Silent Melody ดนตรีรักสื่อวิญญาณ

8.8

เขียนโดย Jeramy

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 16.31 น.

  6 ตอน
  10 วิจารณ์
  11.20K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) เงาปริศนา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“เฮ้!! นั่นๆ มากันแล้ว” บรรดาสื่อมวลชนต่างจ้องมองรถลีมูซีนคันหรู เพราะคนที่อยู่ภายในรถคือซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดั่งสุดๆในเวลานี้ถึง 2 คน
      “โห!!! พี่ ทำไมนักข่าวถึงได้เยอะแบบนี้เนี่ย”
      “ก็มาทำข่าวไง”
     “น่ารำคาญชะมัด ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็เอาไปเขียนเป็นได้ทุกเรื่อง”
     “ก็อาชีพเขานี่”
     “เป็นคนดังนี่ก็ลำบากเหมือนกันแฮะ”
     “มันช่วยไม่ได้  ไปกันเถอะ”
       หนุ่มหล่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ ต่างจากสาวสวยที่นิ่งเฉย ทั้งสองมองไปรอบๆ ก็เห็นเหล่าแฟนคลับที่มารอต้อนรับกันอย่างแน่นขนัดจนแทบจะเหยียบกัน พอก้าวลงรถเสียงกรี๊ดก็ดังสนั่น อีกทั้งแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปก็รัวเป็นปืนกล พวกแฟนคลับเอื้อมมือไขว่คว้าหมายได้สัมผัสศิลปินคนโปรด ทั้งสองต้องฝ่าวงล้อมพวกแฟนคลับและนักข่าวไปอย่างทุลักทุเล กว่าจะถึงห้องแต่งคัวได้ก็แทบแย่
     “อูย! เจ็บๆ”
    “เป็นอะไรล่ะ โทโมะฮิสะ”
    “โดนข่วนน่ะเจ๊ เป็นรอยยาวเลย”
    “ไหน ขอดูหน่อย”
   ชายหนุ่มชี้ให้ดูรอยแผล ซึ่งเป็นรอยข่วนตั้งแต่ต้นคอยาวมาจนถึงกลางอก
    “แค่ถลอกนิดหน่อยเอง เดี๋ยวก็หายน่ะ เอาล่ะเราไปมันส์กันได้แล้ว
   “ครับผม”
       2 ซูเปอร์สตาร์เตรียมตัวพร้อม เมื่อทั้งสองก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เสียงตอบรับจากแฟนๆก็ดังไปทั่ว แม้จะตื่นเต้นเพียงใด แต่ทั้งคู่ก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง การแสดงดำเนินมาถึงช่วงโชว์เดี่ยว  โทโมะโชว์การสีไวโอลินที่มีจังหวะอันทรงพลัง ส่วน คาเมะโชว์ลีลาการดีดเปียโนในจังหวะที่นุ่มลึก ระหว่างที่เธอกำลังโชว์อยู่นั้น โทโมะซึ่งยืนมองอยู่ด้านหลังเวทีมองเห็นเหมือนมีใครบางคนยืนอยู่ข้างๆเธอ ลักษณะเป็นชายสวมชุดสีขาวทั้งชุด
  “นั่นใครน่ะ ดูไม่คุ้นเลย แล้วไปทำอะไรตรงนั้นน่ะ”
ชายหนุ่มสงสัย และพยายามจ้องอีกครั้ง แต่คนคนนั้นก็หายไปแล้ว
   “ฮึ้ย!! หายไปแล้ว หรือว่าฉันตาฝาดไปเองหว่า”
หลังคอนเสิร์ตจบลง คาเมะเดินกลับไปที่ห้องแต่งตัวโดยที่โทโมะเดินตามหลังมา แล้วเขาก็เห็นชายสวมชุดสีขาวคนเดิม เดินตามหลังคาเมะเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วย เขาจึงร้องออกไป
   “เดี๋ยวครับคุณ!!!”
คาเมะสะดุ้งโหยง เธอหันขวับไปที่โทโมะเพื่อให้รู้ว่าเขาเรียกใคร
  “โทโมะ เธอเรียกพี่หรอ”
 “ไม่ใช่ครับเจ๊ ผมเรียกผู้ชายคนที่เดินตามหลังเจ๊มาไง”
คาเมะอึ้ง สายตาสอดส่องไปทั่วบริเวณนั้น แต่ก็ไม่พบใครคนอื่นนอกจากตัวเธอกับน้องชาย
  “ไม่เห็นมีใครเลย”
  “เฮ้!! ผมเห็นผู้ชายใส่ชุดขาวทั้งชุดเดินตามเจ๊มานะ”
  “คิดจะมาอำอะไรพี่ล่ะเนี่ย บรรยากาศยิ่งวังเวงอยู่ด้วย อำกันแบบนี้เดี๋ยวก็ได้วิ่งกันป่าราบหรอก”
  “ผมเห็นจริงๆนะเจ๊!!!”
โทโมะโวยวาย เพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาเพิ่งพบเห็น แต่ดูเหมือนคาเมะจะไม่เชื่อ เธอส่ายหน้า ถอนหายใจยาวแล้วเดินไปเก็บสัมภาระของตัวเอง ปล่อยให้โทโมะโวยวายอยู่อย่างนั้น
   “อะไรกันฟระ ทำไมไม่เชื่อกันมั่งเลย ทีหลังมีอะไรจะไม่บอกแล้ว ฮึ้ย!! ปวดตับเฟ้ย”
ทั้งสองเก็บสัมภาระเตรียมกลับที่พัก ระหว่างนั้นคาเมะเผลอทำกรเป๋าเงินตกลงพื้น เธอย่อตัวลงเพื่อที่จะเก็บมัน แต่เธอก็ชะงักเมื่อได้เห็นรูปถ่ายในกระเป๋าเงินนั้น โทโมะเห็นคาเมะนิ่งไปจึงเข้าไปดูใกล้ๆ พอเห็นเหตุการณ์ก็พอเข้าใจ
    “เจ๊....ยังเก็บเอาไว้อยู่อีกหรอ”
    “........”
ไม่มีคำตอบใดออกจากปากอีกฝ่าย ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความเศร้า และมันก็แสดงออกมาชัดเจนจนสังเกตได้
    “เจ๊ครับ...สัปดาห์เราว่างทั้งสัปดาห์ ถ้าอย่างนั้น เราไปหาเขากัน ดีมั้ยครับ”
    “พี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน 3 ปีมาแล้ว เรายังไม่มีโอกาสได้ไปหาเขาอีกเลย”
    “งั้นผมจะขับรถให้เองนะครับ”
    “อืม....Thank you”
สองพี่น้องกลับมาถึงที่พัก หลังจากทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว โทโมะล้มตัวลงบนที่นอนนุ่ม ส่วนคาเมะนั่งเขียนไดอารี่อยู่ที่โต๊ะทำงาน โทโมะยังคงคิดถึงเรื่องชายชุดขาวที่เขาเพิ่งเห็น ทั้งบนเวทีคอนเสิร์ตและที่ห้องแต่งตัว
    “หรือว่าฉันจะตาฝาดจริงๆ แต่อะไรจะตาฝาดซ้ำซ้อนแบบนั้นล่ะ”
โทโมะทะเลาะกับตัวเองอยู่อย่างนั้น เขากลิ้งตัวไปมาอยู่บนที่นอนสักครู่หนึ่ง แล้วคาเมะก็ลุกออกจากโต๊ะเพื่อนำไดอารี่ไปเก็บที่ชั้นหนังสือ ทันใดนั้นโทโมะก็เห็นชายชุดขาวคนเดิมอีกครั้ง เขาตกใจมากแต่ก็พูดอะไรไม่ออก
   “อีกแล้ว.....คราวนี้ชัดเลย”
ชายหนุ่มจ้องไปที่ชายชุดขาวคนนั้นตาไม่กระพริบ จ้องตั้งแต่หัวจรดเท้า....
   “หืม!?”
โทโมะขยี้ตาตัวเอง แล้วจ้องใหม่อีกที ทันใดนั้นเขาก็ต้องอึ้งสุดขีด เพราะชายชุดขาวคนนั้น......
  “มะ...ไม่....มี....ไม่มีเท้า”
ประโยคนั้นได้แค่เพียงอยู่ในจิตสำนึก มิได้เปล่งออกเป็นวาจา เพราะความตกใจและไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
“หรือว่าจะตาฝาดซ้ำซ้อนอีกแล้ว ไม่ใช่หรอก ไอ้เจ้านั่นมัน....ไม่มีเท้าจริงๆ มันยังไงกันเนี่ย”
โทโมะกลืนน้ำลายตัวเองอึกใหญ่ เขารีบดึงผ้าห่มมาคลุมศีรษะตัวเองอย่างเร็ว แล้วหลับตาปี๋ สักพักคาเมะก็เดินมาที่เตียง เธอเห็นน้องชายนอนคลุมโปงตัวสั่นจึงแปลกใจ และใช้มือจับไปที่ผ้าห่มนั้น
  “แว๊ก!!!!!!”
ชายหนุ่มภายใต้ผ้าห่มตะโกนลั่น ทำเอาอีกคนตกใจไปด้วย
   “นี่!!! จะร้องทำไมเล่า นี่พี่เอง แหกปากซะ”
   “อ้าว...เจ๊เองหรอ ตกใจหมดเลย”
   “เป็นอะไรน่ะ นอนคลุมโปงตัวสั่นเชียว ไข้ขึ้นกะทันหันรึไง”
   “เอ่อ...ใช่ๆๆครับเจ๊...สงสัยอากาศข้างนอกมันจะหนาวเกินไปน่ะครับ”
   “งั้นเดี๋ยวพี่ปิดหน้าต่างให้แล้วกัน”
   “ขอบคุณครับ”
 คาเมะเดินไปปิดหน้าต่างแล้วกลับมานอน คืนนั้นทั้งคู่หลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้า
 เช้าวันใหม่ 2 พี่น้องขับรถสปอร์ตคันงามไปที่ร้านดอกไม้ คาเมะเดินออกมาจากร้านพร้อมดอกลิลลี่สีขาวช่อโต จากนั้นทั้งสองก็ขับรถไปที่สุสานคริสต์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปกว่า 10 กิโลเมตร เมื่อมาถึง คาเมะและโทโมะเดินไปยังหลุมศพหลุมหนึ่ง ที่ป้ายหน้าหลุมศพมีฝุ่นเกาะหนาจนมองไม่เห็นชื่อและรูปถ่าย
  “เจ๊ ผมว่าเราต้องทำความสะอาดกันหน่อยแล้วล่ะ”
  “แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะ”
สองพี่น้องช่วยกันเก็บกวาดรอบหลุมศพจนสะอาดเอี่ยม เมื่อฝุ่นถูกเช็ดออกไปก็ปรากฏชื่อและรูปถ่ายของผู้เสียชีวิตว่า
คาเงะคิโยะ เซย์จิ
   “ขอโทษนะที่ไม่ได้มาเยี่ยมเลย คงจะเหงาแย่”
พูดจบ คาเมะก็วางดอกไม่ที่หน้าหลุมนั้น น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาคู่งาม โทโมะเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่กอดพี่สาวเป็นการปลอบใจ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา