นักสืบซัมเมอร์

6.3

เขียนโดย รถโฟล์ค

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 23.38 น.

  6 ตอน
  5 วิจารณ์
  12.85K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) เฮียแฟรงค์พี่ชายที่แสนดี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

โรมเดินมาหน้าห้องกองกิจการนิสิตเพื่อหลบหน้าพี่นิว....ซึ่งในสายตาเขามองว่าเป็นคนที่เลวร้ายที่สุดในขณะนั้น .... แล้วหยิบโทรศัพท์สีดำขึ้นมา

 “พี่นิคใช่ไหมครับ ชมรมฟ้าสดใสนะครับ คือสงสัยเรื่องงบประมาณที่จัดให้อ่าครับ นำไปใช้ตอนปิดเทอมได้ไหมครับ”โรมรีบถามพี่นิคประธานสภานิสิตอย่างรวดเร็ว  ทั้งกริยาท่าทางของชายหนุ่มตอนนี้ร้อนเป็นไฟไปหมด


 “อ๋อ ใช้ได้สิครับ” พี่นิคตอบ


“เหรอครับ  ทำไมพี่นิวบอกว่าใช้ไม่ได้ล่ะครับ”โรมถามต่อด้วยความสงสัยอย่างมากพลางหน้านิ่วคิ้มขมวด

“ใช้ได้สิครับ อย่าไปสนใจแกเลยนะครับ  ให้พี่เป้เสนอท่านรองฯ ไปเลย" พี่นิคบอกให้โรมเอาโครงการไปให้เจ้าหน้าที่กองกิจการนิสิต คนที่ไม่มานั้นแทนพี่นัส

“ครับๆ...”เขาตอบรับ แบบไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร

 โรมเปิดประตูเข้ามาหน้าห้องกองกิจการนิสิตอีกครั้งหนึ่ง ก็โดนพี่นิวดุว่าต่างๆนานา มากมาย เขาเกือบร้องไห้เพราะไม่เคยถูกใครว่าแบบนี้มานานแล้ว  และเรื่องมันก็จบโดยการที่โรมต้องทำโครงการมาใหม่ให้จัดเป็นวันที่ 11-12 กันยายนที่จะถึงนี้  เพื่อที่จะเบิกงบประมาณไปใช้ได้ แต่ให้ไปทำจริงๆตามวันเวลาดังกล่าว คือวันที่ 7-8 ตุลาคม หลังจากสอบเสร็จ

 ****************************************************************

 โครงการของชมรมฟ้าสดใสที่โรมได้รับผิดชอบนั้น ชื่อ “ค่ายความรักความผูกพัน”จะจัดขึ้นในวันที่ 7-8 เดือนตุลาคม ที่จะถึงนี้  ณ โรงเรียนบ้านไร่นา อำเภออกหัก จังหวัดรักเธอ เขาจึงต้องลงมือลงแรงวางแผนกิจกรรมทุกอย่างเองโดยไม่มีใครช่วย  ในแผนกิจกรรมนั้นก็จะมีการทำกิจกรรมสันทนาการ ทาสีสนามเด็กเล่น วอร์กแรลลี่ย์  ทำกิจกรรมสันทนาการกับน้องๆ สอนน้องๆ และ แผนกิจกรรมที่เขาคิดขึ้นมาใหม่คือ “การแสดงละครเจ้าหญิงสโนไวท์” ซึ่งเขากำลังมองหานักแสดงอยู่จำนวนหนึ่ง ยังเหลือบทเจ้าชาย และ แม่มดร้าย ที่ยังไม่ได้

 

 
  ณ ร้านขายเครื่องสำอาง ในพลาซ่า มหาวิทยาลัยวิกตอรี ในระหว่างที่โรมกำลังนั่งคุยกับเจ้าของร้านเครื่องสำอางตามประสาคนคุ้นเคยกัน คือ “พี่นก” สาวสวยวัย 30 ปี  เขาก็ได้เจอกับ “พี่ซูซี่”  ซึ่งมาซื้อเครื่องสำอางที่ร้านพี่นก

“พี่ซูซี่” เป็นรุ่นพี่ของโรม เรียนอยู่คณะวิทยาการสารสนเทศ เอก นิเทศศาสตร์ เธอเป็นสาวประเภทสองที่แต่งหญิง ลักษณะเด่นคือ เครื่องสำอางที่ฉาบหน้าอยู่นั้นจะหนามากๆ เธอสูงประมาณ 165 เซนติเมตร  เคยเจอกับเขาครั้งแรกตอนไปออกค่ายสมัยเขายังอยู่ปี 1  และก็ไม่ได้เจอกันและคุยกันอีกเลย และนี่ก็เป็นการเจอกันอีกครั้งของสองคนนี้ในรอบ 2 ปี

 

       “พี่ซูซี่ มาทำอะไรครับ ดีใจจังเลยที่ได้เจอพี่ไม่ได้เจอกันซะนานเลย   สบายดีไหม” โรมรีบเอ่ยปากถามที่ได้เจอคนที่รู้จักที่ไม่เจอกันซะนาน  ซึ่งเขาก็ไม่เคยลืมพี่ซูซี่เลย

 

“โอ้ย! พี่สบายดีจ๊ะ มาซื้อเครื่องสำอางนี่แหละจ้า” สาวประเภทสองตอบ พลางแสยะยิ้มที่มุมปาก  สายตามีเลศนัย

 

“พี่ซูซี่ มาแสดงละครเจ้าหญิงสโนไวท์ให้ผมได้ไหมครับ” โรมพูดเชิญชวนพลางฉีบยิ้มอันมีเสน่ห์ที่มุมปาก

 

“โอ้ย ได้สิโรม จะให้พี่รับบทอะไรล่ะ โรม” สาวประเภทสองพูดเสียงดัจริตเล็กน้อย พลางสะบัดผมที่หยิกหยองยาวปะบ่าไปมา

 

“อ๋อ เหลือแม่มดครับพี่ ได้ไหมครับ”  โรมถามอย่างมีความหวัง

 

“ได้สิ จะซ้อมวันไหนล่ะ โรม”สาวประเภทสองท่าทางดีใจมากที่จะได้แสดงละคร

 

“ขอเบอร์พี่หน่อยดิ  …..คงเป็นวันเสาร์บ่ายโมงอ่าพี่  เดี่ยวผมโทรหานะพี่”โรมตอบ พลางรอยยิ้มดีใจที่ได้นักแสดง ส่วนมือก็ยื่นโทรศัพท์ให้พี่ซูซี่กดเบอร์ให้

 

ส่วนบทเจ้าชาย   โรมก็ลองติดต่อไปที่ “น้องโน้ต” ซึ่งเป็นน้องที่พึ่งรู้จักหลังจากกลับจากสัมนาพัฒนาศักยภาพนิสิตที่เชียงคาน ซึ่งน้องโน้ตก็ตอบตกลงที่จะรับบทเจ้าชายให้กับเขา

“น้องโน้ต”เป็นรุ่นน้องปี 1 คณะบัญชีและการจัดการ เป็นคนที่โรมพึ่งรู้จักได้ไม่นานเท่าไรนัก รู้จักกันก่อนลงรถซึ่งกลับจากเชียงคานไม่กี่ชั่วโมง  เพราะตอนกลับนั่งรถกลับคันเดียวกัน แต่ตอนในค่ายไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย  เป็นอะไรที่น่าแปลกมาก  เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ทำให้เรารู้จักกับคนใหม่ๆได้อย่างรวดเร็ว  และสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว  และน้องโน้ตนี่เองที่เป็นคนคอยช่วยกิจกรรมในชมรมของเขาในเวลาต่อมา เพราะเขาเป็นนักกิจกรรมที่รู้เรื่องการเขียนโครงการ และงานเกี่ยวกับชมรมเป็นอย่างดี

 *****************************************************************

 ในช่วงเวลาพักผ่อนของโรม เขามักจะอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และนั่งเล่น เฟสบุ๊คเขามักจะตอบ  คอมเมนท์ของเพื่อนๆ และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมีเพื่อนในคณะสาธารณสุขศาสตร์ อยากจะไปออกค่ายกับเขา  เพราะพวกเธอเปิดดูวิดิโอ ค่ายครั้งที่แล้วที่เขาเอาลงเฟสบุ๊คไว้  ทำให้เขารู้สึกขอบคุณพระเจ้ามากที่จะมีคนไปค่ายกับเขาเพิ่มขึ้นอีก 4 คนนั้นคือ  แพนด้า  อ้อ หญิง และ เบ็ญ 

 

อ้อ : “อยากไปจังเลย ไปไม่ชวนเลยนะโรม”  

 

 โรม : “อะไรกัน ก็ไม่รู้ว่าอ้ออยากไป”      

                           

อ้อ : “ไปอีกชวนหน่อยนะ อยากไปว่ะ แพนด้า หญิง เบ็ญ ก็อยากไป”      

 

 โรม : “อืม เดี่ยวชวน รับรองสนุกแน่”

 

นั่นเป็นข้อความที่โรมกับอ้อคุยกันทางเฟสบุ๊ค  ที่ทำให้โรมรู้สึกดีใจมาก  ที่อยู่ๆก็มีคนสนใจอยากไปเข้าค่ายด้วย ซึ่งโรมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้

 

 *****************************************************************

     

  การซ้อมละครในวันเสาร์ก็มีปัญหามากมาย  เริ่มตั้งแต่นัดแล้วไม่ตรงเวลามีเพียงสองสามคนที่เดินทางมารอแล้ว 1 ในนั้นคือพี่ซูซี่  ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้โรมอารมณ์เสียมาก และด่าทุกคนที่ขวางหน้าไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง  ด่าแม้กระทั่ง พี่หมิงซึ่งเป็นที่ปรึกษาชมรม  ซึ่งอารมณ์ของเขานี้เป็นอารมณ์ร้ายที่หลายคนไม่เคยเจอมาก่อน ....เขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปหาพี่หมิง และประโยคแรกที่เขาพูดขึ้นคือ....

 

“ทำไมนัดไม่เป็นเวลาเลยครับ วันนี้ผมนัดแสดงละครใช่ไหม พี่หมิง” โรมพูดกับพี่หมิงด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน

 

“พี่ขอโทษ พอดีที่ในเมืองเขามีซ้อมดนตรีไง หลายคนในชมรมเลยต้องซ้อมดนตรี” พี่หมิงอธิบายว่าทำไมนักแสดงที่เขานัดไว้ถึงมาซ้อมแสดงละครไม่ได้ เพราะยังซ้อมดนตรีไปแข่งขันกับต่างจังหวัด

 

“แล้วทำไมไม่โทรมาบอกผมล่ะครับ ว่ามาไม่ได้ จะได้เลื่อนเวลาออกไป” โรมน้ำเสียงแข็งกร้าวน่ากลัวมาก  จนทุกหูที่ได้ยินแทบไม่กล้ามองหน้า

 

“พี่ขอโทษ เดี๋ยวตอนประมาณ 4 โมงเย็นโน่นแหละ ถึงจะเลิก  ซ้อมดนตรีก่อนนะ  เดี๋ยวพี่จัดการให้นะ” พี่หมิงพูด

 

“ครับๆ” โรมตอบรับสั้นๆ ห้วนๆ แบบไม่พอใจนัก

 

และปัญหาต่อมาก็ตามมาอีกก็คือ ต้องมานั่งแก้บทกันใหม่และนัดเวลาซ้อมกันใหม่ คือหลังสอบปลายภาคเสร็จ ในวันที่ 6 ตุลาคม ก่อนที่จะเดินทางไปค่าย 1 วัน ทำให้โรมทำหน้าเซ็งสุดๆ

 

       จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้โรมเริ่มมองคนที่ชมรมฟ้าสดใสทุกคนในแง่ลบมากขึ้น  ...ทำไมนัดไม่เป็นเวลา  ทำไมถึงเห็นแก่ตัว เหมือนไม่อยากช่วยเหลือกันเลย ชมรมนี้ฉันก็ไม่อยากจะทำนักหรอกนะ ถ้าพวกคุณพี่ๆไม่โยนมาให้ผมทำ  โรมบ่นเสียงดังกับตัวเองคนเดียวในห้องของตัวเอง  เสร็จปุ๊บเขาก็หลับตาลง ฝ่ามือทั้งสองข้างเลื่อนมาประกบกันอยู่เหนือหน้าอก  ตากลมโตของเขาค่อยๆปิดลง  เขาถ่อมใจลงหลับตาลงอธิษฐานกับพระเจ้าเสียงดัง

 

“โอ้พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ขอพระองค์ทรงช่วยเหลือลูกในการทำชมรมครั้งนี้ด้วย ลูกไม่รู้จะทำยังไง ลูกไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จไหม ขอพระองค์ทรงโอรดช่วยเหลือ ในพระนามพระเยซูคริสต์ เอเมน”

 

นั่นคือคำอธิษฐานของโรมที่เขาต้องการให้พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ช่วยเหลือเขา เพราะตอนนี้เขายังมองไม่เห็นเลยว่ากิจกรรมออกค่ายชมรมเขาจะสำเร็จไหม มีปัญหาหลายอย่างมากมาย ทั้งเรื่องคนที่จะไปก็ไม่รู้จะไปเท่าไร อาจจะไม่มีใครไปเลยก็ได้ แต่สิ่งเดียวที่เขาวางใจคือให้พระเจ้าช่วยเหลือเขา

และจากเหตุการณ์ครั้งนั้น โรมก็เริ่มสนิทสนมกับ “น้องโน้ต” ที่พึ่งรู้จักกันตอนไปเชียงคาน และ “พี่ซูซี่” เพราะสองคนนี้คอยให้ความช่วยเหลือเขาในเรื่องชมรมฟ้าสดใสที่เขาบริหารอยู่เสมอไม่เหมือนคนอื่นๆที่รอๆแต่จะไปออกค่าย หรือใช้ชื่อสมาชิกชมรมฟ้าสดใสไปแอบอ้างในการสมัครทำงานพิเศษ  ในช่วงเวลานับจากนี้ น้องโน้ตกับพี่ซูซี่จึงกลายเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีใครเป็นห่วงหรือไม่มีเพื่อนสนิทที่ไว้วางใจได้เลยนอกจากสองคนนี้  ....มีพี่เคและพี่ฝุ่นยังคอยดูแลเขาห่างๆอยู่เสมอ

**************************************************************** 

ยินดีที่ไม่รู้จัก ไม่รู้จัก แค่รู้ว่ารักก็พอใจ แค่คำว่าไม่รู้จัก ไม่รู้จัก รักเราก็ไม่ได้น้อยลงจริงไหม แค่มีเธอใกล้ๆ มันก็ใช่ที่สุดแล้ว

โรมทำอะไรเล่นๆอยู่ในห้องตามลำพังคนเดียว ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นด้วยบทเพลงยอดฮิต ทำให้เขารีบหยิบมันขึ้นมารับทันที เขามองดูที่หน้าจอโทรศัพท์   ขึ้นชื่อว่า “เฮียแฟรงค์” เขายิ้มและดีใจมากที่พี่ชายโทรมาในเวลาที่เขากำลังมีปัญหากับภาระงานต่างๆและกำลังเหงาไม่มีเพื่อนคุยด้วย

 

“หวัดดีครับเฮีย” โรมเอ่ยทักทายต้นสาย

 

“เป็นไงบ้างวะ ไม่เห็นโทรมาเล่นกับเฮียมานานเลยนะ”เฮียแฟรงค์ทักทายและถามน้องชายตามประสาคนสนิทสนม

 

“โหย ช่วงนี้เรียนหนักอ่าเฮีย  แบบทั้งการบ้าน ทั้งงานชมรม เมื่อวานก็ยังวุ่นวายอยู่กับการแสดงละครไปค่ายอะไรนั่นอยู่เลยครับ ทั้งจะอ่านหนังสือสอบอีกครับเฮีย” โรมบ่นให้พี่ชายเขาฟังด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ  พร้อมเกาหัวตัวเอง

 

“อย่าซีเรียสดิวะ ค่อยๆทำไปนะ โรม” ผู้เป็นพี่พูดให้กำลังใจ

 

“ไม่มีใครช่วยเลยครับเฮีย ชมรมอะไรก็ไม่รู้  ถ้าเขาไม่ให้ผมทำก็ไม่ทำหรอก แล้วพอทำก็ไม่มีใครช่วยเนี่ยนะ” พูดเสร็จแล้วถอนหายใจ

 

“ใครให้แกทำวะเนี่ยอยากรู้จริงๆ  พวกพี่ที่จบไปแล้วนี่ก็จริงๆ แล้วเพื่อนแก้งฮีโร่อะไรของแกนั่นล่ะ”ผู้เป็นพี่ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจคนที่บังคับให้น้องชายตัวเองทำชมรม

 

“ใช่ครับเฮีย พี่ที่จบไปแล้วนั่นแหละครับ  อะไรก็ไม่รู้ ” โรมตอบแบบน้ำเสียงไม่พอใจ และ พูดเสียงเบาลงด้วยความเศร้า “แก้งฮีโร่อะไรล่ะเฮีย ตอนนี้ผมไม่มีใครสนใจแล้วครับ”

 

“เกิดอะไรขึ้นวะ  ทำไมแกถึงพูดแบบนั้นล่ะโรม  มีอะไรผิดใจกันเหรอ”   ผู้เป็นพี่ถามน้องชายด้วยน้ำเสียงห่วงใย

 

“ช่างมันเถอะเฮีย  ผมไม่อยากจะพูด เฮียรู้แค่ว่าผมไม่มีเพื่อนละกันตอนนี้”ชายหนุ่มวับ 20 ปีพูดน้ำเสียงเศร้า

 

“เออ ไม่บอกก็ไม่ต้อวบอกวะ ตั้งใจเรียนล่ะอย่าไปทำแต่กิจกรรมจนเสียการเรียนล่ะ”

 

“ครับเฮีย” โรมตอบรับพี่ชายแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใส  “เออ เฮียรู้ไหมว่า  เวลาเฮียโทรมาทีไร ผมจะนึกถึงเพื่อนผมคนหนึ่งอ่าเฮีย ไม่ได้เจอกันมาตั้ง 7 ปีแล้ว”

 

เฮียแฟรงค์นิ่งอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ใครวะ แฟนเหรอ” เฮียแฟรงค์พูดแล้วขำๆแซวโรมเล่น

 

“เปล่าหรอกเฮีย เพื่อนครับ  เขาชื่อ “แฟรงค์” อ่าเฮีย ชื่อเหมือนเฮียเลย”เขาอธิบาย

 

“เหรอ ตั้ง 7 ปีแล้วคงเจอกันหรอกนะ ไอ้โรม” เฮียแฟรงค์พูดกวนๆแบบไม่ให้กำลังใจโรมเท่าไร

 

“ก็ไม่รู้แหละ เผื่อเจออ่าเฮีย” เขาเอ่ย พลางหัวเราะ

 

“ขอให้เจอละกันนะ โว้ย  แกนี่รักเป็นคนรักเพื่อนจริงๆ   เออ! เดี๋ยวเฮียทำการบ้านส่งอาจารย์ก่อนนะ งานเยอะเหมือนกัน”เฮียแฟรงค์ขอตัว

 

“อ้าวทำไมรีบจังเฮีย  แล้วอาชาติ กับ อาอ้อม สบายดีไหมครับ”เขารีบพูดเพราะกลัวพี่ชายจะวางสายไปก่อน

 

“อ๋อ ปาป๊ากับมาม๊าสบายดี   แค่นี้ก่อนนะ  มีไรก็โทรหาเฮียได้นะโรม อย่าเก็บไว้คนเดียว  เดี๋ยวแกทุกข์ใจเปล่าๆนะโว้ย ไอน้อง” เฮียแฟรงค์พูดเชิงเป็นห่วงน้อง

 

“ครับเฮีย”

 

“เฮียแฟรงค์”เป็นพี่ชายของโรม  เป็นคนเชียงใหม่  พ่อของเฮียเป็นน้องชายของพ่อโรม  เฮียแฟรงค์จะหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวสะอาดสะอ้าน  ตาตี๋ รูปร่างสูงใหญ่  อายุไล่เลี่ยกับโรม เรียนอยู่ ชั้นปีที่ 4 คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  เหตุที่โรมต้องเรียก “เฮีย”เพราะว่า “เฮียแฟรงค์”เป็นครอบครัวของคนไทยเชื้อสายจีน แต่โรมก็ไม่ได้มีเชื้อสายจีนแต่อย่างใด และ “อาชาติ”น้องชายของพ่อโรม  ซึ่งเป็นคนชัยภูมิ ก็ไม่ได้มีเชื้อสายจีนแต่อย่างใด  แต่พอไปเป็นเขยของครอบครัวคนจีนที่เชียงใหม่  อาชาติจึงต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก  และ “เฮียแฟรงค์” ซึ่งเติบโตในครอบครัวนี้จึงได้รับวัฒนธรรมของคนจีนตามแม่ของเขา    และโรมก็ถูกสอนให้เรียกว่า "เฮียแฟรงค์"มาตั้งแต่เด็กๆ

 

“เฮียแฟรงค์” สนิทกับโรมมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ถึงแม้ว่าบ้านจะอยู่ห่างไกลกัน  แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ไม่ได้เสื่อมคลายลงไป  พ่อของโรม และ อาชาติ มักจะไปมาหาสู่กันบ่อยๆ  และ สมัยเด็กๆเขาก็เคยมาพักอยู่บ้าน “เฮียแฟรงค์” อยู่เป็นช่วงๆ โดยเฉพาะช่วงปิดเทอม ซึ่งทำให้เฮียแฟรงค์ กับ โรมสนิทกันเป็นอย่างมาก  เวลาที่โรมมีปัญหาอะไร คนแรกที่เขาจะนึกถึงและโทรหาก็คือ “เฮียแฟรงค์”  ส่วนเฮียแฟรงค์ก็เช่นเดียวกัน เวลามีปัญหาอะไรคนแรกที่เขาจะนึกถึงและโทรหาก็คือ “โรม”ซึ่งดูแล้วทั้งสองคนนี้สนิทกันมากเลยทีเดียว

 

ในความเป็นจริง “เฮียแฟรงค์” มีน้องสาวอยู่อีกคนหนึ่งชื่อ “ฝัน” แต่ฝันอายุห่างจากโรมมาก คืออายุพึ่ง 16 ปี ทำให้โรมไม่สนิทเท่ากับเฮียแฟรงค์  แต่ฝันจะสนิทกับ “เรน” น้องชายของโรมซึ่งอายุเท่ากันมากกว่า

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา