พิศวาสสีชมพู

9.2

เขียนโดย plaayfah

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 10.20 น.

  13 ตอน
  24 วิจารณ์
  22.17K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ตอนที่ 5 100% แล้วนะค่ะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บรรยากาศครื้นเครงติดจะวุ่นวายของกองถ่ายละครที่เพิ่งถูกกำหนดขึ้นอย่างเร่งด่วนเพื่อถ่ายทำละครการกุศลโดยมีนางเอกใหม่ที่หลายๆคนอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะเธอเป็นนางเอกใหม่ถอดด้ามอย่างแท้จริงไม่เคยผ่านการแสดงมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียวบวกกับพระเอกจอมเฮี๊ยบที่ขึ้นชื่อเรื่องเวลามากเป็นที่สุดโดยฉากที่จะถ่ายทำกันในวันนี้เป็นการเจอกันครั้งแรกของพระนางทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมทั้งสถานที่เสื้อผ้าและที่กำลังเร่งมือทำกันอยู่ก็หนีไม่พ้นเรื่องของไฟและรายละเอียดจิปาถะขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายตามหน้าที่ของตัวเองนางเอกของเรื่องก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนเวลานัดหมายที่ได้รับแจ้ง

 

“น้องภัสมาแล้วช่างหน้าช่างผมพาน้องไปหน่อยเร็วจะได้เสร็จเร็วๆ”หนึ่งในทีมงานหลายคนที่กำลังวุ่นวายกับการจัดเตรียมสถานที่สำหรับการทำงานวันนี้เอ่ยขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเดินนำนางเอกสาวเข้าไปยังห้องที่เตรียมไว้สำหรับแต่งหน้าทำผมและเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของบรรดานักแสดง

 

“นี่จี๊ดเป็นช่างทำผมประจำกองของเรานั่นเชอร์รี่ช่างแต่งหน้าพวกหล่อนมาดูแลน้องหน่อยมาเร็ว” คนเดินนำเอ่ยแนะนำคร่าวๆก่อนจะขอตัวกลับไปดูแลติดตามนักแสดงคนอื่นๆที่ต้องร่วมงานในวันนี้ต่อ

 

“น้องภัสมาทางนี้เลยค่ะเสร็จแล้วจะได้ไปแต่งตัว”เมื่อเจอตัวเชอร์รี่ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองรีบคว้ามือบางให้เดินตามไปนั่งประจำที่ก่อนจะเริ่มลงมือจัดการตามหน้าที่ของเธอ

 

“ค่ะ” ตอบรับด้วยคำพูดและรอยยิ้มหวานๆแจกจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ทุกคนก่อนจะนั่งฟังผู้จัดการส่วนตัวของเธอเอ่ยสิ่งที่เธอต้องทำหลังจากนี้ยืดยาวจนคนที่ได้ยินอย่างไม่ตั้งใจอดจะเหนื่อยแทนไม่ได้

 

“ทำไมมันเยอะขนาดนี้คะเนี๊ยไม่เหนื่อยแย่หรอคะ” เชอร์รี่เอ่ยอย่างอดปากไม่ไหว

 

“ไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะพี่เชอร์รี่เงินหายากค่ะตอนนี้” หญิงสาวเอ่ยตอบขณะที่นั่งหลับตานิ่งๆให้ช่างแต่งหน้าบรรเลงสีสรรค์ลงบนใบหน้าเนียนงามไร้ที่ติ

 

“ยังไงก็ต้องพักบ้างนะคะอย่าหักโหมให้มากนักเดี๋ยวหน้าสวยๆจะโทรมเสียหมด” เชอร์รี่เอ่ยเตือนเพราะนักแสดงหลายคนที่ทำงานหนักมากเสียจนบรรดาช่างแต่งหน้าทำผมเหนื่อยที่จะต้องปกปิดร่องรอยเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักและพักผ่อนไม่เพียงพอเหล่านั้นและยังต้องบรรจงเรียกความสดใสกลับมาให้

 

ขออัพแค่นี้ก่อนนะคะ จะรีบเอามาให้อ่านต่อเร็วๆค่ะ

 

หญิงสาวไม่ได้ตอบโต้ต่อเพียงแต่ยิ้มหวานให้แทนคำขอบคุณก่อนที่จะถึงเวลาทำผมตามแต่ที่ช่างเห็นควร

 

“พี่ว่าภัสปฏิเสธงานบ้างก็ได้นะเล่นรับหมดแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนมาพักผ่อน” แจงเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเมื่อได้อยู่ตามลำพังกับสาวสวย

 

“จะให้ปฏิเสธยังไงคะพี่แจงทุกคนมีบุญคุณกับภัสทั้งนั้น” หญิงสาวเอ่ยขึ้นหากแต่ไม่ได้สนใจมากนัก

 

“แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อนล่ะอย่าลืมนะตอนนี้นอกจากงานเดินแบบถ่ายแบบแล้วยังจะมีถ่ายละครอีกเดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี” แจงยังไม่วายบ่นอุบแต่เมื่อเห็นคู่สนทนาไม่ได้สนใจเธอจึงได้แต่นั่งเงียบดูนั่นนี่ไปเรื่อยๆ

 

“ภัสจะทำได้หรือเปล่าไม่รู้พี่แจงกลัวทำคนอื่นเสียเวลาจัง” แพรวนภัสเอ่ยขึ้นเมื่อนั่งเงียบๆมาระยะหนึ่ง

 

“ทำให้เต็มที่ได้หรือไม่ได้ช่างมันอย่าเพิ่งท้อสิ” แจงเอ่ยอย่างเป็นกำลังใจให้ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันตามลำพังในมุมหนึ่งของกองละครทางด้านห้องแต่งตัวก็กำลังวุ่นวายไม่น้อยเมื่อพระเอกหนุ่มมาถึง

 

“ว๊ายๆๆๆน้องซันขามาแล้วเหนื่อยไหมคะนั่งพักตรงนี้ก่อนนะคะจะเอาเครื่องดื่มเย็นๆก่อนดีไหมคะ” เสียงจี๊ดเอ่ยขึ้นพร้อมกุลีกุจอมาดูแลตามนิสัยซึ่งน้อยคนนักที่จะกล้าทำเช่นนี้กับชายหนุ่มเพราะต่างก็เกรงและเกร็งกับสายตานิ่งๆคู่นั่น

 

“ไม่เป็นไรครับพี่จี๊ดผมไม่ได้เหนื่อยอะไรทำผมเลยก็ได้จะได้เริ่มงานกัน” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์หากแต่คนที่ทำตัวสนิทสนมอย่างจี๊ดนั้นรู้ดีว่าตอนนี้ชายหนุ่มอารมณ์ติดขั้นดีทีเดียวที่ตอบคำถามยืดยาวของเธอ

 

“งั้นเราไปทำผมกันดีกว่าค่ะจะได้ให้ยายเชอร์รี่มาแต่งหน้าให้นะคะ” พูดเองเออเองเสร็จก็จับจูงแขนล่ำที่ทั้งสาวแท้สาวเทียมอยากซบไปนั่งประจำที่สำหรับแต่งหน้า

 

“ซันขามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะทำไมวิตาไม่เห็น”สาวิตตานางรองในเรื่องเอ่ยเสียงแหลมแสบแก้วหูเมื่อเดินเข้ามาเห็นชายหนุ่มกำลังนั่งให้ช่าแต่งหน้าเริ่มลงมือทำงานของเธอก่อนจะปรี่เข้ามานั่งข้างๆพรางชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้หากแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากชายหนุ่มแม้แต่น้อยทำเอาคนที่อยู่ในห้องพากันรำคาญเสียงแหลมๆนั่นจนต้องรีบพากันทยอยออกไปด้านนอก

 

“เด็กๆมาทานข้าวกันก่อนจ๊ะอีกสักพักจะได้เริ่มงานกัน” เสียงผู้ช่วยผู้กำกับเอ่ยเรียกขณะที่นักแสดงหลายๆคนที่กำลังซ้อมบทที่ต้องเข้าฉากด้วยในวันนี้รวมไปถึงนางเอกของเรื่องที่ดูจะกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ

 

“ใจเย็นๆนะภัสไม่ต้องกังวลไปหรอกภัสทำได้เชื่อพี่สิ” จันจิรานางร้ายของเรื่องเอ่ยให้กำลังใจขณะเดินมาพร้อมกันเพราะเธอเห็นถึงความตั้งใจของหญิงสาวที่มุ่งมั่นซักซ้อมบทกับผู้จัดการส่วนตัว

 

“ขอบคุณค่ะพี่จันจิราแต่ภัสเพิ่งเล่นเป็นเรื่องแรกไม่รู้จะทำให้ทุกคนเสียเวลามากแค่ไหน” นางเอกป้ายแดงเอ่ยน้ำเสียงฉายแววกังวลอย่างชัดเจนเรียกความรู้สึกเอ็นดูจากคนฟังไม่น้อย

 

“เรียกพี่จิก็ได้ถ้าภัสตั้งใจทำที่สุดแล้วไม่มีใครว่าหรอกอย่าไปกังวลมากนักเลยเครียดแล้วจะทำงานไม่ได้นะมาทานข้าวกันดีกว่าเดี๋ยวพี่ช่วยซ้อมบทให้” หญิงสาวเอ่ยอย่างมีน้ำใจเรียกความซาบซึ้งและกำลังใจแก่นางเอกใหม่มากโขหากแต่รอยยิ้มที่กำลังแจกจ่ายให้แก่คนในกองหลายๆคนกลับสะดุดลงเมื่อเห็นหน้าใครคนหนึ่งเหมือนที่เธอเคยเจอมาก่อน

 

“ซันนี่น้องภัสภัสจ๊ะนี่ซันและก็วิตาจ๊ะ” จิเอ่ยแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันอย่างเป็นทางการและก็ได้รับการพยักหน้ารับจากชายหนุ่มเจ้าของชื่อทำให้หญิงสาวที่ยืนนิ่งจำต้องยิ้มให้อย่างฝืนๆหากแต่เพราะเห็นกิริยาของหญิงสาวอีกนางที่นั่งขนาบข้างชายหนุ่มที่กำลังแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทำให้หญิงสาวถึงกับคิดในใจหน้าดุขนาดนี้มีคนเอาเป็นแฟนด้วยหรือเนี๊ยก่อนจะพาตัวเองเดินตามไปนั่งข้างๆจันจิรา

 

เม้นท์คุยกันนะคะ คิดเห็นยังไง ยินดีรับฟังทุกข้อเสนอแนะค่ะ

 

“นางเอกใหม่วิตาว่าไม่เห็นจะสวยสักเท่าไหร่เลย” เสียงสาวิตตาพูดจบก็ตักอาหารเข้าปากตัวเองแต่เพราะเสียงที่เอ่ยไม่เบานักทำเอาคนที่อยู่ไม่ไกลนักได้ยินถนัดหูก่อนจะเบ้ปากเพราะเป็นที่รู้ดีว่าสาวิตตาไม่เคยมองใครสวยเกินไปกว่าตัวเองและยิ่งใครเด่นเกินหน้าเกินตาก็จะยิ่งหาเรื่องกลั่นแกล้ง

 

“ไม่รู้นางเอกคนนี้จะโดนยายวิตาเล่นงานยังไงอีกบ้าง” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดและท่าทางของนางรองทำเอาหลายๆคนพากันถอนหายใจก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน

 

หลังจากรับประทานอาหารกันแล้วกองละครก็เริ่มต้นเดินกล้องถ่ายละครในฉากที่กำหนดไว้ตามโลเคชั่นและความเหมาะสมที่ผู้กำกับของเรื่องกำหนดเวลาเดียวกันคนที่ยังไม่ถึงคิวต้องเข้าฉากบ้างก็นั่งเล่นนอนเล่นตามอัธยาศัยบ้างก็นอนเอาแรงตามมุมต่างๆที่กองถ่ายจัดเตรียมเอาไว้ให้นักแสดงพักผ่อนหากแต่ก็มีบางคนที่เริ่มซ้อมบทของตน

 

“คัท!!!เปลี่ยนฉากได้พักกอง 10 นาทีเตรียมนักแสดงฉากต่อไปให้พร้อม” ผู้กำกับสั่งเสียงดังลั่นพร้อมกับความโกลาหลที่เกิดขึ้นก่อนที่นักแสดงหลายๆคนโดนตามเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าฉากต่อไป

 

“น้องภัสมานั่งหลบตรงนี้เองฉากต่อไปน้องภัสต้องเข้าแล้วนะคะเป็นฉากที่ 21 ปุ้มเจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่แจ้งรายละเอียดของฉากที่ต้องถ่ายทำในแต่ละวันและการติดตามตัวนักแสดงเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินลิ่วไปแจ้งนักแสดงคนอื่นๆต่อไป

 

“พี่แจงภัสจะทำได้ไหมเนี๊ยโอ๊ยตื่นเต้นจัง” แพรวนภัสเอ่ยพรางจับมือผู้จัดการสาวแน่นทำเอาคนฟังถึงกับยิ้มให้กับท่าทางราวกับเด็กน้อยที่กำลังตื่นตระหนก

 

“ใจเย็นๆหายใจลึกๆตั้งสติหน่อยซ้อมบทมาขนาดนี้แล้วเมื่อกี้ก็เพิ่งซ้อมกับพี่จิไม่ใช่หรอภัสทำได้เชื่อพี่สิ” แจงเอ่ยให้กำลังใจพร้อมกับบีบมือที่เย็นเฉียบนั้นอีกครั้งเรียกเอาความมั่นใจแก่หญิงสาวก่อนจะเตรียมพร้อมออกเดินเข้าไปพร้อมกับทุกๆคน

 

“เอาล่ะซ้อมกันหน่อยฉากนี้มีภัสกับซันนะบทพูดพี่ว่าไม่น่ามีปัญหาเดี๋ยวเรามาบล๊อกกิ้งกันเลยซันเดินคุยโทรศัพท์มาถึงตรงนี้ก่อนจะหันกลับมามองภัสภัสยืนตรงนี้นะหันมาแบบนี้มองหน้ากันแล้วภัสก็เดินเข้ามาหาซันแล้วก็พูดไปตามบทเอาลองดู” สั่งพร้อมจัดท่าทางให้เรียบร้อยแล้วผู้กำกับหนุ่มก็เดินกลับมาดูผ่านจอมอนิเตอร์เล็กๆก่อนจะสั่งนั่นนี่เพิ่มอีกเล็กน้อยจึงให้เดินกล้องถ่ายทำจริงแม้จะมีปัญหาคลุกคลิกบ้างหากแต่ก็ไม่มากจนเกินไปก่อนจะจบวันพร้อมกับเสียงชมไม่ขาดปากจากผู้กำกับหนุ่ม

 

“ภัสเล่นเก่งนะขนาดวันแรกยังเล่นได้ขนาดนี้อีกหน่อยพี่ว่าดังแน่นอนเลย” ผู้กำกับเอ่ยชื่นชมกับนางเอกสาวของตนก่อนจะแยกตัวกลับและเมื่อหมดหน้าที่สำหรับวันนี้แล้วแพรวนภัสที่แทบจะหมดแรงตั้งใจจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อกลับไปพักผ่อนสักทีกลับไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิดเนื่องจากพอหันหลังจะกลับไปยังห้องแต่งตัวกลับพบคนๆหนึ่งที่เหมือนยืนรออยู่แล้วและเธอก็ไม่มีทางเลี่ยงที่จะพบหน้าเขายืนอยู่ทางที่จะกลับไปยังห้องแต่งตัวซึ่งตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าร้างผู้คนเพราะเฝ้าดูการถ่ายทำฉากสุดท้ายของวัน

 

“นางเอกคนใหม่ใช้เส้นสายไหนล่ะถึงได้มาเล่นเรื่องนี้” เสียงห้วนดุเอ่ยเมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้พอที่จะได้ยิน

 

“ขอตัวนะคะ” ความเหนื่อยล้าที่มีมากเกินกว่าจะอยากต่อปากต่อคำด้วยทำให้หญิงสาวเลือกที่จะเอ่ยเลี่ยงการปะทะแทน

 

“จะรีบไปไหนล่ะหรือว่ารับจ๊อบพิเศษไว้” คำพูดที่เอ่ยออกมาทำเอาคนฟังที่คิดจะเลี่ยงการต่อปากด้วยถึงกับอดไม่ไหวจึงหันกลับมา

 

“จ๊อบพิเศษคุณหมายความว่ายังไง” แพรวนภัสลืมความเหนื่อยล้าแทบจะทันทีเมื่อเห็นสายตาที่ชายหนุ่มใช้มองเธอเพราะมันเป็นสายตาที่เขาเคยใช้กับเธอเมื่อครั้งที่เจอกันคราวก่อน

 

“ก็จ๊อบประเภทที่พวกเสี่ยทั้งหลายอยากจะได้ใครสักคนมานั่งคุยนอนคุยด้วย” ซันเอ่ยเน้นเสียงที่ตรงคำว่านอนหนักเป็นพิเศษพร้อมกับสีหน้าที่ออกแนวเย้ยหยันทำเอาคนฟังถึงกับโมโหหน้าแดงก่ำ

 

*****************************************

“ฉันไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจแต่คุณไม่มีสิทธิ์มาดูถูกคนที่คุณยังไม่รู้จักแบบนี้เพราะใครได้ยินเข้าจะคิดว่าคุณไม่ได้รับการอบรมถึงได้มาดูถูกคนอื่นแบบนี้” หญิงสาวกัดฟันพูดจบก็ทำท่าจะเดินจากไปหากแต่ไม่ไวเท่ากับมือแข็งที่คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนเล็กและออกแรงกระชากจนร่างบางปลิวมาปะทะกับอกหนาอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัวจนใบหน้าของทั้งสองแทบจะชนกันทำเอาหญิงสาวทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก

 

ฝ่ายชายหนุ่มเองที่ทำไปเพราะความโกรธเขาไม่เคยโดนผู้หญิงคนไหนว่าตรงๆแบบนี้หรือจะเรียกให้ถูกก็คือไม่เคยมีใครกล้าว่าเขามาก่อนเมื่อมาเจอผู้หญิงว่าซึ่งๆหน้าจึงทนไม่ได้จึงคิดจะสั่งสอนหากแต่เมื่อกระชากแขนเล็กเขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะปลิวติดมือเข้ามาชนตัวเองจนต้องใกล้ชิดกันขนาดนี้เพราะกลิ่นหอมๆจากเรือนผมสลวยที่ปะทะจมูกและใบหน้าหวานซึ้งที่ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งน่าหลงใหลทำเอาต่างได้แต่ยืนมองหน้ากันนิ่งๆอยู่นานจนกระทั่งได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้จึงได้แต่กัดฟันกระซิบเบาๆข้างหูให้ได้ยินแค่สองคน

 

“ถ้าทำตัวดีๆก็คงไม่มีใครดูถูกเอาได้คราวหน้าอย่าบังอาจมาต่อว่าฉันเพราะฉันจะจัดการเธอขั้นเด็ดขาดจำไว้” เมื่อเอ่ยจบก็ปล่อยแขนหญิงสาวและเดินจากไปในทันที

 

“เชอะยิ่งใหญ่มาจากไหนถึงได้มาวางอำนาจขนาดนี้” คนตัวเล็กคลำแขนข้างที่ถูกบีบจนเจ็บร้าวเกรงว่าตอนนี้น่าจะแดงเป็นรอยนิ้วมือทั้งห้าอย่างแน่นอนก่อนจะแข็งใจเดินกลับเข้าไปยังห้องแต่งตัวเพื่อพักผ่อนอย่างที่ร่างกายเรียกร้องเต็มที

 

หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วเสียงด้านนอกที่เริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆบ่งบอกให้ได้รู้ว่าการถ่ายทำวันนี้น่าจะเสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออกพร้อมกับนักแสดงหลายๆคนที่ทยอยกันเดินเข้ามา

 

“ภัสเก็บของเสร็จแล้วหรอวันแรกเล่นได้เก่งขนาดนี้ต่อไปไม่ต้องห่วงแล้วมั้งเนี๊ย” จันจิราที่เพิ่งถ่ายทำส่วนของตัวเองเรียบร้อยเดินเข้ามาเมื่อเห็นนักแสดงรุ่นน้องที่เธอเองเอ็นดูกำลังเตรียมตัวจะกลับบ้านจึงทักขึ้น

 

“เสร็จแล้วค่ะพี่จิภัสว่ายังเล่นได้ไม่ดีหรอกค่ะแต่พวกพี่ๆช่วยเอาไว้เลยผ่านได้ง่ายหน่อยต้องขอบคุณทุกคนนะคะที่คอยช่วยภัสวันนี้” หญิงสาวเอ่ยตอบก่อนจะหันไปยกมือไหว้เพื่อนนักแสดงที่ถือเป็นรุ่นพี่เพื่อเป็นการขอบคุณและกิริยานั่นเรียกรอยยิ้มจากนักแสดงทั้งหลายได้เป็นอย่างดี

 

“จะกลับแล้วใช่ไหมเดินทางดีๆล่ะแล้วเจอกันจ๊ะ” จันจิราเอ่ยเมื่อเห็นหญิงสาวเก็บสัมภาระของตัวเองลงกระเป๋าเรียบร้อยแล้วจึงได้เอ่ยปากก่อนจะหันมาถอดเครื่องประดับบนตัวออก

 

“งั้นภัสกลับก่อนนะคะทุกคนสวัสดีค่ะ” แพรวนภัสเอ่ยก่อนจะออกจากห้องไปโดยไม่รู้เลยว่ากิริยาที่เธอแสดงออกจะสร้างความไม่พอใจให้แก่ใครหลายๆคน

 

หลังจากถ่ายละครมาได้เกือบจบเรื่องนักแสดงแต่ละคนก็เริ่มทีเวลาว่างมากขึ้นเมื่อกำหนดลงจอเลื่อนออกไปเนื่องจากมีรายการถ่ายทอดพิเศษแทรกทำเอาทุกคนทั้งนักแสดงและผู้กำกับค่อยหายใจคล่องคอเพราะที่เร่งถ่ายทำกันไว้กับเวลาที่กำหนดฉายน่าจะจัดการถ่ายทำและตัดต่อได้เสร็จเรียบร้อยทันหากแต่ก็ไม่ได้มีการสั่งพักกองหรือเลื่อนตารางการถ่ายทำแต่อย่างใดทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามแผนงานเดิม

 

“ซันคะวิตาว่างไปหาอะไรทานกันดีไหมคะ” เสียงแหลมที่พยายามดัดให้อ่อนหวานเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพระเอกหนุ่มเดินออกมาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเนื่องจากวันนี้เขาหมดคิวที่จะต้องถ่ายทำแล้วและชายหนุ่มเองก็เหนื่อยล้าจนอยากนอนพักเต็มที

 

“ผมไม่ว่าง” เอ่ยเสียงเรียบหากแต่ในใจกลับนึกอยากสะบัดมือที่เกาะเกี่ยวแขนเขาราวกับลูกลิงที่เกาะแม่อยู่ตอนนี้

 

“ซันมีงานต่อหรอคะแต่เมื่อกี้วิตาเพิ่งคุยกับคุณป้องคุณป้องบอกว่าซันหมดงานแล้ววันนี้” แม้จะโดนปฏิเสธหากแต่สาวิตตาก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามจึงเอ่ยต่อโดยหารู้ไม่ว่านั้นเป็นสร้างความหงุดหงิดให้แก่ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

“บอกว่าไม่ว่างก็ไม่ว่างสิ” เสียงที่เริ่มแข็งขึ้นมาทำเอาคนฟังถึงกับนึกไม่ถึงเพราะตั้งแต่รู้จักกันเมื่อเล่นละครเรื่องก่อนชายหนุ่มที่ใครๆต่างพากันร่ำลือกันถึงความดุโหดกลับไม่เคยมีให้เธอพบแม้แต่ครั้งเดียวนอกจากความสุภาพนิ่งเงียบเฉยชาเท่านั้นแต่นั้นก็ไม่ทำให้เธอย่อท้อ

 

“แต่วิตาว่างงั้นวิตาไปกับซันด้วยนะคะ” เมื่อเขาบอกว่าไม่ว่างไปกับเธอเธอจึงตัดสินใจตามติดชายหนุ่มเอง

 

“พูดไม่รู้เรื่องหรือยังไงบอกว่าไม่ว่างก็คือไม่ว่างอย่าวุ่นวายกับผมให้มากนะวิตา” เมื่อความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดสิ้นสุดลงชายหนุ่มจึงแกะมือที่เกาะแน่นหลุดได้อย่างง่ายดายก่อนเดินจากไปเขาเอ่ยเสียงเครียดจนคนฟังถึงกับอึ้งอย่างคาดไม่ถึง

 

“คิดจะฟันแล้วทิ้งงั้นหรอรู้จักคนอย่างวิตาน้อยไปแล้วมั้งคะซัน” สาวิตตาเอ่ยอย่างเครียดแค้นก่อนจะจ้องมองไปยังนางเอกสาวคนใหม่ที่เคยเห็นพระเอกหนุ่มเข้าไปตอแยอยู่หลายหน

 

“ภัสเมื่อกี้พิมพ์โทรมาบอกจะแวะมาหา” ผู้จัดการสาวเอ่ยเสียงไม่ดังนักหากแต่สีหน้าไม่สู้ดีทำเอาคนฟังถึงกับอดแปลกใจไม่ได้

 

“มีอะไรหรือเปล่าพี่แจงทำไมทำหน้าแบบนั้นพิมพ์มีธุระอะไรหรือเปล่าถึงจะมาที่นี่” เอ่ยพรางถอดเครื่องประดับเพื่อเปลี่ยนชุดไปใส่อีกชุดที่ทางทีมงานเตรียมเอาไว้ให้

 

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันแต่เสียงดูเครียดๆ” แจงตอบพรางรื้อหาของบางอย่างก่อนจะส่งให้

 

“ดูนี่ซะ” เอ่ยพรางยื่นโทรศัพท์มือถือส่งให้หญิงสาวที่เอื้อมมือมารับอย่างงงๆ

 

“พี่ว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ” แจงพูดเมื่อเห็นหญิงสาวก้มลงดูภาพที่เธอเพิ่งได้รับ

 

“เป็นไปได้ยังไงภัสไม่เชื่อว่ามันจะเป็นแบบนี้” แพรวนภัสเอ่ยพร้อมกับสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักจนคนฟังต้องกอดปลอบ

 

“เดี๋ยวพิมพ์มาคุยกันดีๆนะท่าทางจะอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่” คนฟังได้แต่พยักหน้ารับอย่างคิดไม่ตกเช่นกันว่าจะทำอย่างไรดีหากภาพเหล่านี้ตกอยู่ในมือคนอื่น

 

อยากบอกว่า แต่งยากมากเลยเรื่องนี้ อาจเพราะมันค่อนข้างไกลตัว เลยต้องรอบคอบหน่อย มาช้านิดไม่ว่ากันนะคะ

อยากได้ความเห็นของรีดเดอร์ค่ะ ว่ารู้สึกว่ามันขัดๆบ้างหรือเปล่า จะได้เอามาปรับปรุง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา