เทวีแห่งแดนอาถรรพ์
3) ตอนที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 1
ปัจจุบัน
ในงานราตรีผ้าโบราณที่จัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะขอม ภายในงานทุกคนต่างแต่งชุดโบราณอย่างเต็มที่ บางคน สวมศิราภรณ์ สังวาล และพาหุรัด
“คุณหญิงคะ ของคุณหญิงนี่สมัยไหนคะเนี่ย สร้อยนั่นอีกสวยมากๆเลยคะ” คุณหญิงศศิวิมลเอ่ยถามขึ้น มือจับสร้อยสีเหลืองผ่องอำไพ มือหนึ่งก็จับเนื้อผ้าที่อีกคนใส่อยู่ “สมัยพระเจ้าชัยวรมันน่ะค่ะ เนี่ยของชาววังเลยนะค่ะเนี่ย คนที่เป็นเจ้าของชุดนี้ตัวจริงก็คือพระนางชัยราชเทวีค่ะ พระนางเป็นมเหสีของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 น่ะคะ” คำพูดของคุณหญิงกมราเรียกเสียงฮือฮาให้กับคนฟังได้เป็นอย่างดี “โอ้โห ของเก่าขนาดนั้น ยังหลงเหลืออยู่หรือคะ” คุณหญิงศศิวิมลยังถามไม่หยุด “ใช่คะตระกูลของดิฉันนะคะ สืบเชื้อสายจากพระนางชัยราชเทวีค่ะ ชุดนี้ก็เลยเหมือนสืบทอดต่อๆกันมานะค่ะ”
พลัน ทันใดนั้นเองก็มีเสียงนกน้อยใหญ่กู่ร้องประสานเสียงกันอย่างเกริกก้อง ราวกับจะต้อนรับการมาเยือนโรงแรมนี้ยามวิกาล ทำให้แขกทุกคนในงานต่างมองหน้ากันทันที นับเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ นกร้อง ตอนกลางคืน เสียงนกกู่ร้องค่อยๆหายไป เมื่อสาวสวยตาคม งามสง่าดุจนางพญาก้าวเข้ามาในงานในชุดของเจ้าหญิงขอมปล่อยผมยาวสลวยทรงศิราภรณ์อันเลอค่าสำหรับมหารานี สวมพระมหาสังวาลสีทองพาดเฉียงบ่าทั้งสองข้าง สวมกำไลที่ทำจากทองคำแท้ฉลุลวดลายตามสถาปัตยกรรมขอม ที่ต้นแขนทั้งสองข้างใส่พาหุรัดพญานาคเศียรเดียว สวมกรองศอประดับด้วยทับทิมและทับทรวงที่ตรงกลางประดับด้วยโกเมนสีเข้ม พวกนักข่าวพากันถ่ายรูปทั้งแสงและเสียงของแฟลชรัวกระจาย จนน่าแสบตาไปหมด คุณหญิงศศิวิมลรีบถลาเข้าไปหาสาวน้อยตาคมคนนี้
“สวัสดีค่ะคุณหญิงศศิวิมล” เธอยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย “สวัสดีค่ะ คุณหยาดฟ้า วันนี้ชุดสวยมากเลยนะคะ” คุณหญิงศศิวิมลรับไหว้พร้อมกับเอ่ยปากชม “ขอบคุณค่ะ” เมื่อหยาดฟ้าพูดจบก็มีนักข่าวคนหนึ่งวิ่งแหวกวงเหล่าคุณหญิงเข้ามา เพื่อที่จะขอสัมภาษณ์หยาดฟ้า “คุณหยาดฟ้า เชิญทางนี้หน่อยครับ ผมขอสัมภาษณ์แปปนึง ไม่นานหรอกครับ” ชายคนนั้นบอกโดยที่หยาดฟ้าก็ทำตามโดยดี
ทางชั้นบนของโรงแรม
“พี่ต้าร์ ใครหรอครับผู้หญิงคนนั้น” ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งตาคมดุจพญาเหยี่ยวแต่แววตาดูอ่อนโยนและขี้เล่น จมูกโด่ง คิ้วหนา ปากสีชมพูอิ่มตามฉบับคนที่สุขภาพดี
“คุณหยาดฟ้า ธิดาเจ้ากัมระเตงอัญศรีชเยนทรวรรม” ภัทรนนท์ หรือ ต้าร์ตอบคำถามเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง “หืม? เชื้อพระวงศ์ขอมที่เพิ่งสวรรคคไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วน่ะหรอ” ชัยอัคคี หรือ ครุฑ ถามอย่างไม่แน่ใจ “เออ นั่นแหละ” ภัทรนนท์บอกพร้อมยกแก้วไวท์จิบนิดหน่อย “ทำไม สนใจหรอ” ชัยอัคคียิ้ม ก่อนจะจิบไวท์บ้าง “ครับ สวย…สวยเหมือนกินรี…ไม่สิ…เหมือนนางพญามากกว่า” ภัทรนนท์ยิ้มมุมปากนิดๆก่อนจะวางแก้วไวน์ลงแล้วมุ่งหน้าไปหาผู้หญิงสวยวัยน่าจะ 30 กว่าๆแล้วแต่ยังคงความงามของความสาวไว้อยู่ ชัยอัคคียิ้มและส่ายหน้าเบาๆ พี่ต้าร์ ภายนอกดูเหมือนเงียบๆ ขี้เล่นนิดๆแต่ความจริงแล้วเจ้าชู้เป็นที่สุด
เมื่อเธอให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปชั้นบนสุดของโรงแรมเงยหน้ามองพระจันทร์ที่สุกปลั่งเปล่งประกายบนท้องฟ้า ถ้าเป็นที่ที่เธอเคยอยู่เมื่อครั้งยังเยาว์วัย ยามราตรีที่มีเพียงจันทราคอยให้แสงสว่างถึงแม้มันจะเป็นแสงสว่างที่น้อยนิดเทียบกับสุริยันไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยจันทราก็เยือกเย็น มีมนต์ขลัง ในขณะที่สุริยันร้อนแรงจนแทบจะเผาไหม้สิ่งต่างๆให้เป็นจุล แต่ยามนี้เธออยู่ที่นี่ ที่ที่จันทราส่องสว่างแต่ก็มิอาจเทียบเคียงแสงสีจากดวงไฟ แสงแห่งจันทราถูกแสงจากหลอดไฟกลบไปและไร้ความหมายยามค่ำคืน
“คิดอะไรอยู่หรือครับ” เสียงนั่นทำให้หยาดฟ้ารีบหันกลับไปดูทันทีด้วยความตกใจ เป็นไปได้อย่างไง ในเมื่อเธอร่ายมนต์แล้วนี่ มนต์ที่ทำให้ใครๆไม่ต้องมายุ่งกับเธอ หรือว่า มนต์เสื่อม เป็นไปไม่ได้เธอยังไม่ตายนี่ “ไม่ต้องตกใจหรอกครับ ผมเองก็อาจจะคล้ายๆกับคุณ” ชายหนุ่มพูดต่อเมื่อเห็นหญิงสาวยังตระหนกตกใจไม่หาย เมื่อตั้งสติได้ก็พูดออกไปอย่างใจเย็นว่า “งั้นหรือคะ” ชัยอัคคียิ้มแล้วส่งแก้วน้ำมะพร้าวให้ หยาดฟ้าก็รับมาและดื่มเข้าไปนิดๆพอเป็นพิธี “ผมชื่อ ชัยอัคคีเป็นนักโบราณคดีครับ” เขาแนะนำตัวเองเมื่อเห็นหยาดฟ้าเงียบไปอีกครั้ง “ค่ะ ดิฉันชื่อ หยาดฟ้าค่ะ” ชัยอัคคีมองลงไปข้างล่างก็เห็นภันทรนนท์ชูแก้วไวน์ขึ้นมาให้เขาเหมือนเป็นสัญญาณบอกว่า จีบให้ติดนะเฟ้ย ชัยอัคคีเองก็รู้ความหมายเลยชูแก้วไวน์ตอบกลับไป รู้แล้วครับพี่ แล้วก็หันมามองหยาดฟ้าซึ่งตอนนี้เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ทางงานจัดขึ้นต้อนรับแขกผู้ที่ขึ้นมาข้างบนโรงแรม หยาดฟ้าเองก็เหมือนจะรู้ตัวว่ามีคนมองจึงตวัดสายตาอันคมกล้าออกไป “สวยนะคะ ชุดเกราะนั่น” เธอบอก เขาก็ยิ้มรับ “ครับ เป็นชุดเกราะของขุนพลคู่ราชบัลลังก์พระบาทเจ้ากัมระเตงอัญสียโสวรมัน” คำพูดของเขาทำให้เธอลุกขึ้นทันทีเขาพูดถึงพระบิดาเจ้า แสดงว่าเขาต้องรู้ “คุณรู้อะไรเกี่ยวกับพระองค์หรือเปล่าคะ”หยาดฟ้ายิงคำถามที่เธอคิดว่าเธอต้องการคำตอบมากที่สุดในเวลานี้ ชัยอัคคียิ้มก่อนจะเล่าเรื่องราว “พระ เจ้ายโสวรมันทรงครองราชย์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์โดยทรงครองราชย์ที่เมืองหริหราลัย ต่อมาพระองค์ก็ทรงย้ายนครหลวงจากเมืองหริหราลัย มาตั้งที่ปราสาทนครวัด และได้ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางสิริรัศมีพร้อมทั้งแต่งตั้งนางเป็นอัครมเหสีพระองค์ทรงสร้างปราสาทบาแค็งเป็นศูนย์กลางพระนคร เป็นทั้งอนุสรณ์ราชาแห่งภูเขาของราชวงศ์ไศเลนทร์ และเป็นเขาพระสุเมรุที่ประทับของพระศิวะ ตามธรรมเนียมของไศวเวท เพราะว่าพวกขอมนับถือศาสนาฮินดู-พุทธ ระหว่างนั้นพระนางสิริรัศมีพระอัครมเหสีใกล้มีพระประสูติกาล ในคืนนั้นเองทรงได้กำเนิดพระธิดาฝาแฝดสองพระองค์ พระเจ้ายโสวรมันประทานนามแก่พระธิดาทั้งสองว่า สุพรรณทับทิมและมณีหยาดฟ้า
อยู่มาวันหนึ่งข้าราชบริพารและชาวพุทธจาก เมืองศิริธรรมนคร นำสำเภาพระแก้วมรกตและพระปิฏกธรรม มาเข้าปากน้ำบันทายมาศ นำพระแก้วมรกตมาถวายแด่พระยโสวรมัน พระองค์ทรงโสมนัสด้วยความปีติยินดีเป็นล้นพ้น มีบุญบารมีอย่างยิ่งที่พระแก้วมรกตลอยมาหาพระองค์ ให้ทรงคุ้มครองรักษา ตามธรรมเนียมประเพณีของราชวงศ์ไศเลนทร์นั้นก็คือ ได้สร้างพระเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ พระองค์จึงถวายวังเป็นวัดที่ประทับพระแก้วมรกต ปราสาทนั้นจึงเรียกว่า "ปราสาทนครวัด" นับตั้งแต่สมัยพระเจ้ายโสวรมัน ส่วนพระองค์ทรงไปสร้างพระนครใหม่ อยู่เหนือปราสาทพนมบาแค็ง ให้นามพระนครใหม่ว่า ยโศธรปุระ" เมื่อชัยอัคคีพูดจบ หยาดฟ้าก็ยิงคำถามว่า “แล้วไงต่อคะ” ชัยอัคคีงงกับคำพูดของเธอ “อะไรครับ นี่ก็จบแล้วล่ะครับ” หยาดฟ้ายิ้มน้อยก่อนส่ายหน้าเบาๆ “ฉันหมายถึงว่า แล้วพระธิดาสองพระองค์เป็นอย่างไรคะ” เมื่อได้ฟังคำถามที่ชัดเจนอีกครั้งชัยอัคคีก็หัวเราะเบาๆ “ยังไม่มีการค้นพบครับ แต่ในจารึกของพระเจ้ายโสวรมันบอกว่าพระธิดาทั้งสองพระองค์ทรงครองเมืองกฤตยาตาลัย แค่นี้ครับ ไม่ได้บอกอะไรไว้มาก” หยาดฟ้ายิ้มน้อยๆก่อนจะขอตัวกลับภาพ “ให้ผมไปส่งนะครับ” ชัยอัคคีอาสาทันทีเมื่อหญิงสาวบอกจะกลับบ้าน “คงไม่เหมาะสมหรอกค่ะ ฉันกลับเองดีกว่าค่ะ” ไม่ปล่อยให้ชัยอัคคีตั้งตัวก็รีบเดินออกมาจากงานทันทีโดยไม่ล่ำลาใคร
“เป็นไงวะ” ภัทรนนท์ถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องเดินลงมาจากข้างบน “สวย แต่สำเนียงคำพูดเหมือนไม่ใช่” ภัทรนนท์ทำหน้างงๆ “ก็เขาไม่ใช่คนไทยนี่หว่า” ชัยอัคคีมองหน้าภัทรนนท์ “ไม่ใช่พี่ ผมหมายถึงว่าเขาสำเนียงโบราณ ภาษาไทยชัดมากเลยพี่แต่สำเนียงเป็นสำเนียงขอมโบราณ” ภัทรนนท์ทำตาโต ก่อนจะหัวเราะทำนองที่ว่า คิดมากไปหรือเปล่า ก่อนจะปลีกตัวจากชัยอัคคีไปหาสาวๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ