นักสืบซัมเมอร์

6.3

เขียนโดย รถโฟล์ค

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 23.38 น.

  6 ตอน
  5 วิจารณ์
  13.04K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) จุดเริ่มต้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

              มหาวิทยาลัยวิกตอรี (Victory University) เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดสายรักซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน   ประกอบด้วยคณะต่างๆทั้งหมด 10 คณะ ได้แก่ คณะนิติศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์  คณะวิทยาการสารสนเทศ   คณะเภสัชศาสตร์  คณะพยาบาลศาสตร์  คณะแพทยศาสตร์  คณะมนุษยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ และ คณะบัญชีและการจัดการ ซึ่งคนที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยนี้จะเรียกว่า นิสิต  บรรยากาศรอบๆมหาวิทยาลัยจะร่มรื่นมาก  ริมฝั่งถนนทั้งสองข้างจะมีต้นไม้ และมีการปลูกต้นอินทผลัมเรียงเป็นแถวเป็นระเบียบสวยงาม และปูพื้นด้วยหญ้าสีเขียวขจี มหาวิทยาลัยแห่งนี้จึงถูกขนานนามว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์แห่งจังหวัดสายรัก

 

ตึกของมหาวิทยาวิกตอรีนี้จะเป็นตึกที่สูงใหญ่และมี 6 ชั้นขึ้นไป หลังคาจะมุงด้วยกระเบื้องสีเขียว และตึกแต่ละคณะก็จะถูกทาด้วยสีเขียว  จนมีคนขนานนามให้มหาวิทยาลัยนี้อีกว่า มหาวิทยาลัยสีเขียว  ซึ่งมันก็สมกับชื่อจริงๆ

 

 

.....สิ่งที่เล็กเล็กที่ฉันเรียก เธอว่าความรัก   เก็บคำว่ารักไม่กล้าพอจะพูดไป
อยากให้เธอรู้ฉันรักเธอสุดหัวใจ  วันพรุ่งนี้เป็นไง หัวใจเป็นของเธอ...... 

 

          เสียงเพลงเพราะดังมาจากร้านบีโอโซน ริมฝั่งถนนทางเข้า มหาวิทยาลัยวิกตอรี  เป็นร้านขายนมสดที่ นิสิตมหาวิทยาลัยวิกตอรีจะชอบแวะมาบ่อยๆ เพราะมีบรรยากาศที่ดี ได้นั่งคุยกันกับเพื่อนฝูงและมองดูรถขับผ่านไปผ่านมา และมีเพลงเพราะๆซึ้งๆเปิดเบาๆให้ฟัง ช่างเป็นบรรยากาศที่มีความสุขมากเหลือเกินราวกับว่าเราได้ปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึก ความทุกข์ ความเศร้าต่างๆ ไปกับรถแต่ละคันที่ขับผ่านไปผ่านมาทำให้เรามีความสุขมากขึ้นอะไรอย่างนั้น

 

            "โรม"เป็นคนหนึ่งที่ชอบแวะมาดื่มนมร้านบีโอโซนนี้บ่อยๆ เหมือนกับเย็นวันนี้ที่เขาก็แวะมาดื่มนมตามเคย  เขามากับแก้งของเขา พวกเขาจะเรียกตัวเองว่า แก้งฮีโร่ อันประกอบไปด้วย น้องเคน พี่เค พี่โอ๋ และ พี่ฝุ่น ซึ่งเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาวิทยาลัยและที่ชมรมของเขา   โรมชอบเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับตัวเขาให้คนเหล่านี้ฟังเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน เรื่องความรัก รวมทั้งปัญหาต่างๆมากมายในชีวิต หรือเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ชอบเล่า เพราะเขารู้สึกสนิทสนมกับคนเหล่านี้มาก
 
           

"โรม เล่นเฟสบุ๊คเป็นรึยังเนี่ย พี่จะเลิกเล่น Hi5 แล้วนะ" พี่ฝุ่นสาวสวยคนเดียวในกลุ่ม ถามโรมขึ้น พร้อมกับรอยยิ้ม หลังจากคุยกันเรื่องต่างๆมากมาย


"ยังเลยพี่  ผมรู้สึกว่ามันจะเล่นยากนะ เล่นยังไง เล่นไม่เป็นเลย" โรมพูดแบบหน้านิ่วคิ้วขมวด


"สมัครง่ายๆเองนะ ลองเล่นดู เดี๋ยวก็เล่นเป็นเองนั่นแหละ  เล่นเป็นแล้วจะติดนะ ดีกว่า Hi5 เยอะ " พี่ฝุ่นนพูดเชิญชวน  ให้โรมไปเล่นเฟสบุ๊คตาม

 

 " ครับ เดี๋ยวจะลองเล่นดูนะ ครับ" ชายหนุ่มวัย 20 ปี พูดพลางฉีกยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก

 

“เออ แล้วนี่ตกลงใครได้ไปสัมมนาฯที่เชียงคานเหรอ โรมรึเปล่า”พี่เคเปรยขึ้น

 

“ใช่ครับพี่ ผมไปครับ  จับฉลากได้ไงเมื่อวานนี้อ่าครับ  ดีใจมากๆเลย” โรมพูดพลางหัวเราะเสียงดัง

 

“ทำไมโชคดีจัง เชียงคานอ่าอยากไปมากเลย  เพื่อนพี่บอกว่าไปมาแล้ว บรรยากาศดีมากเลย...” พี่เคพูดทั้งรอยยิ้มที่มุมปาก

 

“งั้นก็เปลี่ยนกับพี่โรมดิพี่” น้องเคนพูดแล้วหัวเราะ

 

 “ไม่ได้  พี่จะไปแล้วเคน” โรมหัวเราะเสียงดัง  พลางใช้ช้อนตักนมปั่นใส่ปากไปด้วย

 

 

               หลังจากวันนั้นมาโรมก็เริ่มหัดเล่นเฟสบุ๊ค  จนสามารถเล่นเป็นเข้าใจในเมนูต่างๆมากขึ้น แต่ตอนนั้นเขายังกลัวในบางเรื่องอยู่คือ เขาเข้าใจว่าเฟสบุ๊คสามารถเผยแพร่รูป  โดยคนที่ยังไม่เป็นเพื่อนก็สามารถดูได้  เขาจึงบอกว่าไม่ชอบเฟสบุ๊คเพราะเหตุผลนี้ ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย    .....เฟสบุ๊คสามารถที่จะตั้งค่าไม่ให้คนที่ไม่เป็นเพื่อนไม่สามารถดูได้เหมือนกัน แต่สาเหตุนี้ก็ทำให้เขาหยุดเล่นเฟสบุ๊คไปสักพักใหญ่เลย เขาจึงยังไปนั่งเล่นตอบคอมเมนท์  Hi5 อยู่เหมือนเดิม  ซึ่งคนส่วนมากเขากำลังจะเลิกเล่น Hi5 กันหมดแล้ว

 

“ อิอิ สบายดี แล้วเธอล่ะ” เป็นประโยคที่ชายหนุ่มชอบตอบคอมเมนท์เพื่อนทาง Hi 5 อยู่เสมอ

 

แต่และแล้ววันหนึ่ง เขาก็กลับมาเล่นเฟสบุ๊คอีกครั้งเมื่อเขาเข้าใจเมนูการตั้งค่าต่างๆมากขึ้น และนี่ก็ทำให้เขาเลิกเล่น Hi5 ไปโดยปริยายและไม่เคยเปิดเข้าไปดูมันอีกเลย  และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของหลายๆอย่างในชีวิตของเขา....
      


      "ทำไมโง่แบบนี้นะเรา พึ่งเข้าใจ" เขาบ่นพรึมพรำเบาๆและหัวเราะเสียงดังกับตัวเอง  ขณะนั่งเล่นอยู่ในร้านเน็ต ทำให้สายตาทุกคู่หันมามองที่เขา  เหมือนเขากลายเป็นตัวประหลาดอะไรอย่างนั้นแหละ.....




     ชีวิตโรมยังสนิทสนมและไปไหนด้วยกัน กับ 4 คนนั้นเหมือนเดิม คือ น้องเคน  พี่เค  พี่โอ๋ และพี่ฝุ่น มากกว่าเพื่อนในคณะ  และวันหนึ่งในช่วงพักเที่ยงของวันหนึ่ง หลังจากประชุมชมรมเสร็จแล้วแล้ว  เขาก็ไปกินข้าวโต๊ะเดียวกับคนเหล่านี้ ที่ห้องชมรมฟ้าสดใสซึ่งลักษณะห้องก็ถือว่ากว้างพอสมควรพอที่จะมีโต๊ะกินข้าว และ ที่ทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ และเป็นห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศทำให้มีใครหลายๆคนในชมรม ชอบมาที่จะมาทำการบ้าน หรือมาทำกิจกรรมต่างๆที่ห้องนี้

 

"โรม" เป็นชายหนุ่มวัย 20 ปี  เขาเป็นที่ดูดีและมีเสน่ห์คนหนึ่ง เขามีจุดเด่นคือ ผิวคล้ำ ตัวสูงใหญ่ จมูกโด่ง ดวงตากลมโต หน้าตาดูดี สะอาดสะอ้าน   เขาเป็นคนจังหวัดชัยภูมิแต่มาเรียนมหาวิทยาลัยวิกตอรีที่จังหวัดสายรัก ตอนนี้เขาอยู่ปีที่ 3 แล้ว เขาเรียนคณะสาธารณสุขศาสตร์ สาขาสาธารณสุขศาสตร์ นิสัยส่วนตัวนั้นเขาเป็นคนร่าเริง แจ่มใส เขาเป็นคนชอบพูดชอบคุย และที่สำคัญคือ เป็นคนรักเพื่อน ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆของเพื่อน แต่หลายครั้งเขาก็เป็นคนคิดมากเกินไป จนเกิดมีปัญหาความขัดแย้งต่างๆตามมา  ก็เหมือนวันนี้ที่เขาแสดงออกถึงการไม่พอใจน้องเคน เพราะน้องเคนเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดกับเขา  ทำให้เขาเข้าใจผิดว่า น้องเคนชอบแบ่งพรรคแบ่งพวก เพราะถึงเคนจะไปด้วยกันกับเขาด้วยในกลุ่มแต่เคนก็ชอบคุยแต่กับพี่เค  ซึ่งมันดูแปลกๆชอบกลในสายตาเขามาก  ....เพราะถ้าเราไปด้วยกันก็น่าจะถือว่าทุกคนคือเพื่อนกันและคุยกันได้ทุกคน   เขาจึงย้ายไปนั่งกินข้าวกับกลุ่มอื่นแทนด้วยความรู้สึกอึดอัด


          โรมมานั่งกินข้าวกับกลุ่มสาวๆ อย่างน้องนานาและเพื่อนๆของเธอ  ซึ่งเป็นน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยที่พึ่งสมัครเข้ามาอยู่ชมรมฟ้าสดใส  ทันใดนั้นน้องนานาจึงเปรยถามเขาขึ้นว่า


       "ตกลงพี่โรมเล่นเฟสบุ๊คไหมคะเนี่ย เห็นบอกว่าจะสมัครไงคะ"

 

       "ก็เล่นแล้วครับ ตอนนี้ติดงอมแงมเลยอ่า ชอบเล่นเกมส์ปลูกผักด้วย น้องนานาเล่นไหมครับ"  โรมถามต่อ พร้อมกับหัวเราะเสียงดัง จนคนรอบข้างหันมามอง ในการเล่นเว็บไซต์ที่แปลกใหม่ของเขา


       "นานา สมัครไว้แล้วค่ะ  แต่นานาไม่เล่นแล้วล่ะค่ะ นานาไม่ชอบใครบางคน"  น้องนานาตอบเหมือนไม่พอใจใครอย่างนั้นแหละ แต่โรมก็ไม่เข้าใจว่าน้องนานาไปโกรธใครมา ......เขาได้แค่คิดแต่ก็ไม่ถามแต่อย่างใด

 

น้องนานาก็เป็นคนหนึ่งที่ดูแปลกในสายตาโรมมาก  เพราะหลายครั้งเธอก็ดูเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริง อัธยาศรัยดี แต่หลายครั้งก็ทำเป็นเฉื่อยชา หรืออารมณ์ร้าย จนหลายครั้งเขาก็ไม่กล้าที่เข้าไปคุยด้วย และเคยรู้สึกเสียใจเพราะน้องนานาหลายครั้ง และส่งผลให้เขาคิดว่าเขาจะไม่อยากมาห้องชมรมฟ้าสดใสเพราะคนๆนี้มาหลายครั้ง นอกจากน้องนานาก็มีหลายคนที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ แต่เขาก็พยายามปลอบใจตัวเองแม้บางครั้งเหมือนไม่มีใครอยู่เคียงข้างเลย  พระคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นกำลังใจให้เขาอยู่เสมอ


            
    “ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้  ความรักไม่อิจฉา  ไม่อวดตัว  ไม่หยิ่งผยอง  ไม่หยาบคาย  ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว  ไม่ฉุนเฉียว  ไม่ช่างจดจำความผิด  ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด  แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ  ความรักทนได้ทุกอย่าง แม้ความผิดของคนอื่น  และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ  และมีความหวังอยู่เสมอ  และทนต่อทุกอย่าง

 

(1 โครินธ์ 13:4-7 )

 

          นั่นเป็นข้อพระคัมภีร์ที่โรมชอบเปิดอ่านให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ  และเป็นกำลังใจให้เขาสู้ต่อไป เพราะเขาคิดว่า คนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบเหมือนพระเจ้า เราควรที่จะรักคนอื่น แม้เขาจะไม่ดี หรือทำอะไรให้เราไม่พอใจ เราควรเชื่อในส่วนที่ดีของกันและกันอยู่เสมอ และให้อภัยให้คนอื่นได้แบบไม่มีเงื่อนไข
         ชมรมของโรมที่เขาบริหารในตำแหน่ง “ประธานชมรม” ชื่อว่า "ชมรมฟ้าสดใส"เป็นชมรมหนึ่งที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในมหาวิทยาลัยวิกตอรีแห่งนี้   มีนิสิตอยู่จำนวนมากพอสมควร มีสมาชิกทุกคณะทุกชั้นปี  และเขาก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในชมรมฟ้าสดใสแห่งนี้ สมาชิกในชมรมทุกคนดูรักกันมาก ถึงแม้จะมาจากหลากหลายคณะก็ตาม แต่ทุกคนก็คุยกัน เฮฮากันไปได้ทุกคน ไม่ถือตัว และไม่หยิ่ง  แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีกลุ่มเพื่อนสนิทในชมรม

***************************************************************

 

ชีวิตช่วงเย็นของทุกวัน “แก้งฮีโร่” ก็มักจะไปกินข้าวเย็นด้วยกันเสมอ  หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว พวกเขาทั้ง 5 คน ก็จะชอบไปทำกิจกรรมด้วยกันก่อนกับหอพักบ้าง  เช่น ไปร้องคาราโอเกะ  ไปดูหนัง ไปดื่มนม เป็นต้น  ซึ่งเป็นบรรยากาศที่มีความสุขของชีวิตวัยรุ่นในศตวรรษที่ 21  แต่ก็จะกลับไม่เกินเที่ยงคืน



 

โรมพักอยู่หอพักที่ชื่อ "หอพักสายรัก" เป็นหอพักในมหาวิทยาลัยวิดตอรี เป็นหอพัก 4 ชั้น ติดเครื่องปรับอากาศ  ให้พักอยู่ด้วยกัน ได้ 2 คน โดยทางมหาวิทยาลัยจะจัดให้อยู่ด้วยกันเอง  คนที่พักหอนี้จึงไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะอยู่กับใคร เป็นเหมือนการเสี่ยงโชคว่าต่อไปนี้ชีวิตฉันจะได้พักอยู่กับใคร ใช้ชีวิตอยู่กับใคร โดยเขาพักในห้อง 102  กับ  รูมเมทที่เป็นรุ่นพี่ชื่อ "พี่ริน" ปี4 คณะนิติศาสตร์  พี่รินเป็นคนผิวค่อนข้างขาว  ไม่สูงเท่าไร จุดเด่นคือผมยาวแต่งตัวแบบเซอๆ   เขากับพี่รินไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไรนัก เพราะพี่รินเป็นคนที่เงียบ ไม่ค่อยพูดค่อยจา เวลาเขาถามอะไรก็ไม่ตอบ  และนิสัยตรงข้ามกับเขาทุกอย่าง เช่น เรื่องการเข้านอน พี่รินจะนอนเกือบเช้าส่วนเขาจะนอนตอนเที่ยงคืนตื่นเช้า  พี่รินจะชอบเงียบขรึมแต่เขาจะเป็นคนชอบพูดชอบคุย  พี่รินเป็นคนสกปรกแต่เขาจะเป็นคนรักสะอาดมาก  เป็นต้น  ซึ่งข้อแตกต่างทุกอย่างของพี่รินกับเขา เขารับได้หมด  ยกเว้นแต่ความเงียบขรึมของพี่รินที่เขารับไม่ได้ เพราะเขาถามอะไรพี่รินก็ไม่ค่อยอยากตอบ   เหมือนกับคนไม่รู้จักกัน ไม่ได้พักอยู่ห้องเดียวกัน เขาเองก็คิดอยากจะย้ายห้องเหมือนกัน แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้นในตอนนี้....
       ในความเป็นจริงในช่วงชีวิตของเราจะมีใครสักกี่คนที่เข้ามาในชีวิตและมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์ และการที่เราได้พักอยู่ด้วยกันก็ถือเป็นโอกาสหนึ่งที่ควรจะสร้างความสัมพันธ์กันเอาไว้  เพื่อสักวันหนึ่งเราอาจจะได้ช่วยเหลือกัน  และเวลามันก็ไม่เคยหยุดเดิน นี่เป็นโอกาสที่จะรู้จักกันก็ควรที่จะทำความรู้จักกันเอาไว้ เพราะวันหนึ่งเราอาจจะนึกเสียดายว่าทำไมวันนั้นเราถึงไม่ทำความรู้จักกับคนๆนั้นให้มากกว่านี้



        "พี่ริน ทำไรครับพี่" 

        โรมเอ่ยถามขณะกำลังจัดกระเป๋าจะเดินทางไปอบรมพัฒนาศักยภาพผู้นำ ที่ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ในวันพรุ่งนี้  แต่ก็ไม่เคยมีเสียงตอบกลับจากพี่รินแม้แต่คำเดียว พี่รินมัวแต่นั่งเล่นเกมส์ เล่นอินเตอร์เน็ตไป โดยไม่สนใจความรู้สึกของเขาแม้แต่น้อย นั่นก็ทำให้เขารู้สึกเสียความรู้สึกอย่างมาก



       "คนอะไรวะ ถามไม่เคยตอบ  โอ้พระเจ้า!! ลูกชักจะทนไม่ได้แล้วนะ" 



 

       โรมบ่นพรึมพรำในใจขณะจัดของใส่กระเป๋า แต่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงสีหน้าไม่พอใจแต่อย่างใด ก่อนที่จะบอกว่า "พี่รินผมจะนอนแล้วนะ ปิดไฟก่อนนะ" แล้วเขาก็ปิดไฟเข้านอน โดยไม่มีคำพูดใดๆจากพี่รินเลย  ช่างเป็นอะไรที่น่าอึดอัดซะเหลือเกิน  


       ก่อนนอนเขาก็จะอธิษฐานกับพระเจ้าก่อนนอนเสมอ  เพราะโรมเป็นคริสเตียนเขาอธิษฐาน เพื่อให้พระเจ้าคุ้มครองดูแล และอวยพรให้เขามีความสุข และจัดเตรียมทุกอย่างในวันพรุ่งนี้ ให้เขาดำเนินชีวิตต่อไปด้วยกลีบกุหลาบ...เพราะเขาคิดว่า  "พระเจ้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่จะสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขาได้ ขอแค่เพียงเขาขอจากพระองค์  และเขาอยู่ในโลกนี้ก็เพื่อพระเจ้า ทุกอย่างก็เพื่อพระเจ้า"   แต่ก็ไม่ใช่ว่าคริสเตียนจะไม่เจอปัญหาอะไรในชีวิต



        ที่นี่ที่ไหน...
        เด็กชายโรมกำลังนั่งทานข้าวอยู่ในเตนท์กับคนมากหน้าหลายตาที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน  มีเสียงเพลงเบาๆเปิดเพราะๆให้ฟัง เป็นบรรยากาศที่มีความสุขมากสำหรับเขา เขานั่งทานข้าวอยู่สักพัก ผู้ชายคนหนึ่งวัย 15 ปี รูปร่างสูง ผิวขาว  ก็เดินเข้ามานั่งข้างๆเขาพร้อมกับเสียงใสตามประสาเด็กวัยหนุ่มตอนต้น

        "โรม รีบๆทานข้าวนะเดี๋ยวพี่ๆเขาจะให้เข้าไปข้างในแล้ว นี่น้ำนะ " เด็กชายวัย 15 ปีพูดพร้อมกับรอยยิ้ม



        "ขอบใจมากนะ แฟรงค์"โรมนิ่วหน้าทำเป็นงงๆ เพราะอยู่ดีๆแฟรงค์ก็เอาน้ำมาให้เขาดื่ม  แต่ในความคิดหนึ่งก็คิดว่าว่าเขาคือบัดดี้ของ แฟรงค์แล้วล่ะ



        "เราเป็นบัดดี้ของแฟรงค์ เหรอเนี่ย" โรมพรึมพรำในใจ



        ตู๊ม !!ตู้ม !!

 


         โรมสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝันเพราะเสียงดังลั่นของเสียงเกมส์พี่รินที่ถล่มกันสนั่นหวั่นไหว  โอ้พระเจ้า โรมงัวเงียอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธเล็กน้อย  และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆด้วยความงัวเงีย



          "พี่รินเงียบๆหน่อยได้ไหมครับ คนจะหลับจะนอนนะครับ"



          ไม่มีเสียงตอบใดๆจากพี่ริ่ง แต่จากนั้นเสียงก็เงียบลง ส่วนโรมก็ฟลุบตัวลงนอนหลับต่อไป....

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา