เจ้าชายขบถ...รักษ์
3) บทที่ 3 ภารกิจสุดท้ายของมือสังหาร (ภาคจบ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 3
ภารกิจสุดท้ายของมือสังหาร (ภาคจบ)
องค์สิงหราช คืออีกหนึ่งพระนามของเจ้าชายกิติศักดิ์ ความหมายแห่งพระนามเป็นที่รู้จักกันและต่างรับรู้กันมากมายในสมาคมพรรคพวกกลุ่มสายลับและกลุ่มต่อต้านการก่อการร้ายที่พยายามกบฏล้มล้างราชบัลลังก์... สายลับต่างรับรู้องค์สิงหราชคือพญาราชสีห์...ผู้คอยบังคับควบคุมกงจักรวงล้อของฟันเฟืองแห่งประเทศมหภาคเดือนตะวัน ให้ยังคงอยู่รอดปลอดภัยต่อไปได้ เจ้าชายกิติศักดิ์จะคอยเป็นดังเช่นจ่าฝูง หัวหน้า เจ้านายของเหล่าพรรคพวกสายลับให้คอยปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ในภารกิจล่าสุดอันเป็นภารกิจซื้อขายอาวุธอย่างผิดกฎหมาย ทุกสิ่งทุกอย่างในคำสั่งขององค์สิงหราชกับผิดพลาดผิดเพี้ยนจากแผนการที่วางเอาไว้อย่างไม่สามารถให้อภัยกันได้เลย
ดังเช่นกำลังจะเกิดขึ้นกับองค์สิงหราชในเพลาขณะนี้ พญาราชสีห์อย่างเช่นเจ้าชายกิติศักดิ์หรือองค์สิงหราชกำลังจะถูกสังหารโดยฝีมือของกลุ่มก่อการกบฏ...แม้เจ้าชายจะทรงมองไม่เห็นใบหน้าของมือสังหารหรือมัจจุราชแต่องค์สิงหราชก็พอที่จะคาดเดาสัมผัสได้จากพระสติการรับรู้อันบางเบาดังขนนก มือสังหารที่กำลังจะเข่นฆ่าพระองค์เป็นอิสตรีองค์สิงหราชสัมผัสได้จากน้ำเสียงที่ทรงได้รับฟังในพระสติที่เป็นเหมือนดังสายลมแห่งความตายที่พัดอยู่รอบๆพระวรกาย..พระองค์ทรงหนีจากเสือร้ายมาปะกับจอระเข้ผู้กระหายเลือดโดยแท้ ทรงหลบหนีรอดจากการไล่ล่าของสายลับฝ่ายพม่า แต่ต้องมาเจอะเจอกับมือสังหารของกลุ่มก่อการกบฏและกำลังจะถูกสังหารชีวิตอย่างไม่มีทางสามารถหลีกเลี่ยงได้... มือสังหารคือกลุ่มคนที่ครั้งหนึ่งต่างก็เคยเป็นดังเช่นเลือดและเนื้อ แขนและขา ของประเทศมหภาคเดือดตะวันมาก่อน มันช่างน่าเศร้าดวงหทัยยิ่งนักที่พระองค์จะต้องมาตายในมือของประชาชนที่เป็นดังหยาดหยดเลือดสีเดียวกัน...
“ยิงผมเลย ไอ้คนชั่ว ไอ้ขบถ ขายชาติขายแผ่นดิน ยิงผมให้ตายไปตรงนี้เลย”
ลำกล้องของอาวุธปืนสั้นจดจ่ออยู่ระหว่างดวงเนตรทั้งสองขององค์สิงหราชมันเป็นลำกล้องปืนสั้นสีดำขนาดใหญ่หากทรงจ้องมองในขณะที่ชีวิตกำลังจะจบสิ้นลง ความเสียหทัยขององค์สิงหราชในขณะนี้คือไม่สามารถที่จะทำประโยชน์อะไรให้แก่ประเทศชาติบ้านเมืองได้อีกต่อไปและยังทรงแก้ไขปัญหาต่างๆให้กับประชาชนคนในชาติให้มีความสุขอยู่ดีกินดีอีกต่อยังไม่ได้อีกเช่นกัน แม้องค์สิงหราชจะทรงพยายามเสียสละเลือดเนื้อตลอดมา ความดีและการเสียสละที่ทรงสะสมมาตลอดชีวิตของพระองค์มันไม่สามารถช่วยเหลืออะไรให้แก่องค์สิงหราชเช่นพระองค์ได้เลย เมื่อชีวิตพญาราชสีห์อย่างเช่นพระองค์กำลังจะจบสิ้นลง...
ประเทศชาติอันเป็นที่รักและห่วงใยของพระองค์ก็กำลังจะจบสิ้นลงด้วยเช่นกัน องค์สิงหราชรู้สึกเสียพระหทัยยิ่งนัก พระองค์ได้ปิดพระดวงเนตรที่หนักเพราะความเจ็บปวดและอ่อนล้าลงจนสนิท หลังจากได้พยายามต่อสู่ดิ้นรนหลบหนีมาจนถึงวินาทีสุดท้ายแล้ว องค์สิงหราชกำลังนอนรอคอยความตายที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า... แล้วไม่นานเสียงเรียกของมัจจุราชที่ทรงนอนรอคอยอยู่ก็ดังขึ้นในทันทีที่พระองค์ทรงปิดพระดวงเนตรอันอ่อนล้าลงจนสนิทแล้ว...
“ปัง...”
“เสือดำฉันจัดการฆ่ามันเรียบร้อยแล้ว กำลังรีบออกไป”
“ดีมากกระต่ายน้อย...”
เสียงที่องค์สิงหราชกำลังรับรู้อยู่คือน้ำเสียงของมือสังหารที่ได้สับไกปืนเอาลูกกระสุนปืนเข้าสู่ร่างกายของพระองค์แล้วใช่หรือไม่นะ... ทำไมเพลานี้ดวงจิตและวิญญาณของพระองค์ถึงยังคงไม่แตกดับสาปสูญไป ทำไมพระองค์ยังคงมีความรู้สึกของกายหยาบอยู่เช่นเดิม พระองค์ทรงผูกผันห่วงใยชาติบ้านเมืองอยู่ใช่หรือไม่นะ...ถึงได้มีดวงจิตดวงพระวิญญาณที่ไม่พ่ายแพ้ไม่ยินยอมเดินทางจากลาสังขารแห่งกายหยาบเช่นมนุษย์ไปอยู่ยังภพภูมิแห่งโลกของวิญญาณคนที่ได้ตายไปแล้ว ความห่วงใยชาติบ้านเมืองและประชาชนคนในชาติทำให้วิญญาณของพระองค์ไม่สามารถเดินทางไปยังที่แห่งใดได้อย่างนั้นหรือ... ดวงจิตและดวงพระวิญญาณถึงยังคงยึดติดอยู่ยังสถานที่ที่ซึ่งพระองค์ได้ทรงถูกสังหาร เข่นฆ่าให้ตายไปแล้วเช่นนี้
พระองค์กำลังจะเป็นดวงพระวิญญาณหรือผีเร่รอนใช่หรือไม่นะ... จะเป็นเช่นใดหรืออย่างไรก็ช่างมันแล้วในเพลานี้ จะเป็นดังเช่นดวงพระวิญญาณหรือผีเร่รอน พระองค์ก็จะทรงยินดีรับมันไว้ ขอแต่เพียงให้พระองค์ยังคงทรงความสามารถอยู่รับใช้ผู้คนและประชาชนคนในชาติบ้านเมืองของพระองค์ได้ พระองค์ก็จะทรงยินดีเป็นดังเช่นดวงพระวิญญาณหรือผีเร่รอนตาบนานแสนนานหรือช่วงนิจนิรันตร์...ขณะนี้ดวงพระวิญญาณของพระองค์กำลังถูกลากจูงไปยังที่แห่งหนใดกันแน่นะ... ทำไมดวงพระวิญญาณของพระองค์ถึงได้ไม่ล่องลอยเบาบางอย่างเช่นเวลานกน้อยโบยบินสนุกนานบนท้องฟ้าผ่านกระแสลมเย็นๆและปุยเมฆนุ่มๆอย่างเช่นในหนังในละครกันนะ....
มิหนำซ้ำขณะนี้ เพลานี้ ดวงพระวิญญาณของพระองค์กำลังถูกตามไล่ล่า ตามยิง ตามเข่นฆ่า มาติดๆ มาประชิด เป็นระยะๆ จากพวกกบฏ และมือสังหาร เหมือนดังเช่นขณะที่พระองค์ยังทรงมีชีวิตมีพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ต่างก็เคยโดนพวกมันตามไล่ล่า ตามเข่นฆ่ามาแล้ว ในยามนี้ขณะนี้พระองค์ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและกำลังจะต่อสู่ต่อไปได้อีกแล้วทำไมพวกมันถึงยังไม่ละเว้นพระองค์อีกยังคงตามไล่ล่า ตามเข่นฆ่าพระองค์อยู่เหมือนเดิม พวกมันช่างโหดร้ายโหดเหี้ยม และชั่วร้าย มากมายจริงๆ ขนาดพระองค์ทรงสิ้นลมหายใจไม่มีอะไรในชีวิตเหลืออยู่อีกแล้ว พระองค์เป็นได้แค่ดวงวิญญาณหรือผีเร่รอน พวกกบฏมันก็ยังคงคิดจะตามไล่ล่าตามเข่นฆ่าสังหารดวงพระวิญญาณของพระองค์อีกหรือนี้ มันน่าเจ็บดวงหทัยยิ่งนัก...
“ปัง ปัง....ๆๆๆ”
“แกไอ้หน้าโง่ ถูกนังสารเลวสายลับขบถนั้นหลอกเอาจนได้ ข้อมูลกว่าจะได้มามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะความหน้าโง่ของแกแท้ๆ ถึงได้เสียมันไป ตามฆ่านังสารเลวนั้นให้จงได้”
“ครับ เสือดำ เราต้องตามหาตัวนังสาวเลวและฆ่านังสารเลวนั้นให้จงได้ครับ ไม่อย่างนั้นมันต้องเอาเรื่องของเราที่คิดคดทรยศไปรายงานเจ้านายแน่ๆ เลย”
“รู้แล้วก็รีบไปตามหามันให้พบ ไม่อย่างนั้นเสือดำ เสือขาว ได้กลายเป็นศพไร้ญาติก่อนที่จะได้ร่ำรวยเงินทองแน่ๆ ...คิดวางแผนการชั่วร้ายมาตั้งนาน แต่แกกับเสียรู้นังสารเลวนั้นง่ายๆ”
“ผมขอโทษครับเสือดำ นังสารเลวนั้นมันบอกว่ามันถูกยิง ผมก็คิดว่าไอ้สายลับคนไทยเป็นคนยิงมัน จึงคิดจะกลับไปฆ่าไอ้สายลับนั้นให้ตายๆ ไป... ข้อมูลที่เราได้มาจะได้ยังคงเป็นความลับอยู่ต่อไป ที่ไหนได้นังสารเลวกระต่ายน้อยกับรู้เท่าทันเรา นังสารเลวนั้นมันล้อบตีหัวผมจนสลบไปแล้วขโมยข้อมูลจากผมแล้วหนีไป สงสัยมันคงคิดว่าผมตายแล้วแน่ๆเลยครับเสือดำ ถึงไม่คิดจะยิงผมซ้ำแต่กับรีบพากันหลบหนีไปแทน... คิดแล้วมันน่าเจ็บใจจริงๆ มันหนีไปได้อย่างง่ายๆ เลย แถมนังสารเลวนั้นไม่ได้หนีไปเปล่าๆ ปลี้ๆ มันเอาไอ้สายลับใกล้ตายพร้อมข้อมูลที่เราได้มาอย่างยากลำบากหนีไปด้วย... แต่ฝีมือระดับเราเสือดำและเสือขาว หากจะตามหาไล่ล่ากระต่ายน้อยและหมาน้อยสายลับบาดเจ็บโดนยิงใกล้จะตายไม่ใช่เรื่องยากจริงมั้ยครับ พี่เสือดำ”
“แกไม่ต้องมาพูดเยินยอข้าให้ยากเลย...ไอ้เสือขาว ยังไงแกมันก็หน้าโง่จริงๆ ปล่อยให้อยู่คนเดียวแค่ระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างที่ข้ากำลังคุยธุรกิจซื้อขายข้อมูล แต่ไอ้หน้าโง่อย่างแก่กับทำข้อมูลของข้าหายได้อย่างง่ายๆ...ในช่วงที่ข้ากำลังคุยธุรกิจเงินล้านอย่างเข้าด้ายเข้าเข็มมันน่าฆ่าแกทิ้งจริงๆไอ้เสือขาว... แล้วนี้พวกเราจะตามหาตัวไล่ล่าตัวนังสารเลวนั้นเจอมั้ยก็ยังไม่รู้เลย... แล้วจะเอาข้อมูลจากไหนไปส่งมอบให้พวกสายลับพม่าพวกนั้น... และหากพวกสายลับที่เรากำลังจะส่งมอบข้อมูลให้เกิดรับรู้ว่าพวกเราไม่มีข้อมูลจะส่งมอบให้พวกมัน พวกสายลับบ้าเลือดพวกนั้นต้องตามไล่ล่าเข่นฆ่าพวกเราตายแดดิ้นแน่ๆ หรือหากพวกมันคิดว่าพวกเรากำลังหลอกลวงล้อเล่นกับพวกมันอยู่พวกเราก็คงต้องถูกตามไล่ล่าเข่นฆ่าทิ้งอย่างแน่นอนเช่นกัน”
“ผมก็กลัวเหมือนกันครับ พี่เสือดำ เราเลิกตามหาข้อมูลแล้วหลบหนีเอาตัวรอดกันก่อนดีมั้ยครับ แล้วบอกความจริงกับพวกสายลับฝ่ายพม่านั้น อย่างน้อยก็ให้พวกมันตามไล่ล่าหาข้อมูลกันเอาเอง และพวกเราก็ไม่ต้องคอยถูกตามไล่ล่าเข่นฆ่าทิ้งด้วย และบางทีพวกเรายังสามารถตามไล่ล่าหาข้อมูลได้อย่างเงียบๆ อย่างลับๆ หรืออย่างเป็นความลับได้อีกด้วยนะครับ พี่เสือดำ”
“แก่พูดมาก็มีเหตุผล ไอ้เสือขาว...ตอนนี้เราไม่ควรก่อศัตรูเพิ่มอย่างแกว่าจริงๆ แต่เราควรที่สร้างมิตรภาพกับศัตรูเพิ่มมากๆขึ้น มากกว่า จริงของแกไอ้เสือขาว”
“จริงครับพี่เสือดำ เราควรสร้างมิตรภาพอย่างน้องชายกับพี่ชายที่รักใคร่ห่วงใยกัน ต่างช่วยเหลือกันทำมาหากินเหมือนที่พวกชาวนาเขาเรียกกันว่าการลงแขกเกี่ยวข้าวอย่างไรล่ะครับ... ดีกว่าต้องมาวิ่งไล่ล่าฆ่าฟันกันเอง”
“อย่างนั้นฉันขอคุยโทรศัพท์กับไอ้พวกสายลับฝ่ายพม่าที่เป็นเหมือนดังพี่ชายที่รักใคร่ห่วงใยกันสักครู่นะไอ้เสือขาว...”
“รีบคุยเลยครับ พี่เสือดำ”
“ปี๊บๆๆๆๆ”
เสียงเปิดโทรศัพท์และกดหมายเลขโทรออกดังขึ้น น้ำเสียงการพูดคุยระหว่างเสือดำและสายลับปริศนาที่เป็นดังพี่ชายของสองเสือก็ดังขึ้นและจบลงในเวลาอันรวดเร็ว ภาวิตไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าทั้งสองเสือกำลังพูดคุยวางแผนสิ่งใดกันกับสายลับปริศนาพวกนั้น แต่เธอรับรู้ว่ากำลังจะถูกตามไล่ล่าเอาชีวิตจากสายลับปริศนาเช่นเดียวกันกับที่เธอเคยไล่ล่าตามเข่นฆ่าเอาชีวิตสายลับชาวไทยเชื้อสายอเมริกัน...ตลอดเวลาห้าวันห้าคืนโดยไม่ได้หยุดพักผ่อนมาก่อน...
ภาวิตเดินหิ้วปีกของสายลับชาวไทยเชื้อสายอเมริกันเพื่อหลบหนีเอาชีวิตรอดจากการสังหารของสองเสือ อีกไม่นานก็จะถูกสายลับปริศนามาช่วยเหลือสองเสือตามไล่ล่าเธอและสายลับชาวไทยด้วยเช่นกัน แต่ก่อนเวลาแห่งการไล่ล่าเข่นฆ่าจะมาถึงเธอต้องช่วยเหลือให้สายลับชาวไทยได้มีลมหายใจและชีวิตรอดอยู่ต่อไปให้ได้เสียก่อน จุดหมายปลายทางของเธอก็คือโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ใกล้ที่สุดสถานที่ซึ่งเธอสามารถห้ามเลือดและผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกร่างกายของสายลับชาวไทยก่อนที่เลือดจะไหลหมดตัว ....จนสุดท้ายจากการลากจูงกันมาแสนยาวนานเธอก็สามารถค้นพบจุดหมายปลายทางที่ได้ตั้งใจไว้มันคือคลินิกเล็กๆ ที่เธอสามารถใช้ฝีมือของนักจารกรรมข้อมูลที่มีประสบการณ์ผ่านเข้าไปในคลินิกได้อย่างง่ายๆไม่ยากเย็นอะไรเลย เธอลากจูงหิ้วปีกสายลับชาวไทยไปที่เตียงผ่าตัด แล้วทำการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกพร้อมใส่ยาและพันบาดแผลใว้อย่างดีแล้ว รอจนกระทั้งสายลับชาวไทยฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง...
หนุ่มสายลับชาวไทยจดจ้องมองเธอผ่านหน้ากากที่ปกปิดมิดชิดด้านหลังหน้ากากสีดำที่ปิดบังใบหน้าของเธอไว้แต่ยังคงหลงเหลือดวงตาสีดำดังนิลที่สามารถมองเห็นได้ในแสงสว่างของห้องพยาบาล สายตาแวววาวของหนุ่มไทยที่จดจ้องมองเธออย่างสงสัยใครู่รู้อย่างอยากรู้อยากเห็น...ไม่นานเธอก็ได้ฟังน้ำเสียงอันเป็นครั้งที่สองที่มีดีกว่าน้ำเสียงในครั้งแรก น้ำเสียงในครั้งนี้มันมีอำนาจและไม่สั่นไหวอย่างเช่นน้ำเสียงที่เปล่งในครั้งแรกในครั้งแรกมันเป็นน้ำเสียงของความสิ้นหวังและหมดกำลังใจก่อนจะถูกเข่นฆ่าให้ตายจากมือสังหารเช่นเธอ...แต่ในครั้งนี้เธอไม่คิดจะตอบโต้น้ำเสียงทรงอำนาจหรือการสนทนาของสายลับชาวไทยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังวังชาพร้อมความสามารถในการต่อสู่กับคืนมาอีกครั้งเป็นแน่…น้ำใจ ความเมตตาปราณีที่เธอมอบให้แก่สายลับหนุ่มชาวไทยเธอต้องรีบให้มันจบสิ้นลงโดยเร็ว ต่างคนก็ต่างจะได้รีบแยกย้ายจากล่ากันไปตามเส้นทางที่ไม่สามารถเดินบนเส้นขนาดเส้นเดียวกันได้
หนุ่มสายลับชายไทยคือเจ้าหน้าที่สายลับของรัฐบาลส่วนเธอก็แค่กบฏผู้ชั่วร้าย...น้ำใจที่มอบให้ชายหนุ่มเบื้องหน้าเธอ ภาวิตไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร...หรืออาจจะเกิดขึ้นเพราะดวงตาของบิดาเธอที่สถิตอยู่ในดวงตาและแววตาของสายลับชาวไทยเบื้องหน้าของเธอก็ได้ มันช่างเหมือนกันดังร่างเงาที่ทับซ้อนกันจนแยกไม่ออกของบุรุษสองคนที่่ต่างกรรมต่างวาระกันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย แต่มีสิ่งที่เหมือนกันเหมือนเกิดมาเป็นคนเดียวกันก็คือ ความกล้าหาญ และหัวใจที่ไม่มีวันยอมพ่ายแพ้ต่อความตาย มันอยู่ในร่างกายของผู้ชายสายลับเบื้องหน้าของเธอ สายตาที่จดจ้องจับจ้องมองเธอของชายหนุ่มสายลับ ภาวิตไม่ต้องการจะสบสายตาด้วย เธอจึงหันวงหน้าหนีสายตาแวววาวบีบบังคับความรู้สึกนั้นอย่างไม่ต้องการจะเหลียวแลให้ความสนใจเลยแม้เพียงสักนิดเดียว ถึงแม้เธอจะเคยมีน้ำใจให้ในครั้งแรกอย่างมากมายก็ตาม...
“ข้าอยู่ที่ไหน เจ้าเป็นคนทำแผลให้แก่ข้าใช่มั้ย”
องค์สิงหราช จ้องมองร่างกายของตัวเองถูกพันด้วยผ้าสีขาวไว้อย่างแน่นหนาและที่วางอยู่ข้างๆใกล้ๆพระองค์ก็คือถาดใส่หัวกระสุนสองนัด การหลบหนีจากการไล่ล่าของสายลับฝ่ายพม่าขององค์สิงหราช ไม่ได้ทรงได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลหรือเจ็บปวดองค์เองเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พระองค์กับถูกยิงกระสุนปืนเข้าใส่โดยกบฏอันเป็นประชาชนคนในชาติเดียวกัน...แม้ในยามนี้พระองค์ก็ยังทรงไม่สามารถมองเห็นใบหน้ากบฏผู้ชั่วร้ายที่ยิงกระสุนเข้าใส่พระองค์ได้เลยแม้แต่เพียงนิดเดียว...พระองค์ทรงมองเห็นแต่ดวงตาอันลึกลับสีดำดังนิลแข็งกระด่างภายใต้หน้ากากสีดำที่สวมใส่ไว้เพื่อปิดบังใบหน้าอันอัปลักษณ์น่าเกลียดเท่านั้น... แม้องค์สิงหราชจะทรงเคยได้ยินมาว่า...ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ...แต่ดวงตาของมือสังหารเบื้องพระพักตร์พระองค์มิใช่ดวงตาที่สามารถเปิดเข้าไปดูแล้วจะทรงมองเห็นได้ซึ่งหน้าต่างหัวใจ ดวงตามือสังหารเบื้องหน้ามันดูซับซ้อน ลึกล้ำ เหมือนดังขุมนรกที่ไม่มีที่สิ้นสุดมันมีแต่ความเจ็บปวด ว้าเหว่ ขมขื่น ทุกข์ตรม เป็นเสมือนดังดวงตาของมนุษย์ที่ได้สิ้นลมหายใจตายไปแล้วอย่างแน่นอน...
องค์สิงหราชไม่เคยคิดเลยว่าจะยังทรงสามารถมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงวินาทีนี้ โดยเฉพาะจากมือสังหารเลือดเย็นที่มีสายตาแวววาวเหมือนขุมนรกที่แสนน่ากลัวดังคนที่ตายไปแล้วเช่นนี้ แต่มันก็เป็นไปแล้วมือสังหารที่มีแววตาไร้ซึ่งชีวิตละเว้นชีวิตให้แก่พระองค์จริงๆ..แล้วที่ทำให้แปลกดวงหทัยก็คือมือสังหารยังได้ทำการรักษาพยาบาลบาดแผลให้แก่พระองค์ด้วย
มือสังหารที่ยังมีหัวใจของมนุษย์หลงเหลืออยู่ มันไม่สามารถเป็นไปใด้ หรือมีอยู่จริงๆอย่างแน่นอน ในความคิดขององค์สิงหราช พระองค์จะต้องขอตรวจสอบให้รู้จริงและอย่างแน่ชัดให้จงได้ มือสังหารเบื้องพระพักตร์เป็นคนเช่นไรกันแน่เป็นปีศาจ หรือเทพีเทวดาผู้แสนดี แม้คำถามแรกของพระองค์จะไม่ได้รับการโต้ตอบหรือเหลียวแลมาแล้วก็ตาม...แต่พระองค์ก็จะไม่ยอมพ่ายแพ้จะตรวจสอบและสอบถามต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้รับรู้คำตอบหรือความจริง มือสังหารไม่มีวันมีจิตใจเมตตาปราณีอย่างแน่นอน...
“ข้าถามเจ้าได้ยินมั้ย เราอยู่ที่ไหน และเจ้าต้องการอะไรจากเรา เจ้าต้องการข้อมูลจากเราใช่มั้ย ถ้าเป็นเรื่องข้อมูลข้าต้องกล่าวอย่างเสียใจกับเจ้าด้วย พวกผ้องกบฏของเจ้าได้ขโมยจากข้าไปแล้ว เจ้าคงรับรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่...ขบถ”
“หึ หึ...เจ้าไม่คิดพูดจาตอบโต้เรา แสดงว่าเจ้ารับรู้อยู่แล้วใช่มั้ย อย่างที่รู้ๆกัน ต่างไม่มีสัจจะในหมู่โจร เจ้ามันเป็นโจรขบถต่อชาติบ้านเมือง เจ้าก็ต้องถูกพวกพ้องพวกเดียวกันขบถต่อเจ้าด้วยเช่นกัน เจ้าจงทำใจเถอะ...ขบถ”
“เจ้าไม่คิดจะพูดจาตอบโต้ข้าจริงๆ ใช่มั้ย...ขบถ”
“จริงสินะ เจ้าจะพูดอะไรได้ก็เจ้ามันเป็นพวกก่อการกบฏล้มล้างชาติบ้านเมืองจริงๆ เจ้าทำให้ผู้คนในชาติต่างต้องเป็นทุกข์และเดือนร้อน เจ้าเกิดมาก็เพื่อขายชาติ ขายแผ่นดิน มันคือความจริงที่เจ้าไม่สามารถปฏิเสธได้เลยแม้แต่สักนิดเดียว จริงหรือไม่ ...แม้ขนาดหน้าตาของเจ้าเองยังไม่กล้าที่จะเปิดเผยให้ใครรับรู้ได้เลยเพราะเจ้ารู้ตัวเองดีใช่หรือไม่...จึงไม่สามารถสู่หน้าของใครได้แม้แต่กับข้าเองคนที่เจ้าได้ช่วยเหลือและละเว้นชีวิตไว้ให้ด้วยน้ำใจของมือสังหารเลือดเย็นเช่นเจ้า มือสังหารเช่นเจ้าก็คงไม่สามารถเชื่อใจและไว้วางใจใครได้แม้แต่ข้า จริงหรือไม่...ขบถ”
สุดท้ายมันก็ได้ผลคำพูดจาหยาบคายดูหมิ่นเหยียดหยามกล่าวร้ายขององค์สิงหราชที่มอบให้แก่มือสังหารอันมีแววตาแข็งกระด่างก็ได้รับการเหลียวแลให้ความสนใจจนได้ ใบหน้าที่ถูกปกปิดไว้ภายใต้หน้ากากหันวงหน้ามาเผชิญกับพระพักตร์ขององค์สิงหราชตรงๆ พร้อมกับถอดหน้ากากที่สวมใส่ไว้ออกอย่างช้าๆ จนองค์สิงหราชได้เห็นวงหน้าสีขาวมนดังดวงจันทร์วันเพ็ญอร่ามตา หญิงสาวตรงหน้าพระพักตร์ควรที่จะอยู่จัดช่อดอกไม้ในเวียงวังเสียมากกว่าที่จะมาถือปืนผาหน้าไม้ไล่ล่าเข่นฆ่าใครหรือแม้แต่กระทั้งกับตัวพระองค์เอง เธอสวยงามกว่าหญิงสาวนางใดที่พระองค์เคยได้พานพบรู้จักและเป็นมือสังหารที่สวยที่สุดเท่าที่เคยได้พานพบมา มันช่างขัดแย้งกับดวงตาสีดำดังนิลที่เป็นเช่นสีขาวและดำ ชีวิตความเป็นอยู่ของมือสังหารเป็นเช่นไรกันแน่ ในยามนี้องค์สิงหราชต้องการอยากจะรับรู้มันจริงๆและให้จงได้...
ใบหน้าสดสวยทรงเสน่ห์เหนือหญิงนางใดทั่วปฐพีมาพร้อมกับดวงตาที่เศร้าตรมเช่นขุมนรกมันคือขาวและดำ สว่างและความมืดมน ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์... ทำไมพระองค์จะต้องมาพานพบกับสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ด้วยดวงหทัยที่เคยมั่นคงในความถูกต้องเที่ยงธรรมของพระองค์กับต้องมารู้สึกหวั่นไหวต่อขบถขายชาติขายแผ่นดิน องค์สิงหราชเอามือหนาหยาบใหญ่บีบกดลงบนบาดแผลที่ได้รับการรักษาอย่างดี ที่เกิดจากกระสุนปืนเพื่อให้พระองค์ทรงสามารถรับรู้องค์เองได้จากความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นและกำลังเข้าครอบงำพระองค์อย่างช้าๆจากแววตาของขบถเบื้องพระพักตร์องค์สิงหราช ...น้ำเสียงและสิ่งที่หญิงงามแสนเศร้าเบื้องหน้าพระพักตร์กำลังจะเปล่งเป็นคำพูดออกมาองค์สิงหราชทรงตั้งดวงหทัยรับฟังด้วยหัวใจที่กำลังก่อเกิดการคิดคดขบถต่อความคิดภายในของพระองค์เอง...
“ท่านพูดถูก ข้าไม่ต้องการสู่หน้าผู้ชายรักชาติบ้านเมืองเช่นท่าน ชีวิตข้าเป็นเหมือนดังเวลากลางคืนอันมืดมิด ข้าเกิดและเติบโตมากับความมืดมิดของการต่อสู่และฆ่าฟัน ข้าทำผิดต่อชาติบ้านเมืองและมันจะยังคงเป็นเช่นนี้ ตลอดการดำรงอยู่ของชีวิตข้า มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลยนอกจากความตายของข้าเท่านั้น สักวันข้าอาจจะต้องจบชีวิตลงภายใต้ฝีมือหรือปืนในมือของท่านก็ได้ หากวันนั้นมาถึง ข้าขอร้องท่านเพียงอย่างเดียวได้โปรดเมตตาแก่ข้าให้ได้รับการสวดส่งวิญญาณอย่างเช่นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง และกลบฝังข้าอย่างให้เกียรติไม่ใช่อย่างเช่นหมู หมา แมว ท่านจะทำให้ข้าได้หรือไม่...อย่างน้อยก็เพื่อทดแทนบุญคุณที่ข้าละเว้นชีวิตให้แก่ท่าน...”
นี้หรือคือสิ่งที่องค์สิงหราชต้องการอยากจะได้รับฟัง เธอไม่คิดจะแก้ไข แก้ตัวหรือต่อสู่ในคำพูดเหยียดหยามของพระองค์ แต่กับต้องการแค่ให้พระองค์ช่วยฝังร่างกายอันไร้ดวงวิญญาณของเธอเมื่อจบสิ้นชีวิตไปแล้ว มันเป็นเรื่องบ้าชัดๆ ชีวิตของมือสังหารเป็นเช่นนี้จริงๆใช่หรือไม่...ตายอย่างหมูหมาแมวและไร้ซึ่งเกียรติแลศักดิ์ศรี
“ทำไม่คิดว่าตัวเองจะต้องตายด้วย ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลย...และทำไมต้องการให้ข้าทำศพให้เจ้าหลังจากเจ้าตายไปแล้วด้วย....ขบถ”
“แล้วทำไมท่านถึงคิดว่าข้าจะรอดพ้นจากการไล่ล่าในครั้งนี้ไปด้วยเล่า ชีวิตข้าขบถต่อชาติบ้านเมือง ขบถต่อพรรคพวกเพื่อนพ้อง ข้าถูกเลี้ยงดูมาอย่างมือสังหารเลือดเย็นเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย แต่ในครั้งนี้ข้าทำงานไม่สำเร็จ ล้มเหลวในการเข่นฆ่าท่าน แถมข้ายังพาท่านหลบหนีจากการไล่ล่าของมือสังหารมาด้วย แล้วยังดูแลรักษาท่านอีก...หากข้ารอดพ้นจากวันนี้ไปได้ข้าก็จะต้องถูกตามไล่ล่าจากสายลับเช่นท่านและพรรคพวกก่อการกบฏพวกเดียวกันอีกด้วย ข้าอาจจะหนีรอดในวันนี้ไปได้ แต่พรุ่งนี้ข้าไม่สามารถรับรู้อนาคตของตัวเองได้เลย มือสังหารเมื่อต้องตายก็ตายอย่างเช่นหมู หมา แมว ไร้ซึ่งเกียตริแลศักดิศรีท่านเองคงรับรู้อยู่แล้ว...ส่วนทำไมข้าถึงต้องการให้ท่านทำศพให้แก่ข้าเมื่อข้าได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว คำตอบก็ง่ายๆผู้ชายเช่นท่านคงไม่ต้องการติดหนีชีวิตขบถชั่วร้ายเลวทรามเช่นข้าเป็นแน่...ขบถที่ท่านได้ปรามาสแลพูดจาเหยียมหยามข้าไว้อย่างมากมายหรอกใช่หรือไม่...เมื่อวันนั้นมาถึงหนี้ชีวิตของข้าและท่านถือว่าเราหายกันท่านเห็นด้วยและตกลงหรือไม่”
องค์สิงหราชไม่กล้าที่จะเปล่งน้ำเสียงอันใดออกมาเลย ได้แต่ทรงคิดคำนึงถึงคำพูดของหญิงสาวแววตาแข็งกระด่างเบื้องหน้าพระพักตร์...นี้หรือคำพูดหญิงสาวที่งดงามดังแสงจันทร์วันเพ็ญอร่ามงามตา...นี้หรือคือคำพูดของหญิงสาวที่มีดวงตาสีดำดังนิลอันลึกล้ำยิ่งกว่าขุมนรก...นี้หรือคือคำพูดของขบถผู้ชั่วร้ายเลวทรามผู้ทำลายชาติบ้านเมืองและพระองค์เอง...นี้หรือคือคำพูดของมือสังหารผู้ที่พยายามเข่นฆ่าเอาชีวิตของพระองค์แลช่วยเหลือพระองค์ไว้...อะไรคือความหมายหรือความตั้งใจอันแท้จริงของหัวใจพระองค์และหญิงสาวเบื้องหน้าพระพักตร์ของพระองค์กันแน่ แล้วทำไมพระองค์ทรงต้องการให้หญิงสาวเบื้องหน้าพระพักตร์มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยต่อไปอย่างดีงามและสุขสบายด้วยและทำไมพระองค์ต้องการให้ขบถผู้ช่วยร้ายยืนอยู่เคียงข้างพระองค์อย่างหญิงสาวคนรักด้วย แล้วทำไมพระองค์ทรงต้องการปกป้องคุ้มครองหญิงสาวที่เป็นดัง มือสังหาร และขบถ เช่นนี้ด้วย มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในดวงหทัยขององค์สิงหราชปและพระองค์ไม่สามารถหาคำตอบได้...
หัวใจของพญาราชสีห์เช่นองค์สิงหราช...คงต้องจบสิ้นในวันนี้แน่ๆ...หัวใจที่คิดว่าจะต้องหยุดเต้นและตายจากโลกนี้ไปแล้ว... ดวงหทัยที่ควรหยุดเต้นหยุดทำงานในวันนี้จากกระสุนปืน... แต่ในขณะนี้เพลานี้ดวงหทัยกับเต้นอย่างรุนแรงดังติดลูกสูบแรงม้าสูง เมื่อทรงจ้องมองแววตาอันแสนเศร้าของมือสังหารหรือขบถเบื้องหน้าพระพักตร์ พระองค์จะสามารถยอมรับความรู้สึกผิดปรกติเช่นนี้ได้จริงๆหรือ... พระองค์เป็นเจ้าชายแห่งมหภาคเดือนตะวันผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจและความยิ่งใหญ่แต่กับต้องมาสูญเสียดวงหทัยให้แก่ขบถมือสังหารขายชาติขายแผ่นดินเช่นนี้ พระองค์ไม่มีวันยอมรับมันได้แน่ๆ... วันนี้พระองค์น่าจะถูกเข่นฆ่าให้ตายไปซะยังจะดีกว่า ที่จะต้องมารับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดของห้วงวินาทีแห่งความรักเช่นนี้... แล้วพระองค์จะตอบรับคำขอร้องขอขบตมือสังหารนัยน์ตาเศร้าตรมเบื้องพระพักตร์เช่นไรดี...
“ตกลงข้าจะทำพิธีศพให้ขบถขายชาติขายแผ่นดินเช่นเจ้าเป็นอย่างดี...แต่หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลือเจ้ามากกว่าทำพิธีศพให้ ข้าก็ยินดีจะช่วยเหลือเจ้า อย่างเช่นข้าสามารถให้ชีวิตใหม่กับเจ้าได้ เจ้าสามารถมีชีวิตอย่างคนปกติธรรมดาทั่วไปได้ ข้าขอรับประกันในคำพูดของข้า ...ขบถ”
“ไม่จำเป็นต้องทำอะไร มากไปกว่าสิ่งที่ข้าได้ขอร้องท่านไปแล้ว...ร่างกายท่านพอลุกเดินต่อไปไหวแล้วใช่มั้ย เราคงต้องรีบไปจากที่นี้ให้เร็วที่สุด ที่นี้มันไม่ปลอดภัยมากนัก หรือท่านต้องการจะโทรศัพท์ให้ใครมาช่วย โทรศัพท์ของข้าก็สามารถโทรออกได้ หากท่านต้องการ...”
องค์สิงหราชรับโทรศัพท์จากมือขบถเบื้องหน้าพระพักตร์แล้วทำการกดหมายเลขโทรออกในทันที ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย ทีมสายลับที่ร่วมทำภารกิจด้วยกันกับพระองค์ไม่สามารถติดต่อได้เลย หรือจะถูกเข่นฆ่าตายกันไปหมดสิ้นแล้ว ...คงไม่ใช่เหลือแต่พระองค์รอดพ้นมาเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นหรอกนะ... ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้องค์สิงหราชไม่สบายดวงพระหทัยมากยิ่งขึ้น...พระองค์ส่งโทรศัพท์คืนให้แก่ขบถเบื้องหน้าพระพักตร์อย่างเบามือแต่หนักซึ่งดวงพระหทัยอย่างบอกเล่าให้แก่ใครฟังไม่ได้ ว่าความรู้สึกขณะนี้เพลานี้ของพระองค์เป็นเช่นไร
“ข้าไม่สามารถติดต่อใครได้เลย มีทางเดียวข้าต้องไปให้ถึงสถานกงสุลอเมริกาให้ได้เท่านั้น...สถานที่เราอยู่กันตอนนี้กับสถานกงสุลอเมริกาเจ้าพอรู้มั้ย เราต้องเดินทางกันอีกไกลแค่ไหน”
“อีกไม่เกินสิบนาทีเท่านั้นเพราะมันอยู่ถนนฝั่งตรงข้ามเรานี้เอง”
“จริงหรือ...ขบถ”
“จริง...”
“เจ้าพาข้ามาได้ไกลขนาดนี้เลยหรือ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ อย่างนั้นเราก็ไปกันต่อเถอะ ...ขบถ”
ภาวิตไม่จำเป็นต้องหิ้วปีกสายลับชาวไทยเชื้อสายอเมริกาอีกต่อไปเธอสำรวจอาวุธปืนคู่กายให้พร้อมอีกครั้งมันยังคงมีกระสุนในแม็กกาซีน 15 นัดเช่นเดิม พร้อมที่จะต่อสู่กับศัตรูอีกครั้ง ส่วนสายลับชาวไทยไม่มีทั้งอาวุธปืนำไม่มีโทรศัพท์ แม้แต่ข้อมูลที่ลักลอบนำออกมาก็ไม่มีอีกแล้ว ทุกสิ่งไม่มีหลงเหลืออยู่อีกต่อไป อาวุธอย่างเดียวที่มีก็คือปืนสั้นในมือของภาวิตเท่านั้น ภาวิตสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าอีกครั้ง พร้อมเดินนำหน้าชายหนุ่มผู้บาดเจ็บออกจากคลินิกอย่างช้าๆ และระมัดระวังตัว
จนสุดท้ายสิ่งที่ได้คาดการไว้ก็เกิดขึ้น...เสียงปืนนัดแรกดังขึ้น...มันคือเสียงปืนของสายลับปริศนาฝ่ายตรงข้ามที่ติดตามเอาข้อมูลจากเธอคืน...เธอหลบและเตรียมพร้อมต่อสู่อีกครั้งเธอสับไกปืนนัดที่สองออกไปทันที ในช่วงวินาทีแห่งความเป็นและความตาย เสียงปืนจึงดังติดต่อกันขึ้นหลายครั้ง เสียงปืนจากขบถเช่นภาวิตและจากสายลับปริศนาฝ่ายตรงข้าม
“ปัง....ๆๆๆๆๆ”
“ปัง”
“ปัง”
นัดแรกและนัดที่สองต่างถูกเป้าหมายถึงแก่ชีวิตสิ้นใจตายแด่ดิ้น และเสียงปืนนัด ที่สี ห้า หก ก็ดังจากปืนเธออย่างต่อเนื่องกันอีกครั้งแต่ไม่สามารถเอาชีวิตศัตรูได้เพิ่มขึ้น...
“เจ้ายิงปืนได้เม่นยำมาก...ขบถ เม่นเหมือนดังเช่นเจ้าจับวาง ข้าไม่แปลกใจเลยทำไมข้าถึงโดนเจ้ายิงเอาได้ ตอนนี้ข้าพอเข้าใจแล้ว เจ้าเกิดมาเป็นมัจจุราชโดยแท้”
“ท่านหุบปาก และเงียบเสียงไว้ วิ่งตามข้ามาให้เร็วที่สุด ...ยังน่าจะเหลือศัตรูอีกอย่างน้อยสองคน”
“ปัง...ๆๆๆๆๆ”
“ปัง...ปัง”
กระสุนนัดที่เจ็ด และแปดจากกระสุนปืนเธอก็ดังขึ้นต่อเนื้องกันอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถเอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามได้ จนกระทั้งกระสุน นัดที่ เก้า และสิบ ดังขึ้นจึงสามารถเอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามเพิ่มได้อีกหนึ่งคน
“ปัง...ปัง ท่านวิ่งตามข้ามาโดยเร็ว ข้างหน้าพวกเราก็คือสถานกงสุลแล้ว...”
การต่อสู่ของเธอและมือสังหารคนสุดท้ายดังขึ้นอีกครั้ง กระสุนนัดที่ สิบเอ็ดและสิบสอง ไม่สามารถเอาชีวิตมือสังหารปริศนาอีกคนได้ เธอยังคงเหลือกระสุนปืนในแม็กกาซีนอีกสามนัดเท่านั้น มันคือกระสุนปืนแห่งความหวังและความสิ้นหวังทีจะช่วยชีวิตเธอและสายลับหนุ่มชาวไทยไว้ได้แต่คงอีกไม่นานกระสุนปืนของเธอก็คงต้องหมดสิ้นลง เธอไม่มีแม็กกาซีนกระสุนปืนสำรองอีกแล้วเพราะไม่ได้คาดคิดว่าจะต้องมาเจอปัญหาของสถานการณ์ยุ่งยากเช่นนี้
“ท่านล่วงหน้าไปก่อนข้าจะสกัดมือสังหารไว้ให้ท่านเอง...”
“มันคือการกล่าวคำลาแล้วใช่มั้ย...ขบถ”
“เป็นเช่นนั้น...มันคือการกล่าวคำอำลาเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับข้ามือสังหารและขบถเช่นข้า...และนี้สำหรับสิ่งที่ท่านได้ทำมันหายไป...”
ภาวิตหยิบข้อมูลที่ได้ขโมยมาจากเสือขาวให้แก่สายลับชาวไทยตรงหน้า เธอมองเห็นความแปลกใจในแววตาชายหนุ่มเบื้องหน้า และแววตาอันซ้อนเร้นยากที่จะหาคำตอบได้ในวินาทีแห่งความเป็นและความตาย...
“เจ้า...เธอ...เป็นใครกันแน่ เป็นคนดีหรือคนเลวเจ้าไม่ใช่มือสังหารและขบถใช่มั้ย...สิ่งที่เจ้าได้ไปข้อมูลในซิปการ์ดนี้มันสามารถช่วยเหลือชีวิตเจ้าไว้ได้ ทำไมไม่เก็บมันไว้แล้วหลบหนีไป มาคอยช่วยเหลือชีวิตสายลับที่ไม่รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อนเช่นข้าไว้ทำไม...เธอเป็นมือสังหารและขบถที่โง่ที่สุด เจ้ารู้ตัวบ้างมั้ย”
“ลาก่อนสายลับผู้กล้าหาญ แข็งแกร่งและไม่กลัวเกร่งความตาย ท่านจงรับรู้ว่าข้าต้องการที่จะมีชีวิตเช่นเดียวกันกับท่านแต่ชะตาชีวิตของข้าเกินกว่าที่จะเดินหันหลังกลับได้อีกแล้ว อย่างน้อยข้าก็สามารถช่วยท่านไว้ได้ ข้ามีความฝันที่อยากรักษาไว้มันอยู่ในตัวของท่าน...ชีวิตข้าขบถต่อผู้คนมากมาย ท่านอย่าได้เป็นเช่นข้าแม้จะต้องเจอะเจอลำกล้องปืนจดจ่อพร้อมยิงอยู่เบื้องหน้าของท่าน...ท่านคงพอรู้เหตุผลและคำตอบแล้วทำไมข้าถึงได้ยอมช่วยสายลับที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเช่นท่าน...ข้าโง่จริงๆ อย่างที่ท่านว่ามาจริงๆ...ลาก่อนสายลับผู้กล้าหาญ”
เธอวิ่งหายไปในเงามืดที่มิดชิดพร้อมเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งและอีกครั้งและเงียบเสียงลงพร้อมความตายของสายลับที่ตามไล่ล่าเข่นฆ่าเธอและพระองค์ แต่ในเวลานี้องค์สิงหราชเหมือนได้ตายไปแล้วเช่นกัน ตายไปพร้อมกับดวงหทัยที่คิดคดทรยศขบถต่อความรู้สึกของพระองค์เอง
องค์สิงหราชทรงนอนหลับและพระสุบินเห็นเหตุการณ์การต่อสู่เมื่อสองเดือนก่อนซ้ำไปและซ้ำมา ทรงมองเห็นแววตาแสนเศร้า ทุกข์ตรม ดังเช่นขุมนรกในดวงตาของราชองค์รักษ์หนุ่มน้อยภาวิต ผู้มีวงหน้าสะสวยเยี่ยงอิสตรีและทรงพระสุบินเห็นวงหน้าของขบถสาวสวยในเวลาพร้อมๆกันไปด้วย...ทำไมหนอความรู้สึกและพระสุบินขององค์สิงหราช ผู้ยิ่งใหญ่และกำลังจะได้เป็นเจ้าเหนือหัวของบุรุษและสตรีมากมายจึงเป็นเช่นนี้ได้
ในยามนี้ทำไมเจ้าชายสิงหราชผู้สง่างามอันมีลักษณะเป็นดังชายเหนือชาย ถึงได้มีความรู้สึกผิดปกติต่อ ภาวิตอันเป็นชายหนุ่มและยังเป็นราชองครักษ์หนุ่มน้อยประจำพระองค์ด้วย หรือพระองค์จะทรงผิดปกติไปแล้วจริงๆ...พระเจ้า!! ขอให้พระองค์ทรงตื่นจากพระสุบินร้ายๆ เช่นนี้ด้วยเถอะ พระองค์ไม่ต้องการจะเป็นพวกวิปริตหญิงก็ได้ชายก็ดี พระองค์ไม่ต้องการจะเป็นพวกวิปริตผิดปกติทางเพศ ขออย่าให้พระองค์ทรงวิปริตไปจริงๆเลย ...ในความรู้สึกยามนี้มันคือยามที่พระองค์ทรงกำลังสับสนและอ่อนแอในดวงพระหทัย... พระองค์กำลังรู้สึกจะทรงตกหลุมรักกับสาวสวยและหนุ่มน้อยในเวลาเดียวกัน มันจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกไม่ได้แน่ๆ ...องค์สิงหราชเช่นพระองค์จะไม่ยอมรับความรู้สึกวิปริตผิดปกติทางเพศเช่นนี้แน่ พระองค์จะต้องมีความรักมอบให้แก่อิสตรีอย่างเดียวเท่านั้น...พระเจ้า!! ช่วยชีวิตพญาราชสีห์เช่นข้าองค์สิงหราชผู้นี้ด้วย...
“ลาก่อนสายลับผู้กล้าหาญ....ลาก่อนสายลับผู้กล้าหาญ...ลาก่อนสายลับผู้กล้าหาญ”
“ตามหาเธอพบมั้ย ไผท...”
“เราไม่แน่ใจครับ เจ้าชายพวกเราตามแกะรอยไปจนถึงปากแม่น้ำ พวกเราพบแต่ร่องลอยการต่อสู่ พวกเราไม่สามารถตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวไปจนสุดสายได้ พวกเราคาดว่าเธอน่าจะตายไปแล้วครับเจ้าชาย”
“ติดตาค้นหาต่อไป ไผท...”
“หนึ่งวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี เราก็ต้องหาศพพบแน่ๆ เมื่อพบแล้วเราจะไ้ด้ทำพิธีสวดส่งวิญญาณให้แก่เธอต่อไป ให้เธอได้ไปสู่สุคติ”
“ครับ เจ้าชาย”
สุดท้ายดวงพระหทัยอันเที่ยงธรรมและไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรคขวากหนาดที่ขวางกั้นในชีวิตขององค์สิงหราช ในเพลานี้เจ้าชายสิงหราชก็ไม่สามารถทนทานต่อความรู้สึกห่วงหาอาทรของห้วงวินาทีแห่งรักในดวงพระหทัยของพระองค์เองอีกต่อไป หญิงสาวที่ก้าวมาเป็นเหมือนดังยอดดวงหทัยขององค์สิงหราชก็คือมือสังหารและขบถ เธอคือผู้คิดคดทรยศขบถต่อประเทศชาติบ้านเมืองและหวังจะเข่นฆ่าชีวิตของพระองค์เอง สุดท้ายหญิงสาวผู้เลวร้ายไร้ซึ่งความเมตตาปราณีก็กำลังก้าวเดินเข้ามาอยู่ในดวงพระหทัยขององค์สิงหราชได้อย่างช้าๆ และลึกซึ่งอย่างสมบูรณ์แบบ
ในทุกๆ วัน เวลา และโมงยาม แม้แต่ในยามค่ำคืนในราตรีที่ดวงดาราอร่ามงามตาเต็มพืนฟ้าเมื่อองค์สิงหราชทรงเฝ้ามองพืนฟ้าจะทรงมองเห็นดวงจันทร์ทราและวงหน้าของขบถสาวสวยหรือแม้แต่ในยามที่พระองค์ทรงเข้าพระบรรทม... ในยามเมื่อทรงหลับพระดวงเนตรลงก็จะทรงพระสุบินเห็นวงหน้าของหญิงสาวผู้เศร้าหมอง ทุกข์ตรม และขมขื่น แทรกเข้ามาอยู่ในห้วงพระสุบินของพระองค์เองตลอดเพลาราตรีกาล... แต่วันนี้เพลานี้มีบางอย่างที่ผิดแปลกไปกว่าทุกคำคื่นราตรีกาล องค์สิงหราชทรงพระสุบินเห็นวงหน้าของหนุ่มน้อยนามว่าภาวิตเข้ามาแทรกกลางแทนที่วงหน้าของขบถสาวสวย...มันทำให้พระองค์รู้สึกตื่นกลัวและเป็นทุกข์ในดวงพระหทัยมากมายยิ่งขึ้นไปอีกเป็นสองเท่าทบทวีคูณ ...
หากพระองค์สามารถตามสืบค้นหาซากศพเหม็นเน่าส่งกลิ่นเหม็นของขบถสาวสวยผู้เศร้าหมอง ทุกข์ตรม และขมขื่น มาเข้าพิธีทางศาสนาสวดส่งวิญญาณไปสู่สุคติสู่โลกหน้าที่ดีกว่าได้ พระองค์ก็จะทรงพระบรรทมและพระสุบินเห็นแต่วงหน้าของภาวิตหนุ่มน้อยในทุกๆ วัน เวลา และโมงยามเพียงวงหน้าเดียวเท่านั้น... เพราะพระองค์ทรงไม่รู้สึกผิดในดวงพระหทัยที่มีต่อขบถสาวสวยอีกต่อไป พระองค์สามารถทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับขบถสาวสวยได้แล้วนั้นเอง...และนั้นก็จะยิ่งเป็นสิ่งเลวร้ายสำหรับพระองค์มากยิ่งขึ้นอาจจะเป็นสองเท่าทบทวีคูณ เพราะเมื่อพระองค์หยุดพระสุบินเห็นวงหน้าขบตสาวสวย พระองค์ก็จะทรงพระสุบินเห็นแต่เฉพาะวงหน้าของราชองค์รักษ์หนุ่มน้อยนามว่าภาวิตเพียงวงหน้าเดียวเท่านั้น...มันจึงเป็นสิ่งเลวร้ายเป็นที่สุดสำหรับดวงหทัยของพระองค์ๆ
หรือว่าพระองค์ควรที่จะเลิกล้มความตั้งใจที่จะสืบค้นหามือสังหาร ขบถสาวสวยดังวันเพ็ญอร่ามงามพระดวงเนตรดีหนอ... พระองค์จะได้ยังทรงพระสุบินเห็นวงหน้าของขบถสาวสวยและภาวิตหนุ่มน้อยวงหน้าสะสวยเยี่ยงอิสตรีเช่นนี้ต่อไป...ขบถ...ภาวิต.... ขบถ... ภาวิต...สองวงหน้าที่สลับสับเปลี่ยนกันไปมาในห้วงพระสุบินตลอดจนความรู้สึกนึกคิดขององค์สิงหราชในทุกๆวันเพลา โมงยามที่พระองค์ทรงหลับพระดวงเนตรลงแลทรงพระสุบินในยามค่ำคืนราตรีกาลที่ดวงดาราจันทร์ทราอร่ามงามตาเต็มพืนฟ้า...พระเจ้า!! ช่วยชีวิตพญาราชสีห์เช่นข้าองค์สิงหราชผู้นี้ด้วย...
“องค์ชายท่านทรงตื่นได้แล้ว วันนี้ท่านมีประชุม...”
“ภาวิต...”
“ใช่ข้า...เออ...หม่อมฉันเอง เช้าแล้วพะยะค่ะองค์สิงหราช...”
“ข้ารู้แล้วองครักษ์ภาวิต...”
........................................................................................................
จบบทที่ 3 ต่อบทที่ 4 แผนการกบฏลอบสังหาร
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ