ทอฝันสุดสายรุ้ง
9) บทที่ ๙ จุดเริ่มต้น...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๙
จุดเริ่มต้น...
“อร่อยจังเลยครับ”
“นั่นน่ะ ฝีมือของทอฝันเขาเลยนะ”
หนูวรรณอวดอ้าง ยืดอกอย่างภาคภูมิ ทำให้ภาวิตหันไปมองทอฝันด้วยสายตาชื่นชม ส่วนเจ้าตัวนั้นก็หลบสายตาด้วยความขวยเขิน
เพียงแค่คำแรกที่ได้ลิ้มลอง ชายหนุ่มก็หลงใหลเสน่ห์ปลายจวักของหญิงสาวเสียแล้ว อีกทั้งเพียงแค่แรกพบก็รู้สึกถูกชะตาใบหน้าหมดจดนั้นอย่างบอกถูก หน้าตาของเธอสวยหวานอย่างไทยแต่ก็ดูร่วมสมัยไม่ใช่สาวโบราณ หากก็ไม่ได้แต่งหน้าจัดจ้านจนเกินงามเหมือนผู้หญิงสมัยใหม่ในเมืองหลวง
“เธอชื่อทอฝันใช่มั้ย?”
เสียงของลูกพีชเอ่ยขึ้น ปลุกภาวิตให้ตื่นจากภวังค์
“ค่ะ”
“เอ่อ... ช่วยไปทำน้ำส้มมาให้ฉันหน่อยได้มั้ย พอดีฉันไม่ค่อยชอบน้ำเปล่า ยิ่งกินกับเค้กนี่ ก็ยิ่งไม่เข้ากัน”
หล่อนออกปากใช้ทอฝันหน้าตาเฉย สร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก
“นี่ลูกพีช ทอฝันน่ะ เขาเป็นพี่สาวของหนูวรรณนะ จะไปจิกหัวใช้อย่างนั้นได้ยังไงกัน”
“อ้าว อย่างนั้นเหรอ? ใครจะไปรู้ล่ะ ก็คิดว่าเป็นเด็กรับใช้ที่บ้านเธอซะอีก”
“ที่บ้านเราน่ะ ไม่มีเด็กรับใช้หรือคนใช้ที่ไหนหรอก เราอยู่กันแค่ไม่กี่คน บ้านหลังเล็กๆ ก็ดูแลกันเองได้”
สุนทรีช่วยตอบข้อสงสัยของเพื่อนหลานสาว ทำให้เจ้าหล่อนถึงกับยิ้มรับอย่างเจื่อนๆ ด้วยเพราะที่จริงแล้ว หล่อนพอจะรู้ว่าทอฝันเป็นใครในครอบครัวนี้จากคำบอกเล่าของหนูวรรณ หากแต่ต้องการจะพูดทับถมเพื่อความสาแก่ใจก็เท่านั้น...
“เดี๋ยวถ้ายังไง ฉันจะไปทำน้ำส้มมาให้นะคะ”
ทอฝันตอบรับด้วยความยินดี ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับเสียงร้องทัก
“เดี๋ยวก่อนครับ”
“คะ?”
“ทำมาเผื่อผมด้วยนะครับ น้ำส้มน่ะ อยากจะรู้ว่านอกจากขนมนี่แล้ว รสมือคุณจะเป็นเลิศในการทำน้ำผลไม้อีกด้วยรึเปล่า”
ภาวิตบอกพร้อมรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ทอฝันพยักหน้ารับพร้อมยิ้มบางๆ ตอบกลับไป
เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวสีแทนสว่าง คมเข้มอย่างไทย แววตาอบอุ่น น้ำเสียงก็ไพเราะน่าฟัง รูปร่างและการแต่งตัวดูดี สะอาดสะอ้าน ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเขาเป็นลูกชายของบ้านเศรษฐีแน่นอน ซึ่งทอฝันก็รู้สึกชื่นชมในตัวของเขาเช่นกัน หากแต่ก็ไม่อยากเพ้อเจ้อเลยเถิดคิดอะไรที่ไม่มีวันเป็นไปได้
วันต่อมา... ที่มหาวิทยาลัย
“นะ... หนูวรรณนะ ให้เราไปบ้านเธออีกเถอะนะ”
“นี่นายตามตื๊อฉันมาทั้งวันแล้วนะ บอกว่าไม่ก็ไม่สิ ไปบ่อยๆ เข้ามันจะน่าเกลียดนะ อีกอย่างถ้านายอยากไปจริงๆ ก็ชวนเพื่อนคนอื่นๆ ไปด้วยสิ”
“ชวนแล้ว แต่ก็ใครว่างไปเลย”
ภาวิตหน้างุ้มงอ
“ก็นั่นน่ะสิ เพราะมันไม่มีเหตุต้องไป ใช่ว่าเป็นงานปีใหม่ หรือวันเกิดใครซะเมื่อไหร่”
“หนูวรรณใจร้าย!”
ภาวิตตะโกนใส่หน้าหนูวรรณแล้ว ก็กระฟัดกระเฟียดตึงตังออกไป ทำให้เจ้าของบ้านที่ถูกเอ่ยปากได้เพียงแต่ส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
และในที่สุด หนูวรรณก็ทนลูกอ้อนลูกตื๊อของภาวิตไม่ไหว จึงตัดสินใจพากลับมาที่บ้านด้วย เมื่อดูจากอาการแล้ว หนูวรรณก็พอจะคาดเดาจุดประสงค์ของเพื่อนชายได้ไม่ยาก
“อย่างนั้นเหรอ? แล้วที่บ้านเธอทำธุรกิจอะไรล่ะ?”
“ตอนนี้ทางบ้านส่งออกอาหารแปรรูปน่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผลไม้แห้งต่างๆ แล้วก็พวกอาหารกระป๋องๆ ทั้งหลายน่ะครับ”
“ดีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นปลากระป๋องที่ฉันกินกับทุเรียนทอดของโปรดฉันก็มาจากบ้านเธอสินะ ฮะๆ”
สุนทรีหัวเราะร่วนเมื่อได้พูดคุยกับภาวิต เขาเป็นคนหนุ่มที่มีสัมมาคารวะสูง แถมยังพูดจาฉะฉานชัดถ้อยชัดคำ รู้เรื่องรู้ราวไปเสียทุกสิ่ง
“แล้วตอนนี้... ผมขอคุณพ่อคุณแม่เปิดธุรกิจเกี่ยวกับร้านกาแฟน่ะครับ คิดว่าน่าจะเปิดร้านได้ภายในสัปดาห์หน้า...”
“อ้อ อย่างนั้นหรือ?”
“ตั้งใจว่าจะให้เป็นร้านกาแฟของคนรุ่นใหม่น่ะครับ มีกาแฟรสชาติต่างๆ ที่นำเข้าจากเมืองนอก ต้องการให้เป็นจุดนัดพบของคนในเมือง... ไม่ทราบว่าคุณย่ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ”
“อืม... โลกเราตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว... จากสภากาแฟแต่เดิม ก็คงจะต้องเปลี่ยนรูปแบบในการนำเสนอไปด้วย จะให้มีแต่คนรุ่นฉันเข้าไปนั่งกินกาแฟก็คงจะไม่ได้แล้วสินะ ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องมีการพัฒนาให้เข้ากับยุคกับสมัย เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันเองก็เห็นด้วย อยากจะเห็นอะไรที่มันใหม่ๆ บ้าง ถ้ามีเงินทุนพอจะทำได้ก็ลองทำดู”
สุนทรีว่าพร้อมพยักหน้าช้าๆ
“ครับคุณย่า แต่มีอีกเรื่องที่ผมอยากจะพูดด้วยครับ”
“อะไรล่ะ?”
“ถ้าที่ร้านจะขายแค่กาแฟ ก็ดูจะจืดชืดและเฉพาะกลุ่มไปหน่อย ผมอยากให้มันครอบคลุมมากขึ้นด้วยการรับขนมเค้กจากที่นี่ไปลองขายที่ร้านน่ะครับ”
“โอ้ จะเอาอย่างนั้นเร๊อะ?”
“ครับ ผมคิดภาพและก็วางแผนเอาไว้แล้ว ขนมที่นี่น่ะอร่อยมาก ผมชื่อว่าลูกค้าคนอื่นๆ ก็คงจะติดใจเช่นเดียวกัน”
สุนทรียิ้มโดยไม่ตอบอะไร ขณะที่ทอฝันก็เดินเข้ามาพอดี
“ขอโทษนะคะ ที่ออกมาต้อนรับช้า”
เธอว่าพร้อมกับนำของว่างมาวางไว้ตรงหน้าชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไรครับ ที่จริงผมมารบกวนคุณทอฝันเปล่าๆ”
“ไม่หรอกค่ะ เป็นเพื่อนของหนูวรรณ ก็ไม่ใช่แขกแปลกหน้าอะไรที่ไหน ยังไงก็เชิญคุณคุยกับคุณย่าต่อเถอะนะคะ”
ทอฝันว่าแล้วจะลุกออกไป แต่สุนทรีก็ร้องท้วงไว้
“อย่าเพิ่งสิทอฝัน ย่าว่าพ่อภาวิตเขาก็มีเรื่องที่อยากจะคุยกับหนูเหมือนกันนะ”
“ครับ?” “คะ?”
ทั้งภาวิตและทอฝาน ต่างร้องขานออกมาพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ
“ก็ไหนเธอบอกกับฉันว่าอยากจะได้ขนมของที่นี่ไปขายที่ร้าน ใช่มั้ยล่ะ เธอพูดอย่างนั้นใช่มั้ย?”
“ครับ... ใช่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้ทอฝันมาคุยด้วยสิถึงจะถูก เพราะขนมทั้งหมดในบ้านตอนนี้ ทอฝันเป็นคนดูแลและรับผิดชอบทั้งหมด หากจะติดต่อเรื่องนี้ ก็ควรจะติดต่อกับเจ้าของร้านจริงๆ สิถึงจะถูก”
“คุณย่าคะ...”
“ถ้าอย่างนั้นก็คุยกันไปก่อนก็แล้วกัน ย่าว่าจะไปคุยกับพ่อเรื่องไปวัดวันพรุ่งนี้น่ะ”
บอกกับเด็กคราวหลานทั้งสองแล้ว หญิงชราก็ลุกออกจากวงประชุมไปเสียเฉยๆ ทิ้งให้สองหนุ่มสาวนั่งมองหน้ากันเหรอหรา ด้วยเพราะขวยเขินมาแต่เดิมก่อนแล้ว
“ขนมของคุณทอฝันอร่อยจริงๆ นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ก็ยังคงต้องพัฒนาฝีมืออีกเยอะ”
“คงจะไม่รังเกียจ ถ้าผมจะขอรับไปขายที่ร้านนะครับ”
“คะ? เอ่อ มันจะดีเหรอคะ ขนมของฉัน... จะไม่ทำให้ร้านของคุณเสื่อมเสียหรือคะ”
“เสื่อมเสียอะไรกันครับ ขนมเค้กของคุณน่ะ คุณภาพไม่ต่างไปจากขนมของแบรนด์นอกเลยนะครับ ผมว่าน่าเสียดายออก ถ้าคนอื่นๆ จะไม่ได้ลิ้มรสขนมเค้กรสเลิศจากฝีมือดีๆ ของคุณ”
“ถ้าอย่างนั้น ก็แล้วแต่คุณจะเห็นสมควรเถอะนะคะ”
“เป็นอันว่าคุณทอฝันตกลงนะครับ”
“ค่ะ”
ทอฝันพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม
อย่างน้อยๆ แล้ว เธอก็ดีใจ ที่จะสามารถหารายได้เข้ามาในครอบครัวอีกทางหนึ่ง แม้จะต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นก็ตาม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ