You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
20) บทที่20
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ10 ปี ต่อมา วันทานาบาตะ
"มิสึกาว่า จิเสะ ค่ะ ช่วยเชียร์กันด้วยนะคะ!"
การชิงตำแหน่งปีที่สิบของเด็กสาวที่กลายเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักไม่ต่างจากตอนเด็กได้เริ่มต้นขึ้นโดยมีเสียงเชียร์จากแฟนพันธุ์แท้การประกวดกิโมโนในงานทานาบาตะนี้ หนึ่งในคนที่ส่งเสียงเชียร์อยู่นั้นได้มีชายหนุ่มท่าทางเข้มแข็งเป็นผู้นำปนอบอุ่นตะโกนอยู่ด้วย คนรักของจิเสะนั้นเอง ตั้งแต่วันนั้นเธอได้ตัดใจจากจุนได้ในที่สุด
ทั้งนี้ หญิงสาวยอมรับโดยสดุดีว่าเธอคงไม่อาจทำร้ายความรักของทั้งคู่ได้อีกต่อไป เมื่ออ่านจดหมายซึ่งตกทอดมาในตระกูลเพื่อส่งถึงจิเสะโดยเฉพาะ ในนั้นเล่าถึงเรื่องราวในหลายร้อยปีก่อน เมื่อครั้งที่จุนอยู่กับมาซารุ
"คิดๆดูแล้ว รอบตัวผมมีแต่พวกผู้หญิงที่เป็นไอดอลไม่ก็แชมป์การประกวดกิโมโนเนอะ"
จุนกล่าวออกมาอย่างนึกขำ เขาเองก็เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มในคราบชุดนักเรียนซึ่งวิ่งไปมาที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะมาเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ที่สำคัญ เขาได้ฟื้นฟูศาลเจ้าฟุมิเนเนะขึ้นมาในฐานะผู้ดูแล แต่ถึงอย่างนั้น ตำนานร่ำลือเรื่องมาซารุยังคงไม่จางไป ยิ่งเขาฟื้นฟูก็ยิ่งทำให้เรื่องโด่งดัง กรณีที่วุ่นวายมากๆจึงต้องใช้หมอกเป็นตัวช่วยเพื่อกันคนภายนอก อย่างไรก็ตาม มันทำให้ที่นั่นคึกคักขึ้นมาอีกนิด
ข้างกายเขามีมาซารุยืนดูการประกวดอยู่ด้วย ใบหน้างามนั้นดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเพราะคำขอร้องของชายหนุ่มที่อยากจะมีคนรักที่เติบโตไปพร้อมกันและแก่เฒ่าไปด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมาซารุอยู่แล้ว
"รุ่นพี่คะ"
ซายากะวิ่งมาแต่ไกล แล้วลากคนทั้งสองไปอย่างซุ้มหนึ่งซึ่งหาเงินบริจาคอยู่ แม้ว่าจะถูกรุมล้อมไปด้วยแฟนคลับ แต่จินเนะยังมีเวลาโบกไม้โบกมือให้พี่ชายได้ จากตอนนั้นชายหนุ่มก็สามารถเล่า 'ความจริง' เรื่องนั้นให้กับน้องสาวฟังได้
เรื่องในตอนนั้นคือจินเนะมาเห็นเขายืนฟังคำว่าร้ายของดาราอันดับหนึ่งของช่วงนั้นโดยไม่โต้เถียง ทั้งที่ข้อความนั้นได้กล่าวถึงเธอว่าจะไม่มีเป็นไอดอลที่โด่งดังได้อย่างแน่นอน เด็กสาวฟังอยู่ที่หลังประตูหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพี่ชายจะโต้เถียงกลับไป จะเถียงไม่ชนะก็ได้!
แต่ว่าจุนกลับยืนนิ่ง ไม่หือไม่อือกับคำพูดเหล่านั้นเลย จินเนะที่คาดหวังกับพี่ชายตัวเองซึ่งรู้ดีว่าเธอรักในอาชีพนี้และพยามทำเพื่อมันแค่้ไหนเหมือนรู้สึกถูกหักหลัง ตั้งแต่นั้นเธอก็พยามเอาชนะดาราหญิงคนนั้นจะสามารถก้าวไปขึ้นแท่นอันดับหนึ่งแทนได้ พร้อมกับไม่เชื่อว่าพี่ชายปราถนาดีต่อตนเองและไม่ยอมฟังอะไรจากเขาทั้งนั้น
แต่เหตุผลขอจุนในตอนนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มี จินเนะที่ยังเป็นเพียงไอดอลหน้าใหม่ไม่มีชื่อเสียงมากนัก รวมทั้งไม่มีอำนาจอะไรมากในสังกัด หากว่าเขาโต้เถียงออกไปล่ะก็ ดาราหญิงคนนั้นคงไม่ปล่อยไว้เฉยๆแน่ เขาไม่ยอมให้ความโกรธมาทำลายเส้นทางสู้การเป็นไอดอลของน้องสาวเพียงคนเดียวได้หรอกนะ
แต่ไซโตะที่ยืนอยู่ข้างหลังจินเนะกลับเป็นคนที่รู้และเข้าใจเหตุผลนั้นดีที่สุด ทว่า...เขาไม่อยากสอดมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องของพี่น้อง และถ้าเหตุนั้นทำให้เด็กสาวได้มีความพยามจะมีชื่อเสียง ก้าวไปเป็นสุดยอดไอดอล เขาก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดอะไรยิ่งขึ้นไปอีก
ดังนั้น ไซโตะที่รู้เรื่องมาตลอดแต่เก็บเงียบไว้กลายเป็นเป้าเล่นงานของหญิงสาวแทน แต่ก็เป็นอยู่ได้พักเดียว สถานะจากแค่ผู้จัดการกับไอดอล ก็เปลี่ยนเป็นคู่รักกันซะแล้ว แต่อย่างจินเนะมีคนรักแบบไซโตะคนนี้ก็เหมาะแล้วในความคิดของจุน จะมีใครที่ทั้งดูแลและรู้ใจหญิงสาวได้มากกว่านี้อีกเล่า
ซายากะทั้งลากทั้งจูงชายหนุ่มมาที่โต๊ะซึ่งจัดไว้เป็นพิเศษ แถวนั้นยังมีไอคาว่าจากร้านไอติมไอเสะกับพนักงานรับสมัครคนประกวดกิโมโนนามเคซากิซึ่งโดดงานมาด้วย รวมเป็นสามสุดยอดแฟนคลับแห่งปีที่เหนียวแน่นกับจินเนะไม่เปลี่ยน
เมื่อเสียงเพลงที่แสนไพเราะจบลงและการบริจาคครั้งแล้วครั้งเล่าของผู้ชมได้ปรากฏขึ้น กล่องที่ถูกประดับสวยๆเขียนว่า 'รับบริจาค' ก็ถูกนำมาวางหน้าจุน
จินเนะลงจากเวที พูดเสียงดังราวกับจะให้ทุกคนในงานเทศกาลได้ยินทั่วกัน
"พี่เป็นพี่ชายของฉัน คงจะยอมบริจาคสินะคะ!"
บรรดาแฟนคลับหรือคนทั่วไปต่างพุ่งเป้ามาที่จุน จากแรงกดดันระดับมหาศาลนี้ หากเขาเกิดบิดพลิ้วขึ้นมาสักนิดคงได้เป็นที่ซุบซิบไปอีกนานแน่ แล้วจินเนะที่อาจเสียชื่อเสียงจากการที่มีพี่ชายงกก็อาจมาไล่บี้เขาทีหลัง
เมื่อจุนใส่เงินบริจาค มาซารุเองก็ทำบ้าง เหรียญแบบยุคเอโดะถูกหยิบออกมาจากแขนเสื้อกิโมโนแล้วหย่อนลงที่กล่อง
"เดี๋ยวสิ" ซายากะที่มองเห็นมาซารุและรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรจากจินเนะได้รีบเอามือลงไปคว้าทันที "เหรียญยุคนั้นจะเอามาใช้ได้ไงกัน!"
ไซโตะขยับแว่นให้เข้าที่แล้วกล่าวออกมานิ่งๆว่า "พูดไปแบบนั้นจะดีเหรอ พี่สะใภ้ของจินเนะอุตสาห์อยากร่วมบริจาคทั้งทีนะิ ถ้าโดนโกรธขึ้นมาจะทำไง แล้วก็..."
ทุกคนประสานเสียงอย่างงุนงง "แล้วก็?"
ไซโตะหยิบหนึ่งในเหรียญเก่าขึ้นมา พูดอย่างผู้รอบรู้ว่า "ไม่ผิดแน่ เหรียญยุคเอโดะที่ดูเก่าและไร้ค่าในความคิดพวกเธอ ตอนนี้นักสะสมให้ราคาเหรียญละห้าหมื่นถึงหนึ่งหรือสองแสนเยนด้วยซ้ำ ถ้ามีขนาดนี้ก็คงได้มากกว่าพวกเธอร่วมใจกันให้แน่นอน"
"มากขนาดนั้นเขียว"
ซายากะรีบใส่เหรียญลงในกล่องอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะใช้หน้าที่แฟนคลับพิทักษ์กล่องบรรจุึของมูลค่าแบบนั้นไว้เป็นอย่างดี เพื่อวันรวมเงิืนไปให้มูลนิธีต่างๆจะได้ครบถ้วน ไม่ถูกมือดีที่คิดร้ายช่วงชิงไป และถ้าหากจะชิงจริงๆคงต้องฝ่าฝูงคลับทั้งหลายที่คิดแบบเดียวกับซายากะเป๊ะให้ได้ก่อน
ในที่สุดก็ได้เวลากลับไปที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะซึ่งถูกจัดไฟไว้อย่างงดงามและตระกาลตาเหมือนกับที่เคยเป็นเมื่อสิบปีก่อน แต่ผู้คนไม่ได้รับอนุญาติให้ขึ้นมาในคืนนี้และยังมีหมอกบังไว้อีกชั้นหนึ่งด้วย
แม้จะมีแสงไฟแต่ก็เป็นไฟประดับที่วิบวับตามต้นไม้เท่านั้น ท่ามกลางความมืดของยามราตรี ร่างของมาซารุเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆพร้อมกับมีดวงไฟเล็กๆคล้ายหิ่งห้อยอยู่รอบตัวแบบวิญญาณทั่วไป แต่มันก็ทำให้เขาดูงดงามไม่น้อยเลยทีเดียว
ประตูที่เปิดรับลมเย็นๆที่พัดโชยพร้อมกับกลิ่นของใบไม้ใบหญ้าบนภูเขา ดวงดาวที่ระยิบระยับบนฟากฟ้าช่างงดงาม ผู้คนอีกมากมายคงจะแหงนมองไปยังนภายามราตรีเพื่อจับตาดูดวงดาวสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวเช่นกัน
"ได้พบกันแค่ปีละครั้งเองเนอะ" จุนโอบไหล่คนรักแน่นขึ้นอีกนิด "ทั้งที่ออกจะรักกันขนาดนั้น ทั้งสองคนกลับต้องเฝ้ารอครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อกลับมาเจอกันในช่วงเวลาเพียงแค่คืนเดียวเอง"
มาซารุมองอารมณ์ที่อินไปกับบรรยายกาศของคนรักแล้วอดเย้าแหย่ไม่ได้ เขาตั้งคำถามเอาว่าหากว่าจุนต้องรอใครสักคนเพื่อพบเพียงคืนเดียว เขาจะทำอย่างไร จะทนได้หรือไม่ จะไปรักกับคนอื่นแทนหรือเปล่า
"ผมจะไม่รอ"
สีหน้าของมาซารุเหมือนจะอึ้งขึ้นมาทันที ก่อนจะได้ฟังต่อว่า
"แต่ผมจะพยามทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันทุกวันต่างหากล่ะ ถ้าผมต้องรอมาซารุซังแบบนั้นจริงๆ ผมไม่มีทางแค่เฝ้าหวังในแต่ละวันคืน แต่จะพยามทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน"
"ไม่แน่หรอก ความจริงที่หนุ่มเลี้ยงวัวต้องมาเจอกับคนรักแค่ปีละครั้ง มันอาจเป็นสิ่งที่เขาต้องการก็ได้"
จุนงุนงง ต้องการหรือ? จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงในเมื่อทั้งคู่ก็รักกันมากและกลับมาพบกันทุกปีด้วยความรักที่มากล้นเฉกเช่นเดิม มันยังคงเป็นอย่างนั้นมาตลอดหลายร้อยหลายพันปี
มาซารุอธิบายข้อสงสัยของคนรักว่า "เพราะเขาเป็นห่วงคนรักไงล่ะ หากว่าทั้งสองจับมือกันหนีไปสุดขอบฟ้าเพื่อจะได้พบกันทุกเวลา จะมีอะไรเป็นประกันว่าทั้งสองคนจะไม่พรากจากกันอีก แล้วบนสรวงสวรรค์ก็มากล้นไปด้วยความสุข นางที่อยู่ท่ามกลางความสุขเช่นนั้น เขาจะให้หนีไปด้วยกันได้หรือ"
มืออันเย็นเฉียบของมาซารุสัมผัสใบหน้าคนรักเบาๆ สบตาที่จ้องมองด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน "เพราะงั้น ขอแค่เพียงปีละครั้งก็ยังดี เพียงได้พบกันในเวลาเท่านั้นก็สุขใจแล้ว ข้าเชื่อว่าคนเลี้ยงวัวต้องเฝ้ารอคนรักด้วยความหวังและความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมในใจไม่แปรเปลี่ยน"
จุนจ้องมองร่างในชุดกิโมโนที่กล่าวสิ่งเหล่านั้นออกมาแล้วถามออกมาอย่างใคร่รู้ ถามจากความรู้สึกบางอย่าง
"มาซารุซังเคยอยากเปลี่ยนผมเป็นเพียงวิญญาณไหม หรืออย่างน้อยกักขังผมไว้เพื่อให้อยู่กับเธอตลอดไป ถ้าเป็นเช่นนั้นมาซารุซังก็จะมาความสุขตลอดกาลไม่ใช่เหรอ"
"ใช่แล้ว ความสุขของข้าคือการอยู่กับเจ้า เรื่องเหล่านั้นข้าเคยคิดเหมือนกัน เมื่อหลายร้อยปีที่แล้วข้าก็นึกขึ้นมาเช่นนั้น ตอนที่เจ้าจะกลับมายังยุคนี้ก็ด้วย ตอนนั้นข้าอยากจะใช้มัดเจ้าไว้กับข้าไม่ให้ไปไหน"
มาซารุพยักหน้ารับกับคำพูดของตนเอง
"กระทั่งตอนนี้ ข้ายังเคยคิดเลยว่าอยากจะเปลี่ยนเจ้าเป็นวิญญาณเช่นเดียวกัน เพราะหากต่อไปร่างกายที่เย็นชืดนี้กลายเป็นสิ่งที่เจ้าเบื่อหน่ายขึ้นมา มันคงจะเป็นอะไรที่ทำให้ข้าเสียใจเอามากๆ แต่ถ้าเจ้าเป็นวิญญาณ เจ้าจะได้ไม่รู้สึกว่าร่างของข้าหนาวเย็นอีก และไม่คิดว่าตัวข้าแปลกและแตกต่างจากคนอื่น ข้ากลัวสิ่งนี้มาตลอดนะ จุน กลัวว่าเจ้าจะเปลี่ยนไป"
ชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่ามาซารุจะกังวลเรื่องนี้อยู่ ก็ในเมื่อเขาไม่เคยคิดจะหันไปรักใครอีกแล้ว ร่างในชุดกิโมโนนั้นเอื้อมมือไปแตะกับผู้ซึ่งเขารักอย่างที่สุด
"แต่ความรู้สึกของข้าก็เหมือนกับดาวทั้งสองในคืนทานาบตะ ยินยอมที่จะมีสิ่งขวางกั้น ให้อยู่คนละฟากของแม่น้ำ ดีกว่าทำให้เป็นวิญญาณแล้วผูกมัดอยู่กับข้า ถึงตอนนั้นเจ้าอาจจะเสียใจมากก็ได้ ถึงตอนนั้นข้าคงจะสัมผัสได้เพียงความเจ็บปวด ไม่ใช่ความสุขอะไรทั้งนั้น"
จุนจุมพิตกับคนรักเนิ่นนาน กล่าวจากความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ "ผมไม่เคยเสียใจที่ต้องรักมาซารุซัง ไม่ว่ากายนี้ของเธอจะเย็นเฉียบหรือไม่ก็ตาม เพราะเป็นเธอเืท่านั้นที่ผมเลือกจะอยู่ด้วย ในตอนนั้น...เป็นเธอที่โอบกอดผมไว้ ไม่ใช่ใครอื่นเลย"
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ มาซารุอดหวนนึกถึงไม่ได้ ความรู้สึกที่ได้พบคนที่รอมาตลอดหลายร้อยปีมันช่างยินดีซะจนไม่มีใครจะรู้ได้มันวาบไปทั่วทั้งกาย แม้ว่าการพบกันครั้งนี้จะเป็นจุนที่ยังไม่เคยพบกับเขาก็ตามที แต่เขาก็เข้าใจและพยามจะยอมรับมัน
อย่างไรก็ดี มาซารุอดคิดขึ้นมาไม่ได้ ถ้าหากว่าตัวของเขาในหลายร้อยปีก่อนไม่ได้รักจุน ชายหนุ่มจะทำเช่นไร
แล้วตัวข้าจะเป็นเช่นไร
เป็นครั้งแรกที่มาซารุคิดแบบนี้ ความเจ็บปวดที่ต้องรอคอยใครสักคนอย่างยาวนานยังคงจดจำได้เสมอมา แม้ว่าการที่จุนอยู่เคียงข้างจะเป็นเหมือนความอุ่นที่ขับไล่ความหนาวเย็นจากความคิดนั้นไปได้บ้างก็ตามที แต่บางสิ่งมันก็ใช่ว่าจะลบไปได้หมดหรอกนะ
ความกลัวว่าความรู้สึกพิเศษที่มีต่อจุนจะหายไปได้แล่นวาบขึ้นมาแทนที่ความเจ็บปวดนั้น เขาสัมผัสได้ว่าหากไม่รักจุน เรื่องราวคงจะดำเนินไปอย่างเป็นปกติแต่จิตใจแสนอ้างว้างนี้ก็จะไม่มีใครเข้าไปช่วยบรรเทา
ยิ่งเมื่อย้อนคิดไปคิดมา หากไม่มีจุน ท่านหญิงอาสึสะคงไม่มีทางมีความสุขกับคนที่รักอย่างท่านองเมียวจิมิสึกาวะเพราะต้องแต่งงาน ซาคาเมะคงกลายเป็นหัวขโมยคอยช่วงชิงของจากกลุ่มโจร ไม่ได้มาพบกับพวกเขาอย่างในอดีตแบบที่ผ่านมา และช่างทำพู่กันชินบุคงจะไม่เป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้
อย่างนั้นเหรอ เจ้าไม่ได้เพียงแค่ช่วยให้ข้าสัมผัสความรักได้ ยังมอบสิ่งที่ดีให้กับคนที่นั่นด้วยสินะ
จุนต้องสะกิดคนรักที่นั่งเหม่ออยู่แล้วถามอย่างเป็นห่วงว่ามาซารุยังคงกลัวเรื่องนั้นอยู่อีกหรือเปล่า เขาพร้อมจะพิสูจน์ทุกอย่างเพื่อคลายความกังวลเหล่านั้นของร่างในชุดกิโมโนผู้นี้เสมอ
"ข้าแค่คิดว่าช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้พบกับเจ้า" มือของทั้งสองสอดประสานกัน "คิดว่าช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้รู้จัก ได้รักเจ้า"
จุนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยยิ้มกว้างออกมา "ไม่หรอก เป็นผมต่างหากล่ะ ผมรู้ดีว่าคงไม่มีทางรักใครได้มากขนาดนี้ ตั้งแต่มาซารุซังปรากฏตัวขึ้น ทุกอย่างในชีวิตผมได้ลงตัวอย่างเหมาะสม รู้ไหม?"
เขาได้ปรับความเข้าใจกับจินเนะ ได้่อธิบายให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นและเหตุผลที่เขาต้องยินยอมให้ดาราหญิงคนนั้นพูดไปโดยไม่ขัด ด้านจิเสะเองก็ได้เป็นเจ้าของรางวัลประกวดชุดกิโมโนยอดเยี่ยม ได้เลิกรักเขาและไปพบกับคนที่ดีและเหมาะสมกว่า ได้มีความสุขแบบที่หญิงสาวแสนดีอย่างเธอควรได้ีรับ
แต่ละสิ่งล้วนสอดคล้องเป็นเหตุผลเดียวกัน
หากไม่มีจินเนะที่โกรธเขาล่ะก็ เขาคงได้สารภาพรักกับจิเสะและคงไม่ได้พบกับมาซารุ หากไม่มีจิเสะที่พยามทำร้ายวิญญาณแห่งฟุมิเนเนะ ตัวเขาจะได้ย้อนกลับไปในอดีตเพื่อสร้างเรื่องราวต่างๆ ทำให้มาซารุต้องมารอเขาหรือเปล่านะ
"มาซารุซัง เธอเป็นเหตุผลสำหรับทุกอย่างที่ดีที่สุดของผมเลย รู้ไหม" จุนจ้องมองเวลาที่ดาวแห่งวันทานาบาตะทั้งสองค่อยๆเคลื่อนเข้าไปใกล้กันแล้วสบตากับคนรัก "การที่เรามาพบกันมันอาจเป็นพรหมลิขิตก็ได้"
มาซารุยิ้มบางๆ "พรหมลิขิตที่ทำให้เราต้องมาพบและรักกันอย่างที่สุด"
จุมพิตที่แสนดูดดื่มประกอบเข้ากับเวลาที่ดาวทั้งมาพานพบกันพอดิบพอดี แต่ถึงอย่างนั้น ความรักของทั้งสองก็ไร้ซึ่งการรอคอยอย่างที่ตำนานแห่งทานาบาตะได้เล่าขานกันมา
ใช่... เพราะในเวลานี้ พวกเขาได้ก้าวเดินเคียงข้างไปในช่วงเวลาเดียวกันแล้ว
คุณย่าร้านทำนายดวงที่ถึงเวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้วยังไม่แก่ชราหรือเปลี่ยนไปเลยได้เห็นทุกอย่างเพราะภาพที่ปรากฏขึ้นในลูกแก้วแล้วหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
"พรหมลิขิตงั้นหรือ พูดได้ดีนี่ ข้าก็ว่ามันเป็นเพราะพรหมลิขิตเหมือนกันล่ะนะ"
ภาพในลูกแก้วแปรเปลี่ยนเป็นจดหมายปลอมของจินเนะที่นัดให้จุนไปพบที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะ จดหมายฉบับนั้นที่ถูกเก็บไว้อย่างดีโดยฝีมือของมาซารุ เพราะเขาถือว่ามันนำพาให้คนที่เขารอคอยมาพบ
ทุกอย่างเกิดขึ้นและร้อยเรียงเป็นเรื่องราว ทั้งหมดมีต้นเหตุจดหมายเล็กๆฉบับนี้เท่านั้นเอง
จบบริบูรณ์
สวัสดีค่ะ เรื่องนี้ก็ถึงตอนอวสานแล้วเนอะ ต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมากๆเลยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ