DNA Detective สายเลือดพันธุ์ใหม่ หัวใจนักสืบ ตอนที่ 1

10.0

เขียนโดย TeerapornChuaysopa

วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 15.32 น.

  2 บท
  3 วิจารณ์
  6,476 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) วิดีโอฆาตกรรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ท่ามกลางตึกรามอาคารต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่รอบทิศเขตชูโอนั้น สว่างไสวไปด้วยแสงไฟกะพริบระยิบระยับสว่างไสวในยามที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง  ดึงดูดนักท่องราตรีทั้งหลายทั้งชายและหญิงให้มาเยือนอยู่บ่อยครั้ง แต่ที่เห็นจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นตึกสูงระฟ้าใจกลางเขตอย่าง  Magic Hotel ที่เปรียบดังศูนย์รวมของความบันเทิงต่าง ๆ และความสะดวกสบายมากมายไว้ในองค์ประกอบเดียวกัน ซึ่งตอบโจทย์ผู้พักอาศัยในโรงแรมและแขกผู้มาเยือนมากมาย จนได้รับความนิยมให้เป็นโรงแรมที่หรูที่สุดระดับ 5 ดาว

                ทว่า ... เสียงหัวเราะร่าแห่งความสนุกสนานก็จบลง กลายเป็นความหวาดหวั่นและพรั่นพรึงต่อเหตุการณ์แสนสยดสยองตรงหน้า ที่เกิดขึ้นบนชั้น 7 ของโรงแรม

                สายกั้นสีเหลืองเริ่มถูกกั้นที่หน้าประตูห้อง 709 ในทันทีโดยพวกตำรวจที่เพิ่งมาถึง ก่อนที่พวกเขาจะพบกับข้าวของที่กระจุยกระจายไปทั่วห้อง

                ... และคราบเลือดสดจำนวนมากที่ไหลเป็นทางยาวจนไปถึงหน้าระเบียง ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

                ภายในห้องน้ำที่ใหญ่สมฐานะเจ้าของห้อง และการตกแต่งที่ดูดีมีไฮคลาสดังมหาเศรษฐี ทำให้ห้องน้ำแห่งนี้กลายเป็นดังสรวงสวรรค์เหมือนกับห้องนอนก็ไม่เชิง ทว่าภาพเหล่านี้ก็ได้ถูกทำลายลงกลายเป็นความหวาดกลัวในพริบตา ทันทีที่อ่างน้ำสีขาวมีราคาและเป็นที่สะดุดตาที่สุดภายในห้องน้ำ เต็มไปด้วยคราบเลือดจำนวนมากที่ไหลย้อยมารวมกับน้ำใส ๆ ซึ่งล้นออกมาจากอ่างขนาดใหญ่ จนกลายเป็นสีแดงฉานดูน่าสยดสยองต่อผู้พบเห็น และเรื่องทั้งหมดก็ควรจะสรุปเป็น อุบัติเหตุ หากแต่ว่าไม่พบร่างอันไร้วิญญาณตัวขาวซีด ที่ถูกแช่อยู่ภายในอ่างใบนั้น ด้วยสภาพที่เปลือยเปล่าไร้ซึ่งเสื้อผ้าและไร้ซึ่งศีรษะ จนดูอนาถและอำมหิตผิดมนุษย์มนาจนเกินไป

                ซึ่งแน่นอนว่านี่ก็คือ คดีฆาตกรรม อย่างไม่ต้องสงสัย และตอนนี้ฉันกับแม่ก็กำลังถูกสอบปากคำโดยพวกตำรวจ ในฐานะพยานผู้พบศพคนแรก

                “ ผมมาจากหน่วยสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษแห่งกรมตำรวจนครบาลชื่อ อาชิโมโตะ  โซตะครับ ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้พบศพคนแรกครับ ”

                “ ฉันกับลูกสาวเป็นผู้พบศพเองค่ะ ”

                “ แล้วพวกคุณมีความสนิทสนมหรือรู้จักกับผู้ตายในระดับไหนงั้นเหรอครับ ”

                “ อย่าว่าแต่ไม่รู้จักเลยค่ะ ขนาดที่นี่ฉันยังไม่เคยมาเหยียบเลยด้วยซ้ำ ถ้าคุณคิดจะสงสัยฉันในฐานะผู้ต้องสงสัยล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วล่ะค่ะ เพราะว่าคงไม่มีใครที่จะพาลูกสาวมาฆ่าคนด้วย จริงมั้ยล่ะคะ  ”

                “ เอ๋ ? แล้วคุณรู้ได้ยังไงล่ะครับ ”

                ทันทีที่นายตำรวจเอ่ยปากถามขึ้นพร้อมกับแววตาแฝงข้อกังขามากมาย แม่ของฉันที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าเขาก็แสยะยิ้มออกมา ก่อนที่จะเดินวนไปวนมารอบตัวเขาราวกับว่า เธอกำลังเป็นตำรวจที่คาดคั้นความจริงจากผู้ร้ายปากแข็งเสียเอง

                “ คุณเนี่ยไม่เหมาะที่จะเป็นตำรวจเลยนะคะ  การแสดงออกทางสีหน้าและน้ำหนักของเสียงน่ะบ่งบอกถึงความคิดของคนแต่ละคนได้อย่างชัดเจนจนเป็นจุดอ่อนของพวกตำรวจในปัจจุบัน  หากว่าคุณทำสีหน้าและสายตาดุดันคาดคั้นจนเกินไป จะมีผู้ต้องสงสัยคนไหนเขาจะกล้าบอกคุณล่ะคะว่าเขาคือคนร้ายกันน่ะ ตรงกันข้ามเขาอาจจะกลืนความจริงและรุกคุณกลับด้วยซ้ำ และถ้าหากว่าคุณทำสีหน้าและสายตาเป็นมิตรต่อผู้ต้องหามากไป  เขาก็อาจจะยอมปริปากบอกบางอย่างกับคุณก็ได้ แต่ตรงกันข้ามมันอาจจะเป็นการเปิดช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ต้องหาย้อนคำถามกลับก็เป็นได้  ดังนั้นการเล่นละครและการตบตาด้วยสีหน้าควรทำอย่างใจเย็นและให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด จนกระทั่งหาช่องว่างของฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว เราจึงค่อย ๆ รุกจนเขายอมคลายความจริงออกมาไงล่ะคะ เรื่องแค่นี้น่ะคุณไม่ได้เรียนมาจริง ๆ เหรอคะ ”

                “ คุณเป็นใครกันแน่ คุณเป็นใครกันแน่น่ะครับ ทำไมถึงรู้เรื่องพวกนี้ได้น่ะ "่องว่างเมื่อไร เราจึงจะเป็นฝ่ายรุกเขาบ้าง้อนคำถามกลับก็เป็นได้ ทำไมถึงรู้เรื่องพวกนี้ได้น่ะ ”

                ด้วยรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์เหมือนผู้หยั่งรู้ทุกอย่างของแม่ ทำให้นายตำรวจตรงหน้าเธอแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ในความคิดความอ่านที่ไม่สมกับเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ วัย 30 กว่า ๆ เลย

                “ ขอโทษนะคะที่แนะนำช้าไปหน่อย แม่ของฉันนอกจากจะเป็นแม่บ้านแม่เรือนแล้ว เธอยังทำงานเป็นนักสืบด้วยน่ะค่ะ แต่ฉันว่ายังไงคุณก็น่าจะรู้จักเธอนะคะ ถ้าไม่เชื่อลองดูที่หน้าจอโทรศัพท์ของคุณสิคะ พอดีเมื่อกี้ฉันแอบเห็นแวบ ๆ น่ะค่ะ ”

            คำพูดที่เปรียบเสมือนคำใบ้ของฉัน กระตุ้นให้นายตำรวจหนุ่มเกิดข้อกังขามากขึ้น  จนต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู แต่ไม่ว่าจะมองกลับหัว หลับตามองข้างเดียวหรือเอียงคอมอง ก็ไม่ช่วยทำให้นึกออกเลยสักนิด ว่ามือถือของเขามันมีความแปลกอย่างไร กระทั่งทันทีที่นายตำรวจหนุ่มนำมันไปเทียงกับหน้าหญิงสาวผู้วางมาดเป็นนักสืบตรงหน้าอย่างแม่ของฉัน เขาก็ทำตาแวววับกระดี๊กระด๊าเหมือนเด็ก วิ่งตรงรี่ไปจับมือแม่ในทันใด ประดุจเจอกับดาราฮอลิวูดก็ไม่เชิง

                “ หรือว่าคุณก็คืออดีตนักสืบสาวม.ปลาย โยโกอิชิ  ฮารุมิ กันครับ ! ”

                “ ชะ ... ใช่ค่ะ นั่นน่ะเป็นชื่อของฉันก่อนแต่งงานน่ะค่ะ  ”

                “ ว้าว ! ในที่สุดผมก็ได้เจอตัวเป็น ๆ สักที ผมน่ะเป็นแฟนคลับคุณด้วยล่ะครับ คุณจำได้มั้ยครับเมื่อ 10 ปีก่อนน่ะผมเคยเจอคุณและถ่ายรูปคู่ของเราด้วยโทรศัพท์เครื่องนี้ไงล่ะครับ ”

                “ ขอบคุณนะคะ แต่ฉันจำไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ออกจะนานซะขนาดนั้นน่ะ ”

                แม่ของฉันเอ่ยปากพูดขึ้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มแห้ง ๆ ให้กับนายตำรวจที่ทำท่าเริงระรื่นอยู่ตรงหน้า  ทั้ง ๆ ที่สีหน้าเธอไม่ได้เป็นอย่างกับรอยยิ้มที่พยายามฝืนยิ้มออกมาเลย จะว่าก็ว่าเถอะนะมีสาวแก่อายุ 30 ที่ไหนที่พอดูรูปตัวเองเมื่อ 10 ปีก่อนแล้วยิ้มออกมาแก้มปริบ้างล่ะ

                “ ผมน่ะชอบคุณตั้งแต่ตอนอยู่ม.ปลายแล้วล่ะครับ นอกจากนี้น่ะผมก็ ... ”

                “ อะแฮ่ม ! ”

                ทันทีที่เสียงกระแอมกระไอของฉันดังขัดขึ้น นายตำรวจโซตะที่กำลังจะเริ่มออกนอกเรื่อง ก็กลับเข้าสู่โหมดเดิมในทันใด ก่อนจะทำน้ำเสียงกระแอมกระไอเหมือนกับฉันเพื่อแก้ขัดแก้เชิน และหันกลับมาทำการสืบสวนอย่างเอาจริงเอาจังดังเดิม

                “ อะแฮ่ม ! ดูจากสภาพการณ์แล้วคนร้ายตั้งใจที่จะกลบเกลื่อนเวลาการเสียชีวิต โดยการนำศพไปแช่ในอ่างน้ำสินะ จากการกระทำที่อำมหิตขนาดนี้ คาดว่าคนร้ายจะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่าง อย่างลึกซึ้งกับผู้ตายแน่ ๆ เลยล่ะครับ ”

                “ ว่าแต่คุณรู้หรือยังคะว่าผู้ตายมีชื่อว่าอะไร ”

                “ เราทราบชื่อของเธอจากใบขับขี่และบัตรประชาชนแล้วล่ะครับ รู้สึกว่าเธอจะชื่อ มินาสึกิ  ชิโมโตะ ทำงานเป็นนักแสดงน่ะครับ  ”

                “ ถ้าอย่างนั้นความเป็นไปได้ที่ผู้ตายจะมีความแค้นกับคนในวงการเดียวกันก็มีสูงเลยสินะ  ”

                “ ผู้หมวดครับในช่องแอร์มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ด้วยล่ะครับ !  ”

                เสียงเรียกของตำรวจนายหนึ่งดังขึ้นแทรกกลาง ในระหว่างที่ผู้เป็นหัวหน้ากำลังหารืออยู่กับนักสืบมืออาชีพอย่างแม่ของฉัน  ซึ่งในทันทีที่พวกเขาได้ยินว่าเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นภายในช่องแอร์  ผู้หมวดโซตะและเธอก็รีบเดินตรงไปยังต้นตอของเสียงเมื่อครู่ในทันใด ก่อนที่จะพบกับนายตำรวจผู้น้อยที่เขย่งยืนอยู่บนโต๊ะสูง กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับของบางอย่างที่อยู่ภายในช่องแอร์

                “ พบอะไรในช่องแอร์งั้นเหรอ ”

                “ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่รู้สึกว่าจะมีกลิ่นเหม็นแรงเลยล่ะครับผู้หมวด ”

                ในระหว่างที่กำลังทำการสำรวจภายในช่องแอร์ที่เต็มไปด้วยคราบฝุ่นนั้น ของบางอย่างที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในช่องนั้นก็ร่วงลงมาที่พื้นดังตุบพร้อมกับเศษฝุ่นจำนวนมาก และสิ่งสิ่งนั้นก็แทบจะทำให้ฉันเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นในทีเดียวเลยก็ว่าได้ เพียงเพราะของสิ่งนั้นกลับไม่ใช่ของธรรมดา ๆ หากแต่ว่ามันก็คือ

                ... ศีรษะของหญิงสาวผมรกรุงรังที่มีใบหน้าขาวซีด เต็มไปด้วยเลือดอันแดงฉานที่ไหลย้อยเป็นทางยาวจากไรผมลงมานองที่พื้น รวมถึงดวงตาที่เบิกโพรงราวกับตกใจอย่างสุดขีดนั้น แทบทำให้ฉันไม่อยากจะจำและปิดตาเพื่อไม่ให้เห็นมันอีกเลย

                “ นี่นายระวังหน่อยสิ ”

                “ ขอโทษด้วยครับผู้หมวดโซตะ ”

                เสียงติเตียนระหว่างผู้หมวดโซตะและลูกน้องดังไปถึงฝ่ายชันสูตรศพ จนต้องรุดมาเก็บกู้ชิ้นส่วนของศพส่วนที่เหลือซึ่งร่วงอยู่อย่างน่าอนาถด้วยมือ 2 ข้างที่ใส่เพียงแค่ถุงมือขาวในทันที  และด้วยสภาพการจับศีรษะของศพที่โชกไปด้วยเลือดราวกับเป็นเพียงแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งนั้น ทำให้ฉันซึ่งยังเป็นมือใหม่เกิดอาการสะอิดสะเอียนอยากอาเจียนอย่างมากที่สุด

                “ หนูปวดหัวนิดหน่อยขอหนูไปตากลมน่าระเบียงหน่อยนะคะแม่ ”

                “ ได้จ้ะ แล้วอย่าไปขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่เขาล่ะ ”

                เมื่อได้รับคำอนุญาตจากแม่ ฉันก็เดินถอยออกมาจากที่ตรงนั้นพร้อมกับทำท่าเบือนหน้าหนีและหลับตาปี๋ เดินมาจนถึงหน้าระเบียงในที่สุดด้วยสภาพของคนที่จิตตกหมดกำลังที่จะยืนเต็มที

                สายลมเย็นที่พัดหวนมาพอบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนของฉันไปได้บ้าง ถึงแม้ว่ามันจะช่วยอะไรมากมายไม่ได้ก็ตามที ซึ่งนี่ก็อาจจะเป๋นเพราะครั้งแรกของฉันที่อาจจะยังไม่ชินเหมือนมือโปรอย่างพวกตำรวจหรือแม่ รวมกับอาการที่เป็นคนกลัวของเหลวสีแดงที่เรียกว่า เลือด เป็นทุนเดิมมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว จึงทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพนี้ตลอด

                ฟิ้ว !!

                สายลมเอื่อย ๆ ที่เคยพัดมาเริ่มแรงขึ้นพร้อมกับหอบความหนาวเหน็บมาอย่างเต็มที่ จนฉันเริ่มรู้สึกถึงความวังเวงและขนลุกไปทั้งตัวโดยที่ไม่มีสาเหตุ ราวกับว่ากำลังมีใครกำลังจับจ้องมาทางฉันจากที่ไหนสักแห่งก็ไม่เชิง ทว่าสายลมนั้นไม่ได้หอบเพียงความหนาวเย็นยามราตรี แต่มันกลับพัดบางสิ่งบางอย่างจากราวตากผ้าข้างตัวฉันมาด้วย ก่อนที่สิ่งสิ่งนั้นจะลอยละล่องมาตกอยู่ตรงหน้าฉันอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าไม่ใช่ความบังเอิญ

                “ เสื้องั้นเหรอ ? ” ฉันพูดออกมาลอย ๆ พร้อมกับทำสีหน้าลังเลใจกับวัตถุที่พื้น ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจหยิบเสื้อสีขาวที่ถูกลมสะบัดมาตกตรงหน้าฉันขึ้นมา ทว่าทันทีที่ได้ลองสัมผัสเสื้อตัวนี้ความแปลกประหลาด และข้อกังขาก็ได้บังเกิดขึ้นภายในใจฉัน

                ... แปลกจริง ๆ จากสภาพการของศพ ผู้ตายน่าจะเสียชีวิตประมาณช่วงตอนเย็น ถ้าหากว่าเขาตากผ้าตั้งแต่ตอนนั้น เสื้อผ้าที่แขวนอยู่ก็ต้องชื้นนิด ๆ หรือไม่ก็แห้งไปแล้วสิ แต่นี่ทำไมถึงได้เปียกขนาดนี้ล่ะ แถมยังได้กลิ่นของผงซักฟอกนิด ๆ ที่เสื้ออีกด้วย ถ้าหากว่านี่ไม่ใช่การกระทำของผู้ตายก่อนที่จะเสียชีวิตเองล่ะก็ มันอาจจะเป็นฝีมือของคนร้ายก็เป็นได้ ว่าแต่เขามีจุดประสงค์อะไรถึงต้องทำเรื่องที่ผิดธรรมชาติอย่างนี้ด้วยล่ะ ...

            “ ผู้หมวดโซตะครับ เราพบเทปวิดีโอที่ถูกถ่ายล่าสุดวันนี้ด้วยล่ะครับ ”

                “ อย่างนั้นเหรอ ถ้าหากว่าใช้โทรทัศน์ห้องนี้เปิดดูคงไม่มีปัญหาสินะ ”

                “ ไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะทางเราได้เก็บตัวอย่างหลักฐานและรอยนิ้วมือไปหมดแล้วล่ะครับ ”

                ทันทีที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างนายตำรวจเจ้านายและฝ่ายลูกน้องแล้ว ฉันก็หูผึ่งและเดินปิดจมูกเข้าไปในห้องทันที พร้อมกับพยายามเบือนหน้าหนีไปในทิศทางตรงข้ามกับเลือดสีแดงฉานชวนผวาบนพื้นห้อง

                ติ๊ด !!

                เมื่อทุกคนมานั่งกันพร้อมหน้าพร้อมตาบนโซฟาหน้าโทรทัศน์จอยักษ์กลางห้อง เครื่องเล่นวีดีโอก็เริ่มทำงานในทันที หลังจากที่ปลายนิ้วเรียวของนายตำรวจได้กดปุ่มที่รีโมต และไม่นานนักบนหน้าจอที่ว่างเปล่าก็ปรากฏภาพจากวิดีโอวินาทีแสนระทึก ชวนไปสู่บรรยากาศชวนขนลุกในที่สุด

 

                ( Video’s play )

                ... “ ยินดีต้อนรับสู่วิดีโอส่วนตัวของมินาสึกิ ชิโมโตะค่ะ แต่อย่าเพิ่งแปลกใจนะคะว่าในมือฉันถืออะไรเต็มไปหมด นี่ก็คือวัตถุดิบของอาหารค่ำนี้ สตูว์เนื้อค่ะ ! ”

            สิ้นเสียงของมินาสึกิผู้เป็นเจ้าของกล้องวิดีโอ เลนส์กล้องที่โฟกัสไปที่ตัวของเธอ ก็ถูกปรับตำแหน่งเคลื่อนย้ายไปยังห้องที่มีสภาพเป็นห้องครัวในทันที ก่อนที่เลนส์กล้องจะซูมมาที่ใบหน้าของหญิงสาวอีกครั้งหนึ่งเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

            “ ที่วันนี้ฉันลงครัวจับกระทะเองนั้น เป็นเพราะวันนี้เป็นวันพิเศษที่จะมีแขกมาหาถึงห้อง แถมเขายังไม่ใช่แขกธรรมดา ๆ นะคะ แต่เขาคือแขก VIP สำหรับฉันเชียวล่ะ เพราะว่าเขาคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นเลย แต่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายของละครเสียงสะอื้นแห่งคลื่นทะเล และก็เป็นเจ้าของจดหมายขู่อาถรรพ์นั่นอีกด้วย แน่นอนว่าหลังจากที่วีดีโอนี้ได้อัดเสร็จลง อย่าว่าแต่คอนโดนี้เลยค่ะ คฤหาสน์หลังมหึมาก็อาจจะอยู่แค่หยิบมือเดียวก็ได้ใครจะรู้ล่ะคะ ”

            ก๊อก ๆ !

            “ ดูเหมือนจะมาแล้วล่ะค่ะ จับตาดูดี ๆ นะคะทุกท่าน ฉันคนนี้นี่แหละที่จะเผยโฉมใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าปีศาจร้ายหลังม่านเวทีให้ทุกท่านได้ดูกัน รับรองว่าทุกท่านจะต้องตกตะลึงกันแน่ ๆ เลยล่ะค่ะ ”

            ก๊อก ๆ !

            เสียงเคาะประตูค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เจ้าของห้อง ผู้ที่กำลังสนใจอยู่ในกล้องตัวโปรดนั้น ต้องละความสนใจจากเลนส์กล้องที่ซูมอยู่ตรงหน้าเธอ และวางมันไว้บนโต๊ะเตรียมอาหาร ก่อนที่จะตรงไปเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือนในทันที ทว่า ...

            “ แกเป็นใครกันน่ะ !!! ”

            น้ำเสียงที่ตกใจดังขึ้นลั่น พร้อมกับร่างบางของหญิงสาวที่ถูกผลัก จนเซล้มลงมาที่หน้าห้องครัว จนข้าวของที่วางเรียบร้อยกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง

            “ ช่วยด้วย !!! ใครก็ได้ช่วยด้วย !!! ”

            เสียงร้องขอความช่วยเหลือซึ่งดูเหมือนจะไร้ผลนั้น แทบจะทำให้มินาสึกิหมดหนทาง ทำได้เพียงแค่ส่งเสียงกรีดร้องออกไป ด้วยความพรั่นพรึงต่อเสียงกระซิบจากซาตานที่กำลังจะมาเยือนเธออยู่รำไร และกระเสือกกระสนดิ้นรนจาก ความตาย ที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาหาเธออย่างเงียบ ๆ

                “ อย่าเข้ามานะ !! นี่แหนะ !!! ”

            หญิงสาวขว้างปาข้าวของที่กระจัดกระจายรอบทิศรอบทางออกไปอย่างสุดแรง หวังถ่วงเวลาต่อลมหายใจที่กำลังจะดับลงได้ทุกเวลาของเธอ

                ... ทว่ามันกลับไม่ได้ผล และทำให้ความหายนะอันมืดดำค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาช้า ๆ พร้อมกับรอยยิ้มแสนเย็นยะเยือกที่เคลือบแฝงไปด้วยแรงอำมหิตอันรุนแรง

                “ ยะ ... อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ขอร้องล่ะ ยะ ... อยากได้อะไรเอาไปให้หมดเลยนะ ตะ ... แต่ว่าขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันจะไม่แจ้งตำรวจก็ได้ ปล่อยฉันไปเถอะ !!! ”

            ทันทีที่หญิงสาวนั่งคุกเข่าอ้อนวอนพร้อมน้ำตาที่เริ่มซึมออกมาที่เบ้าตา บรรยากาศทุกอย่างภายในห้องก็เงียบลงในพริบตาราวป่าช้า ก่อนที่ใครบางคนซึ่งกำลังยืนหลบมุมกล้องอยู่จะปรากฏตัวออกมา พร้อมกับขลุ่ยไม้ที่ถูกบรรเลงเป็นเสียงเพลงอันแสนสลด

                ... หากแต่ว่าเสียงเพลงขลุ่ยไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียว ที่แผ่ซ่านกระจายประกายแห่งความเกลียดชัง และบรรยากาศชวนขนลุกออกมานอกกรอบโทรทัศน์แต่เพียงเท่านั้น หากทว่าใบหน้าที่ซ่อนเร้นภายใต้หน้ากากปีศาจละครโนะอันน่าเกลียดน่ากลัว ผมที่ขาวสนิททั้งหัวที่กระเซอะกระเซิงและแทบจะลากยาวจรดกับพื้น รวมถึงกิโมโนอันเก่าปอนที่เต็มไปด้วยหยดเลือดสีแดงที่เปรอะเต็มตัวไปหมดของพญายมผู้มาเยือนนั้น กำลังจะมาพร้อมกับบทเพลงปีศาจที่เริ่มโหมโรงขึ้นดังเพลงสวดศพอันเป็นปฐมบทแห่งเสียงกระซิบสีเลือดที่กำลังจะอุบัติขึ้น

                “ กะ ... กะ ... แกจะทำอะไรน่ะ ได้โปรดล่ะปล่อยฉันไปเถอะนะ ! ”

            เมื่อมินาสึกิพูดอ้อนวอนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและน้ำตาที่ไหลออกมาพรั่งพรู เสียงเพลงขลุ่ยที่กำลังบรรเลงโดยปีศาจก็หยุดลงในทันที จนทำให้ความเงียบที่ได้จางหายไปแล้วเข้ามาแทนที่พร้อมกับบรรยากาศที่อึมครึมราวกับราตรีที่เงียบสงัดก็ไม่ปาน ก่อนที่ร่างพญายมตรงหน้าจะเข้าจู่โจมหญิงสาว พร้อมกับขวานเล่มใหญ่ภายในมือที่พร้อมจะเข้าฟาดฟันผู้ตกเป็นเหยื่อได้ทุกเมื่อ

                “ ช่วยด้วย !!! ใครก็ได้ !!! ช่วยฉันที !!! ”

            หญิงสาวพยายามต่อสู้ขัดขืนกับร่างตรงหน้าในทันทีที่ใบมีดอันแหลมคมของขวาน กำลังพุ่งตรงทะยานมาหาเธอด้วยความเร็วอันแสนน่ากลัวราวกับมัจจุราช เธอพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้ายพร้อมกับใช้มือใช้ขาผลักไปที่คนตรงหน้าอย่างสุดแรง กระทั่งหน้ากากปีศาจที่ปกปิดใบหน้าของผู้ล่าใจโฉดก็กระเด็นหลุดเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง

                “ กะ ... กะ ... แกก็คือ ... ”

            ใบหน้าแสนอัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวที่เต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะทั่วใบหน้า จนหาความงามไม่ได้ ราวกับสภาพหน้าศพที่ตายไม่สวย ถึงกับทำให้มินาสึกิผงะแล้วถอยหลังกรูดออกไปอย่างเร็วด้วยความหวาดกลัวกับใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก แต่แฝงไปด้วยความอำมหิตที่พุ่งออกมาอย่างเต็มที่

                “ ขะ ... ขอร้องล่ะอย่าฆ่าฉันเลยนะ !! ฉันยอมแล้ว ฉะ ... ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอเป็นแบบนี้เลยนะ !!! ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ !!! ”

            ทันทีที่หญิงสาวก้มหัวลงไปขอชีวิตพร้อมกับน้ำเสียงที่ปะปนไปด้วยก้อนสะอื้น ขวานเล่มใหญ่ในมือของปีศาจก็เงื้อมขึ้นอีกครั้ง และเข้าฟาดฟันไปที่บุคคลตรงหน้าอย่างไม่ลังเล พร้อมกับเลือดอันแดงสดที่ไหลอาบกระเซ็นมาติดเลนส์กล้อง และหัวของหญิงสาวที่กลิ้งเข้ามาในห้องครัวดูน่าอนาถ ก่อนที่ร่างปีศาจจะเดินตามเข้ามาแล้วหิ้วหัวของร่างไร้วิญญาณที่ยังคงนั่งหมอบออกไปอย่างไม่สะอิดสะเอียน

                ( Stop )

 

            เมื่อม้วนวิดีโอถูกฉายจนจบลงที่วินาทีสุดท้าย หน้าจอโทรทัศน์ก็ดับลงตามเดิม เหลือทิ้งไว้เพียงแค่ความหวาดกลัวและร่องรอยของปริศนามากมาย จากการฆาตกรรมที่แสนจะพรั่นพรึงและอำมหิตผิดมนุษย์มนาเช่นนี้ รวมถึงใบหน้าของปีศาจร้ายแสนจะอัปลักษณ์ที่ยากจะลืมได้ลง

                “ เป็นอะไรไปน่ะลูก แม่เห็นลูกนั่งปิดตาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ อย่าบอกแม่นะว่าลูกกลัวน่ะ ”

                “ หนูเปล่ากลัวนะ ! ”

                “ ถ้าอย่างนั้นไหนลองบอกแม่มาหน่อยสิ ว่าลูกจับผิดอะไรได้จากวิดีโอม้วนนี้บ้างล่ะ ”

                “ ที่หนูดูมาก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรแปลกเลยนี่คะ  ”

                “ นั่นไง ! แสดงว่าลูกไม่ได้ตั้งใจดูจริง ๆ ด้วย นี่ลูกไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าจุดประสงค์การตั้งกล้องถ่ายตัวเองของคุณมินาสึกิคืออะไรกันน่ะ ” ฉันเลิกคิ้วและส่ายหน้าในทันทีที่ฟังคำพูดของแม่จบ ก่อนที่แม่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาและเล่าให้ฉันฟังเป็นฉาก ๆ  “ เฮ้อ ! เรื่องของเรื่องน่ะแม่ว่าจุดประสงค์ที่คุณมินาสึกิทำการตั้งกล้องแอบถ่าย อาจเป็นเพราะว่าเธอต้องการจะแบล็คเมล์ใครสักคนหนึ่ง ที่เป็นตัวการก่อความวุ่นวายในขณะการซ้อมละครของเธอจนกลายเป็นข่าวดัง แต่เธอกลับเป็นฝ่ายถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหดเสียเอง มิหนำซ้ำคนคนนั้นยังอาจจะเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอเป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะท่าทางของเธอตอนที่จะเปิดประตูน่ะไม่มีความลังเลหรือหวาดวิตกอะไรเลย ดังนั้นผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นแขกคนนั้นน่ะแหละ เรื่องแค่นี้น่ะลูกไม่รู้จริง ๆ น่ะเหรอ ”

                “ ที่จริงตอนนั่งดูวิดีโอม้วนนี้น่ะหนูเกิดเอะใจในบางเรื่องน่ะค่ะก็เลยนั่งคิดอยู่นาน พอหันกลับมาดูอีกทีบนหน้าจอทีวีก็มีแต่ภาพเลือดสาดแล้ว หนูก็เลยปิดตาดูน่ะค่ะ ”

                “ เรื่องที่เอะใจงั้นเหรอ ? ”

                “ ค่ะ ! หนูเกิดเอะใจกับท่าทางของคุณมินาสึกิในช่วง 30 วินาทีแรกน่ะค่ะ ตอนนั้นน่ะเธอหันกล้องมาทางตัวเองแล้วพูดเกริ่นนำ ด้วยท่าทางที่หายใจแรงและมีเหงื่อไหลออกมามากทั้ง ๆ ที่สวิตช์แอร์ด้านหลังเธอก็ยังเปิดอยู่ หนูว่ามันผิดสังเกตไปหน่อยนะคะ ”

                “ อืม ... มันก็แปลกจริง ๆ ด้วยล่ะนะ แต่เท่าที่แม่รู้มาเธอเคยเป็นโรคหอบหืดเมื่อตอนเด็ก ๆ ด้วยนี่ ไม่แน่ว่าโรคเก่าอาจจะกลับมากำเริบก็ได้นะ ”

                “ อย่างนั้นเหรอคะ ”

                “ ผู้หมวดโซตะครับ ! เราได้รายชื่อผู้ต้องสงสัยมาแล้วล่ะครับ ”

                ในขณะที่พวกเรา 2 คนแม่ลูกกำลังนั่งปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องของคดีอยู่นั้น เสียงเรียกขานของนายตำรวจผู้น้อยก็ดังขึ้น ดึงดูดฉันและแม่ให้หันไปมองทางต้นเสียงเป็นตาเดียว

                “ ผู้ต้องสงสัยงั้นเหรอคะ ? ”

                ฉันพูดทวนคำพูดของนายตำรวจผู้มาใหม่อีกครั้ง ก่อนที่จะหันไปดูแผ่นกระดาษข้อมูลเพียงใบเดียวในมือของผู้หมวดโซตะ ที่ยืนพินิจพิเคราะห์ข้อมูลในกระดาษอยู่ข้าง ๆ  ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

                “ เดี๋ยวก่อนสิคะ รายชื่อผู้ต้องสงสัยพวกนี้น่ะมันเป็นรายชื่อของพวกนักแสดงเรื่องเสียงสะอื้นแห่งคลื่นทะเลนี่คะ ทำไมคุณถึงได้สงสัยพวกเขาได้ล่ะ ”

                “ ถึงแม้ว่าตามหน้าจอโทรทัศน์หรือตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ดูผิวเผินแล้ว พวกเขาจะสนิทสนมรักใคร่กันดีก็จริง แต่นั่นก็อาจดูเป็นการเสแสร้งแกล้งทำเพื่อตบตาคนดูเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับตนเองทั้งนั้น ซึ่งทางเรานั้นได้สืบทราบมาว่าในบรรดาคนเหล่านี้ มีคนที่มีความแค้นส่วนตัวกับผู้ตายเป็นอย่างมาก และนอกจากนี้เวลาการตายของศพเราก็ยังไม่รู้แน่ชัด เพราะคนร้ายได้ทำการโดยการนำศพมาแช่ในน้ำเพื่ออำพรางเวลาการเสียชีวิตของศพ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างไม่มีเงื่อนไขเลยล่ะครับ ”

                ติ๊ด ๆ ๆ !!!

                ทันทีที่เสียงโทรศัพท์ของแม่ดังแทรกกลาง ในระหว่างที่ฉันกับผู้หมวดโซตะกำลังทำการหารือ เกี่ยวกับรูปการของคดีอยู่นั้น เธอก็แยกตัวออกมาจาก ณ ที่ตรงนั้นมายังหน้าระเบียง ทิ้งให้ฉันอยู่ภายในห้องที่มีแต่ตำรวจรายล้อมเพียงลำพัง

                “ ว่าแต่ผู้หมวดโซตะคะ ผู้ต้องสงสัยพวกนั้นน่ะเขามีความขัดแย้งกับคุณมินาสึกิในเรื่องอะไรเหรอคะ ”

                “ พอพวกเขามาถึงที่นี่ คุณฮารุโกะก็จะรู้เองแหละครับ ”

                “ เอ๋ ? ”

                ยังไม่ทันที่ฉันจะอ้าปากถามออกไป ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นร่างของผู้มาเยือนใหม่ที่มีมากกว่า 5 คนซึ่งกำลังเยื้องเท้าเดินเข้ามา ด้วยสีหน้าและแววตาที่ตื่นตระหนกตกใจไปตาม ๆ กัน ในทันที่ที่พวกเขาเห็นสภาพของห้องที่เต็มไปด้วยคราบเลือดสาดกระเซ็นเต็มไปหมด หากแต่ว่ามีใครบางคนในที่นี้กลับคลี่ยิ้มออกมาและแผ่ออร่าอำมหิตอย่างไม่ลดละ พร้อมกับสายตาอันเย็นยะเยือกสะท้านไปถึงขั้วหัวใจของฉัน

                ... ใช่ เจ้าสาวเรือนหอแดงจะต้องอยู่ภายในกลุ่มคนพวกนี้ และกำลังสวมหน้ากากเล่นละครตบตาพวกตำรวจอยู่แน่ ๆ  รอไปก่อนเถอะ ! ฉันคนนี้จะเป็นคนที่กระชากหน้ากากอันโสมมของแกออกมาเอง เจ้าฆาตกร ! ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา