THE LAST OF LOVED (ความรักครั้งสุดท้าย)
2) เมืองเก่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความรถเก๋ง สีขาวจอด ณ.จุดแลกบัตร เพื่อเข้าชมในสถานที่ เจ้าหน้าที่ตอนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเปิดทางให้รถเข้าไปด้านใน วาริทนั่งนิ่งไปตั้งแต่มาถึงเขากำลังมองดูระหว่างทางที่รถแล่นผ่านด้วยความตื่นตา ตื่นใจกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากของเขาราวกับคนที่ได้กลับมายังที่ ที่จากไปแสนนาน
“ท่าทางนายจะตื่นเต้นกับซากอิฐเก่าๆ จังนะ”ดนัยพูดขึ้น ระหว่างมองหาที่จอดรถ
“อื่ม ฉันรู้สึกค้นเคยกับที่นี่ ราวกับเคยเห็นมันมาก่อน”ราวิทพูด และเขาไม่รอช้าที่จะหยิบกล้องขึ้นมา จับวิวภาพที่รถวิ่งผ่านในแต่ละจุด ดนัยจอดรถที่ลานจอดรถ ก่อนจะนัดหมายเวลากับราวิทอีกครั้ง
“สรุปเลยแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไป Check in ที่โรงแรมระหว่างที่นายถ่ายรูป และมาเจอกันที่นี้อีกครั้ง ตอน 4 โมงเย็น ถ้านายไม่เจอฉันก็โทรหาแล้วกัน” ดนัยพูดจบ วาริทพยักหน้าและหันกลับมามองเพื่อน
“แล้วนายไม่ลงไปถ่ายภาพด้วยกันเหรอ เย็นค่อยไปหาที่พักก็ได้นี่น่า”ราวิทพูดขณะวุ้นอยู่กับกาเช็คกล้องตัวโปรด ซึ่งดนัยเองก็ไม่ได้สนใจกับซากอิฐซากปูนที่ไม่มีชีวิตมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
“ไม่หละ อย่างฉันต้องภาพที่มีชีวิตชีวา อย่างเช่นสาวๆ กลุ่มนั้นไง” ดนัยมองไปยังกลุ่มสาวนักศึกษาที่กำลังตกแต่งเวที ราวิทมองตามก่อนจะส่ายหน้ากับหนุ่มเจ้าสำราญอย่างดนัย
“งั้นก็ตามสบาย ไอ้ที่หวงน้องสาวขนาดนั้นเพราะกลัวจะเจอน้องเขยแบบตัวเองหละสิท่า”ราวิทพูดและหัวเราะ
“นายไม่มีน้องสาวบ้างก็แล้วไป”ดนัยพูดแต่สายตาก็ยังมองกลุ่มสาวๆ กลุ่มนั้นไม่ลดสายตา
“เหรอ..ถ้าฉันมีรับรองเลยว่านายไม่มีทางได้แนะนำตัวอย่างแน่นอน กะล่อนซะอย่างนี้จะเป็นน้องเขย หลายเขย หรือลูกเขย ฉันก็ไม่เอา ฮ่าๆ..”ราวิทพูดจบเขาก็ลงจากรถไม่รอที่จะฟังดนัยพูดต่อพร้อมโบกมือก่อนจนเดินหายไป ดนัยอมยิ้มและหยิบกล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายภาพกลุ่มนักศึกษาสาว ภายใต้เลนกล้องที่กำลังซูมผ่านไปนั้น ดนัยถึงกับย้อนมาดูอีกครั้ง เขาสะดุดเข้ากับหญิงสาวที่มีใบหน้าคมสันผิวเข้มสีน้ำผึ้ง ก่อนจะกดชัดเตอร์หลายรูป
“แบบนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย... ไม่น่าเชื่อว่าในสถานทีโบรณาแบบนี้ จะมีผู้หญิงที่หน้าตาไทยๆ แถมมีเสน่ห์ด้วย” ดนัยพูดกับตัวเอง ขณะย้อนดูภาพที่เขาได้ถ่ายเก็บไว้ และเมื่อหันกับมามองอีกครั้งผู้หญิงคนนั้นก็ไม่อยู่เสียแล้ว ดนัยปิดประตูรถ ก่อนจะเดินถือกล้องไปยังกลุ่มนักศึกษาที่เหลืออยู่ สายตากวาดมองหาเจ้าหล่อนอยู่ครู่หนึ่ง
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าค่ะ” เสียงนั้นดังมาจากด้านหลัง และดนัยต้องตกใจเมื่อเธอ คนที่มองหายืนอยู่ตรงหน้า
“อ้อ..เปล่าครับ เอ่อ..พอดีผมมาจากกรุงเทพ เป็นช่างภาพเราจะมาเก็บภาพที่นี่และคงอยู่อีกหลายวัน แต่ผมยังไม่รู้ว่าจะไปหาที่พักได้จากที่ไหน”ดนัยพูดตะกุกตะกัน และแกล้งทำทีไม่รู้ว่าโรงแรมอยู่ที่ไหน
“อ้อค่ะ.. คุณคงหมายถึงโรงแรมที่พักใช่ไหมค่ะ” เธอถามขึ้นดนัยยังคงจ้องมองเจ้าหล่อนอย่างสนใจ
“ครับ.. ครับผมอยากทราบว่าแถวนี้พอจะมีบ้างไหม”ดนัยมองดูอิริยาบถของเธอ และเหมือนเขาจะไม่ได้ยินที่เธอพูดด้วยซ้ำ หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อเธออธิบายเส้นทางจบไปตั้งนานแล้วแต่เขายังคงจ้องเธอไม่พูดว่าอย่างไรต่อ
“มีอะไรหรือเปล่าริน”เสียงผู้ชายดังขึ้นและชายผู้นั้นเดินเข้ามาเกาะที่ไหล่ของเธอ ก่อนจะมองมาที่ดนัย
“อ้อ..เปล่าพอดีคุณคนนี้เค้ากำลังถามถึงที่พักใกล้ๆแถวนี้เราก็เลยบอกทาง เธอว่างหรือเปล่าพาเค้าไปที่โรงแรมซิ”หญิงสาวยิ้มให้ดนัยก่อนจะขอตัวออกไปและส่งให้เพื่อนชายดูแลต่อ ดนัยไม่ทันที่จะพูดอะไรด้วยซ้ำ เขาต้องจำใจให้เด็กหนุ่มผู้นั้นนำทางไปยังโรงแรมที่เขาเองก็รู้จักมันเป็นอย่างดี เพราะและได้จองล่วงหน้าไว้แล้ว
“ขอบใจเธอมากนะ ว่าแต่เธอชื่ออะไร? อ้อแฟนของเธอด้วย”ดนัยมีท่าทางเซ็งตั้งแต่เมื่อครู่จนมาถึงโรงแรม
“ผมชื่อชัยเดชครับ ถ้าหมายถึงผู้หญิงคนเมื่อสักครู่เธอชื่อขจารินครับ ยินดีตอนรับสู่จังหวัดสุโขทัยนะครับ อีก 2 วันงานก็เริ่มแล้วขอเรียนเชิญนะครับ ถ้าเรียบร้อยแล้วผมคงต้องขอกลับก่อน”เด็กหนุ่มโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป ดนัยทำท่าทางผิดหวังและเดินเข้าไปยังโรงแรม เพื่อ Check in
ทางด้านวาริท กำลังตื่นเต้นกับภาพที่เขาได้ถ่ายไว้ สถานที่โบราณดูเก่า แต่มีเรื่องเล่ามากมาย ขนาดว่าเช่าจักรยานเป็นปั้นดูรอบๆ และเขายังรู้สึกว่ายังถ่ายภาพได้ไม่ทั่วทุกมุมของอุทยานแห่งนี้เลย ราวิทเดินมาจนถึงสะพานข้ามยังเกาะกลางน้ำและถ่ายภาพไปเลื่อนๆ ดูจะมีความสุขจนลืมเวลานัดแล้วซะด้วยซ้ำ
“ตายหละ! จะ 5 โมงอยู่แล้วป่านนี้ดนัยบ่นแย่”ราวิทนึกขึ้นได้เขารีบร้อนหันหลัง ทันใดนั้นเองเขาก็ชนเข้ากับใครบางคนที่กำลังรีบร้อนเดินมาจากด้านหลังของเขา ซึ่งไม่ทันตั้งหลักทำให้ทั้งคู่ชนกันเข้าอย่างจัง กระจาดดอกไม้ตกกระจายไปทั่ว แต่กล้องของวาริทหลุดมือและตกน้ำไป หญิงสาวที่ถูกชนยังล้มลงกับพื้นเธอโมโหอย่างมากเมื่อเห็นเขาลุกขึ้นโดยที่ไม่มีคำขอโทษหรือแม่แต่จะช่วยเธอด้วยซ้ำ ราวิทไม่รอช้า เมื่อลุกขึ้นได้เขากระโดนตามกล้องไปทันที หญิงสาวได้แต่มองอย่างมึงงง เธอกำลังจะอ้าปากด่าเขาอยู่แล้วเชียว
“อะไรกันเนี้ย”แม่นักศึกษาสาวมองดูชายหนุ่มที่กำลังดำน้ำ เหมือนจะกำลังจะหาอะไรบางอย่างกลุ่มนักศึกษที่อยู่ใกล้ๆต่างพากันมองอย่างสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” ขจาริน และชัยเดชถามเพื่อนนักศึกษา แต่เมื่อเธอเห็นคนที่ยืนอยู่กลางสะพานเท่านั้นเอง
“น้ำค้าง!..”ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปหา และซักถามขึ้นมาทันที
“นายเมฆเอ่ย..โทรศัพท์ ก็ไม่พกแล้วจะให้ติดต่ออย่างไงวะเนี้ย”ในขณะนั้นเอง ดนัยกำลังบ่นกับโทรศัพท์เดินเข้ามาเห็นกลุ่มนักศึกษากำลังมุงดูอะไรบางอย่างจึงเข้าไปดูและพบว่าเพื่อนชายของตนอยู่กลางน้ำ และชูกล้องสุดหวงขึ้นมาก่อนจะไหว้น้ำมาที่ฝั่งดนัยรีบมารับ
“เกิดอะไรขึ้นวะ”ดนัยถามทันทีที่ดึงเพื่อนขึ้นฝั่นได้ ไม่มีเสียงตอบจากราวิท ไม่บอกก็รู้เขากำลังโมโหอย่างมาก และเมื่อกวาดสายตาไปยังสะพาน ราวิทไม่รอช้าเขาเดินหน้ายักษ์ไปหยุดที่กลางสะพาน จ้องมองต้นเหตุของเรื่อง
“เธอเดินอย่างไรของเธอรู้ไหมว่ากล้องนี้ มันราคาเท่าไหร่ รู้ไหมว่าภาพในกล้องนี้ฉันใช้เวลาถ่ายมันทั้งวัน”ราวิทตะคอกเสียงดัง จนขจารินและชัยเดชกลัวหลบอยู่ด้านหลังขอหญิงสาว ที่กำลังชัดหน้าประชันสายตาของราวิท
“แล้วคุณหละ เดินอย่างไงของนายอยู่ๆ ก็หันหลังกลับมา ฉันจะไปรู้หรือไงว่านายจะเดินกลับ”เธอต่อคำทันที
“ใจเย็นๆ นะครับ”ดนัยเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าไปห้าม
“ไม่ต้องยุ่ง..”ทั้งคู่ตะคอกออกมาพร้อมกันดนัยสะดุ้ง และหลบออกมา ปล่อยให้ทั้งคู่ทะเละกันต่อไป ดนัยไม่เคยเห็นราวิทโกรธขนาดนี้มาก่อน ยิ่งเห็นคู่กรณีด้วยแล้วหละก็ ยิ่งไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษ ตลอดกาลอย่างราวิท จะมีเรื่องกับเธอ สาวเจ้าก็ใช่ย่อย ใบหน้าอันเรียวมล ตาโตใส่เป็นประกาย ริมฝีเล็กของเธอหากยิ้มก็คงจะสวยราวกับนางฟ้า ดนัยถึงกับปวดหัวตุบๆ และเมื่อได้เห็นเพื่อนสาวที่คอยห้ามเธอนั้นเป็นหญิงที่เขาปิ้งเมื่อแรกพบ ซึ่งก็นั่งแหละเด็กหนุ่มคนนั้นก็อยู่เช่นกัน
“แล้วคุณจะเอาอย่างไง กล้องนี้มันราคาสักไหร่เชียว”เสียงหญิงพูดตัดบทเพราะทั้งคู่ทะเลาะกันนานกว่าสิบนาท“5 แสน ไหนลองพูดมาสิเธอจะรับผิดชอบอย่างไร”ราวิทท้า ขจารินดึงแขนเพื่อนสาวออกมาจากวงเพื่อเจรจา
“5 แสนนะน้ำค้างไม่ใช่ 5 ร้อย ฉันว่าเธออยู่เฉยเถอะเดี๋ยวฉันจะเข้าไปพูดกับเค้าเอง ชัยเดชดูน้ำค้างเอาไว้นะ”เมื่อพูดจนขจารินก็เดินเข้าไป ยกยืมขอโทษวาริทเป็นการใหญ่ ดนัยก็ช่วยเข้ามาพูดด้วยทำให้การเจราจบลงด้วยดี
“ยายริน เธอไปขอโทษเค้าทำไม ฉันไม่ผิดสักหน่อย”นิศาชลถามด้วยท่าทีไม่พอใจ
“เอาน่า..เรารีบกลับหอพักเถอะก่อนที่มันจะค่ำไปกว่านี้”ขจารินลากเพื่อนสาวกลับห้อพัก
วาริทอารมณ์เสียจนมาถึงทีพักเขายังบ่นไม่หยุด ดนัยขำขึ้นมาทำให้ราวิทหยุดและหัมมามองเพื่อนตาเขียวใส่
“นี่!...นายจะบ่นให้กล้องมันหายเปียกเลยหรือไง นายก็ว่าน้องเค้าแรงเกินไปทั้งทีนายเองก็ผิด”ดนัยพูด
“นายเข้าข้างยายตัวแสบนั้น แทนที่จะเข้าข้างเพื่อน เธอไม่มีแต่ความสำนึกผิดด้วยซ้ำ”วาริทพูดเสียงดุ
“กล้องนายมันกันน้ำได้ เป่าให้แห้งก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่หรือ”ดนัยพูด พร้อมยื่นแก้วน้ำดื่มให้เผื่อจะช่วยให้ใจเย็นลง
“แต่ที่แน่ๆ รูปที่ฉันถ่ายในวันนี้มันใช้ไม่ได้แน่นอน”วาริทพูด นั่นคือสิ่งที่น่าโมโหสุดๆ
“อื่ม นั้นสินะ ถ้านายต้องถ่ายใหม่คงจะต้องเริ่มอาทิตย์หน้าโน้นหละเพราะพรุ่งนี้คนคงเริ่มจัดงานกันแล้วคงถ่ายไม่ได้แน่ ถ้างั้นนายคงต้องถ่ายอย่างอื่นไปก่อน”ดนัยพูด
“จะให้ฉันถ่ายอะไร.. ให้ตายสิ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเย็นแล้วฉันยังโมโหยายตัวแสบนั้นอยู่เลย”ราวิทพูด
“ฉันไม่เคยเห็นนายทะเลาะกับผู้หญิงมาก่อนเลยนะเนี้ย ยิ่งผู้หญิงสวยๆอย่างนั้นแล้ว ยิ่งไม่อยากเชื่อ”ดนัยพูด
“สวย.. แต่ปากของเธอ..”วาริทส่ายหน้าแทนคำพูด เขาลุกเดินออกไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ดนัยนั่งงงอยู่ลำพัง
นิศาชลยังทำหน้างิ้วคิ้วขมวดตั้งแต่มาถึง จนเธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็ยังคงถอดหายใจใหญ่ด้วยความหงุดหงิดใจ ขจารินก็ได้แต่กังวลใจค่อยมองดูเพื่อนตลอดเวลา จนไม่เป็นอันทำรายงานเธอจึงวางปากกา
“ยังไม่หายโมโหอีกหรือน้ำค้าง..”ขจารินเดินมานั่งข้างเพื่อนสาวและกุ่มมือหมายช่วยให้ใจเย็นลงบ้าง
“ก็มันน่าโมโหนี่หน่า.. ทั้งที่เค้าเป็นฝ่ายชนเรานะ แต่เธอก็เห็นที่ผู้ชายคนนั้นต่อว่าเรา”นิศาชลหงุดหงิด
“อื่มเราเข้าใจนะ แต่ว่าไอ้กล้องตัวนั้นมันก็แพงมาก ถ้าเป็นของเราบ้างคงจะไม่สนหรอกว่าใครผิด คงมัวแต่คิดว่ากล้องฉันพังเพราะใครมีส่วน บางทีเค้าอาจลืมคิดไปว่าเขาเองก็ผิด”ขจารินพูดทำให้นิศาชลนึกเห็นใจเขาขึ้นมา
“อื่ม..นั้นสินะ กล้องแพงซะขนาดนั้น แต่คนต่างชาติไร้มารยาทขนาดนั้น ฉันว่าไม่ขอเจออีกเป็นดีที่สุด”นิศาชลยกมือท้วมหัว แล้วเธอก็ยิ้มให้เพื่อนสาวก่อนจะล้มตัวลงนอน ขจารินยิ้มก่อนจะเดินไปนั่งทำรายงานต่อ
ในยามเช้าวันนี้อากาศเย็นสบายกำลังดี บริเวณหน้าบ้านริมถนน มีพระและเณร 6 รูป กำลังเดินเท้าเปล่าบิณฑบาต โดยมีครอบครัวพ่อแม่ลูกกำลังใส่บาตอยู่ มันเป็นภาพที่ประทับใจจริงๆ วาริทถ่ายภาพนั้นเก็บเอาไว้
“เมฆ..ไหนนายว่าไม่ชอบถ่ายภาพคนไม่ใช่หรือ..”ดนัยถามอย่างสงสัย วาริทหันมามองเพื่อนและยักไหล่
“ก็ใช่นะ ถ่ายเล่นนะวันนี้เรามาแต่เช้าคงได้ภาพแสงดีๆนะ และคงไม่เจอยายตัวแสบนั่นอีก”วาริทพูด
“ฉันว่านายคงต้องรีบหน่อยหละ เพราะดูท่าทางวันนี้คนคงเริ่มมากแล้วหละ”ดนัยพูดเมื่อจอดรถ ใช่แล้วเหล่าร้านค้าเริ่มเข้ามาจัดเตรียมสถานที เพราะงานจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ วาริทไม่รอช้า เขารีบลงจากรถทันที และเดินตรงไปที่ร้านเช่าจักรยานเช่นเคย คราวนี้ดนัยไม่ปล่อยให้วาริทไปเพียงลำพัง เพราะเกร่งว่าจะได้เรื่องเหมือนเมื่อวาน สองหนุ่มปั้นจักรยานไปเลื่อยๆ เมื่อเจอมุ่มที่ไม่มีคนเขาถึงแวะลงไปเพื่อเก็บภาพ แต่เวลาผ่านกว่าครึ่งวันแล้วพวกเขาพึ่งได้แค่ 2-3 ภาพ วาริทและดนัยหยุดนั่งพักใต้ลมไม้ริมน้ำเพื่อเช็คภาพ เขาดูจะผิดหวังไม่น้อย
“ไง..ได้กี่ภาพ”ดนัยถามขึ้น วาริทนอนลงกับพื้นหญ้าริมน้ำ เขาชู 2 นิ้วขึ้นแทนการตอบก่อนจะหลับตาพัก
“ขอพักสายตาสักเดี๋ยวนะ”วาริทหยิบแวนตาดำมาสวมไว้ ดนัยลุกขึ้นใช้ซูมเลนกล้องมองดูรอบๆ และสิ่งที่ทำให้เขาต้องสะดุดก็คือผู้หญิงคนเดิม เธอคนนั้นสดใส่และน่ารักบวกเข้ากับความอ่อนหวาน ชุดที่เธอสวมมาไม่ใช่นักศึกษาแต่เป็นชุดจงกะเบนสีแดง เสื้อสีขาว และกำลังซ้อมรำอ่อนช้อยอยู่บนเวที วาริทลืมตาขึ้นมามองตาม
“อะไรของนาย.. อย่าบอกนะว่าปิ้งเด็กเข้าแล้ว”วาริทพูดเมื่อดึงกล้องของดนัยมาดู ซึ่งมีแต่ภาพเด็กสาวคนนั้น
“บ้าน่า เธอก็แค่น่ารักดี อีกอย่างเธอมีแฟนแล้ว ก็คนที่ยื่นอยู่ด้วยกันเมื่อวานนี้ไง”ดนัยทำเสียงราวกับผิดหวัง
“ฮ่าๆ.. พ่อเสืออกหักตั้งแต่แรกรักเลยหรือนี้ เอาน่าถ้าฉันเป็นพี่หรือพ่อของน้องเค้าก็ไม่เอานาย”วาริทแซวเพื่อน
“ขนาดนั้นเลยเหรอ..ฉันมันไม่ดีตรงไหนวะ”ดนัยถามพลางนึกขำ
“ห้ามโกรธฉันนะ สำหรับเพื่อนนายดีที่สุด หนุ่มกระล่อน เจ้าชู้อย่างนายต้องให้ฉันบอกหรือไง”วาริทหัวเราะดัง
“เอ้อ..นายไม่มีน้องสาวบ้างแล้วไป ไม่งั้นฉันนี้หละจะเป็นน้องเขยของนายเอง”ดนัยพูดขึ้นทั้งคู่หัวเราะเริงร่าเพราะรู้ว่ามันคงไม่มีวันเป็นจริง พวกเขาคงต้องหยุดการถ่ายภาพเพียงเท่านี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ