ละครเก่าๆเอามาเล่าใหม่
2) เรื่องสาวน้อยอ้อยควั่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเปิดหม้อไม่มีไม่มีข้าวสุขแล้วหันมาเปิดกระปุกไม่มีข้าวสารมานั่งจ้อนจ้อๆๆขอทานชั่งน่าสงสารเสียจริงเอย
มาเริ่มที่เรื่องนี้กันเลยค่ะคิดถึงเรื่องนี้กันหรือเปล่า
อ้อยควั่น เด็กหญิงซึ่งเป็นลูกของ เจ้านางน้อยบุญญวง ลูกสาวของเจ้าเมืองชนกลุ่มน้อย ที่หลบหนีการรุกรานแล้วถูกฆ่าเสียชีวิต ก่อนตายฝากลูกสาวไว้กับคนสนิทชื่อ ส่าง โดยการปลอมตัวเป็นสามัญชน ปะปนมาอยู่ในค่ายของผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย จากเจ้านางน้อยต้องกลายมาเป็นนางสาวบุญญวง ที่ลำบากยากแค้น รอคอยการคัดเลือกตัวไปประเทศที่สาม วันหนึ่ง ณัฐวุฒิ มหาเศรษฐีหนุ่มอายุสี่สิบกว่า มีภรรยาชื่อ สินีนาฏ แต่ทั้งคู่ไม่มีลูกทั้งที่อยากมีลูกมาก ณัฐวุฒิได้รับ นัทธร ซึ่งเป็นหลานของภรรยามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่แบเบาะและรักเหมือนลูก ณัฐวุฒิได้มาแวะเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้ เพื่อบริจาคเงินและสิ่งของให้กับค่ายแห่งนี้ ณัฐวุฒิเป็นคนติดดินและชอบการเรียนรู้ รักเด็ก เขาจึงขอพักที่ศูนย์แห่งนี้ โดยมีส่างซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้อพยพเป็นผู้ดูแลที่พักและอาหาร ส่างได้พาเจ้านางบุญญวงมาด้วย เพราะเจ้านางรับอาสามาทำความสะอาดที่พักให้ ณัฐวุฒิถึงกับตะลึงในความสวยงามใสซื่อของเจ้านาง ณัฐวุฒิหลงรักเข้าทันทีที่ได้พบ โดยส่างสังเกตเห็นด้วยความต้องการให้เจ้านางสุขสบาย จึงเปิดโอกาสให้สนิทสนมกัน โดยส่างบอกประวัติของบุญญวงว่า คือเจ้านางน้อยของชนเผ่าที่อยู่ระหว่างตะเข็บชายแดน
ณัฐวุฒิหาโอกาสมาพบเจ้านาง และหาวิธีทำให้เจ้านางบุญญวงได้ออกมานอกค่าย และในที่สุดเจ้านางบุญญวงก็ตกเป็นของณัฐวุฒิ สินีนาฏสงสัยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของณัฐวุฒิ จึงสืบจนได้ความจริง สินีนาฏส่งคนตามทำร้ายเธอเพื่อให้เลิกกับณัฐวุฒิ เจ้านางเสียใจมากพยายามขอเลิกกับณัฐวุฒิแต่เขาไม่ยอม ในที่สุดเจ้านางก็ตั้งท้องและได้รับการติดต่อจากสินีนาฏว่าถ้าไม่อยากตายให้ยกลูกให้สินีนาฏ ถ้าไม่ยอมทำตามจะฆ่าลูกของเจ้านางเสีย ส่วนสินีนาฏก็ทำเป็นว่าท้องให้สอดคล้องกับการรับลูกของเจ้านางมาเป็นลูกของตัวเองกับณัฐวุฒิโดยถูกต้องตามกฎหมาย เจ้านางเสียใจและได้ปรึกษากับส่าง โดยส่างให้ยอมทำตามเพื่อความสุขของหนูน้อยที่กำลังจะเกิดมา ในที่สุดเจ้านางก็คลอดลูกสาวให้ชื่อว่า ส่วยหย่ง แปลว่ากระต่ายทอง และตัดสินใจไปอยู่ประเทศที่สามคือ อเมริกา ส่วนลูกน้อยมอบให้ส่าง และส่างจะเป็นคนส่งมอบให้สินีนาฏ ณัฐวุฒิดีใจมากที่จะได้ลูก นัทธรก็ดีใจที่จะได้น้อง สินีนาฏทำทีไปต่างจังหวัด และจะอ้างว่าเธอคลอดลูกที่ต่างจังหวัด แต่ปรากฏว่าสินีนาฏรถคว่ำเสียชีวิต และความจริงปรากฏว่าเธอไม่ได้ท้อง ณัฐวุฒิเสียใจมากและไม่เข้าใจว่าทำไมสินีนาฏต้องโกหกเขาเรื่องลูก
ส่างรอคอยการมาของสินีนาฏและผิดหวัง เข้าใจว่าสินีนาฏหลอก ภายหลังรู้ว่าสินีนาฏเสียชีวิต จึงวางแผนจะเอาส่วยหย่งไปส่งให้ณัฐวุฒิและบอกความจริง ปรากฏว่าเกิดจลาจลในค่ายพัก ส่างเสียชีวิตก่อนที่จะได้บอกความจริงกับณัฐวุฒิ แม่หนูส่วยหย่งที่มีเหรียญตราห้อยคอเป็นโลหะธรรมดา สลักว่าบุญญวงด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านสลักว่าส่วยหย่ง หนูน้อยส่วยหย่งถูกหญิงในศูนย์ดูแลกันตามีตามเกิดต่างคนต่างมีลูก นางมะขิ่น ได้สิทธิ์ขึ้นทะเบียนเป็นแรงงานต่างด้าว ได้ขายหนูส่วยหย่งให้กับ นางสมใจ คนไทยคนหนึ่งซึ่งซื้อเอาไปขอทาน ณัฐวุฒิรีบมาที่ค่ายผู้อพยพพบว่าเจ้านางบุญญวงไปอยู่อเมริกาแล้ว มีลูกสาวแต่ไม่ทราบว่าหายไปไหนแล้ว ณัฐวุฒิเสียใจแทบเป็นบ้า พยายามส่งคนสืบหาลูกสาวแต่ไม่ได้วี่แววทำให้ณัฐวุฒิถึงกับล้มป่วย หนูน้อยส่วยหย่งระหกระเหินไปกับนางสมใจ มาถึงกรุงเทพฯ มีชื่อใหม่ว่า นังอ้อยควั่น นางสมใจเอาไปร่อนเร่ขอทาน จนเด็กน้อยอายุได้ 6-7 ขวบ ถูกทารุณทุบตีโดยสมใจตลอดเวลา พอโตขึ้นสมใจบังคับให้ไปขอทานเอง อ้อยควั่นมีพรสวรรค์ในการเต้นและร้องเพลง เธอจึงสามารถเต้นและร้องเพลงสะกดให้คนทั้งหลายให้เงินเธอมากกว่าเด็กอื่นๆ อ้อยควั่นจึงตกที่นั่งลำบาก เพราะถูกเกลียดและกลั่นแกล้งโดยเด็กอื่นที่ขอทานไม่ค่อยได้
กิตติศัพท์ความสามารถของอ้อยควั่นลือไปทั่ว ทำให้เป็นที่ต้องการของพวกบังคับเด็กไปขอทาน ต่อมาอ้อยควั่นถูกแก๊งค์ลักเด็กใหญ่คือ นางสมร ลักตัวไป หวังจะเอาไปบังคับให้ขอทานเลี้ยงตัวเองอีกจังหวัดหนึ่ง ที่นั่นอ้อยควั่นพบเด็กที่ถูกบังคับและมาขังไว้จำนวนมาก อ้อยควั่นสงสารพวกเด็กๆ จึงวางแผนพาพวกเด็กๆ ก่อจลาจลและหนีออกมาในคืนหนึ่ง พวกเด็กๆ หนีออกไปได้หมด แต่อ้อยควั่นกลับถูกจับได้และถูกซ้อมจนสะบักสะบอมจนป่วย หลังจากนั้นถูกพาตัวใส่รถจะส่งไปขายที่ชายแดน ระหว่างเดินทางช่วงพักเติมน้ำมันอ้อยควั่นทั้งที่ป่วยปางตายได้แอบหนีลงมาจากรถ สมรเห็นเข้าไล่ตามจับเกิดโกลาหลกันขึ้นอีก อ้อยควั่นหลบไปที่ร้านอาหารข้างปั๊มแล้วแอบไปขึ้นท้ายรถปิคอัพคันหนึ่ง ซึ่งกำลังจะออกรถหลบหนีไป รถคันนั้นมาถึงที่หมายจะขนของลงกลับเจออ้อยควั่นนอนหลับอยู่ท้ายรถ แทนที่จะสงสารกลับทุบตี อ้อยควั่นตกใจตื่นขวัญหนีดีฝ่อไปจากรถ วิ่งเตลิดไร้จุดหมายไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตนอนหลับตามข้างถนนพงหญ้า ยามหลับก็ละเมอเรียกหา แม่จ๋าอยู่ไหน เสมอ อ้อยควั่นพบหมาจรจัด ที่ตอนแรกกำลังจะแย่งอาหารกัน ผลที่สุดตัดสินใจแบ่งอาหารให้พร้อมกับตั้งชื่อว่า มู่ลี่ มู่ลี่กับอ้อยควั่นเป็นเพื่อนไปไหนไปด้วยกัน อ้อยควั่นร้องเพลงเต้นระบำและร้องเพลงหากินเลี้ยงชีวิตไปวันๆ กับมู่ลี่ ในใจอยากมีใครสักคนที่รักและดูแลเธอ อ้อยควั่นตั้งใจจะตามหาแม่ให้พบสักวันหนึ่งให้ได้
วันหนึ่งอ้อยควั่นเดินสะเปสะปะเข้ามาในตลาดกับมู่ลี่ หิวแทบเป็นลมอยากขโมยของกินเอื้อมมือไปแล้วก็หดมือ เพราะรู้ว่าบาป พบเอา ป้าเมตตา กับผู้ช่วยเดินมาจ่ายตลาดด้วยรถเข็น มีข้าวของในรถเข็นมากมายจนน่าแปลกใจ ในตระกร้ามีส้มลูกใหญ่น่ากินเต็มไปหมด ส้มหล่นลงมาอ้อยจะหยิบกินแล้วหดมือ ทันใดที่ชายคนหนึ่งวิ่งมากระชากกระเป๋าคุณป้า อ้อยควั่นอยากทำความดี จึงบอกให้มู่ลี่ช่วย มู่ลี่วิ่งไปแย่งกระเป๋าคืนมาได้ ป้าเมตตาดีใจและขอบใจอ้อยควั่นมากให้เงินอ้อยควั่นเป็นรางวัล อ้อยควั่นอยากมีใครสักคนที่เมตตาเธอ อ้อยควั่นจึงขอผลไม้และขนมปังให้มู่ลี่ เธอแอบตามไปดูป้าเมตตาเห็นป้าขึ้นรถตู้คันหนึ่งออกไป อ้อยควั่นมองตามหน้าละห้อย อ้อยควั่นกับมู่ลี่มาดักรอป้าเมตตาทุกวัน ช่วยถือของช่วยส่งขึ้นรถ ป้าเมตตาแปลกใจถามชื่อที่อยู่พ่อแม่และโรงเรียน อ้อยบอกว่าเธอตัวคนเดียวมีมู่ลี่เท่านั้นที่เป็นเพื่อน ป้าเมตตาตกใจมาก บอกว่าจะพาเธอไปพบผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้าที่ป้าทำงานอยู่ อ้อยควั่นอาจจะมีที่อยู่แต่มู่ลี่ไปไม่ได้ อ้อยควั่นจึงหน้าจ๋อย ในที่สุดอ้อยควั่นตัดสินใจสะกดรอยตามคุณป้า โดยแอบเข้าไปอยู่ในรถขนอาหารของป้าเมตตา โดยเอามู่ลี่เข้าไปด้วย ในที่สุดก็มาถึงบ้านเด็กกำพร้าป้าเมตตาตกใจและรับปากจะดูแลมู่ลี่ให้ในฐานะที่มู่ลี่ช่วยแย่งกระเป๋าเงินให้
และจะไม่บอกให้ คุณแม่ปราณี ป้าเมตตาพาไปพบคุณแม่ปราณี ในที่สุดอ้อยควั่นก็ได้รับอนุญาตให้อยู่ที่บ้านแห่งนี้ และอ้อยควั่นมีชื่อใหม่ว่า กชกร อ้อยควั่นกับป้าเมตตาแอบเลี้ยงมู่ลี่เอาไว้ และคอยพาหลบซ่อนผู้คนแบบตลกๆ รวมทั้งคุณแม่ปราณีด้วย อ้อยควั่นได้เรียนหนังสือ ได้หัดทำงานเล็กๆ น้อยๆ อ้อยควั่นต้องต่อสู้และถูกกลั่นแกล้งจากเด็กรุ่นเก่าและโตกว่า และต้องคอยป้องกันเด็กเล็กๆ ที่ถูกรังแก อ้อยควั่นอยู่ที่สถานเด็กกำพร้าจนอายุ 12 ปี หน้าตาสะสวย เริ่มเป็นสาว เรียนจบชั้น ป.6 ส่วนณัฐวุฒิพลิกแผ่นดินหาลูกสาวมาหกปีก็ยังไม่มีวี่แวว ให้ลูกชายบุญธรรมคือ นัทธร ช่วยสืบเสาะก็ไม่พบจนหมดกำลังใจให้นัทธรดูแลธุรกิจแทน นัทธรไปบริจาคเงินที่สถานเด็กกำพร้าหลายแห่ง และขอเข้าไปอุปการะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หวังจะสืบหาลูกสาวของณัฐวุฒิ นัทธรประกาศรับอุปการะเด็กเป็นลูกโดยให้เขียนเรียงความประกวดเรื่อง “แม่จ๋าอยู่ไหน” นัทธรเอาเรียงความทั้งหมดมาอ่านและรู้สึกประทับใจเรียงความของอ้อยควั่น เขาชอบมากตรงที่เธอแอบเลี้ยงสุนัขเพื่อนตายของเธอไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาถึง 6 ปีแล้ว อ้อยควั่นดีใจมากที่ได้รับรางวัล ด้วยการเป็นลูกอุปถัมภ์ของคุณพ่อคนหนึ่ง โดยที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าคุณพ่อของเธอคือใคร
เธอได้รับโน้ตสั้นๆ จากคุณพ่อ โดยเลขาชายชื่อ จามร ของคุณพ่อ แจ้งความจำนงว่าคุณพ่อต้องการนำมู่ลี่ไปเลี้ยงดูอย่างดีที่บ้านของคุณพ่อ ส่วนอ้อยควั่นคุณพ่อจะส่งไปไว้ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง คุณแม่ปราณีดีใจด้วยกับอ้อยควั่น แต่ต่อว่าที่แอบเลี้ยงสุนัขไว้ไม่บอก อ้อยควั่นสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมคุณแม่บ้างในช่วงปิดเทอม ที่โรงเรียนใหม่อ้อยควั่นได้พบผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่มมากชื่อ คุณนัทธร มีเพื่อนใหม่ชื่อ ภัคภิรมย์ เป็นหลานของผู้อำนวยการ และเด็กหญิง ศลิษา มาเข้าใหม่เช่นกัน ผู้อำนวยการเรียกตัวอ้อยควั่นไปพบเพื่อสอบถามถึงผลการเรียน นัทธรอบรมให้อ้อยควั่นเข้ากับทุกคนที่นี่ได้ และทำตัวให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น นัทธรดูเฉยเมยเงียบขรึมเจ้าระเบียบจนอ้อยควั่นกลัว อ้อยควั่นได้รับคำสั่งจากคุณพ่อผ่านเลขาว่า ให้เธอบอกทุกคนว่าพ่อแม่เสียชีวิตและเธอมีญาติอุปการะอยู่ อ้อยกับภัคภิรมย์ไม่ถูกกัน ภัคจะดูหยิ่งพูดจาดูถูกผู้อื่น และอยากรู้ว่าทุกคนเป็นลูกท่านหลานเธอที่ไหน พูดแต่สิ่งที่หรูหราและอยากรู้มากว่าอ้อยมาจากไหนเป็นใคร เพราะไม่เคยเห็นญาติมาเยี่ยม ศลิษาต้องคอยไกล่เกลี่ย อ้อยควั่นมักจะเขียนจดหมายผ่านเลขาคุณพ่อ ไประบายให้ฟังอยู่เสมอ แต่แล้วทุกคนก็ต้องตะลึงเพราะในวันหยุดจะมีรถคันงามและมู่ลี่น้องหมาที่ถูกแปลงโฉมจนจำแทบไม่ได้มาหาอ้อยควั่นพร้อมกับของขวัญมากมาย เช่น เสื้อผ้า ขนมนมเนย
บางครั้งก็ให้รับไปเที่ยวข้างนอก มีเงินโอนเข้าบัญชีโดยให้อ้อยควั่นกดเอทีเอ็มนำเงินนั่นออกมาใช้จ่าย อ้อยควั่นได้เขียนบอกคุณพ่อว่ามากเกินไปไม่จำเป็น แต่คุณพ่อก็ยังส่งมานั่นเอง ทำให้อ้อยควั่นอยากรู้อยากพบคุณพ่อมากขึ้น แต่มิวายที่อ้อยควั่นจะขอร้องอย่างไรคุณพ่อก็ไม่เคยได้มาพบอ้อยควั่น มีแต่เลขาที่มาแทน คนที่อ้อยควั่นมักได้พบกลับเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่มาอาทิตย์ละครั้ง ทุกครั้งจะเรียกอ้อยควั่นไปพบและอบรมเรื่องเดิมๆ สำรวจอ้อยควั่นอย่างเข้มงวด เวลาผ่านไปอีกหกปี อ้อยควั่นเรียนจบ ม.6 และได้รับข่าวร้ายว่ามู่ลี่ตายแล้วด้วยโรคชราแต่ก็ตายอย่างสงบ อ้อยเสียใจมาก แต่ก็ได้รับโน้ตจากคุณพ่อว่าชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ให้ตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ ในที่สุดอ้อยควั่นก็สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกับภัคและศลิษา มีการเลี้ยงฉลองสอบติดของทั้งสามคนโดยมีอานัทธรของภัคเป็นเจ้าภาพ ที่ห้องอาหารหรู อานัทธรดูใจดีขึ้นและบอกว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนของอ้อยควั่นแล้ว เขายิ้มแย้มเป็นกันเอง ทำให้อ้อยควั่นหายกลัว ศลิษาแอบกระซิบอ้อยควั่นว่าเธอแอบกรี๊ดคุณอามานานแล้ว อ้อยควั่นบอกว่าเหลวไหล แต่ศลิษาบอกว่าตอนนี้พวกเราเป็นสาวแล้วเริ่มมองหนุ่มๆ ได้บ้างแล้ว
นอกจากอานัทธรจะเลี้ยงแล้วพี่ชายของศลิษาคือ พี่ศรุต ยังขอเลี้ยงพวกสาวๆ อีก คราวนี้ภัคกระซิบอ้อยควั่นว่าเธอปิ๊งพี่ศรุต ห้ามอ้อยควั่นมาแตะ อ้อยควั่นรับปาก มีโน้ตจากพ่อว่าอ้อยเป็นสาวแล้วให้ดูแลตัวเองดีๆ จะคบใครต้องระวัง อยู่ในวัยเรียนไม่ควรข้องแวะกับผู้ชาย อ้อยตอบไปว่าอ้อยจะไม่มีแฟน คุณพ่อตอบมาว่าดีมาก ขอให้จริงอย่างที่พูด อ้อยถามว่าคุณพ่อห่วงอ้อยหรือ คุณพ่อตอบว่าห่วงมาก เจ้านางบุญญวงเดินทางกลับมาเมืองไทยสืบหาณัฐวุฒิเพื่อตามหาลูก เมื่อทราบความจริงว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นดังที่เธอวาดแผนไว้ เจ้าบุญญวงเสียใจมาก สองคนตั้งใจจะสืบหาลูกสาวให้พบ เจ้าบุญญวงได้พบกับนัทธร และขอความช่วยเหลือให้สืบหาลูกของเธออีกแรง นัทธรบอกว่าเขาทำมาโดยตลอด อ้อยไปเรียนที่มหาวิทยาลัย เรียนดีพอสมควร ในโอกาสสำคัญนัทธรจะมาพบสาวๆ ทั้งสามคน แต่คราวนี้ มีเจ้าบุญญวงมาด้วย เจ้ามองเด็กทั้งสามด้วยความรักและสนใจอ้อยเป็นพิเศษ ถามอ้อยถึงพ่อแม่ แต่ก็ไม่ได้ความกระจ่าง บุญญวงบอกว่าเธอสนใจอ้อยมาก อยากรู้ว่ามาจากไหน นัทธรกลัวว่าบุญญวงจะดูถูกอ้อย จึงบอกว่าอ้อยมีพ่อแม่ เขารู้จักพ่อแม่ของอ้อย แต่ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว ตอนปิดเทอมทุกคนพากันไปซัมเมอร์ต่างประเทศ เลขาบอกว่าคุณพ่อให้อ้อยไปได้แต่อ้อยปฏิเสธ
เพราะฟุ่มเฟือยเกินฐานะและเกรงใจคุณพ่อ คุณพ่อให้ทางเลือกอีกทางคือ ให้ไปพักผ่อนที่บ้านบนเขา ที่นั่นมีบุญญวงรอต้อนรับ และมีป้าไพลินคอยดูแล อ้อยแปลกใจมากว่าที่คุณป้าไพลินบอกว่าเป็นแม่นมของอานัทธร ทำไมอานัทธร คุณบุญญวง คุณป้าไพลินจึงไปเกี่ยวข้องกับคุณพ่อของอ้อยได้ เขียนถามไปก็ไม่มีคำตอบกลับมา เขียนมากๆ ก็มีคำตอบดุมาว่า ถ้ารักคุณพ่อมั่นใจในตัวคุณพ่อก็ควรเชื่อคุณพ่อ วันดีคืนดีอานัทธรก็มาหาแม่นม คุณบุญญวง ให้บังเอิญว่าพี่ศรุตเกิดมีบ้านเพื่อนที่เขาข้างๆ จึงมาพบกันโดยบังเอิญ อานัทธรดูหงุดหงิด ถามอ้อยว่านัดศรุตมาหรือเปล่า ไหนว่าจะยังไม่มี
แฟน อ้อยเขียนจดหมายไปเล่าเรื่องพวกนี้ให้คุณพ่อฟัง และบอกว่าเธอนับถือพี่ศรุตเป็นพี่ชาย ก่อนเปิดเทอมภัคและศลิษากลับมาจากต่างประเทศแล้ว ทั้งหมดได้รับเชิญจากอานัทธรไปพักบ้านชายทะเลที่หัวหิน ที่นั่นอ้อยได้พบคุณพ่อของอานัทธรหรือคุณปู่ ท่านดูน่าสงสารและเศร้าโศก และได้ทราบว่าอานัทธรไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณปู่ และคุณบุญญวงคือภรรยาของคุณปู่ที่พลัดพรากจากกันเพิ่งมาพบกัน ทั้งสองดูรักใคร่อ้อยเป็นพิเศษ อ้อยเขียนจดหมายไปเล่าให้คุณพ่อฟังว่า เธอจะรับจ๊อบเป็นสไตล์ลิสท์ให้นางแบบของหนังสือชื่อดังแห่งหนึ่ง และเธอจะเก็บเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว คุณพ่อไม่ต้องส่งมา
แต่คุณพ่อก็ยังส่งมาตามปกติ อ้อยตั้งใจเก็บเงินซื้อเน็คไทราคาแพงเส้นหนึ่ง ฝากผ่านเลขาไปให้คุณพ่อในวันปีใหม่ อ้อยอ้อนวอนขอพบคุณพ่ออีกเพื่อจะได้กราบท่าน แต่คุณพ่อกลับตอบมาว่าเมื่อถึงเวลาจะได้พบกัน และผูกเน็คไทของอ้อยไปให้ดู ตลอดวลาที่เรียนอ้อยทำของใช้และเครื่องประดับด้วยฝีมือตัวเอง ส่งให้คุณพ่อเสมอ คุณพ่ออยากได้รูปของอ้อย อ้อยก็ส่งไปให้ การเรียนผ่านไปถึงปีสุดท้าย คุณพ่อให้อ้อยตั้งหน้าตั้งตาเรียน ส่วนคุณบุญญวงยังแวะมาเยี่ยมอ้อยเสมอ จนวันหนึ่งอ้อยจึงถามว่าทำไมคุณบุญยวงถึงชื่อแปลก เธอจึงบอกว่าเรื่องของเธอยาวมาก เธอไม่ใช่คนไทย แต่เป็นชนกลุ่มน้อย ที่มาอยู่ในศูนย์อพยพ และเธอกำลังตามหาลูกสาวของเธอที่ชื่อ ส่วยหย่ง ซึ่งแปลว่ากระต่ายทอง อ้อยเห็นใจและสงสารคุณบุญญวงมากและปลอบใจเธอ คุณบุญญวงยิ่งรู้สึกผูกพันถูกชะตากับอ้อยมากขึ้น หลังจากเรียนจบ อ้อยได้รับเกียรตินิยมดี ภัคได้ดีมาก ส่วนศลิษาไม่ได้เกียรตินิยม มีการเลี้ยงฉลอง อ้อยเขียนจดหมายอ้อนวอนให้คุณพ่อมางาน มาให้อ้อยกราบขอบพระคุณ คุณพ่อไม่มาแต่กลับเป็นคุณปู่ณัฐวุฒิ คุณบุญญวง อานัทธร พี่ศรุตมา อ้อยเสียใจและผิดหวังมาก คุณพ่อฝากของขวัญมาให้อ้อยเป็นรถเก๋งคันงาม อ้อยปฏิเสธไม่รับ ตอบกลับไปที่คุณพ่อว่าสิ่งที่เธอต้องการคือได้พบคุณพ่อไม่ใช่รถคันนี้
ศรุตขอเป็นคนรู้ใจของอ้อย อ้อยปฏิเสธ และมีปากเสียงกับภัคที่คิดว่าอ้อยไม่รักษาคำพูด ศลิษาต้องมาอธิบาย ศรุตเสียใจไปพักหนึ่ง ในที่สุดก็คิดได้และมาขอเป็นคนรู้ใจของภัค ส่วนศลิษาขอร้องให้อ้อยช่วยเป็นแม่สื่อให้อานัทธร อ้อยตกลงทั้งที่ในใจนึกพอใจอานัทธร อ้อยกลับไปเยี่ยมคุณแม่ปราณี กราบขอบพระคุณที่อบรมให้อ้อยเป็นเด็กดี คุณแม่บอกว่ามีของชิ้นหนึ่งที่ติดอยู่ตอนมาที่นี่จะคืนให้อ้อย แต่ตอนนี้หาไม่พบ หากพบแล้วจะโทรไปบอกให้มารับไป ทางฝ่ายบุญญวงได้พบกับชนเผ่าเดียวกันโดยบังเอิญคือ มะขิ่น นั่นเอง มาสมัครงานที่บ้านของณัฐวุฒิ ทั้งสองดีใจที่พบกัน มะขิ่นเจ้าเล่ห์มากอยากได้เงิน โกหกว่าลูกของบุญญวงถูกผู้หญิงชื่อสมใจมาหลอกไปจากหญิงคนหนึ่งในศูนย์ คาดว่าคงเอาไปเป็นขอทาน ณัฐวุฒิกับบุญญวงตกใจ รีบส่งคนตามรอยลูกตามที่มะขิ่นบอก ทางฝ่ายมะขิ่นยังโลภมากต่อ คิดจะหาเงินทางลัด จึงสืบหาเช่นกัน เพราะหวังจะเอาลูกของเจ้านางไปเรียกค่าไถ่ จึงแอบฟังความเคลื่อนไหวของการติดตามหาลูก อ้อยได้ทำงานเป็นดีไซเนอร์และอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งที่คุณพ่อมอบให้ คุณพ่อบอกว่าคงใกล้ถึงเวลาที่เราจะพบกันแล้ว อ้อยดีใจมาก อ้อยขอพบอานัทธร และนัดให้พบกับศลิษา พยายามทำให้สองคนได้ใกล้ชิดกัน
อ้อยเขียนเล่าให้คุณพ่อฟัง คุณพ่อเขียนดุกลับมาว่าไม่ให้ยุ่งเรื่องของคนอื่น และยังถามว่าอ้อยชอบใครหรือยัง ถ้าไว้ใจพ่อบอกให้พ่อรู้ อ้อยหลงกลบอกว่าชอบคุณอานัทธร แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะคุณอานัทธรเหมาะสมกับศลิษา และอ้อยคือเด็กกำพร้า ในที่สุดณัฐวุฒิกับบุญญวงก็ตามสมใจตามเจอสมร โดยมีมะขิ่นรู้เห็นเรื่องราวตลอด และทั้งหมดกำลังตามหาดูว่า อ้อยจะไปที่ไหนหลังจากหนีสายสมรแล้ว ในที่สุดก็สืบได้ว่าอ้อยมาที่ตลาดแห่งหนึ่ง ขณะนั้นเองทางด้านนัทธรก็ปฏิเสธนิ่มๆ ไปกับศลิษาว่าเขาเอ็นดูเธอเหมือนหลาน ศลิษาเสียใจมากมาบอกอ้อย อ้อยเห็นใจเพื่อน ขณะเดียวกันก็ได้รับจดหมายจากคุณพ่อว่าพร้อมแล้วที่จะให้อ้อยไปพบในงานเลี้ยงครบรอบปีของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งอ้อยแปลกใจ เพราะคือบริษัทของนัทธรเอง คุณพ่อให้อ้อยไปพบคนที่ใส่เน็คไทของอ้อย ในที่สุดคุณแม่ปราณีก็หาสร้อยของอ้อยพบและโทรหาอ้อย อ้อยกำลังอยู่ในงานแต่งตัวสวยมองหาคุณพ่อ นัทธรเองใช้เน็คไทของอ้อยกำลังเดินตรงมาหาอ้อยที่มองหาอยู่ ที่สถานเด็กกำพร้าปราณีกำลังยกขึ้นมาดู อ่านเห็นชื่อบุญญวงพลิกอีกด้านเห็นชื่อ ส่วยหย่ง ปราณีดีใจรีบโทรหาอ้อย อ้อยรับแต่บอกว่าอยู่ในงานเลี้ยงพรุ่งนี้จะไปรับของ แต่แล้วอ้อยก็กลับได้ยินเสียงคุณแม่ร้องว๊ายแล้วเงียบเสียงไป
พวกสมใจและมะขิ่นนั่นเองมาจับตัวปราณีไป ตอนกำลังถูกกระชากตัว ปราณียัดสร้อยใส่ไว้ใต้หมอน อ้อยเลิกตามหาคุณพ่อรีบตรงไปที่บ้านเด็กกำพร้า ไม่พบใครพบแต่ป้าเมตตา อ้อยเล่าให้ฟัง ป้าเมตตาตกใจ อ้อยมองไปเห็นสร้อย ที่แล่บออกมาจากใต้หมอน หยิบออกมาไม่ได้อ่าน แต่คิดว่าต้องเป็นของที่คุณแม่บอกว่าหาให้แน่ๆ อ้อยหยิบสร้อยเส้นนั้นออกมา นัทธรผิดหวังที่อ้อยไม่ไปหาตามนัด อ้อยเขียนโน้ตฝากเลขาขอโทษ เพราะเกิดเรื่อง ทุกคนจึงรู้ว่าคุณแม่ปรารีถูกจับไป บุญญวงส่งรถไปรับอ้อยมาที่บ้าน อ้อยส่งให้ทุกคนดูว่านี่คือสร้อยที่ติดคอเธอมา ตอนที่เธอมาที่บ้านคุณแม่ปราณี แต่คุณแม่ก็เก็บเอาไว้ บุญญวงถึงกับช็อค บุญญวงให้อ้อยอ่านชื่อบนแผ่นป้ายนั่น อ้อยมองมาที่บุญญวง บุญญวงมองอ้อย ทั้งสองถลาเข้ากอดกัน นัทธรเข้ามาเห็นภาพยืนนิ่งมองดู อ้อยก้มลงกราบแทบเท้าของบุญญวง บุญญวงประคองอ้อยขึ้นมา และบอกว่าณัฐวุฒิคือพ่อของอ้อย อ้อยตะลึง ณัฐวุฒิกางแขนสามคนกอดกัน จากนั้นอ้อยก้มลงกราบที่เท้า นัทธรยืนมองแล้วหันผละออกไป ณัฐวุฒิเห็นจึงเรียกให้มารู้จักกัน อ้อยมองไปนัทธรมองตอบกลับมา สายตาของอ้อยจ้องไปที่เน็คไทของนัทธร อ้อยตะลึง อ้อยถลาไปหานัทธรโดยไม่ตั้งใจ ไม่เชื่อว่าคุณพ่อที่อุปการะเธอจะหนุ่ม ไม่ใช่คนมีอายุ
นัทธรยืนนิ่ง ทั้งสองมองกันแปลกใจ ณัฐวุฒิบอกอ้อยว่านัทธรเป็นลูกชายบุญธรรมของเขา นัทธรขัดเขินไม่กล้ากอดดังที่เคยเขียนจดหมายบอกไว้ แต่อ้อยกลับก้มลงกราบนัทธร และบอกพ่อแม่ว่านี่คือคุณพ่อที่อุปการะส่งเสียเธอจนเรียนจบ บุญญวงกับณัฐวุฒิตื่นเต้นดีใจและขอบใจนัทธร ต่อมาพวกมะขิ่นหาทางจับตัวอ้อย โดยใช้คุณแม่ปราณีมาขู่ว่าจะฆ่าให้ตาย อ้อยจึงต้องไปพบพวกมะขิ่น พวกนั้นจับตัวอ้อยเรียกค่าไถ่ยี่สิบล้าน นัทธรใช้อุบายเอาเงินไปล่อ และช่วยอ้อยกับคุณแม่ปราณีออกมาได้ ส่วนพวกมะขิ่นกับสมใจหนีไป แต่ในที่สุดก็ถูกตามจับได้ มีงานฉลองการพบกันและประกาศว่าอ้อยคือลูกสาวของณัฐวุฒิและเจ้าบุญญวง ภัค ศรุต ศลิษายินดีด้วยกับอ้อย และกระซิบบอกว่าอานัทธรเหมาะกับอ้อยที่สุดไม่ใช่เธอ จากนั้นมีการเต้นรำเปิดฟลอร์ด้วยคู่ของอ้อยกับนัทธร ตามด้วยคู่ของณัฐวุฒิและบุญญวง ภัคและศรุต มีชายหนุ่มหล่อมากมาโค้งศลิษา เห็นเป็นภาพเต้นรำสวยงาม
*********************************************************
ใครอยากอ่านเรื่องอะไรก็บอกได้น๊ะค่ะจะหามาให้ตอนแรกอยากลงเรื่องบ้านทรายทองแต่หายากมากค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ