อิสราออนไลน์

-

เขียนโดย วาทยกร

วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 16.17 น.

  4 ตอน
  5 วิจารณ์
  9,294 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

บทนำ

บทนำ


สำเภายักษ์แล่นฝ่าระลอกคลื่นลูกแล้วลูกเล่าไปอย่างบ้าระห่ำ ผิวน้ำแตกเป็นฟองยามปะทะเข้ากับโครงเรืออันแข็งแกร่ง หัวเรือรูปพญาราชสีห์แยกเขี้ยวคำรามอย่างน่าเกรงขามเหนือท้องนที เสากระโดงเรือขนาดสามคนโอบสี่ต้นแลเห็นเป็นเงาตะคุ่มอยู่ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ที่ดาดฟ้าเรือลูกเรือหลายร้อยคนต่างตะโกนเอ็ดอึงกันวุ่นไป บ้างสาละวนอยู่กับการเก็บใบเรือที่เป็นอุปสรรคต่อการฝ่าไปเบื้องหน้า บ้างก็มันตรึงปืนใหญ่กว่าครึ่งร้อยให้ติดตรึงอยู่กับที่ไม่ร่วงหล่นลงทะเลไป หลายคนวิ่งลงไปใต้ท้องเรือต่างคนต่างประจำที่พร้อมทำหน้าที่ฝีพายทุกเมื่อ รอเพียงคำสั่งเท่านั้น

 

"พลังเวทย์จะหมดแล้ว!" ชายคนหนึ่งตะโกนแข่งกับเสียงพายุ นัยน์ตาสีนิลจับจ้องไปยังแสงสีเทาในลูกแก้วที่กำลังอ่อนแสงลงทุกขณะ เขาขบริมฝีปากแน่น รวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายส่งพลังเวทย์ที่เหลืออยู่อีกเพียงน้อยนิดเข้าไป แสงสีเทาเรืองสว่างขึ้นชั่วขณะก่อนจะกลับจางลงเหมือนเดิม

 

"ใช้ฝีพายเดี๋ยวนี้! พลังเวทย์หมดแล้ว" นักเวทย์หนุ่มซึ่งบัดนี้พลังเวทย์ในกายหมดเกลี้ยงตะโกนซ้ำอีกครั้งก่อนจะยืนหอบหายใจอยู่ตรงนั้น ขวดน้ำยาเพิ่มพลังเวทย์หลายขวดกลิ้งกระทบกันไปมาอยู่บนพืนดังแสบแก้วหูไปหมด แต่ชายหนุ่มก็หาได้สนใจไม่ สมองครุ่นคิดอยู่แต่เพียงว่า หากปราการแรกยังยากลำบากถึงเพียงนี้ ปราการต่อไปจะเป็นเช่นไร

 

ใบพายขนาดประมาณเรือบดแวกผิวน้ำส่งสำเภาลำงามให้แล่นไปเบื้องหน้า เรือยักษ์ฝ่ากระแสคลื่นลมออกไปได้ไม่เท่าไหร่ก็โดนกระแสคลื่นพัดถอยหลังกลับมาอีก ลูกเรือร่วมร้อยคนช่วยกันทำหน้าที่ฝีพายอย่างพร้อมเพรียง ไม่มีใครปริปากบ่น ไม่มีใครชะลอมือเพราะต่างก็ต้องการจะไปให้ถึงจุดหมาย

 

"ให้ตายเถอะ ทำไมคลื่นลมมันแรงอะไรอย่างนี้?" นักเวทย์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นลอยๆขณะนั่งพักเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์อยู่ในห้องอาหาร ที่มุมหนึ่งนักปรุงยากับลูกมือรวมสามคนช่วยกันปรุงยาเพิ่มพลังเวทย์กันอย่างชุลมุน ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่การฝ่าด่านพายุเพียงด่านเดียวก็ทำให้น้ำยาเพิ่มพลังเวทย์ที่สำรองมาเกือบสองพันขวดอันตรธานหายไปหมดในเวลาเพียงสามสิบนาที และตอนนี้น้ำยาเพิ่มพลังชีวิตก็เหลือไม่ถึงพันขวดแล้ว นับว่าเป็นสถานการณ์ขั้นวิกฤติเลยทีเดียว

 

"ถ้าไม่แรงอย่างนี้เห็นทีคงจะไม่ใช่เควสแห่งตำนาน" นักเวทย์อีกคนกล่าว กระดกขวดน้ำยาเพิ่มพลังเวทย์รวดเดียวหมดขวด รสเฝื่อนของยาค้างอยู่ในปากจนหน้าเบ้ พลังเวทย์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งพันหน่วย แต่นั่นก็ยังไม่พอสำหรับการคุมเรือ

 

"แต่สามสิบนาทีล่อพลังเวทย์ของพวกเรายี่สิบหกคนหมดเกลี้ยงเลยเนี่ยนะ? มันจะเกินไปหน่อยแล้ว" อีกเสียงร้องบอกมาอย่างสับสน นักเวทย์ทั้งยี่สิบหกคนในคณะต่างก้ระดับสูงเกินสี่สิบกันแล้วทั้งนั้น ค่าพลังเวทย์รวมกันก็ร่วมสามหมื่น แต่เพียงชั่วระยะเวลาไม่นานพลังเวทย์ก็หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ

 

"อย่าบ่นอยู่เลย ใครพอฟื้นตัวบ้างแล้วก็ไปชาร์ตพลังใส่เครื่องไว้ พอครบหน่วยจะได้เดินเครื่องช่วยอีกแรง" ใครสักคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าพูดตัดบทอย่างรำคาญเต็มที

 

สามชั่วโมงต่อมาสำเภายักษ์ก็แล่นฝ่าเขตพายุออกมาได้ แต่ยังไม่ทันที่เหล่านักผจญภัยจะได้พักหายใจ แนวหินโสโครกก็ปรากฏเป็นแนวดำขวางอยู่เบื้องหน้าก้อนหินสีดำมะเมื่อมรูปร่างน่าเกลียดโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาเป็นแนวยาวราวกับกำแพงที่มีใครบรรจงสร้างขึ้นมาฉะนั้น

 

สำเภายักษ์พุ่งตรงไปยังโขดหินใหญ่ด้วยแรงส่งมหาศาลที่ใช้ต่อสู้กับลมพายุ กับตันสาวพวงมาลัยสุดตัวจนเกือบจะล้มกลิ้ง เรือยักษ์เองก็เอียงเสียนพวกลูกเรือใจหายใจคว่ำ เสียงต้นหนตะโกนบอกทางดังแข่งกับเสียงพายุฟังแทบไม่ได้ศัพท์

 

สำเภาใหญ่แล่นผ่านช่องว่างระหว่างหินยักษ์องก้อนหลุดออกไปยังเวิ้งน้ำเบื้องน้อกได้สำเร็จ แม้ว่าใบพายจะกระแทกกับหินแหลกไปเสียหลายใบ

 

เวิ้งน้ำเบื้องนอกแลดูสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด มองไปทางใดก็เห็นแต่ท้องฟ้าสีครามกับปุยเมฆสีขาวเท่านั้น สายลมโกรกจากด้านหลังเรือไปข้างหน้ากัปตันจึงสั่งให้ชักใบเรือเพื่อแล่นไปตามกระแสลม เหล่านักผจญภัยทั้งหลายลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ต่างพากันพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของร่างกาย กับความตึงเครียดของปนะสาทจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา

 

นานเท่าใดไม่อาจทราบ รอบกายมีแต่ความเงียบสงบจนอดประหลาดใจเสียไม่ได้ แต่แล้วกระแสน้ำที่เคยไหลเอื่อยก็ไหลแรงขึ้น พร้อมกับเสียงของระบบที่ประกาศก้องขึ้นให้ได้ยินทั่วกันทั้งคณะ

 

"ทะเลฉากชายขอบชมพูทวีป ไม่สามารถใช้คาถาสำหรับเคลื่อนย้ายได้ เปอร์เซนต์การรอดจากอุบัติเหตุ ๐.๐๒ เปอร์เซนต์ กรณีผู้เล่นเสียชีวิตจะถูกลดระดับลงสามในสี่ส่วน และใช้เวลาเกิดใหม่นานเป็นสามเท่าของปกติ" สิ้นเสียงประกาศต่างคนต่างก็มองหน้ากันเลิกลั่กด้วยไม่เข้าใจว่าต่อไปจะพบกับอะไร

 

แต่ไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อไป สำเภายักษ์ก็ถูกกระแสน้ำพัดตกลงไปยังท้องน้ำเบื้องล่างที่อยู่ไกลออกไปเสียจนไม่รู้ว่าจะไปถึงมื่อไหร่

 

"ห่าเอ๊ย! นี่มันขอบโลกหรือไงวะ?" เสียงใครบางคนสบถออกมา แล้วรอบกายก็มีเพี้ยงเสียลมกับละอองน้ำที่กลายเป็นไอหมอกไปด้วยความสูงสุดหยั่งนั้นเอง

 

๐๐๐๐๐๐๐

 

"หัวหน้าครับ ชวดไปอีกกลุ่มแล้วครับ" เสียงใครคนหนึ่งรายงานหัวหน้าแผนกอย่างหน่ายๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่จอภาพของตน ในจอนั้นกำลังแสดงภาพสำเภายักษ์ที่แตกเป็นเสี่ยงๆด้วยแรงกระแทกมหาศาลจากการตกลงมาจากขอบทวีป นอกจากวากเรือแล้วยังมีร่างของผู้เล่นลอยเกลื่อนกลาด แถบแสดงสถานะบ่งบอวกว่าทุกคนไม่เหลือพลังอะไรเลยแม้แต่ค่าเดียว ไม่ว่าจะเป็นพลังชีวิต พลังจิต หรือพลังเวทย์

 

"อีแบบนี้ก็ไม่ได้เห็นจของในตำนานสักทีสิ น่าเบื่อชะมัด" เพื่อนพนักงานอีกคนกล่าว

 

"อย่าเพิ่งพูดถึงของในตำนานเลยคนจะพาลเบื่อเลิกเล่นไปเสียก่อนน่ะสิไม่ว่า" อีกคนกล่าว

 

"แค่ ๗,๗๗๗ ภารกิจยังไม่มากพอให้เล่นในทวีปแรกอีกหรือ?" เสียงหัวหน้าแผนกกล่าวขึ้นลอยๆ แล้วว่าต่อไป "ถ้ายังว่างกันอยู่ก็ไปคุมภารกิจของตัวเองให้ดีเถอะ ไอ้ภารกิจตำนานนั่นน่ะยังมีเวลาอีกนาน ช่วงนี้ก็จดๆไว้ด้วยก็แล้วกันว่าใครได้ของอะไรไปบ้าง แล้วก้อย่าออกของแรร์ไปให้มากนักเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน"

 

"เอ๊ะ ทำไมหรือครับหัวหน้า?" ลูกน้องคนหนึ่งถามอย่างแปลกใจ

 

"หรือว่าบริษัทจะหักโบนัสถ้าเราปล่อยของแรร์มากไปหรือครับ?" อีกคนโพล่งขึ้นสีหน้าตื่นๆ หัวหน้าแผนกได้แต่หัวเราะเบาๆพูดว่า

 

"เปล่า แค่ไม่จดไว้ประเดี๋ยวจะดูไม่สนุก"

 

"ดูอะไรครับ?"

 

"ก็สงครามนะสิ" ทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก็กลับไปทำงานต่อ ปล่อยให้ลูกน้องมองหน้ากันเลิกลั่กอย่างไม่เข้าใจ

 

๐๐๐๐๐๐๐

 

ณ ทุ่งกว้างที่มีสายลมเย็นพัดโกรกตลอดเวลา หญิงสาววัยสิบเก้าปีคนหนึ่งกำลังอ่านจดหมายจากเพื่อนรักอยู่ด้วยดวงตาเป็นประกายแจ่มใส

 

-คิดถึงจังเลยแก เป็นไงบ้าง หายหน้าหายตาไปเลยนะ นี่นี่มาเล่นเกมด้วยกันเถอะ จะได้เจอกันไง อีกอย่างเกมเสมือนจริงเดี๋ยวนี้เขาพัฒนาไปมากเลยนะยะ แต่ไม่ใช่คอเกมอย่างเธอคงไม่รู้หรอก แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนตัวเราไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลยล่ะ ตอนนี้เค้าเล่นเกมค่ายอิสระออนไลน์อยู่ ถ้าไงมาเล่นด้วยกันนะเพิ่งออกมาเกมแรกก็ฮิตติดตลาดเลยสนุกโคตร

ปล.ในเกมเค้าเล่นตัวผู้ชายชื่อ อคิลลิส นะ ไว้เข้าเกมแล้วส่งข้อความมานะจะแอดเฟรนด์ไป

(เชื่อว่าแกทำไม่เป็นแหงๆ เพราะงั้นฉันแอดไปเอง โอเคนะ)

คิดถึงโคตรๆ(สาลินี) –

 

อ่านเสร็จหญิงสาวก็นิ่งไป ดวงตาสีดำคู่สวยจ้องหน้าจอไม่กระพริบ ก่อนที่มุมปากจะขยับยกขึ้นเล็กน้อย ความตื่นเต้นเล็กๆบังเกิดขึ้นในใจ หญิงสาวรีบหาข้อมูลของเกมที่ว่าโดยเร็ว

 

หลังจากอ่านไปได้สักพัก รอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว ประตูแห่งอิสระภาพเปิดขึ้นต่อหน้าเธอแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าเธอจะสามารถก้าวผ่านเข้าไปได้หรือไม่เท่านั้น

 

"พี่หมอจะให้เล่นไหมนะ?" เธอพึมพำกับตัวเอง พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หญิงสาวปิดเครื่องฉายภาพสามมิติตามมารยาท สมองคิดหาคำพูดเหมาะๆที่จะพูดกับคนที่กำลังจะเข้ามาโดยเร็ว

 

๐๐๐๐๐๐๐


 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา