RAUSANNE แทนใจรักในใจเธอ
เขียนโดย signorina
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.37 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ปาร์ตี้บาร์บีคิว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ4
~ ปาร์ตี้บาร์บีคิว ~
“เฮ้ โรวว์ นายเรียกฉันเหรอ” แมคซ์ คริสปินทักเขาขณะที่เขากำลังดูการถ่ายทอดสดการแข่งขันกอล์ฟทางโทรทัศน์อยู่ เขาไม่ชอบกอล์ฟก็จริง แต่ก็ต้องศึกษาเอาไว้
พ่อและปู่ของเขา เคี่ยวเข็ญให้เขาหัดเล่นกอล์ฟเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ... อืม ตรงจุดนี้สินะที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย การเอาเรื่องกีฬามาปะปนกับเรื่องธุรกิจ
แมคซ์ คริสปิน คนนี้เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่าโรวว์แซนนิดหน่อย เขาเป็นสมาชิกทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียน เป็นคนผิวสีแทนและผิวคล้ำแบบนักกอล์ฟ นั่นคือ จะมีรอยคล้ำนอกเสื้อตรงแขนและช่วงคอ ตามรอยเสื้อ ด้วยเหตุที่เขานั้นต้องติดตามคุณปู่วินด์เซอร์นั่นเอง
อืม... โจนาธาน วินด์เซอร์
โรวว์แซนตอบกลับไปอย่างประชดประชัน
“อ้าว คุณคริสปิน วันนี้เป็นวันหยุดของคุณหรือไงครับ ผมนึกว่าคุณเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ไม่มีวันหยุดเสียอีก” เขายกมือขึ้นกอดอก รอฟังคำตอบ
แมคซ์ยกมือขึ้นขยี้ผมเบาๆ แล้วว่าต่อ “ฮ่าๆ นายก็รู้นี่ ว่าฉันต้องติดตามคุณท่านไป แล้วไหนจะต้องไปซ้อมบาสฯ ที่โรงเรียนอีกนะ ไม่มีเวลามานั่งตามก้นนายต้อยๆ หรอกนะโรวว์ แล้วนี่มีอะไรรึเปล่าวะ”
แมคซ์หรี่ตา ทำหน้าสงสัย
โรวว์แซนยิ้ม
“เปล่านี่ แค่จะชวนนายไปขี่ม้ากันที่บ้านใหญ่นะ ไปมั้ย”
แมคซ์ยักไหล่ แทนคำตอบ
จากบ้านเล็กไปยังคฤหาสน์วินด์เซอร์มีเพียงทางเดินเล็กๆ ที่เชื่อมถึงกัน แต่ไม่มีทางสำหรับรถวิ่ง และการไปคอกม้าก็เป็นระยะทางที่ไกลพอสมควร ทั้งสองคนเลยต้องขับรถไป แล้วอ้อมเข้าทางประตูหน้าของคฤหาสน์
โรวว์แซนหยิบกุญแจปอร์เช่ของเขาส่งให้แมคซ์ แล้วเขาก็หย่อนกายลงที่นั่งข้างๆ ด้วยความสบายใจ แมคซ์ค่อยๆ เคลื่อนปอร์เช่ออกไปช้าๆ อย่างใจเย็น เมื่อถึงประตูคฤหาสน์วินด์เซอร์ โรวว์แซนก็ยิ้มออกมาอย่างอดขำไม่ได้
เขาหวนนึกถึงความทรงจำที่มีต่อประตูใหญ่บานนี้
เมื่อครั้งที่คุณปู่ของเขา... มอบปอร์เช่คันนี้ให้ตอนที่เขาเริ่มหัดขับรถได้ไม่นาน เขาดีใจมากและยืนกรานว่าจะลองขับเดี๋ยวนั้นเลย ทันทีที่เหยียบคันเร่งเต็มน้ำหนักเท้า รถก็พุ่งทะยานตรงไปที่ประตู เขาเหยียบเบรก ดัง เอี้ยดดด
ปรากฏว่า ยังเหลือระยะห่างระหว่างประตูกับรถ ประมาณ 2 นิ้วเห็นจะได้... หวุดหวิดเหลือเกิน เขามีสีหน้าลนลานตกใจสุดขีด แต่แล้วคุณปู่ก็เดินมาถามด้วยความเป็นห่วงว่า
“ประตูเป็นอะไรรึเปล่า โรวว์”
แล้วเขากับชายชราก็หัวเราะกันดังลั่น จนสาวใช้และคนสวนที่ยืนอยู่แถวๆ นั้นต่างก็งงไปตามๆ กัน
แล้วแมคซ์ก็เปล่งเสียงขึ้นมา แทรกความคิดของเขา
“โรวว์... ตื่นจากฝันกลางวันได้แล้ว เรามาถึงแล้ว”
เขากวาดสายตามองรอบๆ “อ้อ โอเค ไปลุยกันเลย พวก ! ”
คอกม้าของตระกูลวินด์เซอร์ จะมีเจ้าหน้าที่คอยรักษาการ ดูแลความเป็นระเบียบอยู่เสมอ เพราะนอกจากสมาชิกของตระกูลแล้ว ก็จะมีเพื่อนฝูงและบรรดาคนรู้จักที่คอยแวะเวียนมาที่นี่ด้วยเช่นกัน
พื้นที่คอกม้า จะมีด้วยกันสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นโรงเก็บม้า สมาชิกตระกูลวินด์เซอร์จะมีม้าของตนเองอย่างน้อยคนละหนึ่งตัว ม้าทุกตัวจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากพนักงานและครูฝึก และมีการแยกโรง กล่าวคือ มีโรงเก็บม้าของตระกูลวินด์เซอร์และโรงเก็บม้าทั่วไป แล้วส่วนที่สองก็จะเป็นสนามม้าพร้อมสิ่งกีดขวาง นั่นเอง
“แมคซ์ ช่วงหลังมานี้คุณปู่ได้ไปพบคุณอาโคลรึเปล่า”
“เอ่อ คุณท่านนะหรอจะเป็นฝ่ายไปหาคุณหมอโคล... คงยากนะ”
“อืม มุกเก่าๆ นี่ใช้ไม่ได้ผลแล้วหรอ”
“ฮ่าๆๆ นายก็รู้ ท่านเป็นคนยังไง”
“โอเค ฉันรู้แล้ว”
โรวว์แซน เดินไปยังโรงที่เก็บม้าของเขา เขามีม้าเพียงตัวเดียวชื่อ ซินญอร์ เป็นม้าเพศผู้ ขนสีดำเงางามทั้งตัว เมื่อไหร่ที่เขามีเวลาว่าง ก็จะต้องมาที่นี่ พามันไปเดินเล่นด้วยกัน หรือถ้ามากับแมคซ์ ทั้งสองก็มักจะต้องประลองฝีมือกันเสมอ !
ที่บ้านวิลเลอรี่
แอลลิเซ่นเดินลงมาที่ชั้นล่าง เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าบรรยากาศโดยรอบเป็นไปด้วยความวุ่นวาย
โคล เดินไปเดินมาระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่นขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์ไปด้วย แคทธรินยืนอยู่ที่ประตูกำลังสนทนาหรือไม่ก็กำลังบอกอะไรบางอย่างกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง เด็กหญิงพยักหน้าสองสามครั้งแล้ววิ่งจากไป แต่ที่ดูวุ่นวายที่สุด คงจะเป็นแม่ของเธอ… แอนนา
แอนนาอยู่ในห้องครัว แอลลิเซ่นเดินเข้าไปหยุดยืนพิงกรอบประตู พิจารณาแม่ของเธออยู่ครู่หนึ่ง แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่ยังสาวกว่าวัยมาก เธอมีรูปร่างที่ได้สัดส่วน มีผมสีดำตัดสั้นแลดูมีชีวิตชีวา เธอสวมเสื้อแขนกุดสีเหลืองเผยให้เห็นช่วงแขนอันเรียวงามและกล้ามเนื้อกระชับ ริ้วรอยรอบดวงตาและปากบ่งบอกว่าเธออยู่ในวัยสี่สิบต้นๆ ผู้หญิงคนนี้มีความดุดันอย่างน่าดู มีความงามอันเกิดจากความแข็งแกร่งมิใช่ความบอบบาง
แอลลิเซ่นรู้สึกว่า เธอมีทั้งแม่ เพื่อนสาว และพ่อ ในคราวเดียวกัน
“แอลลี่... นั่นลูกจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย” แอนนาเอ่ยขึ้นมาในที่สุด
แอลลิเซ่นยิ้มให้มารดา “ค่ะ แล้วแม่ทำอะไรอยู่”
“ก็เตรียมตัวสำหรับงานปาร์ตี้คืนนี้ไง”
“ปาร์ตี้ !!” เธอชะงัก
“ใช่สิ อย่าบอกนะว่าลูกไม่รู้”
“ปาร์ตี้อะไรกัน หนูไม่เห็นรู้เรื่อง”
“เอ้ะ! ยัยคนนี้”
“ปาร์ตี้อะไรคะแม่” เธอรู้ว่าเดี๋ยวตัวเองก็ต้องเสียใจเกือบจะทันทีที่ถามคำถามนี้
แคทธรินเดินมาหยุดอยู่ข้างแอลลิเซ่น “ปาร์ตี้บาร์บีคิว”
แอลลิเซ่นหันมา
“ปาร์ตี้บาร์บีคิวเหรอ” เสียใจทันทีจริงๆ ด้วย !
“ใช่ ก็ปาร์ตี้บาร์บีคิว ต้อนรับสมาชิกใหม่ของบ้านเราไง” แคทธรินยิ้มอย่างพอใจ ขณะที่กำลังจะพูดต่อ แอลลิเซ่นก็ท้วงขึ้นมาว่า
“ฮ้าา แล้วทำไมไม่มีใครพูดถึงเลย ทำไมฉันไม่รู้อยู่คนเดียวเนี่ย”
แอนนาพูดบ้าง “พวกเราอยากทำให้ลูกประทับใจนะสิจ้ะ ลูกรัก”
แคทธรินหันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับแอนนา แอลลิเซ่นสะกดกลั้นความโกรธที่วิ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ
“โอเค หนูเริ่มจะประทับใจกับงานปาร์ตี้นี้ขึ้นมาซะแล้วสิ”
แอนนาหัวเราะ ส่ายศีรษะเบาๆ
แอลลิเซ่นกลอกตาไปมา แล้วผ่อนลมหายใจ
พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว
ข้าวของมากมาย รวมถึงวัตถุดิบที่จะทำบาร์บีคิวก็ได้รับการเคลื่อนย้ายไปยังบริเวณลานสนามหน้าบ้านนายอำเภอ
อืม ใช่แล้ว เพื่อนบ้านที่อยู่ถัดไป คือบ้านของนายอำเภอ
แอลลิเซ่น ต้องถอนหายใจและกลอกตากับตัวเองอีกครั้ง กับข้อเท็จจริงที่ว่า แม่ของเธอและคุณหมอโคล ได้เชิญเพื่อนบ้านในละแวกนั้นอีกหลายครอบครัวมางานปาร์ตี้คืนนี้ เยี่ยมไปเลย… เธอคิด
ปาร์ตี้บาร์บีคิวดำเนินไปด้วยความสนุกสนาน ตลอดสามชั่วโมงเต็มจนถึงตอนนี้ พวกผู้ใหญ่ยังคงพูดคุยกันอย่างออกรส ไม่มีทีท่าว่าจะหมดแรง พ่อแม่บางคนที่มีลูกอยู่ในวัยที่ไม่สมควรนอนดึก ก็เริ่มทยอยกันกลับบ้าน รวมถึงนายอำเภอ เธอมีลูกสาวคนเล็กชื่อ แอ๊บบี้
ใช่แล้ว เธอ นายอำเภอผู้หญิง !
ปาร์ตี้บาร์บีคิว จบลงแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง แอลลิเซ่นสังเกตเห็นแม่ของเธอหน้าแดงนิดหน่อยเนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เธอกำลังจะเดินไปเข้าห้องนอน มือจับลูกบิดประตู พลันนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง
เธอเดินไปยังห้องข้างๆ เคาะประตู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
เงียบ
“แคท ทำอะไรอยู่ ฉันเข้าไปได้มั้ย” เธอเอ่ย
ความเงียบยังคงอยู่
แอลลิเซ่น ตัดสินใจเปิดประตูช้าๆ แล้วจึงมองเห็นว่า แคทธรินนอนหลับอยู่บนเตียงในท่าผ่อนคลาย เธอจึงผละออกมา แล้วกลับมายังห้องของตัวเอง
ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูปิดลง แคทธรินก็ลืมตาขึ้นมาในความมืด เธอกระพริบตา หนึ่งครั้ง สองครั้ง
แล้วเธอก็ปิดตาลงอย่างเดิม
ท่ามกลางแสงสลัวๆ ในบริเวณสนามม้าคอกม้าวินด์เซอร์ มีเสียงควบม้าและเสียงหัวเราะดังมาแต่ไกล โรวว์แซนกับแมคซ์ ขี่ม้าคู่กันมาด้วยความเร็วชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร แต่แล้วซินญอร์ ก็ไม่เคยทำให้เจ้าของของมัน ผิดหวังเลยสักครั้ง เขาทั้งสองลงมาจากหลังม้า หัวเราะชอบใจกับการประลองฝีมือที่มีผลออกมาเหมือนเดิมเช่นทุกครั้ง
“นี่ แมคซ์ คราวหน้านายต้องซ้อมให้หนักกว่านี้นะ ซินญอร์มันเริ่มจะได้ใจแล้วหละ” โรวว์แซนว่า
แมคซ์ถอนหายใจอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
“เฮ่อะ ให้ตายสิ ม้าอะไรวะช่างไม่รู้จักคำว่าแพ้ซะบ้างเลย นี่นายให้มันกินลอบสเตอร์เป็นของว่างหรือไง มันถึงได้ ฮึด ขนาดนี้”
โรวว์แซนหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ แมคซ์พยายามจะนึกว่าเห็นเพื่อนรักหัวเราะอย่างเปิดเผยเช่นนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ อืม นานมาแล้วหละ
เมื่อทั้งสองนำม้าเข้าโรงแล้ว ขณะที่เดินผ่านช่องเก็บม้าช่องสุดท้าย โรวว์แซนเหลียวไปมองทางนั้นแวบหนึ่ง แล้วรีบหันกลับมาทันที แมคซ์มองเห็นเพื่อนรักหลับตาอยู่เสี้ยววินาที เขาเข้าใจได้ทันที
อดีต ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของโรวว์แซน ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามสะกดมันไว้เพียงใด มันก็พยายามต่อต้านเพื่อที่จะออกมาให้จงได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ