ฝากรักไว้ที่ปลายฝัน
เขียนโดย แอนโดรเมดาร์
วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.51 น.
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 17.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) คุณหนูนัทชา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทามกลางความสับสนวุ่นวายของความเป็นไป หญิงสาวยื่นนิ่งๆปล่อยน้ำตาให้ไหลรินอาบแก้มขาว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอประกายระยิบเพราะหยาดน้ำใสๆ เธอเหมอมองไปเบื้องหน้า มองแผ่นหลังของชายอันเป็นที่รักที่กำลังห่างออกไปทุกทีๆ ด้วยหัวใจที่แหลกละเอียด สองมือน้อยที่สั่นเทากุมท้องที่มีอีกหนึ่งชีวิต ซึ่งกำลังใช้ลมหายใจร่วมกับเธออย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน เขาจากเธอไปแล้วเหลือไว้เพียงคราบน้ำตากับกามเทพตัวน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกอีกในไม่กี่เดือน เธอต้องอยู่ให้ได้นับจากวันนี้วันที่ไม่มีเขาอีกต่อไป นัทการ์ มองร่างสูงของชายอันเป็นที่รักจนลับสายตาหายไปกับฝูงชน เธอปาดน้ำตาลวกๆแล้วเดินหันหลังกลับไปยังที่ของเธอ...
...สิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างสิ้นแล้วความรักที่เคยทะนุถนอมมาแสนนาน ไม่มีแม้คำอธิบาย ไม่มีแม้คำขอโทษ มีเพียงแค่คำว่าลาก่อนออกจากปากของเขาเพียงเท่านั้นจริงๆ...
สิบแปดปีต่อมา...
"แม่จ๊ะ...แม่ว่าตอนนี้พ่อจะคิดถึงเรารึเปล่าจ๊ะ" หญิงสาววัยแรกรุ่น หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราถามผู้เป็นมารดาด้วยกิริยาน่ารักน่าเอ็นดู
หญิงวัยกลางคนก้มหน้ามองลูกสาวที่หนุ่นอยู่บนตักของเธอด้วยแววตาอันอ่อนโยน ริมฝีปากบางยิ้มน้อยๆพลางมือก็ลูบไล้ผมสีนิลสนิทของลูกสาวอย่างเอ็นดู
"พ่อของลูกต้องคิดถึงเราสิจ๊ะ"
"แล้วทำไมพ่อถึงไม่มาหาเราบ้างล่ะจ๊ะ" หญิงสาวถามต่อใบหน้าฉายแววอยากรู้เป็นที่สุด เพราะสิบแปดปีที่ผ่านมาเธอเฝ้าถามผู้เป็นแม่ตลอดว่าพ่อของเธออยู่ที่ไหน แต่คำถามนั้นก้ไร้คำตอบมาจนถึงปัจจุบันนี้ และวันนี้เธอจะต้องรู้มันให้ได้
"พ่อของลูกเขาไม่มีเวลามาหาหรอกลูกพ่อของลูกอยู่ไกล"
"ทำไมจ๊ะ ถ้ารักเราจริงก็ต้องมาหาเราบางแต่นี้ไม่เคยเลยแม้ซักครั้งเดียว หรือว่าแม่โกหกที่จริงแล้วพ่อไม่เคยต้องการเรา ที่จริงแล้วพ่อทิ้งเราไปใช้ไหมจ๊ะ" นัทชาลุกขึ้นจากตักแล้วมองหน้าของมารดาเขม็ง ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นภาพของวันนั้นก็ผุดเข้ามาในโสตประสาทของหญิงวัยกลางคนในทันที น้ำตาที่พยายามกลั่นไว้ไม่ให้ไหลทุกครั้งที่ถูกถามคำถามเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นก็เอ่อล้นออกมา นัทการ์มองใบหน้าลูกสาวที่มีส่วนคล้ายชายที่รักด้วยความเจ็บปวด ฝ่ายนัทชาที่เห็นว่าแม่ของตนร้องไห้ก็รู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่เธอพูดทุกอย่างเป็นความจริง ผู้ชายที่เธอเฝ้าถามเฝ้าคิดถึงไม่เคยต้องการเธอเลยซักนิดเป็นเธอเองฝ่ายเดียวที่ต้องการเขา
หญิงสาวโอบกอดมารดาของตนเอาไว้แน่นพร้อมกับความเกลียดชังที่ก่อตัวขึ้นแทนที่ความรักที่มีต่อผู้ชายคนนั้น
"ขวัญเกล้าลูกอย่าโกรธพ่อของลูกเลยนะ ทุกอย่างที่เป็นแบบนี้เพราะแม่เองแม่เป็นฝ่ายที่ไม่คู่ควรกับพ่อของลูก"
"แม่อย่าโทษตัวเองเลยจ๊ะ ความผิดทุกอย่างมันอยู่ที่ผู้ชายคนนั้น ถ้าเขารักแม่ของเกล้าจริงเขาคงไม่ทิ้งเราเอาไว้อย่างนี้หรอกเกล้าเกลียดเขา"
คำว่า "เกลียด" ที่ออกมาจากปากของลูกสาวราวกับมีดที่ค่อยๆกรีดลงไปบนหัวใจของนัทการ์ เพราะเธอไม่เคยต้องการให้ขวัญเกล้าหรือนัทชาเกลียดผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อยเพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นคนมอบสิ่งที่สำคัญที่สุดมาให้กับเธอก่อนที่เขาจะจากไป เขาไม่ได้ทิ้งเธอไว้เพียงคนเดียวแต่เขาทิ้งของขวัญที่ดีที่สุดไว้ให้กับเธอ...
"ไม่นะลูก... ขวัญเกล้าฟังแม่นะไม่ว่าจะยังไงลูกห้ามเกลียดพ่อของลูกเด็ดขาดเพราะถ้าไม่มีเขา แม่ก็คงจะไม่ได้รับของขวัญที่พิเศษอย่างลูกมา จำไว้นะขวัญเกล้าว่าพ่อของลูกรักลูกที่สุด"
"ไม่จริงพ่อไม่เคยรักเกล้า ไม่เคยรักแม่ ถ้ารักพ่อคงจะไม่ทำอย่างนี้หรอก คงไม่ทิ้งให้แม่ ให้เกล้าลำบากอย่างทุกวันนี้ ส่วนเขาก็ไปเสวยสุขอยู่คนเดียว"
หญิงสาวพูดทั้งน้ำตา ทั้งโกรธ ทั้งแค้นและทั้งสับสนว่าทำไมผู้เป็นแม่ถึงได้ยังรักยังบูชาผู้ชายคนนั้น และยังบอกให้เธออย่างเกลียดเขาทั้งๆที่เขาเป็นคนทิ้งเธอและแม่ของเธอไปอย่างไม่ใยดี
"ขวัญเกล้าฟังแม่นะ พ่อของลูกเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับแม่ เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของแม่แม้ว่าเขาจะเป็นคนทิ้งแม่ไปก็ตาม แต่แม่ก็ไม่เคยเกลียดเขา เพราะฉะนั้นลูกไม่จำเป็นต้องโกรธแค้นแทนแม่ แม่ไม่อยากให้ลูกของแม่ต้องเจ็บปวดแทนแม่ เพราะมันยิ่งทำให้แม่เจ็บปวดมากขึ้นที่ได้รู้ว่าลูกของแม่เกลียดพ่อผู้ให้กำเนิด"
"แม่จ๋า" ขวัญเกล้าโผเข้ากอดมารดาอันเป็นที่รัก ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเธอจะทำได้ยังไงในเมื่อเธอไม่เคยได้รับความรักจากผู้ชายคนนั้น แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นคนที่มอบความเจ็บปวดและน้ำตาให้กับแม่ของเธอ
แต่ยังไงเพื่อความสบายใจของคนตรงหน้าเธอจรึงต้องตกลงและสัญญาว่าเธอจะไม่โกรธไม่เกลียดผู้เป็นพ่อของเธอ และไม่มีคำพูดใดออกมาจากทั้งสองคนอีก เหลือไว้เพียงความเงียบและเสียงหัวใจของคนทั้งสองเพียงเท่านั้น เสียงหัวใจหนึ่งที่รำร้องอ้อนวอนขอให้หัวใจอีกดวงหนึ่งไม่กลายเป็นหัวใจที่มีแต่ความแค้นความเกลียดชัง เพราะสิ่งที่เขาและเธอทำผิดพลาดในอดีต...
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงของตะหลิวที่กระทบกับกระทะด้วยฝีมือของนัทการ์ พร้อมกับกลิ่นกับข้าวที่หอมฉุยทำให้คนขี้เซาตื่นจากการหลับไหลเดินดุ่มๆเข้ามาในครัวด้วยอาการงัวเงีย
"แม่จ๊ะวันนี้ทำอะไรกินจ๊ะหอมจัง"
"ผัดเปรี้ยวหวานของโปรดกับน้ำพริกปลาทูจ๊ะ"หญิงวัยกลางคนตอบโดยไม่หันหน้ามา
"ว้าว น้ำลายไหลเลยจ๊ะแม่ ถ้าอย่างนั้นหนูไปจัดโต๊ะรอนะจ๊ะ"
"ไม่ต้องเลยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยเลยเดี๋ยวแม่จัดการเอง"
"ก็ได้จ๊ะ"หญิงสาวยิ้มแหย่ๆแล้วเดินออกไปจากครัวทันที นัทการ์ได้แต่ส่ายหัวกับความเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตของลูกสาวอย่างขบขัน
ภายในห้องประชุมหรู ชายวันกลางคนนั่นมองออกไปนอกกระจกห้องในชั้นที่สี่สิบอย่างเหมอลอย พลางถอนหายใจเป็นระยะๆ
"ท่านค่ะคุณเกศินีมาขอพบค่ะ"เลขาสาวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าซีดเผือดพูดขึ้น
"บอกว่าผมไม่สะดวก"
"ทำไมถึงไม่สะดวกค่ะคุณพี่"ยังไม่ทันที่เลขาสาวจะเดินออกไปแจ้งบุคคลที่บอกว่าจะรออยู่ข้างนอกก็ถือวิสาสะเข้ามาเสียแล้ว ชายวัยกลางคนถอนหายใจเหือกใหญ่ อย่างรำคาญเต็มที ส่วนเลขาสาวก็รีบเดินออกไปทันทีเช่นกัน
"มีอะไรก็พูดมาคุณหญิงอีกไม่กี่นาทีผมมีประชุม"
"มันจะมากเกินไปแล้วนะค่ะในสิ่งที่คุณทำคุณถอดหุ้นบริษัทของยายนราลูกสาวของคุณไปให้กับใครก็ไม่รู้ได้ยังไงค่ะแล้วยังหุ้นของตานท คุณก็ถอดไปยกให้กับไอ้ภูมิภัทรนั่น คุณทำอย่างนี้ได้ยังไงค่ะฉันไม่ยอม...ฉันไม่ยอมจริงๆด้วย!!"
"มันมีอะไรที่มากไปตรงไหนเหรอคุณหญิงที่ผมจะยกหุ้นให้กับลูกสาวของผมกับหลานชายของผมเพื่อให้เขามาบริหารงานแทนผมในวันข้างหน้า คุณก็รู้ดีหนิว่าลูกของคุณสองคนใช้เงินเก่งและมีความคิดเป็นเด็กขนาดไหนถ้าขืนผมให้มาบริหารงานบริษัทไม่พังรึไง"
"อะไรนะค่ะ...ลูกสาวคุณมีลูกสาวกับใครที่ไหนทำไมคุณเป็นผู้ชายอย่างนี้ทำไมคุณทำอย่างนี้กับฉัน!!!" คุณหญิงเกศินีมองใบหน้าสามีอย่างเดือดดาลซึ่งตรงกันข้ามกับคุณ พิภพโดยสิ้นเฉิงที่มองใบหน้าหญิงตรงหน้าอย่างเฉยเมยและเอือมระอา
"ผมไม่จำเป็นที่จะต้องบอกคุณ และตอนนี้คุณออกไปจากห้องประชุมได้แล้วไม่อย่างนั้นผมจะเรียกคนมายกคุณออกไป"
"คุณพิภพ!!!"
คุณหญิงเกศินีตวาดลั่นแล้วเดินกระทืบเท้าออกไปในทันที ด้วยอารมณ์โกรธ
เมื่อคุณหญิงเกศินีออกไป เหล่าบรรดาพนักงานก็เริ่มทยอยกันเข้ามาในที่ประชุม แล้วการประชุมก็เริ่มขึ้นในเวลาถัดมา
"ผมขอแนะนำรองประธานบริษัทคนใหม่ คุณภูมิภัทร นฤบดินทร์ หลานชายของผมเอง"
คุณพิภพแนะนำชายหนุ่มร่างสูงที่มีดวงตาที่เด็ดเดี่ยวให้กับทุกคนได้รับรู้ว่าต่อจากนี้ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าของทุกคนมีอำนาจสูงสุดรองจากเขา ใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งรอยยิ้มนี้ช่างดูน่ากลัวและน่าเกรงขามอยู่ในเวลาเดียวกัน ทุกคนมองเขาด้วยแววตาที่ชื่นชม
"เอาล่ะนี่ถือว่าเป็นข่าวดีเรื่องที่หนึ่งเพราะในวันนี้ผมมีข่าวดีถึงสองเรื่องมาบอกกับทุกคน" คุณพิภพกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"เรื่องอะไรค่ะท่านประธาน" เมษาผู้จัดการฝ่ายการเงินถามขึ้นอย่างสนใจ
"ผมจะจัดงานตอนรับลูกสาวคนโตของผมที่บ้านในอีกสองวันข้างหน้า"
"ลูกสาวคนโต..."ภูมภัทรพึมพำด้วยความสงสัยเพราะนอกจาก นราภัทร เขาก็ไม่เคยได้ยินคุณพิภพพูดถึงลูกสาวคนโตอีกคนเลย
"ใครกันครับคุณลุง"
"เอาไว้ วันงานทุกคนค่อยรู้ก็แล้วกันนะ " ชายวัยกลางคนพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแล้วทิ้งความสงสัยไว้ให้กับทุกคน เพียงเท่านั้นแล้วก็เริ่มการประชุมอย่างเป็นทางการในทันที
"ขวัญเกล้า...มีจดหมายมาถึงหนูจ๊ะ" ญาดาครูสาวยื่นจดหมายซองสีน้ำตาลให้กับเธอพร้อมรอยยิ้มหวาน
"ขอบคุณค่ะครูญาดา"หญิงสาวรับมันมาแล้วดูที่จดหมาย ที่ส่งถึงเธอซึ่งจ่าหน้าซองมาจาก นายพิภพ คหบดินทร์ เธอขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงงๆเพราะเธอไม่รู้จักคนที่มีชื่อว่าพิภพเลย แต่เธอรู้ว่าเขาต้องรู้จักเธออย่างแน่นอน
"เปิดดูซิจ๊ะเกล้า"
"ค่ะครู" หญิงสาวเปิดจดหมายดูอย่างช้าๆในใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น
ถึงนางสาวนัทชา มณีแก้ว
"ขวัญเกล้า" ลูกรักพ่อต้องขอโทษด้วยที่ทอดทิ้งแม่และลูกไปในตอนนั้น พ่อไม่ทันที่จะได้อธิบาย ไม่ทันที่จะได้พูดขอโทษ ไม่ทันแม้แต่จะเช็ดน้ำตาของแม่ของลูก พ่อทำได้เพียงแค่บอกว่า "ลาก่อน" เท่านั้น แล้วพ่อก็เดินออกมาจากชีวิตของแม่ของลูก นับจากวันนั้น
พ่อรู้ว่าสิ่งที่พ่อทำมันผิด ผิดต่อนัทการ์ ผิดต่อลูก ความผิดที่พ่อได้กระทำมันมากเกินที่ลูกจะให้อภัย แต่พ่ออยากจะขอให้ลูกให้อภัยพ่อสักครั้งจะได้ไหม พ่อแค่อยากจะขอโอกาสที่พ่อเคยทิ้งไปกลับมา พ่ออยากจะเป็นพ่อที่ดีที่สุดของลูก และเป็นสามีที่ดีที่สุดของนัทการ์ตั้งแต่วันที่พ่อรู้ว่าในท้องของภรรยาสุดที่รักมีดวงใจของพ่ออีกดวงอยู่ข้างใน แต่แล้ว ความฝันทั้งหมดก็พังทลาย เมื่อคำว่าหน้าที่ของลูกชายเข้ามาแทนทีทุกอย่าง พ่อต้องกลับไปทำหน้าที่ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล คือพ่อต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ตระกูลเห็นแล้วว่าเหมาะสม แต่เขาไม่รู้เลยว่าพ่อเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น พ่อต้องแอบร้องไห้คิดถึงลูกกับแม่ของลูกทุกวัน พ่อเฝ้าคอยมาตลอดเฝ้ารอวันนี้ที่กำลังจะมาถึง วันที่ลูกและแม่ของลูกจะมาอยู่กับพ่ออีกครั้ง ในวันนั้นพ่อกลัวไปซะทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ในวันนี้พ่อไม่กลัวอะไรอีกแล้ว สิ่งที่พ่อกลัวอย่างเดียวตอนนี้และขณะนี้คือ พ่อกลัวว่าลูกของพ่อจะเกลียดพ่อ ไม่ยอมรับพ่อและพ่อจะไม่เจอหน้าลูกอีกตลอดชีวิต
ขวัญเกล้าพ่อขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ถ้าลูกได้อ่านจดหมายนี้ก็แสดงว่า ณ ตอนนี้พ่อได้อยู่กับแม่ของลูกแล้ว กลับมาอยู่กับพ่อนะลูกรัก....
รักลูกเสมอ
"พ่อ"หญิงสาวเปล่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบามือน้อยๆกำจดหมายเอาไว้แน่น ดวงตาทั้งสองข้างเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มขาว
"ขวัญเกล้าเป็นอะไรไปจ๊ะ" เมื่อครูสาวเห็นอย่างนั้นก็ถามอย่างตกใจ หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าแล้วโผเข้ากอดครูสาวไว้แน่น
"ครูขาพ่อรักเกล้า พ่อไม่ได้อยากทิ้งเกล้าไปไหน แต่เกล้าก็ยังคิดที่จะเกลียดพ่อทั้งๆที่แม่ของเกล้าแล้วว่าพ่อรักเกล้า เกล้าเป็นลูกที่แย่มากเลยใช่รึเปล่าค่ะครู"
"เกล้าฟังครูนะในบางครั้งเราก็มักจะทำอะไรผิดๆได้เสมอเพราะความไม่รู้หรือรู้แล้วไม่ยอมรับ ต่อไปเกล้าจะต้องเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เกล้าจะใช้อารมณ์ในการตัดสิ้นแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วนะเกล้า ต่อไปเราต้องใช้สติกับปัญหาหรืออะไรก็ตามแต่ที่เข้ามาในชีวิต...ไม่ว่าจะยังไง ณ ตอนนี้เกล้ารู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ครูขอให้เกล้าโชคดีกับชีวิตใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นและมีความสุขกับมันนะจ๊ะ"
"ค่ะครู"หญิงสาวยังคงกอดร่างบางของครูสาวไว้แน่น
"ขวัญเกล้า" พลันเสียงเรียกอันแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังขวัญเกล้าผล่ะออกจากครูญาดาแล้วหันกลับไปหาเจ้าของเสียง แล้วเธอก็พบกับหญิงวัยกลางคนยืนเคียงอยู่กับชายวันกลางคนที่เธอไม่เคยพบ แต่สิ่งที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้านี้ทำให้เธอแน่ใจว่าเขาคือพ่อของเธอ คนทั้งสองยิ้มให้เธออย่างมีความสุข รอยยิ้มของแม่ที่เธอไม่เคยได้เห็นในวันนี้เธอก็ได้เห็นมันซักที รอยยิ้มแห่งความสุขที่แท้จริงที่ออกมาจากใจ ไม่ใช่รอยยิ้มที่แค่อยากให้หญิงสาวรู้ว่าแม่ของเธอไม่ได้ทุกข์
"แม่...พ่อ" หญิงสาววิ่งเข้าไปหาคนทั้งสองแล้วโผเข้ากอดทั้งสองเอาไว้ทันที คำถามที่เกิดขึ้นในใจเธอตลอดเวลาหลายสิบปีวันนี้เธอก็ได้รู้แล้วว่าทำไม แม่ของเธอไม่เคยโกรธพ่อเลย เพราะแม้รู้และแม่เชื่อในตัวของผู้ชายตรงหน้าว่าเขาจะต้องกลับมา และวันนี้เขาก็กลับมาจริงๆ
"ขอบคุณนะค่ะพ่อที่กลับมา"
หญิงสาวยิ้มอยู่ภายในอ้อมกอดของคนทั้งสองอย่างมีความสุขโดยไม่รู้เลยว่ามีบางคนกำลังมองทั้งสาวคนด้วยแววตาชิงชัง....
"นังผู้หญิงคนนี้นี่เองที่ทำให้คุณเป็นอย่างนี้ ค่อยดูนะฉันจะไม่มีวันให้พวกแกได้อยู่ด้วยกัน..."
ภายในห้องทำงานที่ถูกจัดเป็นระเบียบ ชายหนุ่มที่เพิ่งได้รับตำแหน่งรองประธานบริษัทมาหมาดๆกำลังนั่งเหมอลอยอยู่อย่างไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาถึงตัวเขา มือบางๆทั้งสองข้างเข้าปิดตาของเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
"ทายสิใครเอ่ย"เสียงหวานๆดังขึ้นข้างหูของเขา ชายหนุ่มจิปากอย่างรำคาญก่อนที่จะแกะมือน้อยๆออก
"เล่นอะไรนรา"ชายหนุ่มถามเสียงเรียบจนเด็กสาววันสิบห้ากอดอกมองชายหนุ่มวันยี่สิบสองอย่างอารมณ์เสีย
"โถ่พี่ภัทรทำไมถึงเป็นคนอย่างนี้ค่ะนราแค่อยากจะมาเซอร์ไพร์...ไม่สนุกเลยแหะ ช่วยสนใจนราหน่อยได้รึเปล่าค่ะนราเป็นว่าที่คู่หมั้นพี่ภัทรนะค่ะ" เด็กสาวพูดแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนตักของชายหนุ่มทันทีแล้วกอดเขาไว้แน่น ภูมิภัทรได้แต่ส่ายหน้าไม่คิดว่าเด็สาวอายุเพียงสิบห้าปีจะเป็นได้ถึงขนาดนี้
"ลงไปนรามันไม่เหมาะ"ภูมิภัทรบอกแต่นราภัทรไม่มีที่ท่าว่าจะทำตาม
"พี่ภัทรจะกลัวอะไรค่ะถึงคนอื่นเขาเห็นก็ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เพราะว่าเขารู้ว่าเราเป็นอะไรกัน"
"นราลุกเดียวนี้ เธออายุแค่สิบห้าเองนะอีกอย่างพี่ก็ไม่ได้คิดอะไรกับเธอเกินคำว่าน้องสาว"ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบแต่สร้างความหงุดหงิดให้แก่เด็กสาวในทันที นราภัทรลุกพรวดจากตักของชายหนุ่มแล้วกอดอกมองเขาตาเขียวปั๊ด
"พี่ภัทรจะคิดอะไรยังไงกับนราก็ช่างเถอะค่ะเพราะยังไงนราก็จะต้องกลายเป็นเจ้าสาวของพี่ภัทรอยู่ดี!!!"เด็กสาวกระทืบเท้าออกไปจากห้องทำงานของเขาทันที ชายหนุ่มกุมขมับอย่างปวดหัว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ