Change fairy tale.เปลี่ยนเทพนิยาย กลายเป็นตำนานเพี้ยน!?

9.4

เขียนโดย มิรา

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 13.41 น.

  1 ตอน
  1 วิจารณ์
  4,153 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่1 จิตใจมนุษย์เปลี่ยนยากเปลี่ยนง่าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

อาเธอร์ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการปีนลงจากยอดหอคอยสูงโดยมีเสียงหัวเราะคิกคักปนเจ้าเล่ห์ของเจ้าหญิงเจซีเฟียลอยจากด้านล่าง  ถึงอาเธอร์อยากตะโกนโต้สักยกแต่ก็ต้องอดทนไว้เพราะเจ้าชายไม่ควรด่าเจ้าหญิงต่อหน้าเจ้าหญิงด้วยกัน!  เขาอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าหญิงจะสวยแค่ไหน  ส่องเห็นแค่สีดวงตากล้องส่องก็ดันมาเจ๊งเอากระทันหันซะได้  โธ่เอ๋ย

“เจ้าจะทำอะไรนะ  ถอยจากเจ้าหญิงของข้านะ”

อาเธอร์พูดอย่างเริ่มโมโหเมื่อพบว่าเจซีเฟียใช้ร่างบังเจ้าหญิงงามเอาไว้  ทำไมเจ้าหญิงถึงได้ช่วยยากช่วยเย็นแบบนี้นะ  ทั้งแม่มดทั้งมังกร!

เจ้าหญิงเจซีเฟียใช้ดวงตาสงสารพูดกับเขา  “เจ้าอยากจะพบ...เอ่อ...นางในฝันของเจ้าจริงๆ นะเหรอ  งั้นก็ได้  แต่เจ้าอย่าเสียอกเสียใจมากไปล่ะ  คือผู้ชายร้องไห้เพราะอกหักมันน่าเกลียด”

อาเธอร์ขมวดคิ้ว  ทำไมกันล่ะ?  หรือเจ้าหญิงไม่สวย?  เจ้าหญิงมีคนรักแล้ว?  เจ้าหญิงไม่อยากมีคนรัก?  เจ้าหญิงไม่อยากสานไมตรีกับเขา?  เจ้าหญิงอยากให้เขาพิสูจน์ความกล้าหาญต่อ?  เจ้าหญิง...เฮ้ย!  สวรรค์  อาเธอร์อ้าปากค้างเมื่อเห็นหน้าเจ้าหญิง  ไม่สิ...ต้องพูดว่าเจ้าชายต่างหาก!

เจ้าหญิงกลายเป็นเจ้าชาย!

อาเธอร์พูดไม่ออกด้วยความช็อกสุดขีด  เนื่องจากเขาเป็นคนใช้ชีวิตตามตำนานเป๊ะๆ  ฝึกดาบ ทำตัวหล่อเหลาโปรยเสน่ห์ ตามหามังกร ช่วยเจ้าหญิง ปราบแม่มด ฯลฯ  เหล่านี้ล้วนแต่ตำนานว่าไว้ทั้งสิ้น!  เรื่องจู่ๆ ที่เจ้าหญิงกลายเป็นเจ้าชายไม่มีในหนังสือที่เขาเคยพบเคยเจอแน่นอน  แล้วนี่มันอะไรกัน!?

เจ้าหญิงเจซีเฟียตบไหล่เขาป้าบๆ แล้วเริ่มอธิบาย

“ดราโกน่านะเป็นมังกรเพศเมีย  มีนิสัยชอบจับเจ้าชายหล่อๆ มากักขังไว้เป็นของตนเอง  ข้าบังคับให้ปล่อยไปตั้งเยอะแล้วล่ะ  เพียงแต่คนนี้ดูเหมือนนางจะถูกใจไปหน่อยถึงได้กล้าขัดคำสั่ง  ฉะนั้น...”

"...”"

“มังกรที่เจ้าพยามฆ่าเมื่อกี้ถึงได้ไม่จับเจ้าหญิงแสนงาม  แต่เป็นเจ้าชายแสนงามแทน!”

ตึง!  ทั้งสองพากันร้องลั่นเมื่อเห็นเจ้าชายอาเธอร์ล้มลงไปน้ำลายฟูมปากอยู่ที่พื้น...

 

“...ขิง , ตับคางคก , หางจิ้งจก , หนวดแมว  เอ้า! คนๆๆๆ”

เจ้าชายลูเซียสยืนคนของในหม้อเล็กๆ ที่เขาลังเลใจว่ามันใช้แทนพวกยาดมได้จริงๆ หรือ  ดูจากรูปการณ์แล้วมันน่าจะเป็นยาพิษซะมากกว่า!  แต่พอเอาเจ้าของเหลวสีประหลาดไปอังจมูกอาเธอร์อยู่สักพัก  เขาก็ฟื้นขึ้นมาจริงๆ เป็นการพิสูจน์ว่าเจ้าสูตรยาพิลึกพิลั่นของแม่มดเจซีเฟียใช้ได้ผล

สามวันที่ผ่านไป  ทั้งหมดพักอยู่ที่กระท่อมแม่มดเก่าๆ หลังนั้นเพื่อคอยปลอบใจเจ้าชายอาเธอร์ที่ร้องห่มร้องไห้ไม่เลิก  โดยเฉพาะหากเห็นหน้าลูเซียสจะยิ่งร้องหนักขึ้นไปอีก  แม่มดแอบเหยียดปากใส่เจ้าชายเนื่องจากเขาได้สละทิ้งคราบเจ้าชายผู้เลิศเลอมาเป็นเจ้าบ้านั่งร้องไห้เพราะว่าอกหักได้อย่างสนิทใจ

ก็เคยบอกไปแล้วนี่นาว่าผู้ชายร้องไห้มันน่าเกลียด!

เจซีเฟียส่ายหน้าแล้วลากลูเซียสหนีเสียงร้องไห้ไปอีกทาง  นางไม่เคยเข้าใจว่าการที่อกหักเพราะผู้หญิงที่พบไม่ถึงสองวันนี่มันหนักหนาตรงไหน  อาเธอร์ตอบด้วยเสียงสั่นๆ เพราะความสะอื้นไห้ว่า 

“...ก็เขาเป็นรักแรกของข้า  ไม่สิ! เขาจะเป็นรักแรกได้ไง!  อ๊าก...โฮๆๆ  ไม่มีเจ้าหญิงงามแล้ว...”

เจซีเฟียยิ่งรู้สึกโลกแตกคูณสองเมื่อเจอลูเซียสนั่งหน้าเศร้า  โทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้อาเธอร์เสียอกเสียใจขนาดนั้น  ซึ่งเจซีเฟียก็บอกไปครั้งที่ร้อยแล้วว่าเขาไม่ผิด!

“โอ๊ย!  ผู้ชายพวกนี้มันยังไงกันนะ!  คนหนึ่งเป็นบ้าเพราะอกหัก  คนหนึ่งเป็นบ้าเพราะหักอก!”

แม่มดได้รับค้อนสองลูกติดๆ  อาเธอร์ลุกขึ้นพูดเสียงดัง  “อย่างกับเจ้าไม่เคยมีเรื่องเสียใจ!  ใช่สิ เจ้ามันนางแม่มดเลือดเย็น...อั้ก!”

ก้อนหินปริศนาขนาดเหมาะมือถูกขวางใส่อาเธอร์เต็มแรงโดยมีเจซีเฟียยืนหน้าหงิกอยู่  นางกอดอกพูดด้วยเสียงเหมือนเล่าเรื่องปกติๆ ว่า

“ทำไมจะไม่มี  อย่าลืมว่าอาณาจักรของข้าถูกทำลาย”  นางเดินไปเขี่ยไฟในเตาผิงเนื่องจากอากาศเริ่มเย็นลงและเนื่องจากท้องฟ้าด้านนอกมืดและมีเมฆครึ้มตั้งแต่เย็น  แล้วจึงเล่าต่อ

“ความจริงคืออาณาจักรของข้าถูกเวทมนต์เขาควบคุมด้วยพลังของมารแห่งความมืดนามว่าเดมอน  มันเคยเป็นพ่อมดที่ปรึกษาแห่งอาณาจักร  แต่ทว่ามันกลับทำลายอาณาจักรซะเองโดยการใช้เวทหยุดนิ่ง!  เวลาในอาณจักรของข้าถูกยับยั้งไว้ตั้งแต่ตอนนั้น  ข้าที่หนีมาได้เพียงคนเดียวจึงกระทำการคลุมอาณาจักรทั้งหมดด้วยเวทมนต์ให้ไม่มีใครเข้ามาได้เพื่อป้องกันการรุกรานของศัตรู”

อาเธอร์พักร้องไห้ชั่วคราวแล้วเลิกคิ้ว  “ทำไมเจ้าไม่ตามหาเจ้าเดม่อนอะไรนั่นแล้วพิฆาตมันซะล่ะ”

“เขาชื่อเดมอน”  นางแก้ให้  “แล้วที่ข้าไม่ไปก็เพราะวันที่คำทำนายแห่งการรวมผู้กล้าจะมาถึง”

“คำทำนายหรือ”  ลูเซียสมีทีท่าสนใจขึ้นมากระทันหัน 

“ใช่  คำทำนายที่กล่าวไว้ว่า  เมื่อยามที่มังกรร้ายนำตัวชายหนุ่มมากักขัง  จะชักนำผู้กล้าพากำลังเพื่อปลดปล่อยอาณาจักรสำเร็จ  ความพ่ายแพ้จะมาเยือนจอมมารผู้โหดเหี้ยม  สิ่งที่หยุดนิ่งจะถูกกลับฟื้นสู่ความรื่นเริงอีกครั้ง...”

“ใครทำนายนะ”  อาเธอร์ถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง  ซึ่งเจซีเฟียยอมรับด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือของตนเอง  ซึ่งอาเธอร์พยักหน้าหงึกๆ  “มินาล่ะ  ฟังดูเพ้อๆ ชอบกล”

โป๊ก!  ก้อนหินไร้สัญชาติอีกก้อนปลิวมาปะทะ

“เจ้า  เจ้ากล้าทำร้ายผู้กล้าเรอะ!”

“เชอะ  ดราโกน่ากักขังชายหนุ่มมาแล้วตั้งสิบคน  จะรู้ได้ไงว่าผู้กล้าคือเจ้า  โชคดีโชคร้ายโดนตีพ่ายกลับมาให้เสียหน้าเล่นๆ”  เจซีเฟียเยาะเย้ย

“งั้นเจ้าไม่มีทางรู้เลยหรือว่าจะเป็นใคร”  เจ้าชายลูเซียสพูดอย่างสงสารในชะตากรรมอาณาจักรของแม่มด  “ถ้าเป็นพวกเราจริงๆ ก็จะเดินทางไปปราบคนที่ชื่อเดมอนอะไรนั่นตามคำทำนาย”

“เฮ้ยๆ ใครจะไปกับเจ้า” 

อาเธอร์ร้องค้านดังลั่นแล้วนั่งจุมปุ๊กอยู่หน้าเตาผิง  แสดงอาการว่าเขาจะไม่มีทางช่วยแม่มด  ปณิธานแต่ไหนแต่ไรก็เป็นการตามหาเจ้าหญิง  ไม่ใช่ช่วยแม่มดกับเจ้าชายซะหน่อย

ลูเซียสหน้าเศร้า  “นี่เจ้าไม่มีหัวใจหรือ  นางอุตสาห์รอเวลาเพื่อแก้แค้นและปลดปล่อยอาณาจักร  แต่เจ้ากลับไม่คิดจะช่วยนางเลย  หากทำได้นางคงจะไปแก้แค้นด้วยตนเองแล้ว!”

เจซีเฟียเกือบค้านว่านางไม่ได้เจ็บแค้นอะไรขนาดนั้นแต่พอเห็นสายตาของอาเธอร์ที่จ้องมองมาก็รีบกลืนคำค้านแล้วบีบน้ำตาทันที  นางหันหลังให้พวกเขาเพื่อกลั้นยิ้มขำพูดเสียงเครือ

“อีกไม่นานก็จะถึงวันที่แต่งตั้งข้าเป็นราชินีแห่งอาณาจักร  แต่เจ้านั่นกลับหยุดนิ่งทุกอย่าง  ข้าต้องทนคิดถึงชาวเมืองแสนดีที่ร่าเริง  ผู้คนในวังที่มีชีวิตชีวา  โอ้...แต่ตอนนี้พวกเขาราวกับรูปปั้นไม่มีผิด!  ข้าเสียใจจริงๆ...”

“ข้ายืนยันว่าข้าจะไม่ช่วย...”

สิ้นคำนั้นร่างของเจ้าชายอาเธอร์ก็ลอยไปกระแทกกับกำแพงทันที  เจซีเฟียไม่เสียเวลาบีบน้ำตาอีกต่อไป  นางพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า

“ถ้าเจ้ายังคิดจะหนีล่ะก็  คราวนี้ข้าจะหยุดนิ่งอาณาจักรของเจ้าบ้าง!  ดูสิ เจ้าจะยังไม่ช่วยข้าอีกไหม”

อาเธอร์เป็นอันตกลงใจโดยการโหวตแบบเผด็จการเพียวๆ  แต่เมื่อรู้ถึงจุดหมายที่จะไปเขาก็ตาเหลือกขึ้นมาอีกหน  ร้องลั่นถึงปัญหาอันยากลำบาก

“หา!...ดินแดนแห่งราตรี  เจ้ารู้ไหมว่าตำนานเล่าขานว่ากว่าจะไปถึงที่นั่นต้องใช้เวลาเดินเท้าเป็นสิบปี  ขี่ม้าตั้งห้าปี  ถึงข้าจะเอาม้าฝีเท้าดีที่สุดมาใช้ก็คงไม่ต่ำกว่านั้นไปได้หรอก”

ไม้กวาดถูกโยนมาให้เจ้าชายทั้งสองในแบบรับได้อย่างฉิวเฉียด  นางยกมือด้านหนึ่งขึ้นพร้อมดูเปลวแสงสีเขียววูบวาบดูมีอำนาจและคาถาภาษาประหลาดที่ไม่ใช่ภาษาของมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด (ไม่รวมเอลฟ์ , คนแคระ)  อย่างไรก็ดี ไม้กวาดโทรมๆ เมื่อครู่เปลี่ยนไปเหมือนถูกขัดเงาและทาสีดำ  ปลายไม้กวาดแข็งๆ ก็หุบลงเข้าหากันอย่างเรียบร้อยและแปรเป็นสีเขียวเข้มมรกตมันปลาบ  ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา

“ใช้จิตใจของเจ้าบังคับให้มันบิน  หักหัวไม้กวาดไปสี่ทิศและลงล่างได้ตามใจชอบ  ไม้กวาดแม่มดที่ยอดเยี่ยมที่สุดมาเสิร์ฟให้พวกเจ้าเรียบร้อยแล้ว!”

อาเธอร์โวยวาย 

“เจ้าจะบ้าเหรอ  ข้าเป็นเจ้าชายนะ  แถมเป็นผู้กล้าด้วย  เจ้าจะให้ข้าใช้ไม้กวาดแทนม้าขาวได้ยังไง!”

“อาเธอร์  ท่านคงไม่อยากเสียเวลาเจ้าหญิงไปหลายปีนะ”  ลูเซียสพยามเกลี้ยกล่อม

“ข้าหาระหว่างทางได้”  อาเธอร์เถียง

“มั่นใจเถอะ  เจซีเฟียไม่ยอมเปิดโปกาสให้ท่านปีนขึ้นหอคอยช่วยเจ้าหญิงคนไหนแน่นอนถ้าภารกิจยังไม่สำเร็จ”

“คอยดู  ต่อให้เหลือนางคนเดียวในโลกข้าก็จะไม่แต่งงานด้วย”  อาเธอร์พึมพำ  ลูเซียสลดเสียงลงเช่นเดียวกันแล้วกล่าวว่า  “เจ้าอย่าพูดไปเชียวนะ  นางอาจทำร้ายเจ้าได้อีก”

“หรือเจ้าจะรับรักนาง?”

ลูเซียสยิ้มแหยแล้วส่ายหัวน้อยๆ เป็นอันรู้กัน  หารู้ไม่ว่าแม่มดเจซีฟาหูดีกว่าที่คิด  นางยิ้มเย็นแล้วมีดวงตาประกายสีเขียววาบที่ดวงตา  ไม้กวาดเวทมนต์เริ่มทำการปัดกวาดส่วนที่ทั้งสองยืนอยู่จนพากันล้มคว่ำไป  เสียงหัวเราะแหลมๆ ของแม่มดดูเพลิดเพลินใจยิ่งนัก

“โธ่เอ๋ย!  ข้าเป็นผู้กล้าแท้ๆ นะ”

 

ความหนาวเย็นพัดผ่านผิวกายไปราวกับใบมีดกรีดเนื้อผู้กล้า  ลูเซียสมองเขาด้วยความสงสารยิ่งนักเพราะต่อให้เสนอเสื้อหนาวของตนให้เขาก็ไม่รับในรอบที่สิบอยู่ดี  เหมือนจะบอกว่าเจ้าชายจะอ่อนแอต่อความหนาวต่อหน้าเจ้าชายด้วยกันและแม่มดร้ายได้ไง ทำนองนั้น

เจซีเฟียกระทำโดยสนุกเพราะดวงตาของนางมีสีเขียเข้มมรกตวาบขึ้นมาเกือบตลอดทางซึ่งนางกำลังทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงมากกว่าอากาศยามค่ำคืนที่แท้จริง  นางใจร้อนเกินกว่าจะรอให้ถึงวันพรุ่งนี้  แต่ถ้าจะให้คิดแล้วการหาโอกาสแกล้งอาเธอร์โดยไม่สนความทรมานของลูกทีมคนอื่นอาจเป็นสิ่งสำคัญกว่าเป้าหมายจริงๆ ก็ย่อมได้

ตอนเช้าครู่นักบินทั้งสามได้แวะลงจอดในตัวเมืองซึ่งร้านรวงเพิ่งเริ่มเปิด  นักผจญภัยหลายคนจับจ่ายซื้อของบ้าง  บางคนไปยืนออที่หน้าร้านนักผจญภัย  อีกหลายคนไม่ต้องตะโกนเรียกลูกค้าเพราะต้อง หยิบ – ยื่น – รับ ให้ทันมือของลูกค้าผู้ที่ต้องการสินค้านั้นๆ ทั้งหลาย

แต่แน่นอนว่าเจซีเฟียไม่ยอมให้ลูกทีมได้สมประสงค์กับอาหารทั่วไป  ร้านอาหารชั้นหนึ่งในมือที่เข้าไปแล้วให้บรรยากาศหรูหราทุกลมหายใจคือที่กินมื้อเช้าวันนี้ 

ร้านอาหารนี่ใช้นักเวทคอยปรับอุณหภูมิให้เย็นอยู่เสมอ  แต่สำหรับคนที่เพิ่งผ่านอุณหภูมิแบบพายุหิมะมา  เข้ามาในร้านอาหารนี้ก็เหมือนกับพวกคนมาโซคิสต์ชอบทรมานตนเอง! 

กระเป๋าน้ำร้อนจึงถูกสั่งมาก่อนจะพูดรายการอาหารซะอีก

“กินกันเต็มที่เลย  มื้อนี้ข้าเลี้ยง” 

เจซีเฟียพูดอย่างใจป้ำด้วยเสียงกลั้วหัวเราะแหลมๆ  ซึ่งสาเหตุเพราะอาหารที่วางเรียงรายมากมายเก้าสิบเปอร์เซ็นต์คือซุปควันฉุยไม่ก็สิ่งที่ถูกสั่งว่าเอาให้ร้อนๆ  ถ้ามันเริ่มอุ่นแล้วต้องกลับไปเปลี่ยนใหม่!  เจ้าของร้านมีหรือจะกล้าขัดเพราะดูจากจำนวนอาหารที่สั่งมาขนาดนั้นคราวนี้ต่อให้เทอาหารทิ้งไปทั้งชามใหญ่ๆ ก็ยังกำไรเห็นๆ

อาเธอร์ซดซุปเกือบหมดชามในพริบตาแล้วทำเสียงเหมือนมีนางฟ้ามาช่วยฉุดขึ้นมาจากความหนาวเย็น  ลูเซียสกินอาหารควันฉุยไปสองคำโดยไม่ต้องรอให้อุ่นแล้วทำหน้ามีเหมือนซึ้งใจในความร้อนที่สัมผัสได้...

เจซีเฟียที่ยิ้มๆ เมื่อครู่ทำหน้าแหย  นางคงจะแกล้งแรงไปนิดแฮะ

ความน่าสนใจของสินค้ามากมายสามารถหักห้ามคำสั่งของเจซีเฟียที่บอกว่าอย่าทำตัวเป็นบ้าหอบฟางไปได้  ทั้งขนมทั้งของใช้มากมายถูกซื้อมาโดยไม่มีการต่อราคา  ซึ่งนั่นทำให้เจซีเฟียยิ้มเยาะก่อนจะยกของแต่ล่ะอย่างขึ้นมาร่ายให้ฟังว่า

“กระจกสะท้อนความจริง  ใช้ส่องสิ่งที่โกหกได้ทุกอย่าง  นี่เจ้าซื้อมาในราคาสามเหรียญทองเลยเหรอ  คงจะไม่รู้ล่ะสิว่าที่นี่คือเมืองที่ขายของแพงเกินจริง  คนที่มาที่นี่ต้องขยันต่อราคาเอาไว้ก่อน  ดูทางโน้น”

ปลายนิ้วโป้งคือคนคนหนึ่งกำลังต่อราคาเสียงดังกับคนขาย  ข้างๆ คนคนนั้นพยามโปรยเสน่ห์ต่อราคาเต็มที่และรอบกายก็มีคนที่มีกรรมวิธีต่อราคาถึงขั้นพิสดาร...

“ราคาเหมาะสมของกระจกสะท้อนความจริงคือหนึ่งเหรียญทองกับอีกห้าสิบเหรียญเงิน  จำไว้!”

นางหันมาดูของที่ลูเซียสซื้อมาแล้วยกขึ้นพิจารณา

“ดาบนี่ราคาเท่าไหร่”  เจซีเฟียพูดเสียงเข้มแต่ก็อ่อนขึ้นมาเมื่อได้ฟังราคา  “เจ็ดเหรียญทอง?  ราคาเหมาะสมดีนี่  แปลว่าเจ้ารู้กิตติศัพท์เมืองนี้สินะ”

ลูเซียสพยักหน้าแล้วยื่นมันให้กับอาเธอร์ 

“นี่เป็นค่าตอบแทนที่เจ้ามาช่วยข้าไว้จากมังกรร้าย  เพราะข้าไม่ใช่เจ้าหญิงเลยแต่งงานเป็นการตอบแทนกับเจ้าไม่ได้  ข้าทำได้เพียงแค่มอบดาบเล่มนี้ให้เจ้าเท่านั้น”

อาเธอร์เลิกคิ้ว  “ทำไมเป็นดาบ”

“ก็...  ท่านเป็นผู้กล้าที่สง่างาม  น่าจะเหมาะกับดาบที่สุด...มันก็เท่านั้นเอง”


 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา