เล่ห์กลรักเงาอสูร
23) บทที่ 4 คุ้มเวียงผาหลวง_3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เล่ห์กลรักเงาอสูร
บทที่ 4 คุ้มเวียงผาหลวง_3
“ปัง ปัง ปัง” เสียงปืนดังต่อเนื่องเพิ่มขึ้นอีกสามนัด ท้องฟ้าเบื้องบนเต็มไปด้วยสัตว์ปีกหลากหลายขนาด หลากหลายสายพันธุ์ ต่างโบยบินหลบหลีกหนีเป็นกลุ่มก้อน ต่างเป็นฝูงเล็กฝูงใหญ่ บ้างกำลังโบยบินหลงทิศทางกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง แม้แต่ตัวของเขาเอง รำพัน นายยอดชายต่างก็กำลังแตกตื่นตกใจไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากฝูงนกน้อยใหญ่บนท้องฟ้าเบื้องบนเหล่านั้นเลยสักนิด ยกเว้นแต่มินตราหญิงสาวสวยผู้ไร้ซึ้งจิตวิญญาณและความรู้สึกเท่านั้น เธอยังคงนั่งสงบนิ่งตัวแข็งเป็นก้อนหินไม่คิดจะขยับเขยื้อนลุกขึ้นยืนหรือลุกก้าวเดินหลบหลีกหนีไปไหนเลย
“เม ...เม...มินตรา คุณเป็นอะไรไป” เขาก้าวเดินไปจับไหล่ทั้งสองข้างของมินตราเขย่า แล้วร้องตะโกนเรียกชื่อเธออยู่หลายครั้ง เหมือนจิตใจตลอดจนความรู้สึกนึกคิดของมินตราจะโบยบินหลงทิศทางกระจัดกระจายไป ไม่ได้แตกต่างอะไรจากฝูงนกน้อยบนท้องฟ้าเบื้องบนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย เธอกำลังปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างจากโลกภายนอก ไม่ให้มุ่งตรงเข้าไปสู่จิตใจหรือความรู้สึกภายในของเธอได้อีกเลย
“ปัง ปัง ปัง” เสียงปืนนัดที่ เจ็ด แปด และเก้า ดังต่อเนื่องขึ้นมาอีกครั้ง มินตราเริ่มที่จะปิดกั้นอารมณ์ตลอดจนความรู้สึกเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ภาพเหตุการณ์การต่อสู่เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วมันอาจจะยังคงติดค้างคา ฝังรากลึกอยู่ภายในจิตใจตลอดจนอารมณ์และความรู้สึกของเธอ แม้เธอจะพยายามแสดงท่าทางว่าเข้มแข็งและสดใสร่าเริงอย่างคนปกติธรรมดาโดยทั่วไป แต่สภาพจิตใจที่เธอเสแสร้งแกล้งสร้างมันขึ้นมา หลอกลวงตัวของเธอเองว่า
“ฉันสบายดี ฉันมีความสุขดีและสมบูรณ์ดีแทบจะทุกสิ่งทุกอย่าง” สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่มีทางที่จะหลบหลีกหนีจากความเป็นจริงที่อยู่ภายในจิตใจของเธอไปได้ มินตรากำลังรู้สึกหวาดกลัว และเจ็บปวดจนถึงสุดขั้วหัวใจ
“มาวิณตื่น มาวิณตื่น ฟังฉัน ฉันกับเมียนายเราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ ตื่นสิมาวิณ” เสียงตะโกนของบิดาของเขาส่งเสียงดังแทรก เข้ามาอยู่ภายในความรู้สึกนึกคิดของเขา แม้เขาจะไม่ต้องการอยากจะได้ยิน ได้ฟังน้ำเสียงของบิดาในยามนี้เลยก็ตาม แต่ในขณะนี้อาการของมินตราก็ไม่ได้แตกต่างอะไรหรือผิดเพี้ยนอะไรไปจากมาวิณ บิดาของเธอเลยแม้แต่น้อย สภาพจิตใจของเธอกำลังเริ่มหลุดลอยไปยังสถานที่อันไกลแสนไกล จิตใจอันเปล่าเปลี่ยวของเธอเริ่มออกเดินทางไปยังสถานที่ที่เขาเองก็ไม่สามารถจะติดตามสืบเสาะหา แล้วนำพาเธอกลับคืนมาได้
“เม เม...มินตรา ตื่น ตื่นเถอะ ได้โปรด” เขาเขย่าไหล่ของมินตราอย่างรุนแรงเพิ่มมากยิ่งขึ้น และตะโกนส่งเสียงดังมากยิ่งขึ้นเป็นทบเท่าทวีคูณ อย่างจิตใจที่กำลังจมดิ่งยากที่จะบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้
“คุณเป็นอะไรของคุณ เขย่าฉันซะเจ็บไปหมดเลย” เขาคุกเข่าลงตรงเบื้องหน้าเธอ
“ก็คุณ...” เขาไม่กล้าจะพูดประโยคต่อไปเพราะเขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ
“ก็เธอตัวแข็งเป็นก้อนหินไปเลยนะสิ” รำพันพูดต่อประโยคให้อย่างนึกหมั้นไส้ น้ำเสียงจึงออกแนวประชดประชันเล็กน้อย
“จริงครับ คุณเมคงจะตกใจมาก ตัวแข็ง ตาค้าง..”
“อย่างกับคนตายเลย” นายยอดชายพูดได้แค่ประโยคท่อนแรก ส่วนประโยคท่อนที่เหลือยังคงติดค้างไว้ภายใจจิตใจเท่านั้น
“ฉันสบายดีแล้วค่ะ ฉันเพียงแค่ตื่นตกใจไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง” นายยอดชาย และรำพัน อาจจะหลงเชื่อในคำพูดโกหกของมินตรา แต่มันไม่ใช่สำหรับเขาคนนี้อย่างแน่นอน
“พวกเรากลับกันเถอะครับ ผมมีงานต้องทำต่อ” เขาลุกขึ้นยืนตัวตรง รำพันที่เตรียมตัวพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ก็เริ่มก้าวเดินตรงดิ่งเข้ามาเกาะกุมท่อนแขนเขาเอาไว้เช่นเดิม นายยอดชายก็เตรียมตัวจะออกก้าวเดินกลับไปยังเรือนเพาะชำต้นกล้าไม้แล้วเช่นกัน คงเหลือแต่มินตราเท่านั้นที่ยังคงนั่งนิ่งๆ อยู่เช่นเดิม
“ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวอีกสักพัก” เขาตรงดิ่งเข้าไปจับข้อมือเธอเอาไว้แล้วดึงให้ลุกขึ้นยืนตัวตรง
“ฉันเจ็บนะ” เธอจับจ้องมองแววตาของเขาตรงๆ
“ก็ได้ ไม่เห็นต้องทำตาดุใส่ฉันขนาดนั้นเลย”
“พี่ไม้ เราไปจากตรงนี้กันเถอะจ๊ะ รำพันกลัวเสียงปืน” รำพันชุดดึงท่อนแขนของเขาจนลำตัวงองุ้ม แต่เขาก็ไม่คิดที่จะขยับเขยื้อนไปไหนเลยเช่นกัน ไม่จนกว่ามินตราจะเริ่มออกก้าวเดินไปข้างหน้าเคียงคู่ ด้วยกันกับนายยอดชายตามเดิมแล้วเท่านั้น เขากับรำพันจึงได้เริ่มออกก้าวเดินติดตามไป จนสุดท้ายเขาและทุกคนต่างก็ก้าวเดินกลับคืนมาจนถึงเรือนเพาะชำต้นกล้าไม้อีกครั้งจนได้
..................................
“พี่ยอดแย่แล้ว” เสียงตะโกนหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของนายยอดชายวิ่งตรงดิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“มีอะไรอีกหว่ะ” ลูกน้องชี้นิ้วตรงไปยังรถจี๊ปของมินตรา ทีธเนศเพิ่งจะขับมาจอดทิ้งเอาไว้ได้เพียงไม่นานมากนัก ขณะนี้ รถจี๊ปอยู่ในลักษณะหงายท้องเก้าสิบองศาทั้งสี่ล้อชี้หงายขึ้นบนท้องฟ้า
“โฮ้ย!!ทำไมมันคว่ำอยู่ในท่านั้นได้หว่ะ” ยอดชายตะโกนตั้งถามลูกน้องเสียงดังอย่างนึกแปลกใจ
“โน้นเลยครับ พี่ยอด” ลูกน้องชี้นิ้วตรงไปยังชายหนุ่มนิรนาม ในสภาพบาดเจ็บนอนพักรักษาตัวอยู่ใต้ร่มไม้ บนโต๊ะไม้สักสี่ขาที่ต่อขึ้นเอาไว้ใช้นั่งพักผ่อนในหมู่พรรคพวกของคนงานกันเอง ขนาดความกว้างคูณยาวประมาณสองเมตรคูณสองเมตร
“มันเป็นใครกันหว่ะ”
“ไม่รู้ครับ พี่ยอด มันมาจากไหนก็ไม่มีใครรู้ พวกเราเห็นมันครั้งแรกก็ตอนที่รถจี๊ปนอนหงายท้องในท่านั้นอยู่แล้ว พวกคนงานจึงพากันลากตัวมันออกมานอนทิ้งเอาไว้ตรงนั้นก่อน”
“มันเป็นอะไรมากไหมหว่ะ”
“ร่างกายมันมีบาดแผลเยอะอยู่เหมือนกันครับพี่ยอด แต่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่ที่น่าจะทำให้มันหมดสติไปก็น่าจะรอยแผลที่ถูกงูกัด”
“งูอะไรกัดมันหว่ะ”
“น่าจะเป็นฝูงงูเห่าแถวนี้แหละพี่” ทุกคนในคุ้มต่างรับรู้กันดีในป่าเขาแถบนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คืองูเห่าที่อาศัยอยู่กันเป็นฝูง หากไม่รู้จักเส้นทางเป็นอย่างดีจะไม่มีใครกล้าเดินผ่านป่าเขาแถบนี้เพียงลำพังคนเดียวอย่างแน่นอน
“เอ็งฉีดเซรุ่มแก้พิษงูให้มันหรือยังหว่ะ”
“ฉีดให้แล้วครับ โชคดีที่เรายังมีเหลืออยู่อีกเข็ม ไม่อย่างนั้นมันตายแน่”
“ดีแล้วหว่ะ”
“พี่ไม้...” ยอดชายหันหลังกลับคืนมาหาเขาอีกครั้ง
“พาคนไปพลิกรถให้กลับมาให้เหมือนเดิมแล้วลองสำรวจดูว่ามันมีอะไรเสียหายบ้าง”
“ครับพี่ไม้ แล้ว...” ยอดชายจับจ้องมองตรงไปยังชายหนุ่มนิรนามที่กำลังนอนนิ่งสลบไสลอยู่ใต้ร่มไม้
“ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ ถ้ามันฟื้นแล้วค่อยสักถามเอาความจริงจากมัน”
“ครับพี่ไม้”
“พี่ไม้ข๊า รำพันคิดว่ามันอาจจะเป็นพวกเดียวกันกับพวกที่ยิงปืนเมื่อสักครู่นี้ก็ได้นะจ๊ะ” การสันนิฐานของรำพันก็น่าจะฟังดูมีเหตุผลอยู่เช่นกัน แต่อย่างไรเสียก็ต้องรอคอยสักถามเอาความจริงจากคนเจ็บอยู่เช่นเดิม
“คุณจะไปไหนเม” มินตรากำลังก้าวออกเดินตรงไปยังรถจี๊ปที่นอนคว่ำหงายท้องอยู่
“ฉันก็จะได้ดูข้าวของๆ ฉันในรถนะสิ”
“คงมีคนขนออกมาจากรถให้คุณหมดแล้วล่ะ”
“แล้วมันอยู่ตรงไหนกันล่ะ” เขาชี้นิ้วตรงไปยังเรือนพักคนงานอันเป็นสถานที่ อีกแห่งหนึ่งที่เขาและนายเที่ยงใช้เป็นสถานที่พักผ่อนนอนหลับในยามค่ำคืนหากไม่มีธุระต้องกลับไปยังคุ้มเวียงผาหลวง อย่างเช่นเดียวกันกับคนงานอีกหลายๆ คนที่มีเรือนพักอยู่ยังสถานที่แห่งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ยกเว้นแต่นายยอดชายและรำพันเท่านั้น ที่ต้องเดินทางไปและกลับระหว่างคุ้มเวียงผาหลวงกับเรือนเพาะชำต้นกล้าไม้อยู่เสมอๆ
“คุณพกอะไรมามากมายนักหนาหรือเม ทำไมถึงได้ห่วงใยมันมากมายนัก”
“ก็หลายอย่าง”
“คุณคิดจะมาเที่ยวเล่นหรือกำลังคิดจะย้ายบ้านกันแน่ ข้าวของถึงได้เยอะมากมายขนาดนั้น”
“ฉันก็แค่เตรียมพร้อมเอาไว้ก่อนก็เท่านั้น ไม่คิดว่าชีวิตของฉันมันจะต้องมาพบปะเจอะเจอกับเรื่องบ้าๆ อะไรแบบนี้อยู่เรื่อยๆ” เขาอยากจะหัวเราะชอบใจในคำพูดของมินตรา แต่ก็หัวเราะไม่ออกเพราะชีวิตของมินตรามันออกจะโชคร้ายอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอจริงๆ
“วันนี้ฉันคงไม่ต้องนอนพักอยู่ที่เรือนคนงานแถวนี้ด้วยจริงๆ หรอกนะ” เขาเงียบไปไม่กล้าที่จะตอบคำถามของเธอ เพราะหากรถเกิดเสียใช้การไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ ก็มีอยู่แค่หนทางเดียวเท่านั้น เธอจำเป็นต้องค้างอยู่ที่นี้กับเขา และรอจนกว่ารถจี๊ปจะซ่อมแล้วเสร็จพอที่จะขับกลับไปยังคุ้มได้
“รำพันไม่ยอมนะค่ะ หากคืนนี้พี่ไม้ค้างที่นี่รำพันก็จะค้างด้วย”
“แต่เธอเอารถมาด้วยไม่ใช่หรือไงรำพัน”
“เปล่าวันนี้รำพันไม่ได้เอารถมาด้วย รำพันขอติดรถของคนงานในไร่ฝั่งโน่นมา ก็รำพันคิดว่าขากลับจะขอติดรถจี๊ปของพี่ไม้กลับไปด้วย แล้วใครจะรู้ล่ะว่ามันจะเป็นแบบนี้”
“แล้วรถมอเตอร์ไซต์ของนายยอดชายล่ะ”
“วันนี้ยอดชายให้เพื่อนขับรถมาส่งแต่เช้าเหมือนกัน กับรำพันเพราะนายยอดชายเตรียมตัวที่จะมาค้างคืนที่นี่ไม่ได้คิดจะกลับไปนอนที่คุ้ม จึงให้เพื่อนขับรถกลับไปแล้วเช่นกัน หากยอดชายคิดจะกลับไปยังคุ้มก็คงจะขอติดรถจี๊ปของพี่ไม้กลับในวันหลังด้วยเช่นเดียวกัน”
“โอ้.!! แสดงว่าพวกเรากำลังถูกปล่อยทิ้งเอาไว้กลางป่า กลางเขาอย่างนั้นรึรำพัน”
“ก็ไม่ถึงกับถูกปล่อยทิ้งเอาไว้หรอกจ๊ะ พี่ไม้ เดียววันพรุ่งนี้พ่อของรำพันอย่างไรก็ต้องมาติดตามรำพันกลับอยู่ดี” รำพันหยุดพักดวงตาอันมีเลศนัยจากเขาไปสักพักแล้วพูดประโยคต่อไป
“แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ เพราะว่ารำพันบอกกับแม่ว่ารำพันจะไปค้างบ้านเพื่อนสักสองสามวันถึงจะกลับ” เขาตกใจอ้าปากตาค้าง
“เธอกำลังพูดเล่นใช่ไหมรำพัน” รำพันส่ายหน้าปฏิเสธ
“ความจริงแล้วรำพันกะจะมาพักค้างคืนอยู่ที่นี่กับพี่ไม้ด้วย เลยตระเตรียมเสื้อผ้ามาด้วยหลายชุด สุดท้ายเหมือนสวรรค์ท่านจะช่วยสร้างและช่างตระเตรียมการเอาไว้ให้กับรำพันก่อนล่วงหน้าแล้ว รำพันถึงได้มีโอกาสได้มาค้างคืนอยู่กับพี่ไม้ที่นี่จริงๆ อย่างที่ได้เคยใฝ่ฝันเอาไว้” เขาตื่นตกใจอ้าปากตาค้างอีกครั้ง เขาไม่คิดว่ารำพันจะเห็นเรื่องโชคร้ายของเขาเป็นเรื่องโชคดีของเธอไปได้เช่นนี้เลย
“ฮ่า ฮ่า หึ หึ...” มินตรานั่งลงที่เก้าอี้ไม้เก่าๆ และกำลังหัวเราะชอบใจ
“คุณไม้ แล้วคนงานคนอื่นๆ เขากลับไปที่คุ้มกันยังไง”
“ออ คนงานที่นี่เกินครึ่งมีบ้านพักอยู่แถวนี้ ส่วนที่เหลือเป็นคนงานที่พ่อเลี้ยงสร้างบ้านพักแยกเอาไว้ให้ต่างหาก จึงไม่ค่อยมีใครเทียวไปเทียวมาเพราะถนนมันไม่ค่อยจะดี เดียวฝนตกบ่อย เดียวหมอกลงจัด เดินทางไปกลับลำบาก คนงานหลายๆ คนจึงสมัครใจที่จะพักอยู่ที่นี่ จะพากันกับไปที่คุ้มก็เฉพาะในวันหยุดเท่านั้น ยกเว้นแต่พ่อของฉันกับพี่ไม้ แล้วก็นายยอดชาย ที่เทียวไปเทียวมาอยู่เป็นประจำ” รำพันเป็นคนตอบคำถามแทนธเนศ
“ฉันพอเข้าใจแล้ว ตกลงว่าถ้ารถมันเกิดเสียใช้การไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ พวกเราก็ติดกันอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
“ก็คงงั้น” รำพันตอบอย่างไม่สนใจมินตรามากนัก
“แล้วรถจี๊ปอีกคันที่คุณจอดทิ้งเอาไว้ตรงหน้าผานั้นล่ะค่ะ ”
“ผมฝากบอกให้คนงานขับกลับไปให้แล้วครับ” มินตราจับจ้องมองใบหน้าอันเต็มไปด้วยหนวดเครารกครึ้มของเขาอย่างสงสัย เพราะไม่รู้ว่าเขาเอาเวลาที่ไหนไปบอกฝากรถเอาไว้กับคนงาน
“วันนี้มีคนงานได้หยุดพักสองคน ผมเลยฝากให้คนงานช่วยขับรถกลับไปคืนเอาไว้ที่คุ้มตามเดิมแล้วครับ”
“สวรรค์ท่านคงจะกำหนดมาแบบนี้แล้วจริงๆ อย่างที่รำพันพูดเอาไว้ อย่างนั้นพวกเราก็ค้างมันอยู่เสียที่นี่แหละไม่ต้องคิดที่จะกลับไปที่คุ้มแล้ว”
“นี่เธอไม่คิดว่าจะด่วนสรุป เร็วไปหน่อยหรือไง ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่ารถจี๊ปจะใช้การได้หรือใช้การไม่ได้” รำพันต่อว่ามินตราออกไปตรงๆ
“ความจริงฉันก็อยากจะให้มันกลับมาใช้การได้เหมือนเดิมเช่นกัน แต่ดูจากสภาพของมันแล้ว และบวกกับเจ้าที่เจ้าทางตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์แถวนี้ ฉันว่าท่านคงต้องการอยากจะให้พวกเราติดอยู่กลางป่า กลางเขานี้จริงๆ ก็ได้ เธอว่าจริงไหม”
“เธอพูดมาก็มีเหตุผล” รำพันเป็นคนเชื่อถือเรื่องโชคลางสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างชาวบ้านป่าโดยทั่วไป ทุกคนต่างก็มีความเชื่อถือกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ยาตายาย หากยามใดมีใครก็ตามพูดคุยถึงเรื่องนรกหรือสวรรค์ ยามนั้นรำพันก็จะเริ่มเชื่อถือโดยไม่คิดจะลบหลู่และพร้อมที่คล้อยตามคำพูดอยู่เสมอ
“พี่ยอดแย่อีกแล้วครับ” เสียงตะโกนดังแทรกกลางอาณาบริเวณโดยรอบเรือนเพาะชำกล้าไม้อีกครั้ง ทำให้ทุกคนต่างจับจ้องมองตรงไป ยังเจ้าของน้ำเสียงที่ร้องตะโกนแจ้งข่าวร้าย อย่างเป็นสายตาเดียวกัน
“มีเรื่องอะไรอีก หว่ะ”
“โน่นเลยพี่ยอด” ทุกคนต่างจับจ้องมองตรงไปตามนิ้วมือสั่นๆ ที่กำลังเริ่มยกชี้ขึ้น ตรงไปยังริมลำธารฝั่งตรงข้าม
....................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ