เรื่องความรักที่เห็นได้ชัดเลย คงไม่พ้นคิตามูระ ชายหนุ่มผู้เป็นเทวดาช้ำรัก ตั้งแต่ตอนแรกที่เค้าโดนไทกะสลัดรักในตอนแรก จนมาตอนที่เค้าหลงชอบประธานนักเรียนจนกลายมาเป็นกรรมการนักเรียน จนรู้ว่าประธานนักเรียนจะไปต่างประเทศ ทำให้เค้าหมดอาลัยตายอยาก จนเมื่อเค้ากลับมาอีกครั้ง เค้าสารภาพรัก แต่ถูกปฏิเสธกลับ
คิตามูระ จึงนับเป็นตัวแทนแห่ง คนผิดหวังในรัก แล้วลุกขึ้นสู้ ผมมองสังคมสมัยนี้ แค่ผิดหวังในรักก็มิอาจจะทำอะไรกิน เช่นเดียวกับคิตามูระในช่วงแรก แต่สุดท้ายหลังจากที่เค้ารู้ความจริงจากปากของท่าประธาน เค้าก็พร้อมจะลุกขึ้นสู้ต่อไป (แต่ใจจริงๆก็สงสารประธานเหมือนกัน)
อย่างที่เรารู้กันว่า ไทกะชอบคิตามูระ ริวจิชอบมิโนริน ซึ่งจริงๆเรื่องที่หนักคือ เรื่องของไทกะกับมิโนริน
จริงๆแล้ว มิโนรินเริ่มชอบริวจิตั้งแต่ตอนที่ร่วมกันวิ่งเพื่อไทกะ ซึ่งภายหลังมิโนรินก็เริ่มหนีห่างจากริวจิ ซึ่งจริงๆเธอก็คิดจะบอกรักริวจิ หากแต่เธอไม่เผอิญไม่เจอเหตุการณ์ในตอนที่19 (ซึ่งหลายๆคนอาจจะขึ้นเป็นตอนที่ปวดร้าวใจเหลือหลาย)
มิโนรินยอมเสียสละริวจิเพื่อไทกะ เพื่อนสนิทที่คบกับเธอมานานแสนนาน เช่นกันกับไทกะ ที่ยอมทิ้งใจที่ตัวเองแอบรักริวจิเพื่อให้สมหวังกับมิโนริน โดยเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ จนทำให้มิโนรินทนไม่ไหว
คู่พระนางของเรื่อง ซึ่งตรงนี้มีเรื่องพูดเช่นกัน อย่างที่รู้กันตอนแรกทั้งคู่นั้นเป็นเพียงแค่เพื่อนที่หวังผลประโยชน์กัน (ฮา) แต่เพราะเหตุใดทำไมทั้งคู่จึงหลงรักกัน
คู่พระนางของเรื่อง ซึ่งตรงนี้มีเรื่องพูดเช่นกัน อย่างที่รู้กันตอนแรกทั้งคู่นั้นเป็นเพียงแค่เพื่อนที่หวังผลประโยชน์กัน (ฮา) แต่เพราะเหตุใดทำไมทั้งคู่จึงหลงรักกัน
ริวจินั่นทำตัวเหมือนผู้ปกครองไทกะ แน่นอนเค้าพร้อมช่วยไทกะทุกเรื่องหลังจากที่เค้ารู้ปูมหลังเธอ (ปูมหลังไทกะเดี๋ยวจะเล่าอีกที) เค้าพร้อมที่จะช่วยไทกะทุกเรื่องอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สังเกตุได้จากตอนที่19 ที่เค้าเลือกที่จะไปหาไทกะ มากกว่า รอมิโนริน ความรู้สึกรัก และ ห่วง ไทกะของริวจิจึงก่อเกิดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เช่นเดียวกับไทกะ ที่ถึงแม้เธอจะรักคิตามูระก็จริง แต่ใจจริงๆของเธอเริ่มที่จะรักริวจิ จากการที่เค้าคอยอยู่ข้างเธอตลอดเวลาไม่ว่าจะเช่นไรก็ตาม ไทกะมารู้เอาตอนที่ตัวเองกำลังสูญเสียริวจิไปนั่นแล ว่าเธอนั้นรักริวจิ
อามิ นับเป็นตัวละครที่มีความสำคัญของเรื่องอีกคนนึง หลายๆคนอาจไม่ชอบการกระทำของเธอในหลายๆครั้ง แต่จริงๆและเจตนารมณ์แท้จริงของอามิ กลับดีซะจนต้องยกนิ้วเลย
เนื่องด้วยอามิทำงานกับผู้ใหญ่มาเยอะ ทำให้อามิมีความคิดแบบผู้ใหญ่ อามิจึงมองเกมออกทั้งหมด แลพยายามให้กลุ่มเพื่อนกับมารักกันเพราะเธอรู้ว่า ถ้าริวจิยังทำตัวเป็นผู้ปกครองไทกะต่อไป ไทกะจะรักริวจิ และจะมีเรื่องไปถึงมิโนริน และกระทบถึงทั้งหมด และเธอก็คิดถูกหมดด้วยสิ การที่เธอพูดถากถางมิโนรินในตอนทัศนศึกษา ถึงแม้จะรุนแรงก็จริง แต่ก็อย่างที่รู้ว่าอามิไม่อยากให้กลุ่มเพื่อนแตกกัน
ที่อามิไม่อยากให้กลุ่มเพื่อนแตกกัน เพราะเธอย้ายมาเรียนที่นี้เธอได้พบเพื่อนที่เธอรอคอยมานาน ทั้งความอบอุ่นที่ได้มาจากริวจิ การคุยกันแบบถึงพริกถึงขิงของไทกะ ทำให้อามิไม่อยากให้เพื่อนกลุ่มนี้ต้องแตกกัน เพียงแต่การแสดงออกของเธอจะดูรุนแรงไปซักนิดตามสไตล์ของเธอเท่านั้นเอง อามิจึงนับเป็นอีก1ตัวละครที่มีความน่าสงสารพอสมคว
ความรักและความห่วงใยในหมู่เพื่อนๆห้อง 2-C
ในตอนแรกๆของซีรีย์ คนทั้งห้องกลัวไทกะ (ในฐานะฝ่ามือพยัคฆ์) และกลัวริวจิ(หน้าตาเหมือนกุ้ย) แต่ภายหลังจากที่ไทกะเริ่มเปิดใจมากขึ้น ทำให้คนเริ่มเข้าหาเธอมากขึ้น ริวจิที่เริ่มมีคนเข้าหามากขึ้นเช่นกัน ทำให้เกิดมิตรภาพเพื่อนเพิ่นพูนขึ้น จนกลายเป็นเรื่องขำๆในห้องเกือบทุกตอนไป
แต่อะไรคงไม่แสดงถึงความเป็นเพื่อนได้มากกว่า ฉากที่ทุกคนในห้องรู้ว่าไทกะย้ายโรงเรียนในตอนสุดท้าย หลังจากทุกคนรู้ ทุกคนในห้องพร้อมใจกันส่งSMSไปหาไทกะ ฉากนี้อาจดูตลก แต่มันซึ้งอย่างบอกไม่ถูกนะ ในความห่วงใยของกลุ่มเพื่อนห้อง2-C ที่ตอนแรกต่างก็กลัวไทกะ ซึ่งไทกะส่งSMS เป็นรูปดาวที่เธอถ่ายไว้ก่อนย้ายบ้าน หมายถึงเธอจะพยายามเต็มที่ ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง ตรงนี้ทำให้รู้ว่า ไทกะก็รักและห่วงใยเพื่อนๆห้อง2-C เช่นกัน ทั้งหมดจึงพร้อมใจถ่ายรูปรวมเพื่อส่งให้เป็นของขวัญแก่เด็กขี้เหงาอย่างไทกะ
จุดนี้ทำให้ผมรู้สึกหวนระลึกเพื่อนๆสมัยมัธยม ถึงแม้ผมจะเป็นโรงเรียนชายล้วน แต่ผมเข้าใจจุดส่วนที่เพื่อนๆต่างก็ห่วงใยกันและกัน เพราะก็มีเพื่อนผมคนนึงที่ย้ายโรงเรียนไปเรียนต่างประเทศ แน่นอนเราห่วงใยเค้ามากๆ ไม่ต่างกับในเรื่องเลย ทำให้ฉากนี้ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ
ที่ทิ้งไทกะ แล้วอยู่ๆก็ขอมาอยู่กับไทกะ ซึ่งสุดท้ายไทกะก็ยอม แต่สุดท้ายเค้าก็ห่วงตัวเองมากกว่าลูกสาว ตรงนี้จึงทำให้เข้าใจว่า ทำไมไทกะจึงต้องอยู่คนเดียวมาตลอด เพียงเพราะพ่อของเธอเห็นแก่ตัวมากกว่าความสุขของลูกสาว ที่ทำดีกับลูกสาวนั้นเป็นเพียงแค่ละครตบตาเพียงอยากให้ไทกะมองเค้าในมุมมองที่ดีขึ้น สุดท้ายเมิ่อไทกะเชื่อมั่น เค้าก็ทำลายความเชื่อมั่นของไทกะอย่างหมดสิ้นในงานวัฒนธรรม จึงไม่น่าแปลกที่ไทกะจะหนีมาอยู่คนเดียว ทำให้ไทกะมีปมทางจิตเรื่องของการอยู่คนเดียวมาโดยตลอด ทำให้เธอรู้สึกดีใจและอิ่มใจที่เวลายาจังพูดว่าไทกะคือคนในครอบครัว แล้วเธอจะยิ้ม
อีกเรื่องคือ “ครอบครัวของริวจิ” ริวจิเกิดจากนักเลงที่เกิดไปกระทำ…..กับยาจัง ทำให้ริวจิเกิดมา แล้วก็ทอดทิ้ง ทำให้ยาจังต้องทำงานหนักเพื่อริวจิ ในทางกลับกันริวจิก็ห่วงใยยาจังเช่นกัน ทำให้อนาคตของริวจินั้นอยากทำงานช่วยยาจังมากกว่าที่เค้าจะเรียนต่อมหาวิทยาลัย ทำให้ตอนที่24นั้น ริวจิพูดรุนแรงกับยาจังที่เธอต้องการให้ลูกของเธอนั้นตั้งใจเรียนเพื่ออนาคต ริวจิโกรธเพราะว่า ยาจังยังมองเค้าเป็นเด็กนั้นเอง
ประเด็นนี้จิ๊ดหัวใจมากๆ เพราะผมก็เคยเป็นแบบนั้น หลายๆคนคิดว่าตัวเองนั้นโตเป็นผู้ใหญ่ที่จะคิดอะไรเองแล้ว จนบางทีอาจเถียงกับพ่อแม่เลยทีเดียว แต่บางครั้งเมื่อกลับมานั่งคิด กลับรู้สึกว่าตัวเองมีความคิดแบบเด็กๆ บางครั้งไอ้การที่เราคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ทำให้ความคิดหลายๆอย่างของเราเป็นเด็กได้เช่นกัน เช่นที่ริวจิคิดไว้ “จนถึงวันเกิดอายุ18ของเรา เราก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี”
แล้ว Toradora! ให้อะไรเราล่ะ?
บ่นมาเยอะ หลายๆท่านอาจจะรู้สึกว่า แล้วตกลงToradora ให้อะไรอะ
1.ความอิ่มใจ : Toradora นับเป็นอนิเมไม่กี่เรื่องในยุคนี้ก็ว่าได้ ที่ทำให้ดูแล้วรู้สึกอิ่มใจ ทั้งความน่ารักของตัวละคร มุกน่ารักๆ รวมทั้งฉากประทับใจหลายๆฉากที่ทำให้ชวนอิ่ม และซึ้งกินใจอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาผมไหลไม่ได้เพราะมันเศร้า แต่มันอิ่มใจต่างหาก
2.สะท้อนปัญหาสังคม : Toradora เป็นอนิเมที่สะท้อนสังคมได้แบบเงียบๆแต่เจ็บ โดยเฉพาะเรื่องครอบครัวของไทกะ ที่พ่อของไทกะกลับสร้างภาพให้ลูกสาวตนเองกลับมาเชื่อมั่น แต่ในความจริงเค้าก็แค่ห่วงตัวเองเหมือนเดิม และเรื่องกรณีของพ่อริวจิ ที่เราเห็นบ่อยแล้วในสังคมไทย
3.ความรัก : Toradora ทำให้เรามองความรักเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ต้องเข้าใจ และยากจะหยั่งถึงมากขึ้น ความรักเปรียบเหมือนดาบ2คม ถ้าเราไม่ควบคุมมันให้ดี มันจะเข้ามาหาเรา Toradora สะท้อนมุมมองความรักในหลายรูปแบบและดีเยี่ยมจริงๆ
4.มิตรภาพในเพื่อน : Toradora ใช้มุมมองคำว่าเพื่อนได้อย่างเข้มข้นและคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเสียลสละของมิโนริน การกระทำของอามิ ล้วนแต่สะท้อนเรื่องราวของคำว่าเพื่อน และเรื่องราวของความห่วงใยในเพื่อนของห้อง2-C ที่จะทำให้เราประทับใจไม่รู้ลืม
สรุป : Toradora นับเป็นอนิเมที่ครบรส ทั้งความสนุก เข้มข้น และข้อคิด ใครที่ยังลังเลว่าจะดูดีไหม ผมขอแนะนำเรื่องนี้ และเชียร์อย่างสุดใจขาดดิ้นไปข้างเลยฮะ