Angel's quest Part II Staff of angel
11) Staff of angel ปราสาทดาร์กลอร์ด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความAngel Fantasy
ปราสาทดาร์กลอร์ด
“3 คนและอีก 1 ตัว”
เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นจากบางแห่งใสความมืดมิดและตามด้วยเสียงครางเบาๆซึ่งไม่ได้มาจากต้นกำเนิดของเสียงเดียวกัน
“หมายความว่ายังไง 1 ตัว มันคือมอนเตอร์อย่างงั้นหรือ”
“ไม่ใช่มอนเตอร์ธรรมดา มันเป็นอมนุษย์เผ่าเอลฟ์ และยังมีไลท์ เมจ และเด็กหนุ่มที่ข้าไม่อาจร็ได้ว่าเป็นเผ่าใด”เสียงนั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงของคนที่ทุกข์ทรมานใกล้ตาย “แก ทำอะไรข้า”
“ข้าคิดว่า ตาทิพย์ของเจ้าคงไร้ประโยชน์อีกต่อไปแล้ว แค่เด็กคนเดียวยังหาที่มาของมันไม่ได้ เจ้าคงต้องไปเกิดใหม่เสียแล้ว”
เสียงไอเรื้อรังอย่างรุนแรงดังขึ้น เจ้าของเสียงพยายามจะพูดบางอย่างแค่จับใจความได้ว่า “อย่า..” เสียงไอทรมานก็กลายเป็นเสียงหวีดร้องและเงียบลงตลอดกาล
“แคร์รัสเจ้าจงไปทักทายไลท์ที่ว่า มาเรซ่าเจ้าไปหาเอลฟ์ตัวนั้น พอลโล่เจ้าไปหาเมจ ส่วนเจ้า ไนท์เฮล เจ้าไปทักทายเจ้าเด็กหนุ่มแปลกหน้านั่นหน่อยนะ”
“รับทราบ!!”
เสียง4เสียงดังขึ้นพร้อมกันและเงียบลงไป ทิ้งไว้แต่ความเงียบที่เนิ่นนาน
“ปราสาทดาร์กลอร์ด ขอต้อนรับ”
อ๊อกกกกกก!!!! แอ๋ออออ!!!!
วายุและเพื่อนๆอีก3คนหันไปทางต้นกำเนิดเสียง ประตูของปราสาทค่อยๆเปิดต้อนรับพวกเขาและมีข้อความปรากฏว่า “ปราสาทดาร์กลอร์ด ขอต้อนรับ” ซึ่งหมายความว่าปราสาทนี้หรือในชื่อว่า ปราสาทดาร์กลอร์ด ได้รับรู้ถึงการมาของพวกเขาและยินดีเชิญให้พวกเขาเข้าไปด้านใน
“เอาล่ะครับ ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ ผมจะนำไปเป็นคนแรกนะครับ”
ไคท์ก้าวออกจากอาณาเขตกันผีอย่างระมัดระวัง เสียงหัวเราะสยดสยองดังกระหึ่มไปทั่วป่ากระดูก ทำให้ใจของวายุเบาหวิวและขาสั่น
“ไม่ต้องกลัวครับ พวกมันทำอะไรไม่ได้หรอกครับ”
ทั้งสามเดินมาไคท์ออกมาจากอาณาเขตอันปลอดภัย และทั้งหมดก็เดินข้ามสู่ปราสาทดาร์กลอร์ดช้าๆ
พรึบ!
จู่ๆไฟจากคบเพลิงก็ติดเองโดยอัตโนมัติ มีคบเพลิงปักไว้บนผนังทั้งสองด้านและปักตลอดห้อง มันเป็นทางเดินลงใต้ดินที่สว่างสไวอย่างไม่น่าเชื่อ
“ทางแยกนี่นา”
เสียงของเอลดังขึ้นเมื่อทั้งหมดลงมาถึงด้านล่างและพบกับทางแยกเข้า มันมีทางแยกสองทางซึ่งแสดงว่าทั้งหมดต้องแบ่งกันสองทีม
“ชั้นไปกับเอล นายไปกับนาเทร์รี่ละกัน”
“โอเคครับ ก่อนอื่นนะครับ พวกคุณต้องเก็บนี่ไว้ด้วย มันเป็นเครื่องย้ายตำแหน่งซึ่งผมตั้งให้มันย้ายไปที่อาณาเขตของเราข้างบนไงละครับ ถ้าเจออะไรที่หนักเกินตัว ให้กลืนมันลงไปเลยนะครับ”
ไคท์ส่งลูกแก้วสีม่วงให้วายุและเอล จากนั้นทั้งสองทีมก็แยกกันตรงนั้น เหลือเพียงวายุและเอลเท่านั้นในตอนนี้ ทั้งสองจะต้องฆ่ายักษ์ที่กั้นทางน้ำไหลในปราสาทนี้
“ทางแยกอีกแล้วหรอ”
เอลบ่นพึมพำเมื่อเจอทางแยกอีกชั้น และถ้าทั้งสองแยกออจจากกันก็จะอันตรายมาก และทั้งสองก็ตกลงกันว่าจะไปก่อนทีละทางโดยเริ่มจากซ้ายซึ่งทั้งสองก็เห็นตรงกัน
“ฉลาดดีนี่ นางเมจกับเด็กหนุ่มแปลกหน้ายังไม่แยกกัน แผนแรกคงไม่สำเร็จสินะ งั้นต้องเริ่มแผนต่อไปได้แล้ว พวกโครงกระดูก”
เสียงจากความมืดดังขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้มีเสียงของวัตถุแข็งหลายสิบเสียงกระทบกับพื้นหินของปราสาทมุ่งตรงไปทางเอลและวายุ
“เอลฟ์แยกทางกับไลท์แล้วสินะ ซอมบี้ พวกเจ้าไปจัดการทีละคน อย่าให้เหลือ”
เสียงเดิมดังขึ้นและครั้งนี้มีเสียงฝีเท้าเดินลากพื้นมุ่งตรงไปยังนาเทร์รี่และไคท์ที่แยกทางกันแล้วที่ทางแยกชั้นที่สอง
วายุและเอลเดินมาถึงสถานที่หนึ่งในปราสาท มันเป็นห้องโถมกว้างและมีประตูหลายทางแต่มีแค่ทางเดียวเท่านั้นที่เชื่อมไปยังใจกลางปราสาท
แกรบๆ กรอบๆ แกรบๆ กรอบๆ
“เสียงอะไรน่ะ”
วายุอุทานขึ้นเมื่อเขาได้ยินเสียงจากประตูๆหนึ่ง เอลหยิบคทาเมจของเธอขึ้นมา และวายุเองเมื่อเห็นปฎิกิริยาของเอล เขาก็สวมถุงมือเจ้านายแฟร์รี่ทันที
ทั้งสองเห็นเจ้าของเสียงนั้นแล้ว มันเป็นโครงกระดูกมนุษย์ถือดาบบ้าง ขวานบ้าง วิ่งมาทางทั้งสอง เอลไม่รอช้าเธอยิงลำแสงเวทมนตร์ไปหาพวกมันแตกกระจายไปหลายตัว ส่วนวายุเองก็เตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ระยะประชิดเรียบร้อยแล้ว
“อย่าเอาแต่แอบสิครับ ออกมาเหอะครับ แล้วหลังเสร็จจากคุณ ผมก็ต้องลุยพวกซอมบี้ต่ออีกยกนะครับ”
“เก่งดีนี่ รู้ด้วยว่าโดนสะกดรอย แต่เจ้าไม่แน่ใจไปหน่อยหรือไง”
เสียงๆหนึ่งดังอีกจากความมืด เจ้าของเสียงเปิดเผยตัวให้ไคท์เห็น ทันทีที่ไคท์มาถึงห้องโฉมห้องหนึ่งและมีประตูหลายบานเช่นเดียวกับของเอลกับวายุ ไคท์ไม่มีสีหน้าลังเล เขายกดาบประจำเผ่าไคท์ออกมาเตรียมตัว
“ข้าชื่อแคร์รัส ข้าเป็น...”
“พวกดาร์กใช่ไหมครับ ไม่ต้องบอกก็รู้”
“เชอะ! ฉลาดดีนี่ แต่ว่า ข้าน่ะเก่งกว่าพวกมันเป็นไหนๆ”
แคร์รัสหยิบดาบของตนขึ้นมาบ้าง และเขาตั้งท่าได้อย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้าหาไคท์เพียงเสี้ยววินาที
“ขอชมอีกครั้งว่าเก่ง”
แคร์รัสยิ้มให้ไคท์ที่ตอนนี้ยืนอยู่ไกลจากเขาพอสมควรในช่วงวินาที ครั้งนี้ไคท์โจมตีกลับบ้าง ทั้งสองต่อสู้กันอย่างสูสีระหว่างไคท์กับแคร์รัส
ตูม!!
แรงประทะทำให้ไคท์กระเด็นถอยหลังล้มลงไปหลายเมตร และเขาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อรับการโจมตีในช่วงพริบตาของแคร์รัส
“ดาบเปร่งแสง”ดาบของไคท์เปล่งแสงสีขาวอย่างรวดเร็วและทำให้ความมืดของแคร์รัสไม่อาจมองเห็นได้ “จบกันแค่นี้นะครับ แสงส่องเงา!”
“ม่าย!! ข้าตายง่ายอย่างนี้เลยแระ เป็น ไป ไม่ ได้ อ้าก!!!”
ลำแสงตรงที่ส่องออกจากดาบของไคท์ทำให้ร่างของแคร์รัสหายไปทีละส่วนจนหมดสิ้น หมายความว่าแคร์รัสสิ้นใจไปแล้วในฐานะเงา
“เป็นเงาจริงๆด้วยสินะครับ พวกดาร์กน่ากลัวจริงๆ”
ไคท์เฝ้ามองพื้นที่ว่างเปล่าที่แคร์รัสเพิ่งยืนเมื่อครู่และเขาก็ได้ยินเสียงบางเสียงที่น่าขนลุกและขยะแขยงกว่า
“มาแล้วสินะครับ พวกซอมบี้”
“เก่งมาก เจ้าไลท์หนุ่ม ข้าจึงส่งแคร์รัสไปทดสอบเจ้าไงล่ะ ทีนี้ นางเอลฟ์ตัวนั้นเป็นรายต่อไปสินะ” เสียงในความมืดดังขึ้นอีกครั้งในใจกลางปราสาทดาร์กลอร์ด
“ทำไมไม่อยู่กับเพื่อนๆล่ะแม่หนูน้อย”
นาเทร์รี่หยุดเดินต่อเมื่อได้ยินเสียงนั้นและพบว่าเธอมาถึงห้องโถมที่มีประตูหลายบานแล้ว “นั่นเสียงใคร!”
แทนคำตอบ ร่างๆหนึ่งของหญิงสาวในชุดคลุมสีดำขาดว่อนปรากฎตัวขึ้นและล่องลอยอยู่เหนือเธอ
“คิดดีหรือยังที่ให้ข้าเห็นร่างเจ้า เอ๊ย เธอ”
“ไม่หรอก ข้าไม่คิด แต่ข้าแน่ใจว่านี่คือสิ่งสุดท้ายที่หนูจะไปเห็นไงจ๊ะ”
หญิงสาวแปลกประหลาดยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวที่มุมปากทั้งสองข้างของเธอ แต่นาเทร์รี่ไม่มีสีหน้าวิตกแต่อย่างใด เธอยังนิ่งสนิทและคว้าธนูของเผ่าเอลฟ์ออกมาจากฝัก
“โอ๊ะโอ เพิ่งเจอกันก็จะฆ่ากันแล้วหรอจ๊ะ ไม่ดีนะแม่หนูน้อย ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะเล่นด้วยกับหนูก็ได้นะจ๊ะ”หญิงสาวคำนั้นพูด “บางทีหนูอาจต้องรู้จักข้าไว้ก็ได้นะ ข้าชื่อ มาเรซ่า”
“ไม่ล่ะขอบคุณ ไม่อยากรู้จัก ส่วนขั้น(นาเทร์รี่พยายามพูด ชั้น แต่ออกเป็น ข้า เธอเลยต้องรีบอีกเสียง อั้น)ชื่อ นาเทร์รี่ ยินดีที่ไม่อยากจะรู้จัก ยายเรม่า”
“ข้าไม่ได้ชื่อ เรม่า บังอาจมาก! ตายซะนะจ๊ะหนูน้อย วิญญาณวนเวียน!”
เกิดคลื่นพลังบางอย่างทั่วห้องโถม มันมีวัตถุกลมสีดำเหมือนดาวหางบินรอบห้องโถมจำนวนเป็นพัน ใบหน้าของผู้ใช้เวทมนตร์นี้ยิ้มร่าเริงเมื่อเป้าหมายตกอยู่ในอาคมของเธออย่างง่ายดาย
“น่าเสียดายที่หนูมาเจอกับข้านะจ๊ะ เพราะข้าเป็นคนที่ไม่ค่อยปราณีใครเท่าไหร่จ๊ะและอีกอย่างเวทมนต์นี้ก็หยุดไม่ได้ด้วยสิ จนกว่าเป้าหมายจะตายและจะเกิดขึ้นอีกซักครู่จ๊ะ”มาเรซ่ายิ้มกว้างกว่าเก่า “ลาก่อนนะหนูน้อย ที่ต้องตายตั้งแต่ยังไม่ได้ถึงตัวข้าเลยนะจ๊ะ”
ฉึก!!
เลือดสีแดงสดไหลออกจากแขนข้างหนึ่งของมาเรซ่า สีหน้ายิ้มแย้มของเธอกลายเป็นสีหน้าแห่งความเจ็บปวด เธอยกมืออีกข้างลูบคลำแผลที่โดนลูกธนูปักและดึงลูกธนูลูกนั้นออกทิ้ง
“เป็นไปได้ยังไง หนูไม่เป็นอะไรเลยหรอจ๊ะ อูย”
นาเทร์รี่ส่ายหัวในความงี่เง่าของมาเรซ่าในความคิดของเธอ นาเทร์รี่บรรจุลูกธนูอีกลูกเตรียมพร้อมที่จะยิง
“ไม่ พอดีชั้นมีเครื่องลางของไคท์ และบิดาบอกกับข้าไว้ว่า ศัตรูถ้าจะฆ่าก็ให้ฆ่าเลย”นาเทร์รี่ง้างคันธนูจนสุด “อย่ามัวแต่บ้าน้ำลาย”
นาทีเดียวกันที่ชีวิตของมาเรซ่าหยุดลงเมื่อลูกธนูของนาเทร์รี่ปักเข้าตรงหัวใจพอดี ไม่มีบิดเบือนไปทางด้านอื่น นาเทร์รี่เฝ้ามองร่างไร้วิญญาณของมาเรซ่าร่วงลงมาที่พื้นและเสียงของพวกซอมบี้ก็มาถึงพอดี
“ชิ มาแล้วสิ พวกน่ารำคาญ”
“ยอดเยี่ยม เอลฟ์ตัวนั้นจัดการแม่มดหมอผีอย่างมาเรซ่าได้หรือเนี่ย ข้าคงดูแคลนเจ้าเกินไปสินะ งั้นเจ้าคงรอดูเพื่อนๆของเจ้าอีกสองคนละกัน เผื่อว่าพวกผีจะได้มีอะไรกินกันบ้าง” เสียงๆเดิมดังขึ้นที่จุดเดิม เป้าหมายต่อไปของมันคือ เอลและวายุนั่นเอง
“ชั้นจัดการไปสิบ”
เอลร้องเรียกวายุที่กำลังแย่งดาบของเขากับโครงกระดูกเดินได้ และเขาก็แย่งดาบและฟันมันแตกกระจายได้ด้วย เขามีเวลาหันมาทางเอลน้อยนักแล้วจึงต้องรับมือพวกโครงกระดูกต่อ
“ชั้นสี่เอง ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่”
วายุพูดขึ้นเมื่อเอลกำลังยกพวกโครงกระดูกขึ้นบนอากาศด้วยเวทมนต์และขว้างมันลงพื้นจนร่างของมันแตกกระจาย
“เพิ่มอีกเจ็ดแล้ววายุ ชั้นทิ้งขาดแน่”
“ไม่มีทางยอมหรอกเอล”
วายุแย่งดาบของโครงกระดูกตัวหนึ่งได้ จนที่สุดเขาก็ได้ถือดาบคู่และใช้มันอย่างคล่องแคล่วจนเหลือเชื่อ
“สุดยอด”วายุพูดอย่างร่าเริง “ตายๆๆๆๆๆๆ”
จำนวนโครงกระดูกที่วายุจัดกรได้เพิ่มเป็นเท่าตัว จนสูสีกับเอล จนในที่สุดพวกโครงกระดูกก็ไม่เหลือให้จัดการอีก
“เธอได้กี่ตัวเอล ชั้น ยี่สิบห้า”
“เสียใจด้วยนะวายุ ชั้นยี่สิบหก”เอลยิ้มให้วายุ “แค่ตัวเดียวก็ถือว่าแพ้นะจ๊ะ เสียใจด้วยอีกครั้ง”
“จริงด้วยเนาะ”
ทั้งสองหัวเราะจนลืมว่าที่จริงมาที่นี่ทำไมและในที่สุดคำตอบก็มาอยู่ตรงหน้า ศัตรูสองร่างที่ปรากฏขึ้นยืนประจันหน้ากับทั้งสอง และอาวุธของพวกมันก็พร้อมอยู่ในมือแล้วด้วย
“เก่งมากที่ผ่านพวกมันได้ ข้าชื่อพอลโล่ ส่วนนี่ ไนท์เฮล จะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า เจ้าหนุ่มต่างถิ่น”
วายุเตรียมพร้อมที่จะจุดเปลวไฟสีฟ้าแต่สายไปแล้ว ไนท์เฮลพุ่งเข้ามาหาเขารวดเรวกว่าสายฟ้าและถีบเขากระเด็นไปไกลจนกระแทกกำแพงห้องโถมจนมีบางส่วนที่ผุพังลงมา ไนท์เฮลก็ยืนรอวายุอยู่ตรงนั้น
“วายุ!!”เอลหวีดร้องเสียงดังและหันไปทางที่วายุกระเด็นไป
“อย่าเสียสมาธิ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้านี่”พอลโล่พุ่งเข้ามาหาเอล “คลื่นกระแทกผลักดัน”
ร่างของเอลปลิวไปตามแรงเวทมนตร์และล้มลง ผลพวงจากพลังเวทที่ให้สำหรับผลักคู่ต่อสู้ให้ล้มลงไปด้านหลังหรือคำสาปล้มลงอย่างไม่มีเงื่อนไขนั่นเอง
“เขตเวทสะท้อน”เอลร่ายคาถา “ประจุสายฟ้า”
สายฟ้าของเอลถูกปัดไปอย่างง่ายดายและพอลโล่ก็สวนกลับด้วยคลื่นกระแทกจนร่างของเธอกระเด็นไปอีกฟากของห้องโถมห่างจากการต่อสู้ของวายุและไนท์เฮล
“ย้ากกก!!!!!”
วายุคำรามตั้งแต่ยังอยู่ในกองซากผนังห้องโถมและพุ่งเข้ามาหาไนท์เฮลอย่างรวดเร็วด้วยพลังของเปลวไฟสีฟ้า ส่วนไนท์เฮลสามารถหลบได้อย่างสบายเพราะความที่เขาเหนือชั้นกว่าวายุมาก และสวนกลับโดยการต่อยเพียงหมัดเดียวแต่ทำให้วายุกระเด็นไปกระแทกกำแพงห้องโถมที่จุดเดิม
“ลูกไฟสีฟ้า”
พลังลูกไฟสีฟ้าของวายุถูกหยุดได้เพียงแค่ไนท์เฮลใช้ฝ่ามือธรรมดา ไนท์เฮลพุ่งเข้าหาวายุแต่โจมตีพลาดไป วายุกระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิดและการโจมตีครั้งต่อไปของไนท์เฮลไม่ได้พลาด วายุกระเด็นล้มลงอย่างเดิมครั้งแล้วครั้งเล่าจนหมดแรงที่จะยืนขึ้น
“กรี๊ด!!!!”
เอลล้มลงและรีบลุกขึ้น เธอใช้เวทแช่แข็งใส่พอลโล่และครั้งนี้ได้ผล พอลโล่ถูกแช่แข็งจนนิ่ง เอลจึงให้สายฟ้าอีกระลอบทันที
ตูม!!!!!!
สายฟ้าของเอลเข้าเป้าหมายเข้าอย่างจัง และเมื่อฝุ่นควันสลายไป พอลโล่ยืนมองเอลด้วยสีหน้าโกรธสุดขีด เขาผลักเอลให้ล้มลงและคาถาที่ทำให้เจ็บปวดอย่างรุนแรงและไร้เหตุผลก็โดนใช้ใส่เอล
กรี๊ดดดดดด!!!!!!!
“ได้แค่นี้รึ เจ้าหนุ่มต่างถิ่น”ไนท์เฮลมองวายุอย่างขยะแขยง “น่าผิดหวังจริงนะ ที่เจ้าคงจะมาไกลแต่เอาชีวิตมาไว้ที่นี่”
“อา..มาไกล...ชีวิต...อา”
เสียงครางเบาๆจากวายุที่นอนคว่ำหน้า เขาค่อยๆพยุงตัวให้ลุกขึ้นและเขาก็ทำสำเร็จ สร้างความประหลาดใจให้กับไนท์เฮลเป็นอย่างมาก
“เจ้ายังลุกได้อีกรึเนี่ย น่าภูมิใจนักแต่เสียดาย อีกหน่อยเจ้าก็จะนอนไปตลอดกาล”
วายุกระเด็นล้มลงอีกครั้งและเขาก็พยุงตัวลุกขึ้นได้อีก ครั้งนี้วายุประสานมือเหมือนที่นางแบบสาวในหนังสือคู่มือเลี้ยงแฟร์รี่สีฟ้าทำให้ดู เปลวไฟสีฟ้าที่มือของวายุลุกโชยมากกว่าที่เคยเป็นมา วายุรู้สึกว่าที่เท้าของเขาก็มีเปลวไฟสีฟ้าลุกโชยด้วยเหมือนกัน การลัดขั้นตอนของการวิวัฒนาการของเขาสำเร็จ
“อา นี่แระ พลังของขั้นที่สอง”วายุรู้สึกได้ถึงพลังที่มากกว่าที่เคยมีมา
“แต่ยังไม่สมบูรณ์นะเจ้าค่ะ การทำอย่างนี้แค่ดึงพลังขั้นที่สองมาได้ก็จริงแต่ว่า มันมีทั้งหมดหรอกเจ้าค่ะ”
เสียงบลูดังขึ้นจากแหวนผนึกภูติ เขากล่าวขอบคุณมันเรื่องคำแนะนำและพลังที่มันให้เขา และในที่สุดวายุก็ยืนได้อย่างมั่นคง “ลุยต่อ ไหนเหว เราถึงไหนกันแล้วฟระ”
“ไนท์เฮล ข้าชื่อว่า ไนท์เฮล งั้นโทษฐานที่เจ้าเรียกข้าผิด เจ้าต้องตาย”
“เออ พูดมากอยู่ได้ รำคาญเฟ้ย”
ไนท์เฮลพุ่งเข้าหาวายุ เขามั่นใจในความเร็วของตัวเองและพุ่งหมัดไปที่ร่างของวายุ แต่หมัดนั่นก็ชกได้เพียงกำแพงห้องโถมที่ว่างเปล่าเท่านั้น
“แจ่มเลยบลู สุดยอดชะมัด”วายุพูดขึ้นเมื่อการกระโดดครั้งเดียวทำให้ตนลอยขึ้นบนอากาศและยังสามารถลอยอยู่บนอากาศได้อีกด้วย
“การบินสินะ ที่ไคท์พูดถึง บินด้วยเปลวไฟสีฟ้า มันป็นแบบนี้นี่เอง”
วายุพูดจบตนก็หลบการโจมตีของไนท์เฮลได้ วายุสวนกลับด้วยการเตะทางด้านหลังและส่งผลให้ไนท์เฮลกระเด็นชนกำแพงเหมือนที่เคยทำกับวายุ
“นี่ไง สิ่งที่นายทำกับชั้น ชอบใช่ไหมฟระ”
ไนท์เฮลไม่ตอบ เขาโจมตีอีกรอบและโดนตัววายุด้วยเพราะไนท์เฮลก็สามารถบินได้เช่นกัน ด้วยพลังบางอย่างที่คล้ายกับของวายุ
“อะไรวะ”วายุพยุงตัวขึ้น “แกทำไง้ไงวะ”
“ข้าใช้พลังเปลววิญญาณตั้งแต่แรกแล้ว เจ้าน่ะ ยังไม่รู้แระว่าพลังของข้าไม่มีที่สิ้นสุด”
“เชอะ”วายุพุ่งเข้าหาไนท์เฮล ทั้งคู่แลกหมัดกันคนละทีและกระเด็นไปคนละด้าน “ยังไงซะ พลังที่ไม่สิ้นสุดที่ว่า นายก็ต้อง”
ไนท์เฮลพุ่งเข้ามาอีกครั้งด้วยความเร็วที่ลดลงอย่างหน้าตกใจในขณะเดียวกัน วายุก็พุ่งไปหาไนท์เฮลด้วย
“นายก็ต้องมีไอ้นี่อยู่ด้วย”วายุกำหมัดข้างขวาไว้แน่นจนเปลวไฟสีฟ้าทั้งหมดมาอยู่ในหมัดเดียว “อัญมณีที่นายต้องให้ผนึกแฟร์รี่บ้าๆนั่นไง”
ไนท์เฮลร้องเสียงหลงเมื่อเขาเห็นสร้อยสีดำที่เขาใช้ผนึกแฟร์รี่วิญญาณเอาไว้อยู่ในมือซ้ายของวายุ และสายไปแล้วสำหรับการหลบหมัดของวายุ
“หมัดเปลวฟ้าสีฟ้า!”
เสียงระเบิดดังสนั่นห้องโถม แรงระเบิดทำให้เกิดผุ่นควันควุ้งกระจาย ทำให้สมาธิของพอลโล่พลอยเสียไปด้วย เมื่อเอลได้โอกาส การแช่แข็งพอลโล่คือสิ่งที่เอลตั้งใจทำ และสำเร็จ เอลใช้คาถาต่อไปคือ แตกกระจาย ร่างของพอลโล่แตกกระจายเป็นพันชิ้นส่วนเหมือนเศษแก้วแตก พอลโล่และไนท์เฮลสิ้นใจพร้อมกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ