Angel's quest Part II Staff of angel
6) Staff of angel การหายตัวไป
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความAngel Fantasy
การหายตัวไป
“วันนี้หนาวชะมัดเลย”
เสียงครางเบาๆจากเตียงสีน้าตาลคล้ำๆดังขึ้นต้อนรับวันใหม่ ครูแร็กทิวยังไม่รู้ว่าวายุ เอล และไคท์ได้หายไปจากสถาบันคืนนึงแล้ว แม้เขาเองก็ยังเพื่อตื่นนอนในตอนที่เขาเกิดจามขึ้นมากะทันหันโดยที่ไม่มีสาเหตุ
“นี่เราป่วยหรือเปล่านะ จู่ๆก็จาม” ครูแร็กทิวยกมือคลำหน้าผากลื่นๆของตน พบว่ามันยังปกติดีอยู่ มิได้ร้อนเหมือนที่ตนคิด “สงสัยคงเป็นเพราะอากาศมั่ง คิดมากไปหรือเปล่า”
ครูแร็กทิวพูดคุยคนเดียวเป็นประจำทั้งในที่พักและในห้องทำงาน โดยส่วนใหญ่เขาจะใช้เวลาเช้าๆหลังจากตื่นนอนอย่างนี้ทักทายตนเองก่อนที่จะทักทายคนอื่น มันเหมือนจะเป็นกิจวัตรที่สร้างสรรค์ที่เขาคิดเอง
ไม่ช้าครูแร็กทิวก็ลงจากเตียง เขามองตัวเองในกระจกก่อนหน้างัวเงียและชุดนอนจะเปลี่ยนเป็นชุดทำงานสะอาดเอี่ยมและใบหน้าที่สดใส ครูแร็กทิวก้าวเข้าไปในกระจกใบเดิมที่เขาใช้เปลี่ยนเสื้อผ้า มันเหมือนกับทางเดินโล่งๆสำหรับเขา ไม่ช้าบรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยนไป ครูแร็กทิวก้าวออกจากกระจกในห้องทำงานที่สถาบันผู้วิเศษโดยไม่คิดแปลกในอะไรกับมัน เพราะมันเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาอยู่แล้ว ครูแร็กทิวไม่สนใจกระจกแม้แต่น้อย เขาให้ความสนใจแต่อาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานเพียงอย่าง มันเป็นขนมปังหน้าตาพิลึกๆที่กินกับแยมสีม่วงแปลกๆและมีน้ำดื่มสีเขียวอ่อนคล้ายแคนตาลูปผสมนมสดแต่มันไม่ใช่
“ท็อคแซมทาแยมมูชเช็คร่า กับน้ำแมนแดรกหวาน อืม...ก็ดี นานๆจะไม่มีซักครั้งก็ยังได้ โอเคๆ ดีกว่าไม่ได้กิน”
ในไม่ช้า ท็อคแซมทาแยมมูชเช็คร่า และน้ำแมนแดรกก็เกลี้ยง มันหายไปอยู่ในตัวของครูแร็กทิว ในเมื่ออาหารเกลี้ยง จามชามก็หมดหน้าที่ของมัน มันสลายกลายเป็นอากาศธาตุต่อหน้าต่อตาผู้ซึ่งทำให้มันหมดหน้าที่ แต่ครูแร็กทิวก็ไม่ประหลาดใจอะไรเหมือนเคย ซึ่งถ้านี่เป็นวายุ เขาน่าจะร้องลั่นห้องเป็นแน่แท้
*ท็อคแซม คือขนมปังสูตรอร่อยของไพริเวนเดอร์ ซึ่งทำจากแป้ง ไข่ และน้ำยางของต้นพาวองโล่ที่มีเฉพาะดินแดนแห่งนี้ ส่วนแยมมูชเช็คร่าคือแยมผลไม้มูชเช็คร่าที่มีลักษณะกลมผิวขรุขระสีม่วง และน้ำแมนแดรกหวานมาจากยางของแมนแดรกพันธุ์หวานต้มกับน้ำตาลอ
ครูแร็กทิวยังนั่งพิงพนักพิงของเก้าอี้หนังกวางสีทอง เขาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงหนังสือที่เขาชื่นชอบซึ่งอ่านมันจนจำได้ขึ้นใจ จนเขาสังเกตเห็นซองกระดาษซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มี มันจ่าหน้าซองว่า “ถึง ครูแร็กทิว จากไคท์”
อีกมุมหนึ่งของสถาบันสอนผู้วิเศษ ครูอลิซยืนรอวายุอยู่หน้าประตูทางเข้าหอพักนักเรียน นี่ก็สายมากแล้ววายุยังไม่ลงมาหาเธอ ซึ่งมันแตกต่างจากครั้งอื่นๆ สีหน้าของเธอเคร่งเครียด ทุกความอดทนได้นำมาใช้ เธอตรงไปบนหอพักชายซึ่งครูแผนกต้อนรับก็โวยวายตามหลังเธอไปด้วย
หอนอนว่างเปล่าเพราะวันนี้เป็นวันปิดเทอมฤดูหนาว ครูอลิซกระวนกระวายและไม่สบายใจนัก เธอเห็นกระดาษสีขาววางไว้ที่ปลายเตียงมุมหนึ่ง เธอแน่ใจว่ามันคงเป็นเตียงของวายุแน่นอนเพราะไม่มีขยะซึ่งมาจากของวิเศษ ครูอลิซเสกให้กระดาษนั้นลอยมาหา เธอพบว่ามันเป็นจดหมายจ่าหน้าซองว่า “ถึงครูอลิซที่รัก จากวายุ” จากนั้นเธอก็เปิดผนึกเพื่ออ่านข้อความในจดหมาย เธอตกใจสุดขีด ว่าแล้วเธอก็รีบหันหลังกลับพร้อมกับเกือบประสานงากับครูแผนกต้อนรับซึ่งยืนขวางทางออก
“ขอโทษนะคะ ที่นี่ไม่อนุญาตให้สตรีเข้า”
ครูแผนกต้อนรับเน้นคำว่า “สตรี” ซึ่งเธอถือนักหนา ครูอลิซซึ่งมีเรื่องไม่สบายใจอยู่แล้วก็ยิ่งอารมณ์เดือด เธอมองหน้าครูแผนกต้อนรับซึ่งรีบหลบตาทันทีเมื่อระดับของทั้งสองต่างกัน
“นี่หล่อน เธอคิดว่าชั้นโง่จนแยกแยะอะไรไม่ออกรึ เธอเองนั่นแหละหัดเอาสมองคิดซะบ้าง...ขอทางหน่อย จะออกจากที่นี่”
ครูแผนกต้อนรับรีบถอยกรูราวกับโดนขู่ฆ่า จากนั้นครูอลิซก็ก้าวเท้าออกจากตึกหอนอนเพื่อกลับไปสู่ห้องครูใหญ่
เจนนี่ไม่กลับบ้านเพราะพ่อของเธอเพิ่งส่งจดหมายมาบอกว่าปิดเทอมครั้งนี้เขาติดงานใหญ่กลับไปไม่ได้ เธอเลยต้องจำใจยอมอยู่สถาบันจนถึงเปิดเทอมหน้า ซึ่งตอนนี้ทั้งหอนักเรียนหญิงต่างทยอยกลับไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วซึ่งนักเรียนชายจะกลับกันเมื่อวานหมดแล้ว มีนักเรียนหญิงแค่บางส่วนที่จะเดินทางกลับเช้าวันนี้
รวมทั้งเบลล่าซึ่งจะกลับพร้อมเอลแต่เมื่อตื่นขึ้นมา เอลก็หายไปแล้ว ทุกอย่างลงตัวเมื่อเบลล่าพบว่าเป้และของใช้ประจำตัวของเอลก็ไม่มี เหลือแต่หนังสือสมุดบันทึกและของที่ใช้ในการเรียนในแต่ละวันซึ่งเอลจะพากลับบ้านทุกครั้งเพราะครูบางคนชอบให้การบ้านนักเรียนเสมอ
“เจน เห็นเอลไหม”
เบลล่าร้องถามขณะที่เจนนี่ยังให้อาหารนิมน้อยสีขาวของเธออยู่ เจนนี่ลุกขึ้นปล่อยให้นิมจัดการอาหารเม็ดที่มันชอบ
“ไม่นะ พอตื่นก็ไม่เห็นแล้ว”
“หรอ เอลไปไหนเนี่ย” เบลล่าบ่น “เอ๊ะ!นั่น”
เบลล่าร้องออกเสียงดังจนเจนนี่และนักเรียนหญิงบางส่วนหันมองเธอเพราะความสงสัย จากนั้นก็ถอนความสนใจมาทำกิจวัตรของแต่ละคนต่อ
สิ่งที่เบลล่าเห็นคือซองกระดาษสีขาว จ่าหน้าซองว่า “ถึง เบลล่าและเจนนี่ จากเอล” ทั้งสองแกะมันอ่านและอุทานพร้อมกันว่า “แย่แล้ว” ซึ่งทั้งคู่รีบมุ่งไปห้องทำงานครูใหญ่ทันที
หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ระหว่างขุนเขาสีขาวโพลนไปด้วยหิมะสองลูก มีท้องนาไม่กว้างนักล้อมรอบด้าน ทางที่จะเข้าหมู่บ้านได้ก็ยังต้องผ่านท้องนาพวกนั้น ซึ่งตอนนี้ต้นไม้ใบหญ้าที่เคยงอกงามต่างสลัดใบหรือไม่ก็เปลี่ยนสีจากเขียวเป็นน้ำตาลซึ่งวายุเพิ่งจะสังเกตเห็นไม่นานมานี้ กลางหมู่บ้านมีกองไฟกองใหญ่พอสมควรที่ชาวบ้านช่วยกันจุดในยามเช้าแต่ตอนนี้มันเหลือแค่ถ่านสีดำร้อนๆที่ยังมีไฟลุกบ้างบางแห่ง พวกเขาต้องจอดม้าที่นี่เพื่อหยุดพักม้าที่เหนื่อยกันมาทั้งคืนกับอีกเกือบครึ่งวัน แม้แต่ทั้งสองยังเหนื่อยอยู่เหมือนกันยกเว้นไคท์ที่เหนื่อยไม่เป็น
“ผมว่าพวกคุณคงต้องทานมื้อเที่ยงที่นี่นะครับ เพราะหลังจากนี้เราต้องเดินทางต่ออีกหลายชั่วโมง ผมไม่แน่ใจว่าจะมีหมู่บ้านระหว่างทางอีกไหมแต่ถ้าหยุดกลางทางคงเป็นไปไม่ได้ครับเพราะเราพ้นจากที่นี่ก็จะเป็นป่าหมอก เราจึงต้องมีคบไฟครับ เพราะว่าในป่าหมอกนั้นจะอันตรายกับนักเดินทางมากครับ มันมีมอนเตอร์นักล่าน่ากลัวอยู่ทั่วไปในป่านั้นครับ ช่วงนี้หิมะปกคลุมเรายังโชคดีที่สามารถหลบใต้หิมะได้ครับ”
วายุกำลังจินตนาการถึงสิ่งที่ไคท์บอก ตอนนี้ก็เขาหนาวแล้วพอได้ยินเรื่องแบบนี้อีก วายุยิ่งหนาวถึงกระดูก
“ชั้นเข้าใจว่านายจะให้เราปั้นตัวเองเป็นตุ๊กตาหิมะเมื่อเจอมอนเตอร์ในป่านั้น”วายุพูด “แต่ยังไม่เข้าใจที่ว่า ถ้าหิมะปกคลุมแล้วเราจะทำยังไง ในข่าวรถยังไปไม่ได้เลยแล้วม้าจะไปได้เหรอ”
“ถูกต้องครับ นั่นคือข่าวร้ายของเรา เราต้องทิ้งม้าไว้ที่นี่ จากนั้นก็ต้องเดินครับ”
วายุคอตกเมื่อได้ยินเช่นนั้นซึ่งเอลเองก็อยู่ในอาการเดียวกัน ทั้งเขาและเธอต่างถอนใจ ล้วงเสบียงในย่ามของแต่และคนมาเติมท้องมื้อเที่ยงล่วงหน้า
“นี่ไงครับ อัญมณีที่จะเอามาผนึกไวท์ฮอกของคุณ”
ไคท์โชว์แหวนประดับพลอยสีขาว มันวูบวาบเมื่อโดนแสงอาทิตย์ สวยงามและมีเสน่ห์เย้ายวนสำหรับหญิงสาว แต่วายุเห็นมันแล้วถอนใจ
“นี่อย่าบอกนะว่า ชั้นต้องหนักนิ้วอีกข้าง ไม่ไหวมั่ง”
วายุเบนสายตาไปทางอื่นแต่ไวท์ฮอกน้อยจิกที่แขนเขาจนเขาแหกปากลั่น แทบจะไม่มีคนสนใจเขาเลยเพราะว่าต่างคนก็มีงานต้องทำกันทั้งนั้น
“ดูเหมือนมันอยากให้คุณสวมมันไว้นะครับ”
“ไม่ต้องบอกน่า”
วายุคว้าแหวนวงใหม่และสวมมันไว้ที่นิ้วกลางด้านขวาใกล้กับแหวนของบลูที่สวมไว้ที่นิ้วนางด้านเดียวกัน มันเกิดเรื่องแปลกประหลาด แหวนสีขาวและสีฟ้าค่อยๆเปล่งแสงและหลอมรวมกันเป็นแหวนครึ่งขาวครึ่งฟ้าซึ่งสวมอยู่ที่นิ้วนางด้านขวาของวายุพอดี
“สุดยอดแท้ มันคืออะไรน่ะ”
“เอาล่ะทีนี้ คุณก็ผนึกไวท์ฮอกได้แล้วครับ”ไคท์พูดอย่างจริงจัง “เขาเรียกกันเป็นชื่อใหม่ว่า ‘แหวนผนึกภูติ’ครับ”
“ชื่อมันน่ากลัวนะ เจ้าแหวนผนึกภูติเนี่ย”
วายุพิจารณาแหวนผนึกภูติอีกรอบ ส่วนที่เป็นสีฟ้ามันวูบวาบกว่าสีขาวเพราะส่วนที่เป็นสีขาวยังไม่มีความหมายหรือไม่ผนึกมอนเตอร์เลยแต่อย่างไร
“งั้นชั้นต้องทำอะไรบ้างเนี่ย”วายุจนปัญญา “ผนึกภูติยังไง ชั้นทำไม่เป็นนะ”
“งั้นทำตามผมนะครับ ให้คุณชี้ด้วยปลายแหวนที่ไวท์ฮอก”ไคท์กำหมัดเปล่าๆและยื่นตรงไปยังไวท์ฮอกให้หัวแหวนชี้แทนนิ้วชี้ วายุก็ทำตามนั้นส่วนที่เป็นสีขาวบนแหวนก็เปล่งแสงจ้า ไคท์เห็นดังนั้นจึงเริ่มขั้นต่อไป “แล้วพูดว่า ‘ข้าขอผนึกเจ้า ผู้พิทักษ์ข้า ไวท์ฮอก’ แล้วตามด้วยที่คุณตั้งให้มันชื่อครับ”
“เอ่อ...ข้าขอผนึกเจ้า ผู้พิทักษ์ข้า ไวท์ฮอก การูด้า”
ฟูยยยยยย ฟาววววววว
ไวท์ฮอกน้อยถูกดูดเข้าไปในแหวนส่วนที่เป็นสีขาว แหวนส่งเสียงร้องที่แจ่มใสลอดออกมาแทนคำขอบคุณ
มันมาอยู่กับข้าน้อยแล้วเจ้าค่ะ
วายุได้ยินเสียงบลูเล็ดลอดผ่านเข้ามาในความคิด ดูเหมือนว่าบลูสามารถใช้ทักษะนี้ได้เช่นเดียวกับไคท์ งั้นเขาเองก็ขอทำบ้าง
ก็ดี ขอบใจ
วายุคิดในใจและอยากส่งข้อความนี้ให้กับบลูโดยที่รู้อยู่ว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขา แต่ก็คุ้มโดยไม่ต้องเสี่ยง
ค่ะ ก็ดีเจ้าค่ะ ข้าน้อยได้มีเพื่อนบ้าง
วายุสะดุ้งเมื่อบลูส่งโทรจิตกลับมา แสดงว่ามันได้ยินที่เขาคิดหรือไม่ก็เขาส่งโทรจิตได้ถูกวิธี วายุดีใจที่สุดในวันนี้ถ้าไม่นับเรื่องผนึกไวท์ฮอก
“เอาล่ะ ทุกคนครับ เราหมดเวลาพักแล้วครับ ทีนี้ก็ต้องจัดการเรื่องสัมภาระ” ไคท์หยิบย่ามสีน้ำตาลออกมาจากประเป๋ากางเกง “ใส่ของทั้งหมดลงในนี้ยกเว้นที่พกติดตัวได้นะครับ”
ไคท์เองก็หย่อนเป้ของตนที่มันมีขนาดใหญ่กว่าย่ามนั้นหลายเท่านักแต่ที่น่าแปลกคือเป้ที่ไคท์หย่อนลงไปมันกลับจมมิดหายไปในย่ามโดยไม่จุย่ามแม้แต่น้อย “ทีนี้ของพวกคุณทั้งสองคนครับ”
หลังจากที่เก็บสัมภาระเสร็จแล้ว วายุกำลังตรวจสอบของอยู่ข้างๆม้าของเขา ไคท์ก็ตรงเข้ามาแล้วยื่นฝักดาบให้โดยมีสีหน้าเคร่งเครียด วายุอยากจะค้านไคท์เพราะเห็นว่าตนมีอาวุธที่ดีพออยู่แล้วแต่ไคท์ว่ามันจะเป็นการทำร้ายตัวเองถ้าวายุเผลอให้เปลวไฟสีฟ้าบ่อยๆถุงมือเจ้านายแฟร์รี่ก็จะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก วายุจึงต้องจำใจเก็บดาบเรียวๆนั่นไว้ติดตัว
1ชั่วโมงต่อจากนั้น ครูอลิซและเด็กสาวเพื่อนของเอลก็ยืนอยู่ตรงหน้าครูแร็กทิวที่ต่างคนต่างเงียบขรึมและเคร่งเครียด บรรยากาศในตอนนี้ไม่ดีนักและเลวร้ายกว่าตอนที่ครูอาทีน่าก่อเรื่อง มันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนต้องคอยระวังภัยจากพวกดาร์ก และที่เลวร้ายกว่านั้นอัศวินผู้กอบกู้ก็หายตัวไปทิ้งไว้แค่กระดาษแผ่นเดียว
“ไม่มีการขออนุญาต ไม่มีการตรวจจับ ไม่มีการพบเห็นสิ่งผิดสังเกต และยังเดินออกทางประตูรั้วอย่างหน้าตาเฉย”
เสียงครูแร็กทิวอ่อยพล่าม พร้อมกับเสียงถอนหายใจของครูอลิซและเสียงครางเบาๆของเบลล่าและเจนนี่
“ทำไมชั้นอ่านใจเขาไม่ออกว่าจะทำอะไรกัน หรือว่าโดนเด็กเจ้าไลท์นั่นสะกด”
“พล่ามมาได้ยังไง ชาวเผ่าไลท์เขาไม่ทำกันหรอก เรื่องพันนี้ เหลวไหลมั้งเพ ชั้นว่าทั้งสองคงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนนะ”
“ทั้งสองรึ หมายถึงใคร”
ครูอลิซส่ายหัวบ่งบอกว่าเธอผิดหวังกับครูใหญ่คนนี้มานักต่อนักแล้ว แล้วครั้งนี้เธอไม่ผิดหวังกับตนเองที่คิดว่าแร็กทิวต้องพูดโง่ๆออกมากรอกหูเธออีกครั้ง
“เอล กับ วายุ”
สีหน้าของครูแร็กทิวยังเครียดเหมือนเดิม เขาสะบัดมือข้างขวาโดยมีแหวนวงม่วงหัวใหญ่เป็นตัวถ่วงน้ำหนัก ครูแร็กทิวยืนขึ้นพร้อมจะประกาศบางสิ่งที่กวนใจเขามากพอแล้ว
“ดูเหมือนว่าเราคงอยู่เฉยอีกไม่ได้แล้วนะ อลิซเธอไปรวบรวมข้อมูลของศิลานางฟ้าชั้นคิดว่าพวกนั้นต้องทำการนี้แน่ ส่วนพวกเธอทั้งสองคน (เจนนี่กับเบลล่าสบตากัน) ชั้นคิดว่าพวกเธอคงจะเสี่ยงด้วยไม่ได้นะ กลับบ้านไปซะมันคงจะดีกว่าเป็นตัวถ่วงนะ ขอโทษที”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ นี่เป็นความปลอดภัยของพวกเธอเอง”
ครูแร็กทิวพูดเสียงแข็งให้เจนนี่ยอมเขา แต่ที่เจนนี่ต้องการจะโต้แย้งมันไม่ใช่เรื่องของเอล วายุและไคท์หรอก มันเป็นเรื่องของเธอเอง เธอยังกลับไปไม่ได้
“หนูไม่มีบ้านให้กลับไปค่ะ” เจนนี่พูดพร้อมสะอื้น “พ่อบอกว่าตอนนี้พ่อต้องไปทำงานไกลบ้านมาก และไม่มีใครดูแลหนู พ่อบอกให้หนูอยู่กับเอลในช่วงปิดภาคเรียน”
ครูอลิซลูบผมเจนนี่ เธอสบตากับเจ้านิมสีขาวครู่หนึ่งพร้อมกับพยักหน้าให้มัน ไม่มีใครเข้าใจว่าครูอลิซกำลังทำอะไรอยู่ หรืเธอกำลังพูดกับบักกี้กันแน่ เจนนี่เองก็ยังอดสงสัยไม่ได้
“เอางี้เดี๋ยวให้เจนนี่มาอยู่กับชั้นก็ได้ตอนปิดเทอมนี้ ส่วนเรื่องวายุชั้นจะจัดการให้” ครูอลิซทิ้งช่วงครู่หนึ่ง “นี่แร็กทิว เธอต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลานะ ตอนนี้สถานการณ์มันไม่แน่นอนอีกแล้ว”
ครูอลิซพาเด็กสาวทั้งสองออกจากห้องแล้วปล่อยให้ครูใหญ่จอมทะเล้นอยู่ตามลำพังในห้องครูใหญ่ที่ใช้สืบต่อกันมาหลายช่วงอายุคน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ