ทอฝันสุดสายรุ้ง
2) โชคชะตาเล่นตลก (๑)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๒
โชคชะตาเล่นตลก (๑)
ชุดา... นางพยาบาลสาวแม่ลูกอ่อนผู้มีอันจะกินที่สุดในละแวกคนหาเช้ากินค่ำในย่านชานเมืองของจังหวัดนครปฐม ตั้งใจจะรับทอฝันมาช่วยเลี้ยงดูเพราะสงสารสองยายหลานที่ต้องลำบากแร้นแค้นกันอยู่แล้ว แต่เพราะสกลผู้เป็นสามีคัคด้าน หล่อนจึงทำได้แค่เพียงช่วยส่งนมส่งน้ำฝากทอป่านผู้เป็นพี่สาวไปให้เท่านั้น
เวลาล่วงเลยไปห้าปีแบบซ้ำๆ เดิมๆ ไม่มีทีท่าว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นสำหรับสามยายหลานเลย คงมีแต่เพียงทอฝันเท่านั้นที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักของบรรดาเพื่อนบ้าน กลับกันก็กำลังยืนอยู่บนความลำบากของครอบครัวด้วย
ทอฝันเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อไม่ซนเหมือนเด็กคนอื่น ราวกับรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวที่เกิดมาเป็นภาระของคนอื่นๆ แม้กระนั้น... จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ทอฝันก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาของแม่เลยสักครั้งเดียว
ทอป่านก็อายุสิบสามแล้ว โตเป็นสาวรุ่นที่พอจะนึกคิดตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้บ้างแล้ว เธอเลี้ยงน้องสาวเป็นอย่างดี เสียสละได้ทุกอย่าง ขอแค่น้องกินอิ่มนอนหลับก็เพียงพอแล้ว อยากจะให้แม่ได้มาเห็นว่าตัวเองเลี้ยงดูน้องได้ยอดเยี่ยมขนาดไหน
แต่ยิ่งโต... หน้าตาของสองพี่น้องก็เริ่มห่างไกลกันไปทุกที เป็นหนึ่งในกระทู้ที่เหล่าบรรดาแม่บ้านจะจับกลุ่มซุบซิบนินทากัน
“เอ็งจะไปแปลกใจทำไม ก็พวกมันน่ะ คนละพ่อ อีแววที่อยู่ใกล้ๆ เพิงมันน่ะ มาเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว”
ทอป่านได้ยินเข้าโดยบังเอิญในวันหนึ่ง ตอนเดินผ่านแผงปลาของป้านกในตลาดระหว่างเร่ขายพวงมาลัยดอกไม้สดที่นั่งร้อยกับยายสองคน
ตั้งแต่นั้นมา ทอป่านก็ได้รู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง แต่ก็ไม่เก็บเอามาสงสัยให้รกสมอง เพราะรู้ไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรือมีสตางค์กินข้าวตามคำสอนของยาย
แล้ววันหนึ่งก็มาถึง... วันที่หลานสาวทั้งสองต้องร้องให้แข่งกับสายฝน ราวกับพรากชีวิตของเด็กน้อยทั้งสองคนไปด้วย เมื่อจุลีจากไปอย่างสงบในตอนเช้ามืด ช่างเป็นบั้นปลายชีวิตที่แสนลำเค็ญเสียเหลือเกิน
พิธีศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายโดยอาศัยน้ำพักน้ำแรงและเงินบริจาคคนละเล็กละน้อยจากบรรดาเพื่อนบ้านที่อยู่ด้วยกันมานาน
ชุดาที่นับได้ว่าเป็นแม่คนที่สองของเด็กๆ เล็งเห็นมานานแล้วว่า สักวันหนึ่งจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ จุลีคงอยู่กับหลานๆ ไปได้ไม่นาน แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ดังนั้นแล้ว ด้วยความรอบคอบ หล่อนจึงให้คนไปสืบหาที่อยู่ของพ่อชองเด็กทั้งสอง หล่อนเคยจำชื่อและตำแหน่งหน้าที่ของชายคนนั้นได้ตอนที่ลินดาพาเขามาที่บ้าน ซึ่งก็เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วถึงวาสนาของลินดาในตอนนั้นที่ได้สามีทั้งหล่อและรวย
แต่เวลาในการสืบเสาะค้นหาก็ผ่านไปหลายปีหลายเดือนแล้ว สุดท้ายก็ยังไม่พบแม้คนที่มีนามสกุลคล้ายกัน
การรับเลี้ยงเด็กหญิงทั้งสองคนให้มาอยู่ในบ้านย่อมไม่ใช่เรื่องที่สกลชอบใจนัก หนำซ้ำยังคอยยุยงให้ลูกสาวในไส้ของตัวจงเกลียดจงชังสองพี่น้องอย่างเสียผู้ใหญ่ สร้างความอิดหนาระอาใจให้กับชุดาเป็นอย่างมาก หากแต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะจะให้มาทะเลาะกันด้วยเรื่องพวกนี้ก็ออกจะไร้สาระเกินไปหน่อย
ส่วนทั้งทอป่านและทอฝันนั้น เมื่อชุดารับเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็ทำตัวเป็นประโยชน์ ทอป่านสั่งสอนน้องว่าไม่ให้เล่นซุกซนและต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว ทอฝันว่าก็ง่ายเกินเด็ก ไม่วิ่งเล่นร้องตะโกนแหกปากเหมือนเด็กบ้านอื่น นั่งคุยกับต้นไม้ดอกไม้หน้าบ้านไปตามประสา บ้างก็ไปช่วยพี่สาวถูกบ้าน ซักผ้า แล้วก็ได้ออกไปจ่ายตลาดกันตอนเช้าๆ
บางครั้งทอป่านก็อดสงสารน้องไม่ได้ที่แอบไปเล่นของเล่นของ ‘น้องอร’ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของชุดาและสกลซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับทอฝันตามความสนใจของเด็กในวัยนั้น แม้จะเชื่อฟังพี่สาวอย่างไร แต่ก็ยากเย็นเหลือเกินที่จะหักห้ามใจได้ ซึ่งก็ถูกสองพ่อลูกนั่นไล่ตะเพิดออกมาเหมือนหมูเหมือนหมา
“ฮือๆ พี่ป่าน... ฝันอยากได้ของเล่น ฝันอยากเล่นของเล่น ฝันไม่อยากไปนั่งเล่นก้อนหินเป็นเพื่อนดอกไม้อีกแล้ว... ฮือ...”
ทอป่านรวบตัวน้องสาวเข้ามากอดแน่น ความรู้สึกนี้เธอรู้แก่ใจดี มันช่างขมขื่นในใจอย่างบอกไม่ถูก
แต่โชคยังดีที่ชุดาแอบปันของเล่นมาให้บ้างโดยที่สองพ่อลูกนั่นไม่รู้ เป็นตุ๊กตาผู้หญิงเก่าๆ ที่น้องอรไม่เอาแล้ว แต่ทอฝันก็ดีใจได้ปลื้มเกินสภาพเกรอะกรังของตุ๊กตาตัวนั้น เอามานอนบนหมอนใบเดียวกัน ประหนึ่งเป็นน้องสาวตัวเล็กที่ต้องคอยดูแล เมื่อเห็นดังนั้น ทอป่านก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาได้
แต่แล้ววันรุ่งขึ้น เมื่อทอฝันนำตุ๊กตาออกมาเล่นที่หน้าบ้าน ซึ่งก็นั่งอยู่ในบริเวณที่ทอป่านกำลังตากผ้า จู่ๆ ก็มีเสียงเล็กแหลมโหวกเหวกโวยวายขึ้นมา
“นี่มันตุ๊กตาของน้องอร!”
เสียงน้องอรนั่นเอง... ทอป่านหยุดมือ เมื่อเห็นว่าลูกเจ้าของบ้านชี้นิ้วมายังตุ๊กตาที่ทอฝันกำลังอุ้มอยู่
“ของฝัน น้าชุดาให้ฝัน”
ทอฝันกอดรัดตุ๊กตาแน่น
“บอกว่าของน้องอร!”
ตวาดลั่นแล้ว น้องอรก็พุ่งเข้าไปกระชากตุ๊กตาตัวนั้นออกมาจากทอฝัน เด็กน้อยไม่กล้าต่อสู้ด้วยคำสอนของพี่สาว จึงปล่อยให้ตุ๊กตาหลุดลอยไป
ทอฝันร้องไห้แต่เม้มริมฝีปากไว้ ด้วยกลัวจะเป็นการรบกวนสกลที่นอนหลับอยู่ข้างบน ภาพที่เห็น ช่างบั่นทอนจิตใจของทอป่านเหลือเกิน
“ตุ๊กตาตัวนี้ของน้องอร แต่มันเก่าแล้ว น้องอรจะเอาไปทิ้ง”
ว่าแล้วหนูน้อยตัวแสบก็แลบลิ้นให้กับทอป่านที่ยืนมองอยู่
“เดี๋ยวจ้ะน้องอร!”
ทอป่านตัดสินใจตะโกนเรียกออกไปในที่สุด
“อะไร!”
“ถ้าน้องอรจะเอาตุ๊กตาตัวนี้ไปทิ้ง พี่ป่านขอเถอะนะจ๊ะ”
“ไม่ให้!”
“พี่ป่านขอร้องล่ะจ้ะ นะ น้องอรนะ”
น้องอรมองหน้าทอป่านที่กำลังอ้อนวอนด้วยความไม่เข้าใจ แต่การทำแบบนี้ ก็ทำให้ใจอ่อนขึ้นมาได้ไม่ยาก
“ก็ได้ ถ้าแกจะเอา”
ได้ยินดังนั้น ทอป่านก็ดีใจ ยื่นมือจะไปรับ
“แต่ว่าต้องให้น้องอรทำให้มันตายก่อน มันถึงไม่ใช่ของน้องอรอีกต่อไป”
พูดยังไม่ทันขาดคำ เด็กแสบก็โยนตุ๊กตาลงบนพื้น จากนั้นก็ยกเท้าขึ้นกระทืบๆ เหยียบย่ำบดขยี้จนนุ่นที่ยัดไว้ทะลักออกมา
“มันตายแล้ว”
น้องอรว่า ก่อนจะเดินเข้าบ้านหน้าตาเฉย แต่ทอป่านรีบเก็บตุ๊กตาตัวนั้นขึ้นมาปัดสองสามทีแล้ววิ่งเข้าบ้านไปเอากล่องเข็มกับด้ายมานั่งเย็บรอยฉีกขาดให้ตุ๊กตาตัวนี้กลับมามีชีวิตเหมือนเดิม ก่อนจะนำไปซักไปขัดจนสะอาดเอี่ยม
“พรุ่งนี้มันก็แห้งแล้วล่ะจ้ะฝัน อดทนรอหน่อยนะ”
ทอฝันพยักหน้าแรงๆ พร้อมปาดน้ำตา ทอป่านเข้าไปลูบหัวน้องด้วยความรักระคนความสงสาร นี่คือเลือดเพียงสายเดียวที่หลงเหลืออยู่เพื่อเป็นกำลังให้เธอ ณ ตอนนี้ แม้มันอาจจะผสมเจือไปด้วยเลือดของผู้ชายอีกคนที่เธอไม่รู้จักก็ตาม... แต่อย่างน้อยเลือดของแม่อีกครึ่งหนึ่งก็ทำให้เธออุ่นใจ
วันรุ่งขึ้น... ทอฝันดีใจกระโดดโลดเต้นที่ได้ตุ๊กตาผู้หญิงกลับมาอีกครั้ง แถมยังดูสะอาดสะอ้านกว่าเดิมเสียอีก เด็กน้อยทั้งกอดทั้งหอมจนผู้เป็นพี่อดขำไม่ได้
และระหว่างที่ทอป่านกำลังนั่งเล่นกับน้องในช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากงานบ้านอยู่นั้น รถยนต์สีดำคันหนึ่งก็มาจอดที่หน้าบ้าน พร้อมกับชายแปลกหน้าที่ก้าวลงมาชะเง้อคอมอง
“เอ่อ... หนูจ๊ะ ที่นี่ใช่บ้านของคุณชุดากับคุณสกลรึเปล่า?”
ชายแปลกหน้าในแว่นตากันแดดสีชาถาม ทอป่านลุกขึ้นไปคุยด้วยอย่างเก้ๆ กังๆ
“ใช่ค่ะ ที่นี่บ้านน้าชุดาค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลุงเป็นใครหรือคะ? เดี๋ยวหนูจะได้ไปบอกน้าชุดาให้”
“จ้ะ... บอกคุณน้าชุดาของหนูว่าลุงชื่อบรรพตนะจ๊ะ”
เมื่อได้ทราบชื่อแล้ว ทอป่านก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อบอกกับชุดา และทันทีที่หล่อนได้ฟังว่าใครมาหาก็ต้องเบิกตากว้างพร้อมกับร้องอุทานด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบผลีผลามวิ่งออกมาที่หน้าบ้านแล้วกุลีกุจอเปิดประตูรั้วให้ด้วยมือไม้สั่นเทา
“สวัสดีครับคุณชุดา”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ คุณบรรพต ดิฉันดีใจทีได้พบคุณนะคะ”
“เช่นกันครับ ก่อนอื่นก็ต้องขออภัยด้วย ที่รบกวนให้คุณเป็นธุระเรื่องนี้ การตามหาผมคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ถ้ายังไง เชิญเข้าไปคุยกันในบ้านก่อนเถอะค่ะ”
ชุดาเชื้อเชิญ พร้อมกับเดินนำเข้าไปในบ้าน เด็กทั้งสองมองผู้ใหญ่ทั้งสองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้คือใครกันนะ เขาจะเป็นคนดีรึเปล่า แล้วจะเกี่ยวข้องอะไรกับสองพี่น้องนี่รึเปล่านะ
ทอป่านและทอฝันนั่งเล่นกันอยู่ที่หน้าบ้านด้วยกันสักพัก ก็ได้ยินเสียงชุดาตะโกนเรียกออกมาจากในบ้าน ทอป่านรู้สึกประหวั่นขึ้นมาในใจเสี้ยววินาทีนั้น ก่อนจะกุมมือน้องแล้วเดินจูงเข้ามาในห้องรับแขกด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“ทอป่าน ทอฝัน สวัสดีคุณบรรพตเขาสิจ๊ะ”
“สวัสดีค่ะคุณลุง...”
ทอป่านยกมือไหว้ตามคำสั่ง ส่วนทอฝันก็ไหว้ตามพี่สาว
“เรียกลุงได้ยังไงกันล่ะจ๊ะ นี่น่ะ คือคุณพ่อของเธอทั้งสองคนนะ”
“พ่อ!?”
ทอป่านรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ในชีวิตนี้เธอยังมีโอกาสได้พูดคำนี้อยู่อีกหรือ
“ไม่ต้องห่วงนะ น้าไม่ได้เอาใครที่ไหนมารับทอป่านกับทอฝันไปหรอก แต่คุณบรรพตคนนี้ล่ะจ้ะ คือพ่อที่แท้จริงของ... ทอป่าน... เอ่อ น้าหมายถึงเขาเป็นพ่อของพวกเธอทั้งสองคนน่ะจ้ะ...”
หล่อนกำลังจะพลาดพลั้งพูดในสิ่งที่ไม่ควรให้เด็กแสนฉลาดได้ยิน
“สมัยก่อนที่ทอป่านอยู่ในท้อง แม่ลินดาเคยพาพ่อของเธอมาที่นี่ น้าก็เลยจำได้แม้เวลาจะผ่านไปกว่าสิบปีแล้วก็ตาม ไม่คิดเลยว่าจะติดต่อจนได้พบจริงๆ เข้าไปหาคุณพ่อสิจ๊ะ”
ทอป่านมองหน้าชุดาอย่างลังเล ถึงแม้จะบอกว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้า แต่มาปรากฏตัวเอาตอนนี้ ใครกันเล่าจะตั้งตัวเตรียมใจต้อนรับได้ทัน ความรู้สึกสับสนวุ่นวายต่างหากที่เข้ามารบกวนอยู่ทุกขณะจิต
“มาหาพ่อสิลูก”
บรรพตผายมือออกตระกองเป็นอ้อมกอดเข้าหาลูกน้อยทั้งสอง แม้เขาจะรู้แก่ใจว่าอีกหนึ่งไม่ใช่สายเลือดของเขาเลยก็ตาม แต่ทว่าก็เกิดมาจากผู้หญิงที่เขาเคยรักมากที่สุด
“อยากไปอยู่กับพ่อมั้ยลูก?”
“...”
“พ่อขอโทษที่ไม่ได้ดูแลพวกหนูเลย...”
เสียงของบรรพตสั่นเครือ มีหยดน้ำใสๆ คลอขึ้นที่ดวงตาของเขา ขณะเดียวกัน ชุดาที่นั่งมองภาพแห่งความประทับใจนี้อยู่ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เช่นกัน
“ไปอยู่กับพ่อนะลูก แล้วพ่อจะดูแลพวกหนูอย่างดี นะ... ลูกนะ...”
“...”
“ให้อภัยพ่อนะลูก...”
ทอป่านที่ตอนนี้ไม่อาจสะกดกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปแล้ว จึงทำได้แต่เพียงพยักหน้าแรงๆ เพื่อแทนคำตอบที่บีบคั้นในหัวใจดวงน้อยๆ เธอรอคอยมานานแสนนานเหลือเกินกับการที่จะมีวันนี้ หากพูดให้ถูก ตลอดเวลาที่ผ่านมามันคงเป็นการรอคอยที่ไม่มีวันจะเกิดขึ้นจริงเสียด้วยซ้ำ
แต่ในวันนี้... จู่ๆ โชคชะตาก็เล่นตลก ให้สองพ่อลูกได้มาเจอกันโดยไม่คาดคิดมาก่อน ช่างน่าขันเสียจริง...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ