นที เมฆา วายุ อัสนี

-

เขียนโดย ผู้อ่อนหัด

วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 07.29 น.

  6 ตอน ตำราไสยเวทย์
  2 วิจารณ์
  12.82K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่1 ตำราไสยเวทย์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                                 บทที่1 ตำราไสยเวทย์        

                             ในค่ำคืนอันเงียบสงัด ณ.ป่าหิมพานต์ที่มีอากาศหนาวเหน็บตลอดเดือนเพราะเป็นช่วงเดือนธันวาคมพร้อมกับมีบรรยากาศของกลิ่นคาวเลือกฟุ้งกระจายไปทั่วพร้อมกับมีสัตว์ป่าของป่าหิมพานต์นอนตายกันเกลื่อนกราดมีบุรุษผู้หนึ่งกำลังเดินอยู่ในป่าหิมพานต์เขาผู้นี้เดินอย่างหมดเรี่ยวแรงขาทั้งสองข้างไม่เอื้ออำนวยเพราะอ่อนล้าเกินไปบนตัวเขาเต็มไปด้วยบาดแผลเต็มไปหมด จู่ๆก็เกิดเสียงคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป10วาพูดว่า”เจอตัวมันแล้วลงอาญามันบัตรเดี๋ยวนี้”เมื่อชายผู้หน้าสงสารได้ยินคนที่ห่างออกไป10วาออกคำสั่งนั้น จึงทำให้เขากลัวจนตัวสั่นพลันรีบวิ่งด้วยกลัวตายถึงบาดแผลจะเต็มตัวแต่ก็ไม่ทำให้เขารู้สึกเจ็บเลยเพราะเขาลืมความเจ็บจนหมดสิ้นในหัวเขาคิดอยู่เรื่องเดียวคือต้องรอดชีวิตเขากลัวตายจนลืมความเจ็บปวดทั้งหมดไป ในขณะที่เขากำลังวิ่งนั้นก็ได้ยินเสียงชายผู้หนึ่งพูดอย่างดังกังวานว่า”อะมังคะรัง มะยิรึมันตา”พอพูดจบชายที่กำลังวิ่งหนีตายอยู่ก็รู้สึกว่าพื้นที่ตนวิ่งอยู่มีรากไม้พันธนาการขึ้นมารัดขาทั้งสองไว้จากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นเพราะดิ้นไม่หลุดจนหมดแรง จากนั้นก็มีกลุ่มคนจำนวน10กว่าคนเดินเข้ามาล้อมเอาไว้พร้อมกับมีชายชราวัยกลางคนอายุราว52ปีกล่าวว่า”เป็นมันหรือไม่ผอ.โรงเรียนเทพอาคมเดชา”พูดจบก็มีชายชราอายุราวๆ50ปีเดินออกมากล่าวว่า”เป็นมัน ที่ฆ่าพระสังฆราชเจ้าแล้วชิงตำราไสยเวทย์มนต์ดำไป”พอพูดจบก็ชายชราหัวโจกที่ถามท่านผอ.ก็กล่าวต่อว่า”หน้าที่ของสมาคมมือปราบมารอย่างพวกเราเสร็จสิ้นแล้วจับมันไปลงอาญาที่คุกธรณีสูบซะเพื่อรอศาลลงมัตติ”พูดจบเหล่าสาวกอีก8คนก็ทำการจับกุมชายที่ขโมยไสยเวทย์มนต์ดำ  ในขณะที่เหล่าสาวก8คนกำลังทำการมัดข้อมือและเท้าของนักโทษ  ชายนักโทษก็กล่าวว่า”ไหนๆกูก็ต้องตายอยู่แล้วไม่ต้องรอให้กูไปตายที่คุกธรณีสูบหรอกกูขอตายที่นี่บัตรเดี๋ยวนี้”ชายชราหัวหน้าสมาคมมือปราบมารกล่าวสืบต่อว่า”มิได้ มึงเป็นเพียงนักโทษไฉนมีสิทธิวิงวอนพวกกู”พูดจบก็ร้องสั่งต่อไปว่า”หาตำราไสยเวทย์ที่มันซ่อนไว้ในเสื้อคลุมออกมาเร็วเข้า”เมื่อชายชราออกคำสั่งอีกคราเหล่าสาวกก็ทำการค้นหาตำรา ในขณะที่กำลังค้นหาตำราในเสื้อคลุมของชายนักโทษนั้น ชายนักโทษก็กล่าวว่า”มึงไม่ต้องหาหรอกตำรานี้กูจะส่งมันไปที่อื่น”พูดจบก็เกิดแสงสีเขียวในเสื้อคลุมของนักโทษเมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นชายชราหัวหน้าสาวกก็ร้องสั่งว่า”ออกไปข้าจะดูเอง”เขาเดินมาทำการคายเสื้อคลุมของนักโทษออกก็พบตำราไสยเวทย์ที่เลืองแสงสีเขียวดำทมึฬออกมาพร้อมกับจับดู ชายนักโทษพลางกล่าวว่า”ไอ้เฒ่ามึงสายไปแล้วในเมื่อกูต้องตายพวกมึงก็อย่าหวังเอาตำราไปส่งให้ทางการเลย”พูดจบชายนักโทษรายอาคมขึ้นพร้อมกับตำราที่ชายชราหัวหน้าสาวกกำลังหยิบอยู่จู่ๆตำราก็หายไปอย่างหน้าอัศจรรย์จากนั้นชายนักโทษก็กล่าวต่อว่า”ได้เวลาแล้วยมทูตมารอรับกูอยู่”พูดจบร่างกายชายนักโทษก็แตกกระจายเลือดเนื้อกระเด็นกระดอนไปทั่วทุกทิศทาง ทำเอาทุกคนที่อยู่ ณ.ที่แห่งนั้นตกตะลึงไปตามๆกัน จากนั้นก็มีเสียงของวิญญาณชายนักโทษกล่าวอย่างน่าสะพรึงกลัวว่า”อีกไม่นานหรอกเมื่อกูตายไปจะต้องมีคนมาแทนที่กูจำไว้แล้วเรื่องเลวร้ายจะต้องอุบัติขึ้นที่โลกอาคมแห่งนี้!!!”เมื่อพูดจบวิญญาณของชายนักโทษก็หายไป ชายชราหัวหน้าสาวกก็กล่าวต่อว่า”สงครามแห่งโลกอาคมครั้งที่2สิ้นสุดลงแล้วมีผู้สละชีพไปนับไปถ้วน ส่งสัญญาณบอกทุกคนที่กระจายอยู่ในป่าหิมพานต์พวกเขาจะได้มารวมตัวที่นี่”เมื่อชายชราหัวหน้าสาวกออกคำสั่งสาวกคนนึงก็ชูนิ้วชี้ขึ้นฟ้าพรางว่าคาถาพึมพรัมอยู่ครู่นึงจากนั้นก็มีแสงสีแดงพุ่งออกจากนิ้วชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้าแตกกระจายเป็นพรุสัญญาณทุกคนที่กระจายอยู่จึงมารวมตัวกัน พระชารากล่าวว่า”มีการตายเกิดขึ้นที่ป่าหิมพานต์ย่อมไม่ดีทำการขนศพนับล้านไปฝังเสียพวกเราคณะสงค์จะทำพิธีล้างความอัปยศนี้”เมื่อพระราชาออกคำสั่งผู้คนที่รอดชีวิตก็ทำการกระจายออกไปเก็บซากศพที่สู้กันมาอย่างยืดเยื้อ7วัน7คืน จากนั้นเหล่าภิกษุทั้งหลายนั่งล้อมวงขนาดใหญ่พร้อมรายอาคมล้างป่าหิมพานต์ที่มีแต่ความไม่ดีให้หมดสิ้น ดังนั้นในขณะที่ภิกษุทั้งหลายสวดอาคมอยู่ก็เกิดอนิสงค์ของอาคมที่พวกเขาสวด ขึ้นทำให้ป่าหิมพานต์สว่างสวัยขึ้นทุกอย่างดูสะอาดเอี่ยมไปหมด

ในเวลาเดียวกัน ณ.โรงเรียนเทพอาคมเดชามีเด็กชายผู้หนึ่งกำลังจะเดินกลับหอพักจู่ๆก็มีแสงสีเขียวประหลาดส่องลงมาจากฟากฟ้าพร้อมกับมีตำราไสยเวทย์ตกลงพื้นเด็กผู้นั้นหยิบขึ้นมาดูแล้วก็เก็บเอากลับไปหอตัวเอง  ตัดมาที่ป่าหิมพานต์อีกครั้ง

เป็นอันว่าป่าหิมพานต์กลับสู่สภาวะปกติสุขเช่นเดิม 1ปีผ่านมาโลกอาคมสงบสุขมีการตั้งพระสังฆราชองค์ใหม่ขึ้นพร้อมกับร้างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาประชาชนอยู่เป็นสุข แต่โบราณกล่าวว่ามีสุขแล้วย่อมมีทุกข์ตามมาเสมอ.........

 

อธิบายท้ายบท

ตำราไสยเวทย์มนต์ดำนั้นเป็นตำราดำชั่วร้ายที่มีผู้ใช้อาคมผู้หนึ่งบัญญัติขึ้นจากนั้นเขาก็เรืองอำนาจมีผู้คนในโลกอาคมหวาดกลัวเขาด้วยมนต์ดำของเขานั้นสามารถทำร้ายล้างทุกสิ่งให้พินาศได้ผู้ใช้อาคมนั้นชื่อว่าสมิงเขามีสาวกอยู่จำนวนมากพายหลังเขาเปิดสงครามกลางเมืองกรุงเทพขึ้นทำให้ทุกสิ่งในกรุงเทพเสียหายไปไม่น้อยมีผู้คนล้มตายไปมากหลังจากสงครามครั้งนั้นจบลงเหล่านักการเมืองจึงขนานามสงครามครั้งนี้ว่าสงครามโลกอาคมครั้งที่1หลังจากนั้นทางกองบัญชาการตำรวจได้ส่งกองกำลังภาคพิเศษลงพื้นที่ในการกำจัดสมิงโดยมีสมาคมมือปราบมารและพระสังฆราชเข้าร่วมด้วยศึกครั้งนั้นก็สาหัสเช่นกันพระสังฆราชได้สู้ต่อกับสมิงจนเกือบมรณภาพแต่ก็เอาตัวรอดมาได้ด้วยคาถาของสมเด็จโตที่ว่า”เมตตา คุณนัง อะระหัง เมตตา”ดังนั้นสมิงจึงแพ้ภัยตัวเองตายจากนั้นพระสังฆราชเจ้าก็ได้นำตำราไสยเวทย์นี้เก็บรักษาที่วัดของท่านเพราะไม่อยากให้คนไม่ดีเอาไปใช้และอีกอย่างนึงตำรานี้ก็ไม่สามารถทำรายทิ้งได้อีกด้วยหลังจากนั้นไม่นานลูกศิษย์ของสมิงมีนามว่าสมิงดำได้ฆ่าพระสังฆราชแล้วเอาตำราไปจากนั้นได้เปิดสงครามโลกอาคมครั้งที่2ขึ้นที่ป่าหิมพานต์แล้วสุดท้ายเขาก็ต้องตายก่อนตายได้ใช้อาคมส่งตำราให้หายไปซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่งแล้วก็ตาย ไปสงครามโลกอาคมครั้งที่2จึงจบลง

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา