้สึกในใบหน้านั้นกำลังสื่ออะไร กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกันแต่พิทยาเป็นคนที่ไม่แสดงอะไรออกมาทางสีหน้าแต่ที่อิทพลเห็นรอยยิ้มแปลกๆเกิดขึ้นบนใบหน้าเพื่อนทำอิทธพลไม่แน่ใจว่าสิ่งที่พิทยากำลังทำและปกปิดเอาไว้ถูกต้องหรือไม่ แต่เพื่อนขอยังไงก็ต้องทำให้ อิทธิพลส่ายหัวตัวเองเบาๆ
"เอาววะ หวังแกคงไม่หาตะรางให้ฉันนะเว้ยใอ้พีค"
บ้านวายล
อิทพลมองป้ายหน้าบ้านหลังใหญ่แม้จะไม่ใหญ่เท่าบ้านที่เขาเพิ่งเคลื่อนย้ายตัวเองออกมาแต่ก็ใหญ่กว่าบ้านในระแวกเดียวกันอยู่มาก อิทพลกดกรี๊งหน้าบ้านสองครั้งและรอให้ใครสักคนในบ้านออกมา อิทธิพลมองผ่านแว่นกันแดดสีดำที่พอจะปกปิดใบหน้าเขาได้บ้างเป็นการป้องกันตัวที่อิทธิพลพอจะทำได้ในเวลานี้
"มาหาใครค่ะคุณ"เสียงเด็กสาวดังมาจากประตูทั้งที่ยังไม่ได้เปิดประตู
"ผมมาส่งจดหมาย แค่มาส่งจดหมาย ---- สงให้ถึงมือสายน้ำ"อิทธิพลส่งซองจดหมายที่จ่าหน้าซองถึง สายน้ำ วายล ให้กับเด็กสาวและย้ำอีกครั้งก่อนที่รถของเขาจะเคลื่อนตัวออกไปทันที
"อย่าลืมส่งให้ถึงสายน้ำ เร็วที่สุด"
เด็กสาวรับใช้ในบ้านวายลรับจดหมายมาและรับคำก่อนจะเดินเข้าตัวบ้าน มองจดหมายอย่างจดหมายทั่วไป ไม่คิดอะไรตามภาษาเด็ก
"ใครมาน้อย"เสียงทุ้มของลูกชายคนโตของเจ้าของบ้านซึ่งคือคุณ สายชล วายลดังขึ้น
"ไม่มีใครมาค่ะ เขามาส่งจดหมายให้คุณน้ำค่ะ"เด็กสาวตอบอย่างไร้เดียงสา
"จดหมายอะไร กล่องจดหมายก็มีทำไมต้องกดกรี๊งให้ไปรับด้วย"สายชลถามอย่างพี่ชายคนโต ที่มักระแวงภัยให้น้องทุกคน
"ไม่ใช่ไปรษณีหรอกค่ะ นั่งรถมาซะโก้เชียว นี่ไงค่ะจดหมาย ยังบอกอีกนะค่ะว่าให้ส่งให้ถึงมือคุณน้ำให้เร็วที่สุด"เด็กสาวยื่นจดหมายให้ดู
"ไปทำงานเถอะน้อย เดียวฉันเอาไปให้คุณน้ำเอง"
"ค่ะ"
สายชลนำพาจดหมายและก้าวขึ้นข้างบนอีกครั้ง รางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในหัวใจ ความรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่เห็นจดหมายฉบับนี้ แต่เพื่อเป็นการรักษามารยาทเขาจึงไม่ระราบระล้วงเปิดจดหมายของใครถึงแม้จะเป็นของน้องชาย เขาหยุดหน้าประตูสีน้ำตาลที่เขียนชื่อหน้าห้องว่า สายน้ำก่อนจะเคาะสามที
"ใคร"
"พี่เอง"
"เข้ามาเลยครับ ประตูไม่ล็อค"
เมื่อได้รับอนุญาติจากเจ้าของห้องประตูก็ถูกเปิดออกทันที บุคลที่สองลูกชายคนกลางของบ้านกำลังแต่งตัวอยู่หน้าตูเสื้อผ้า มองพี่ชายที่กำลังก้าวเข้ามา
"มีอะไรพี่ชล" ลักษณะของการเป็นเพลบอยมักยิ้มแย้มมีเสน่ห์อยู่เสมอข้อนั้นใช้ได้กับสายน้ำเพราะไม่ว่าเรื่องอะไรก็ยิ้มได้ เพียงแต่อย่าทำให้ต่อมความอดทนที่มีอยูน้อยนิดหมดเพราะในบรรดาลูกทั้งสาวของคุณนนที มีสายน้ำที่ใจร้อนที่สุดจนไม่มีใครสามารถห้ามได้นอกจากสายชล
"จดหมาย สงสัยสัยจะเป็นเรื่องด่วน"สายชลบอกมีท่าทีกังวลใจเล็กน้อย
"เอาไว้ก่อนดีกว่า ผมจะต้องรีบไปรับธาร"สายน้ำมองหน้าพี่ชายที่ฉายแว่วกังวลอยู่
"พี่ว่าเปิดอ่านต้อนนี้เถอะ พี่ลางสังหรไม่ดีเลย"ไม่บ่อยนักที่ความกังวลจะถูกออกมาเป็นน้ำเสียงจากผู้ชายลักษณะนิสัยแบบสายชลที่ชอบเก็บเรื่อวทุกอย่างไว้กับตัวเอง เมื่อแต่จะพูดยังนับประโยคได้ในแต่ละวัน
"คงไม่มีอะไรหรอก ก็ได้" สายน้ำรับจดหมายมาเปิดอ่านก่อนจะขยำกระดาษที่มีข้อความอยู่ไม่กี่บรรทัดในมือ
น้องสาวแกอยู่กับฉัน เตรียมตัวรับความเจ็บปวดจากฉันได้เลย
สิ่งที่แกทำไว้ฉันจะส่งผ่านน้องสาวแก่ให้มากเท่าที่แกทำกับน้องสาวฉัน
คงไม่ต้องบอกว่าฉันเป็นใคร
คนที่แกเกลียดที่สุดกับคนที่เกลียดแกที่สุด
"ใอ้พีค โถ้เว้ย!"สายน้ำกำกระดาษแผ่นนั้นแน่น จนเส้นเลือดที่ปกกรติเด่นชัดชัดขึ้นกว่าเดิมสองเท่า
"มีอะไร สายน้ำ เกิดอะไรขึ้น"สายชลถามอย่างร้อนใจ
"มันเอาตัวธารไป"สายน้ำพูดด้วยความรู้สึกเจ็บแค้นที่สุดจนน้ำเสียงเหมือนกัดฟันพูด
"อะไรน่ะ เอาตัวธารไปงั้นหรอ ยังไงธารยังไม่ถึงด้วยซ้ำ"สายชลพูดอย่างตกใจทั้งเป็นห่วง กังวลว่าน้องสาวจะเป็นอันตราย น้องสาวคนเดียวถูกลักพาตัวจากสนามบินถ้าตา กับ พ่อรู้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ