ลีลาวดีเปื้อนรัก
-
2) intro
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ อกน่ะมีเอาไว้หัก....อกหักมะ...” เสียงโทรคัพท์ดังขึ้น
“ อัลโหล ....สวัดดีค่ะ...ลีลาวดีพูดค่ะ”
“ดีจ๊ะ...พี่ชายเองน่ะครับน้องลิน....จำพี่ไม่ได้หรือไงค่ะ..”ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปน น้อยใจที่อีกฝ่ายเหมือนจะจำเขาไม่ได้
“ดีค่ะคุณนาเชน...สบายดีหรือเปล่าค่ะ...ทำไมลินจะจำไม่ได้ล่ะค่ะ...” หญิงสาวเจ้าของชื่อลีลาวดีหรือลินตอบด้วยน้ำเสียงหวานปนด้วยความดีใจ
“เอ๊ะเรานี้..ทำไมเรียกพี่แบบนี้อีกล่ะครับ....พี่บอกให้เรียกพี่ชายเหมือนน้องสาวที่เค้าเรียกกันไงครับ...” ชายหนุ่มเจ้าของนามว่านาเชนบอกด้วยน้ำเสียงแบบผู้ใหญ่ดุเด็กๆ อย่างน่าเอ็นดู
“ ค่ะ...คุณนาวิน...เอ่อไม่ใช่ค่ะ..พะ... พี่ชาย ” ลินตอบด้วยน้ำเสียงตะกุตะกะ...เพราะไม่ค่อยสนิทปากสักเท่าไร เนื่องจาก ... ตั้งแต่เด็กจนถึงขณะนี้เธอยังชินกับการเรียกที่บ่งบอกถึงสถานะภาพของทั้งสองคนมากว่า... แม้ชายหนุ่มจะบอกให้เรียกคำว่าพี่ชาย มากว่าคุณนาเชน.... แต่ลินจะเรียกเฉพาะต่อหน้าเค้าเท่านั้น...แต่ต่อหน้าคนอื่นจะเรียกว่าคุณนาเชนเสมอ
“พี่ชายมีอะไรให้ลินรับใช้ค่ะ....” ลินถามขึ้นแบบนี้ประจำตามแบบฉบับของเธอ
“พี่คิดถึงน้องสาวของพี่น่ะคะ...แล้วเอ่อมีเรื่องจะให้ช่วยนิหน่อยน่ะครับ...ว่าแต่น้องลินจะช่วยพี่ชายคนนี้ไหมล่ะครับ...” นาเชนบอกด้วยน้ำเสียงจิงใจในประโยคแรก...และปนด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเกลียดได้ชัด...ในประโยคหลัง
“สำหรับพี่ชายของลีลาวดีคนนี้...ทำให้ได้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ใดค่ะ...” ลินตอบด้วยน้ำเสียงที่บอกถึงความจริใจจริงๆไม่ได้เสเร้ง..เพราะเค้าคือคนที่มีพระคุณกับเธอจะให้ทำอะไรย่อมได้ทั้งนั้น
“เอายังนี้น่ะครับ...น้องลินกลับมาที่บ้านก่อนแล้วพี่ชายจะเล่าให้ฟังน่ะครับ...เรื่องมันยาวน่ะครับและใหญ่เสียด้วนครับ.” ชายหนุมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจิงจัง
“กะ.. กลับไปที่กรุงเทพเลยหรือค่ะ....ดะ..ได้ค่ะแล้วลินจะรีบกลับไปค่ะ” ลินตอบด้วยน้ำตกใจเล็กน้อยที่ต้องกลับไปที่ทุกข์ทรมานของใจอีกครั้ง...แต่ก็ตกลงในที่สุด
“ขอบคุณน่ะครับน้องสาวคนดีของพี่ชาย...ดีครับแล้วเจอกันครับ..” นาเชนเอ่ยขอบคุณในความมีน้ำใจของลีลาวดี...เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่ลีลาวดีจะไม่ช่วยเหลือพี่ชายต่างสายเลือดเขาเลย
“ค่ะ..ด้วยความเต็มใจของน้องสาวคนนี้ค่ะ ....แล้วเจอกันค่ะ... ” ลินบอกด้วยน้ำเสียงของความเต็มใจไปให้
“นี่เราต้องกลับไปอีกครั้งแล้วใจไหม..ลีลาวดี” พูดพลางถอดหายใจเอือกใหญ่....หนีมาไกลเพื่อไม่อยากเจอหน้าของใครบางคนที่บอกว่าเกลียดเธอไม่เคยเห็นว่าเธอมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้...ทั้งการกระทำที่ทำร้ายใจต่างๆนาๆเพื่อบ่งบอกถึงความเกลียดที่มีต่อเธอทั้งจิตใจและร่างกาย....แต่ถึงอย่างไรใจก็ยังรักไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป...'รัก ก็คือ รักที่มีให้ภินรรินทร์เท่านั้น'....
....ลินนึกถึงคำพูดของนาเชนที่บอกว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่าให้กลับไปช่วย..ก็พอจะเดาได้บ้างว่าน่าจะเป็นเกี่ยวกับงามแต่งของนาเชนกับภินรริทร์...ก็ข่าวออกเสียดังขนาดนั้นใครบ้างจะไม่รู้.... “ ลุ้นแต่ง...ดาราสาวสวยไฮโซชื่อดังกับตำรวจหนุ่รูปหล่อเจ้าของ..” ... เอ้อ... ดีแล้วไม่ใช่เหรอเมื่อคนที่เรารักทั้งสองจะมีความสุขด้วยกัน....คนหนึ่งคือพีชายที่แสนดีกับอีกคนที่เป็นดวงใจ....ได้แต่บอกตัวเองให้รู้สึกยินดีแต่หัวใจกลับอาบเต็มไปด้วยน้ำตาและความเจ็บอยากจะบอก.....
....ลินนึกถึงคำพูดของนาเชนที่บอกว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่าให้กลับไปช่วย..ก็พอจะเดาได้บ้างว่าน่าจะเป็นเกี่ยวกับงามแต่งของนาเชนกับภินรริทร์...ก็ข่าวออกเสียดังขนาดนั้นใครบ้างจะไม่รู้.... “ ลุ้นแต่ง...ดาราสาวสวยไฮโซชื่อดังกับตำรวจหนุ่รูปหล่อเจ้าของ..” ... เอ้อ... ดีแล้วไม่ใช่เหรอเมื่อคนที่เรารักทั้งสองจะมีความสุขด้วยกัน....คนหนึ่งคือพีชายที่แสนดีกับอีกคนที่เป็นดวงใจ....ได้แต่บอกตัวเองให้รู้สึกยินดีแต่หัวใจกลับอาบเต็มไปด้วยน้ำตาและความเจ็บอยากจะบอก.....
นานแค่ไหนแล้วหนอ..ที่เราไม่ได้กลับบ้านที่เคยอาศัยอยู่ หรือว่าที่นี้เป็นบ้านของเราจริงๆไม่ใช่ที่กรุงเทพน่ะ....เพราะตั้งแต่ลินเรียบจบพยาบาลมา...ก็มาประจำการอยู่ที่นี้ด้วยว่าเธอเป็นคนเลือกที่จะมาออยู่ที่นี้เอง....ด้วยความสามารถของพยาบาลสาวสวยอย่างลินนับว่าไม่น้อยหน้าใครโรงพยาบาลไหนๆก็ต้อนรับเธอเสมอ......แต่ลินคิดว่าการช่วยเหลือคนอื่นไม่จำเป็นที่จะอยู่ในที่ๆมีความสะดวกสบายเสมอไป...ไม่ว่าอยู่ตรงไหนก็ช่วยเหลือได้หากเรามีจิตใจที่จะช่วเหลือกันและอีกเหตุผลหนึ่งคือไม่อยากจะเจอกับหัวใจของเธอเองคือ...ภินรริทร์...ได้แต่หมอบความรักแบบคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอก็พอแม้ว่าเธอจะไม่เห็นคุณค่าของมันก็ตาม.... ลินออกมายืนรับลมที่ริมระเบียง...พลางทอดสายตามองไปยังท้องทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยดอกไม้นาๆพันธุ์ที่แข่งกันอวดโฉมหลากสีสันหลายชีวา... ข้างๆจะเป็นถนนคอนกรีดเล็กๆสีขาวใช้ในการเดินในการเดินทางไปมาของคนในชุมชน...ที่ส่านมากจะใช้จักรยานหรือเท้าเปล่าเสียมากว่ากรถคันใหญ่ๆที่นานๆจะเห็นสักคัน...ถึงแม้ว่าถนนหนทางจะสบายขนาดไหนแต่คนที่นี้กลับใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย...สองข้างถนนประดับไปด้วยต้นไม้ยืนต้นที่ดูเขียวชอุ่มด้วยใบไม้ ประกอบกับมีนกนาๆชนิดส่งเสียงอวดร้องแข่งขันอย่างไพเราะมากกว่าดนตรีในผับในเมืองเสียอีก...ถัดเข้าไปจะเห็นเป็นบ้านของชาวบ้านในรูปต่างๆบ้างก็เป็นบ้านปูน...บ้างก็เป็นบ้านไม้...หรือกระท๊อบที่อยู่ในสวนยางสวนผลไม้ของชาวบ้านที่ใช้สำหรับการพักผ่อนยามทำงานเสร็จ....
....และอีกอย่างหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้อบอุ่นได้ไม่แพ้กันคือน้ำใจของคนที่นี้....ใครเคยบอกว่าคนใต้ใจดำลินบอกได้เลยว่าไม่จริงแต่ถ้าตัวดำลินเชื่อค่ะ....เพราะทั้งแต่ลินเข้ามาอยู่ที่นี้พร้อมกับเพื่อนๆ..ลินเห็นในความมีน้ำใจที่เต็มเปี่ยมไปด้ยวมิตรภาพที่หาไม่เจอในกรุงเทพเสียอี...
....และอีกอย่างหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้อบอุ่นได้ไม่แพ้กันคือน้ำใจของคนที่นี้....ใครเคยบอกว่าคนใต้ใจดำลินบอกได้เลยว่าไม่จริงแต่ถ้าตัวดำลินเชื่อค่ะ....เพราะทั้งแต่ลินเข้ามาอยู่ที่นี้พร้อมกับเพื่อนๆ..ลินเห็นในความมีน้ำใจที่เต็มเปี่ยมไปด้ยวมิตรภาพที่หาไม่เจอในกรุงเทพเสียอี...
“หนูลิน..หนูลิน...วันนี้ไปกินข้าวกันที่ศาลา..เห็นว่าหนูลินจะกลับกรุงเท๊พแล้ว...พวกชาวบ้านจะเลี้ยงส่งน่ะ” ลุงไข่เอ่ยบอกด้วยสำเนียงคนใต้ที่ลินพอจะฟังออกบ้าง...แต่เข้าใจความหมายดีเพราะเธอมาอยู่ทีนี้มา 2 ปีกว่าแล้วประกอบกับมีเพื่อนเป็นคนใต้ด้วย
“วันนี้ป้า..แกงไตปลา ลวกยอดเพรียง แกงเลียงเห็ดปลวก...รับรองว่าหรอยแรงเลยนิ...”ป้าเขียวพูดใต้ขึ้นสมทบพร้อมกับสาธายายแกงต่างๆที่ขึ้นชื่อมายั่วน้ำลายเล่น
“มีแกงส้มปลากรพงหม้ายป้า..ถ้ามีป้าต้องหุงข้าวเพิ่มเลยเละ...เดี้ยวกินให้พุงกางเลยนิ” แป้งสาวใต้เพื่อนของลินพูดขึ้นขณะเดินมาสู่วงการสนทนา
“ อีแป้ง..นั่นเคาเรียกว่ากินหรือว่า..รับประแดกแตกเลือดงะนั่น...” เชอรรี่หรือนายเชิดของคนที่นี้..สาวประเภทสองพูดด้วยสำเนียงใต้ที่คนเหนือหัดแลงใต้ได้อย่างแปลก
“หรือว่า...แกจะไม่กินล่ะค่ะ” ปัดพูดขึ้นเป็นเชิงถามอีกคนด้วยหน้าทะเล้น
“กินสิ...”เชิดตอบพร้อมทำหนาสะบัดบ๊อมงอนๆให้กับเพื่อน..เรียกเสียงหัวเราะได้ดีจากชาวบ้านและลินพร้อมเพื่อนได้เป็นอย่างดี
“ลิน...จะไปจริงๆเหรอ...คิดดีแล้วหรือเปล่า” ปัดถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะพวกเธอรู้ถึงทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับลินดี
“พวกเราเป็นห่วงแกน่ะ..ลิน”เชอร์รี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหวิวๆพร้อมยกกระเป๋าให้ลิน
“ นี่เพื่อนๆขา...ลินเค้าไปแล้วไม่ชาว่าจะไม่กลับมาน่ะย่ะ...เอ่อ..ลีลาวดีถ้ากลับไปแล้วไม่มีความสุข...ก็กลับมาที่นี้น่ะ..เพนาะลินยังมีเพื่อนๆและคนที่นี้เป็นครอบครัวของลินอยู่น่ะค่ะ...จำเอาไว้แป้งพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกถึงความจิงใจและห่งใยอยู่ในตัวพลางส่งยิ้มให้อย่างเป็นกำลังใจพลางเข้าไปกอดลาพร้อมกับเพื่อน...ลินกล่าวลาทั้งน้ำตา
“กลับมาเยี่ยกันมั้งน่ะ...โมเรายินดีต้อนรับนุ้ยลินเสมอนะ....”
ทุกๆคำของการบอกลายังอยู่ในโสตประสาท...ทุกๆความรู้สึกของกับว่าครอบครัวที่มีให้...จะอยู่กับลินตลดอไป...แล้วลินจะกลับมาค่ะ...ลีลาวดีโบกมือลาทั้งน้ำตาพร้อมเก็บความรู้สึกดีๆเอาไว้ในใจ.....เริ่มต้นเผชิญกับความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป.....ลีลาวดี
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ