Godlike
บทนำ
รู้สึกไหม ว่าชีวิตมันช่างน่าเบื่อ...?
เสียงนาฬิกาปลุกแว่วดังขึ้นในมโนสำนึก ปลุกสติเจ้าของห้องให้ตื่นจากห้วงนิทราอันแสนสั้น มือขวาที่ปรากฏรอยแผลเป็นบนหลังมือ เอื้อมไปตบปิดเสียงจากกล่องสีเหลี่ยมสีดำราคาถูกบนหัวเตียง ก่อนจะเริ่มป่ายสะเปะสะปะตามหากรอบแว่นพลาสติกหนาสีดำใกล้ๆ นั้น แล้วคว้ามันขึ้นมาสวมบนใบหน้าเรียวทั้งที่ดวงตายังไม่ปรือเปิดดีเสียด้วยซ้ำ ไป
แต่อย่างน้อย สมองของเขาก็เริ่มทำงานแล้ว
“... โอย ... วันนี้ประชุม 8 โมงนี่หว่า ...”
ความเกียจคร้านยังคงเกาะหนึบเหนียวหนับเหมือนทุกเช้าที่เพิ่งตื่น เจ้าของร่างผอมเพรียวจึงยังไม่มีท่าทีว่าจะลุกออกจากเตียงขาว เขายังคงนอนกลิ้งขลุกพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่อีกชั่วอึดใจ ให้ความรับผิดชอบในส่วนลึกของจิตใจ ตบความขี้เกียจออกไปจนกลิ้งหลุนลงจากเตียง
ห้องสีขาวที่เต็มไปด้วยเครื่องเรือนสีดำ รูปแบบนั้นช่างเรียบง่าย หากก็ดูดีมีสไตล์เพราะรูปทรงที่ทันสมัยจากวัสดุที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ทั้ง หลาย กระนั้นสิ่งแรกที่หนุ่มน้อยเจ้าของห้องเลือกกระทำ นั่นคือการเดินหน้ามึนหยิบผ้าขนหนูสีขาวมาพาดคอ แล้วโซเซผ่านเข้าประตูห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวยามเช้าเหมือนที่คนปกติเค้าทำ กัน
แต่ตอนนี้ห้องน้ำของเขา กลับมีเจ้าที่ประจำอยู่ในนั้นเสียแล้ว
“เหมี้ยว~!”
“... อ้าว ... มาทำอะไรอยู่ในห้องน้ำล่ะนี่ ...”
ต้องใช้เวลาอยู่ชั่วครู่ใหญ่ๆ กับการจับเจ้าแมวดำตัวน้อยไปกินมื้อเช้า แม้จะนึกอยู่ว่ามันประหลาดดีที่สัตว์เลี้ยงบ้านี้จะได้กินก่อนเจ้าของ หากมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรในเมื่อมื้อเช้าของเจ้าแบล็กกี้มันเป็นอาหาร แมวสำเร็จรูปที่แค่เทลงถ้วยกับหาน้ำเตรียมไว้ให้ก็จบแล้ว
และนี่... คือสีสันหนึ่งเดียวในชีวิตของเขาในฐานะหนุ่มโสดที่อกหักมาห้าครั้งรวดไม่มีสมหวัง
“เฮ้อ ... อ๊ะ จะ 7 โมงแล้วเหรอ ... รีบๆ หน่อยดีกว่าแฮะ”
พูดจบก็เดินเกาหัวตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป แปรงฟัน ล้างหน้า อาบน้ำ สระผม และปลดทุกข์ให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินตัวเปียกออกมาโยนชุดนอนสีดำลงตะกร้าที่เต็มไปด้วยผ้าสีโทนขาวกับ ดำ แล้วหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่ฝังติดผนัง คว้าเอาเสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวกับกางเกงสแล็คดำออกมาเป็นเครื่องแบบประจำกาย
ส่วนชุดอื่นๆ นอกเหนือจากสีขาวและดำนั้น แทบจะไร้ซึ่งสีสันอื่นใด นอกจากสีน้ำเงินดำ น้ำเงินยีนส์ กับสีโทนน้ำตาลเท่านั้น
“... แซนวิชก็แล้วกัน ...”
หลังสิ้นสุดการแต่งตัวที่เสร็จสรรพภายในห้านาที ชายหนุ่มก็คว้ากระเป๋าสะพายสีดำ พร้อมคาบแซนวิชที่หยิบมาจากตู้เย็น เดินเตาะแตะตาปรือไปใส่รองเท้าหนังดำที่ไม่ได้ขัดมาร่วมเดือนกว่า ก่อนจะหยิบกุญแจห้องที่ห้อยไว้หลังประตูหน้า แล้วล่ำลาน้องแบล็กกี้ที่มานั่งมองตาแป๊วประหนึ่งกำลังทำหน้าที่ส่งแขกออก จากบ้านตามปกติ
“เฝ้าบ้านดีๆ ล่ะ แบล็กกี้”
ชั่วขณะที่กำลังจะปิดประตูห้อง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็เหลือบเลยไปมองนาฬิกาบนผนังห้องทิศตรงกันข้าม และพบว่าเวลานั้น คือ 07.46 น. เข้าไปแล้ว ซึ่งปกตินั้น ก็ควรจะเร่งรีบออกวิ่งไปเพื่อจะถึงที่หมายให้ทันเวลา 8 นาฬิกาตรงอันเป็นเส้นตายเวลานัด
แต่นั่นย่อมไม่ใช่เขาแน่นอน
“โอ้ วันนี้ออกเร็วนี่นา พิรุณ”
“... ครับผม ... เอ่อ สวัสดีครับ”
คำทักทายแรกของเช้านี้ มาจากคุณลุงยามประจำที่พัก ซึ่งเคยช่วยกันตามหาเจ้าแบล็กกี้ที่หนีเที่ยวมาก่อน และแน่นอน รอยยิ้มเมาๆ ก็ยังคงปรากฏอยู่บนหน้าพิรุณเหมือนทุกครั้งที่พยายามจะยิ้ม กระทั่งน้ำเสียงที่โต้ตอบกลับไปก็ยังเฉื่อยช้ามีดีเลย์สม่ำเสมอเป็น เอกลักษณ์ประหลาดๆ ที่ทุกคนต่างก็รู้กันดี
หากความสุภาพนอบน้อมเรียบร้อยที่ไม่อาจหาได้ง่ายๆ สำหรับเด็กรุ่นใหม่สมัยนี้ ก็ทำให้พิรุณกลายเป็นที่รักใคร่ของบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ไปทั่วเหมือนกัน
“พอดีเช้านี้ประชุมแต่เช้า ... ผมก็เลยต้องไปไวหน่อยครับ”
“อ๋อ อย่างนั้นก็รีบไปเถอะ จะ 8 โมงแล้วเดี๋ยวจะไม่ทันเอา”
“ครับ ... ขอตัวก่อนนะครับ”
หลังจากก้มหัวเป็นเชิงขออนุญาตลุงยามที่ไม่มีความคิดจะรั้งตัวไว้ พิรุณก็เดินตัดตรงข้ามถนนไปอีกฟากฝั่งหนึ่ง ทักทายกับลุงยามหน้าประตูอีกคน แล้วเตาะแตะเรื่อยเปื่อยเข้าประตูรั้วมหาวิทยาลัยหมายเลข 3 ไปชิลๆ รวมเวลานับตั้งแต่ปิดประตูห้องพัก เบ็ดเสร็จแล้ว 5 นาทีเต็ม
แต่ประเด็นมันอยู่ที่การขึ้นไปยังห้องประชุมที่อยู่ชั้น 8 ของตึก C ที่อยู่ข้างในสุดต่างหาก
“... 07.58 ... จะทันไหมหนอ ...”
เลนส์แว่นสะท้อนแสงอ่อนจากหน้าจอโทรศัพท์ที่ควานออกมาจากกระเป๋า เวลาตรงตามมาตรฐานที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้น เรียกเสียงพึมพำจากผู้เป็นเจ้าของอุปกรณ์สื่อสารได้ชั่วอึดใจ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบขึ้นมองกลุ่มนักศึกษาที่ยืนออกันอยู่หน้าลิฟต์อีก ครั้ง ก่อนจะหันสลับไปมองบันไดทางขึ้นใกล้ๆ ที่มีคนเดินเข้าออกกันประปราย ด้วยชั่งใจว่าควรเลือกทางไหนถึงจะดี
หากเมื่อเหลือบไปเห็นตัวเลข 8 เปลี่ยนเป็น 9 การตัดสินใจก็สิ้นสุดลงพร้อมกับการวิ่งขึ้นบันไดทีละ 2-3 ขั้นจนถึงห้องประชุม
“— มาช้าอีกแล้วนะ ปอร์น”
“... ไม่กี่วิเอง ...”
“เอาเถอะ มาแล้วก็รีบนั่งที่เสีย จะได้เริ่มประชุมสักที”
“... ครับ ...”
ประตูห้องเลื่อนปิดลงทันทีที่พิรุณรับทราบคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย ด้วยใจจริงนั้น ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้อยากจะมาวุ่นวายกับงานพวกนี้นัก หากก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งด้วยหน้าที่และสำนึกความรับผิดชอบที่มี แม้ว่าฐานเริ่มของมัน จะเป็นการขอร้องแกมบังคับให้ปอร์นต้องรับตำแหน่งนี้ไปเพราะไม่มีใครอยากเป็น ก็ตาม
ก็เคยมีคนบอกเอาไว้... และปอร์นก็คิดว่ามันจริงเสียด้วย...
‘หัวหน้าห้อง’ ... มันก็เบ๊สาธารณะนั่นแหละ
โดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าทุกการกระทำของพิรุณหรือปอร์นคนนี้ อยู่ภายใต้สายตาของบุคคล 2 คนมาตั้งแต่คืนก่อนแล้ว
“— ไม่เห็นมีอะไรเลยนะ? แน่ใจเหรอว่าไม่ผิดตัว?”
คำถามที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย เป็นของบุคคลร่างเล็กที่ยังคงนั่งเคาะโต๊ะหน้านิ่วขัดใจเสมอต้นเสมอปลายนับ ตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ก่อนที่กลิ่นกรุ่นหอมกาแฟจะโชยมา พร้อมกับถ้วยกาแฟใบน้อยซึ่งถูกส่งมาให้โดยเพื่อนร่วมงานที่ตัวสูงกว่าแค่ เล็กน้อย
“ช่างเถอะน่า เค้าสั่งมาแบบนี้ เราก็แค่ทำไปตามหน้าที่แค่นั้นก็พอ ... งานออกจะสบาย— !!”
แสงสว่างเรืองรองจากมือถือสีดำสนิทบนโต๊ะกระจก ไม่อาจสะดุดประโยคลงไปได้เท่ากับหมายเลขโทรเข้าที่ขึ้นแสดงอยู่บนหน้าจอ เรียกให้ดวงตาสองคู่ลอบสบมองกันเองอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่เด็กเสิร์ฟกาแฟผิวเข้มจะเอื้อมมือเข้ารับโทรศัพท์อย่างเสียมิได้
เมื่อผู้ที่โทรเข้ามานั้น คือหัวหน้าผู้ออกคำสั่งให้ทั้งสองมาทำงานนี้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนนั่นเอง
“— ... ! เอ่อ ... ... รับทราบ—”
“... ว่าไง?”
ความเงียบในห้องมืดเกิดขึ้นอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่ดวงตาสีดำสนิทจะค่อยๆ ละเลื่อนจากหน้าจอโทรศัพท์ที่กลับไปล็อกอัตโนมัติ สบมองจ้องตาคู่หูที่ดูจะตื่นเต้นตั้งใจฟังเป็นอันมาก
แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนดวงหน้าเรียวกลมเป็นวงรี ก่อนที่คำตอบต่อคำถามเมื่อครู่จะตามมาในอึดใจ
“หัวหน้าบอกว่าให้เลิก ‘เฝ้า’ —”
นัยน์ตาสีดำสนิทคู่โตค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปช้าๆ จนดูยังไงก็ไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์ เช่นเดียวกับความผิดปกติอย่างน่าตระหนกที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในห้องเช่า ซึ่งจู่ๆ ก็ติดๆ ดับๆ ก่อนจะมีประกายไฟแล่นแวบวาบไปทั่ว
“แล้วไป ‘ล่า’ ซะ!”
00 - No title.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ