Love Hormone สัมผัส(รัก)หน่อยนะ My Darling
10) ความลับแตก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความห้องพักของไอซ์
“เดี๋ยวทางนี้ป้าจัดการให้เองค่ะ พวกคุณชายไปพบท่านอินซูลินเถอะค่ะ” ป้าแพรพูดขึ้นในขณะที่ออมเล็ตกำลังเข็นเก้าอี้ไม้สักที่ตั้งอยู่บนแผ่นไม้ฐานสี่เหลี่ยมที่มีล้อเลื่อนหมุนได้โดยมีเจ้าของห้องนั่งติดแหงะอยู่บนนั้นเข้าห้อง
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากด้วยแล้วกันนะครับ”เอสแส็คหันไปพูดกับป้าแพรด้วยรอยยิ้ม
“พวกพี่ไปก่อนนะคะไอซ์ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นเช้าขึ้นมาพาไอซ์ไปเดินเล่นที่ส่วนสาธารณะตามที่สัญญากันไว้ โอเค้!” ออมเล็ตพูดเล่นเสียงอย่างร่าเริงพร้อมส่งรอยยิ้มที่แสนน่ารักให้กับไอซ์ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถมองเห็นแต่เขาก็หวังแค่เพียงว่าเธออาจจะสัมผัสถึงมันได้บ้างอาจจะไม่มากก็ยังดีสำหรับเขา
“ค่ะ...เสียดายจัง ที่จริงอาลาดินน่าจะอยู่ด้วยพวกเราจะได้เดินเล่นด้วยกันพร้อมหน้า”
“เอานา อีกไม่นานเจ้านั่นก็ออกจากโรงพยาบาลหมาแล้ว เอาไว้วันนั้นก็ค่อยไปเที่ยวกันอีกรอบก็ได้ ตกลงนะคะคนเก่ง^ ^+” อะตอมยื่นมือไปขยี่หัวของไอซ์เบาๆเหมือนลูกสุนัข
“ฝันดีนะ แล้วพวกพี่ไปก่อน” เอสแส็คบอกลาในท่วงท่าที่ยืนนิ่งเอามือล้วงกระเป๋า
“ค่ะ โชคดีนะคะ” ไอซ์ยิ้มหวานก่อนจะยกมือขึ้นโบกลาอย่างไร้จุดหมายก่อนที่สามพี่น้องจะเดินออกไปจากห้อง สาวน้อยดูร่าเริ่งขึ้นในทันทีที่ได้ยินเสียงของทั้งสามคน ทำให้ป้าแพรรู้สึกได้ในทันทีว่าเธอเฝ้าคอยหาพวกเขาทั้งสามแค่ไหน
“รู้สึกดีขึ้นมากเลยสินะคะ”
หงึกๆ~ยิ้ม!^ ^+
“งั้นก็ดีแล้วล่ะคะ แต่ตอนนี้ป้าว่าคุณหนูต้องกระชากกระโปรงออกจากเก้าอี้ซะแล้วล่ะค่ะ เพราะป้ารู้สึกว่ามันจะดึงออกแบบนิ่มนวลไม่ได้ซะแล้ว^ ^;;”
“หือ!0.0?”
ทางเดินพาดสนามหญ้าหน้าคฤหาสน์ใหญ่
“เอ่อ...เฮ้ย! พวกนายไปเหอะ ฉันไม่อยากไปว่ะ” ออมเล็ตและอะตอมหยุดเดินในทันทีที่ได้ยินเอสแส็คพูดก่อนจะหันไปมองที่เขาพร้อมๆกัน ด้วยสีหน้าที่เข้าใจเอสแส็คดีเพราะพวกเขาก็ไม่อยากจะให้น้องชายคนสุดท้องของตนต้องไปเจอกับคนที่ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดในตอนนี้ซักเท่าไหร่เหมือนกัน
“อือ... แล้วนายจะไปไหนต่อ”อะตอมถาม
“กลับห้องน่ะ วันนี้เดินทางเหนื่อย กะว่าขึ้นไปจะอาบน้ำเล่นกีต้าร์ซักพักแล้วก็หลับเลย”
“อือ... เออใช่ ถ้าจำไม่ผิดทางที่เฟลอร์เดินไปกับพ่อบ้านครีเอดรู้สึกจะเป็นแถวๆห้องเอสแส็คด้วยใช่มะ” ออมเล็ตถามขึ้นด้วยท่าทางสงสัยอย่างยิ่ง
“คงใช่มั้ง ยายคงให้พักห้องข้างๆฉันนั่นแหล่ะ ไมอะ?”
“อืม...ปล่าวหรอก แต่ทางที่ดีนายอย่าเข้าใกล้เขาจะดีกว่านะ ฉันขอเตือนไว้ก่อน”ออมเล็ตพูดด้วยท่าทีค่อนข้างมีความกังวล
“ไมอะ กลัวหมอนั่นก้านคอฉันรึไง เหอะ!ไม่ต้องห่วงหรอกเตี้ยออกขนาดนั้นอะ ถ้าไม่บอกว่าอายุมากกว่าฉันตั้งปีนึงนะ นึกว่าเด็ก ม.ต้น ซะแล้ว ไม่รู้น้าอินไปขุดมันมาจากไหนเห็นหน้าแล้วไม่ค่อยถูกโฉลกเลยว่ะ แถมยายก็ยังให้ทำไรบ้าๆอีก เหอะ!” เอสแส็คเบ้ปากไม่ค่อยพอใจเมื่อพูดถึงเฟลอร์ ก็เขาถนัดจะอยู่กับคนแปลกหน้าซะที่ไหนล่ะ
“ทำไรบ้าๆ...หมายความว่าไง” ออมเล็ตถามด้วยความสงสัย
“ก็พรุ่งนี้อะ ฉันต้องย้ายไปอยู่กับไอ้หมอนี่ที่ตัวสำนักอะดิ แต่ก็ช่างเถอะยายบอกว่าไม่นานเท่าไหร่นัก ก็เลยไม่คิดไรมาก”คำตอบของเอสแส็คทำให้ออมเล็ตเกิดอาการตกใจขึ้นมานิดหน่อย... ให้เฟลอร์อยู่กับเอสแส็คเนี่ยนะ? ยายเขาคิดจะทำอะไรกันแน่...
“เออ... ไปๆ ไปได้แล้วตอนนี้ยายคงรอแล้วล่ะ” เอสแส็คหมุนตัวทั้งสองคนก่อนจะผลักพวกเขาให้เดินหน้าไปหาอินซูลิน ก่อนที่ตัวเองจะหันหลังเดินกลับเข้าตัวคฤหาสน์ไปยังห้องพักของตัวเอง
ห้องพักของเอสแส็ค
“นี่ครับท่านเฟลอร์” ครีเอดยื่นผ้าขนหนูพร้อมเครื่องแต่งกายสำหรับใส่นอนให้กับเฟลอร์ก่อนที่เธอจะรับมันไปแล้วจ้องมองมัน
“งั้นกระผมจะรออยู่ข้างนอกนะครับ มีอะไรก็เรียกผมได้นะครับ”ครีเอดโค้งตัวคับนับก่อนจะเดินออกไปจากตัวห้อง
เฟลอร์มองอย่างพิจารณาอยู่ซักพักเมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่ามีชุดชั้นใน ‘ผู้หญิง’ ให้ใส่เธอก็หันหลังเดินเข้าห้องน้ำทันทีโดยไม่สังเกตเลยว่าภายในห้องโทนสีน้ำตาลอันกว้างใหญ่นั้นมีกระเป๋าเดินทางไปขนาดกลางจำนวนสองใบกับถุงใส่กีต้าร์อีกหนึ่งวางอยู่ข้างๆตู้เสื้อผ้าที่เธอเพิ่งเดินผ่านมันไป
ปึง~
ครีเอดแอบยิ้มมีเล่ห์นัยย์ทันทีที่เข้าปิดบานประตูลง ก่อนจะเดินลงบันไดออกไปจากตัวคฤหาสน์แล้วเดินทางกลับที่พักเพื่อหาลูกสาวสุดที่รักของตัวเองในทันทีตามคำสั่งที่ได้รับก่อนหน้าที่จะเข้าห้องประชุมเป็นครั้งที่สองจากอินซูลิน ปล่อยให้สาวน้อยต้องอยู่ในห้องของผู้ชายเพียงลำพังคนเดียวเพื่อรอให้เจ้าของห้องนั้นได้มารับรู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับเธอนั่นเอง
คฤหาสน์เรือนกลาง
“คิดถึงพวกเธอจังเลยลูกรักของแม่” สาววัยกลางคนหน้าตาสละสลวยยิ้มด้วยความปรื้มใจพลางโอบกอดลูกรักทั้งสองเข้าสู่อ้อมอกในขณะที่ตนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงพำนักของตัวเอง
“ได้เห็นลูกแบบนี้คงดีขึ้นบ้างแล้วใช่มั้ยล่ะ ‘อินคลีติน’ ”อินซูลินพูดพลางย่อตัวลงนั่งบนโซฟาที่ปลายเตียง
“ใช่สิคะป้า ลูกมาหาทั้งทีทำไมจะไม่ดีใจ...”รอยยิ้มกว้างๆบนใบหน้าของอินคลีตินยังคงสดใสเหมือนเดิมยกเว้นแววตาที่เริ่มเปลี่ยนเป็นความใคร่รู้ถึงบุคคลที่เธอต้องการจะเจอมากที่สุดอีกคน
“แล้ว‘เอส’ล่ะ?” ออมเล็ตและอะตอมถึงกับมองหน้ากันในทันที รอยยิ้มของทั้งสองรวมไปถึงอินซูลินอีกคนถึงกับหายไปจากใบหน้าทันที อินซูลินหลบสายตามองไปทางอื่นเพราะเธอไม่อยากจะพูดให้มีการเกิดปากเสียงกับหลานสาวที่กำลังป่วยเป็นโรคร้ายแรงอยู่ในตอนนี้เกี่ยวกับสิ่งที่เขาตามหา
“คือ...ตอนนี้เอสเขารู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะครับ”อะตอมพูด
“เมื่อกี้ยายเขาก็ชวนมาแล้วล่ะครับแต่ดูท่าทางว่าเขานะเพลียมานาะครับ พวกเราก็เลยบอกให้เขาไปนอนพักก่อนน่ะครับ”ออมเล็ตเสริม
“เหรอ...เสียดายจังนะ แต่ก็ไม่เป็นไรปล่อยให้เขาได้พักบ้างก็คงจะดี”อินคลีตินยิ้มให้อย่างเข้าใจ แต่ก็ยังรู้สึกน้อยใจนิดๆทำไมลูกรักของเขาถึงไม่ยอมมาหาเขาก่อนกันนะ
“คือ...ฉันมีงานบางอย่างต้องสะสางให้เสร็จ ขอตัวก่อนแล้วกัน” อินซูลินลุกขึ้นจากโซฟาและเดินออกจากห้องไปในทันที อินคลีตินมองตามอย่างมีอาลัยเพราะเวลาเขาพูดถึงเอสทีไรอินซูลินก็มักจะตัดบทโดยการขอตัวเดินออกจากห้องไปทุกทีและเธอก็กลัวว่าเหตุที่อินซูลินเดินออกไปเมื่อกี้จะเป็นเพราะเธออีกก็ได้...
ห้องพักเอสแส็ค
ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าห้องของตัวเองมาด้วยความแปลกใจนิดๆ คนขนของลืมปิดไปตอนลงไปเหรอ?คือคำถามแรกที่เขาตั้งขึ้น แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เอสแส็คกดล็อกประตูก่อนจะเดินตรงไปยังเตียงนอนและทิ้งตัวลงบนนั้นอย่างอ่อนแรง... เฮ้อ!~เขารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน เมื่อนึกถึงแม่ของเขาเองและ...เอส
“ฉันอิจฉาแกจัง เอส...”
แกร๊ก!
“0_0!?” เพราะสียงเปิดประตูห้องน้ำของเฟลอร์ ทำให้เอสแส็คถึงกับสะดุ้งลุกขึ้นนั่งในทันที ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นและมใช้สายตาเพ่งมองไปยังประตูห้องน้ำและก็ต้องพบกับ เฟลอร์ ในสภาพกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมสวมเสื้อนอนแขนสั้นกางเกงขายาวสีชมพูลายดอกไม้และ...เธอมีหน้าอก!!!
“นายเป็น...”
“...” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเสียงที่กำลังสนทนาอยู่กับเขา ตรงหน้าของเธอมีเอสแส็คที่ยืนสงบนิ่งกำลังใช้สายตามองที่หน้าเธอก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปยังหน้าออกที่ยื่นออกมา...
“คุณชายเอสแส็ค...O_O!” และเป็นอีกครั้งที่หญิงสาวเกิดอาการตาค้างกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ก็เธอ...ไม่ได้รัดหน้าอก!~
“ผู้หญิง...”
O_O! >>>ค้าง
...และ...
O -]O^ >>>ค้าง...
...
“ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“O_O!!!” อินซูลินสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของหลานชายตัวเองเช่นเดียวกับเหล่าคนรับใช้ต่างๆนานาของตัวคฤหาสน์ ถึงแม้พวกเขาจะได้ยินก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่ทำงานที่อยู่ตรงหน้าตนไปเพียงเท่านั้นเพราะพวกเขาถูกครีเอดหัวหน้าพ่อบ้านใหญ่สั่งเอาไว้แล้วว่า ‘ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไร ไม่ต้องไปสนใจมัน ทำสิ่งที่ตนเองทำให้เสร็จเป็นเพียงพอ ไม่ต้องไปอยากสอดรู้เรื่องชาวบ้าน’
ส่วนออร์แกนและออกัสนั้นต่างคนต่างก็เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ดีว่าพวกเขาถูกกักบริเวณ รอการพิพากษาคดีจากอินซูลินเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเพื่อรอการตัดสินโทษทันของตัวเองในวันรุ่งขึ้นออร์แกนและออกัสจึงต้องพยายามข่มตาให้หลับได้เร็วที่สุด เผื่อการตรงต่อเวลาจะช่วยให้บทลงโทษของทั้งสองคนที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไรนั้นได้ถูกผ่อนปรนลงบ้าง
และอีกหนึ่งนั่นก็คือครีเอด เขาเดินเข้าบ้านพักชั้นเดียวขนาดคนอยู่ได้3คนด้วยรอยยิ้มหวังเพียงอย่างเดียวในอนนี้คือการได้กอดลูกรักของตัวเองที่เฝ้ามาเยี่ยมเป็นเวลาสัปดาห์ละครั้ง
“เฮ้! ‘คริส’จ๋าทำไรอยู้จ๊ะคนดีของปะป๋า” ครีเอดกำลังเดินไปตามทางไปห้องครัวเพราะคิดว่าลูกสาวของนคงกำลังจัดเรียมอาหารมื้อเย็นสุดพิเศษที่ผู้เป็นแม่ฝากเอามาให้ใส่ถ้วยชามอยู่
“ป๊า! นั่นเสียงใครอะ!!!”หญิงสาวผมตรงเหยียดเทียมหลังใบหน้าสวยคมวิ่งอย่างหน้าตาตื่นนิดๆพร้อมมือที่กำลังถือถุงแกงพริกกุ้งกับจานข้าวมาหาผู้เป็นพ่อ
“อืม...ไม่มีอะไรหรอก แค่การเล่นกันของเด็กๆน่ะ” ครีเอดส่งยิ้มหวานให้หญิงสาวแล้วทำเหมือนว่าสิ่งที่เขารู้คือเรื่องเล็กๆและปกติธรรมดา และเพราะคำพูดที่ว่า ‘แค่การเล่นกันของเด็กๆ’ ของผู้เป็นพ่อจึงทำให้คริสนึกไปเอง ว่าเป็นเสียงของออร์แกนและออกัสแฝดน้อยที่ดูเหมือนจะใสซื่อแต่กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด สองพ่อลูกจึงเลิกให้ความสนใจกับเสียงๆนั้นแล้วหันกลับไปสนใจเมนูอาหารเย็นในคืนนี้แทน
และนอกจากนั้นที่เสียงของออกัสไม่สามารถไปถึง พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรกับมันเพราะพวกเขาไม่ได้ยินมันยังไงล่ะ... อินซูลินรวบรวมสติกลับมาอยู่กับตัวก่อนจะถอนหายใจไปหนึ่งเฮือกใหญ่และเปรยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างสมปรารถนาเหมือนนางร้ายในละครที่แกล้งทำเป็นร้องไห้เพื่อจะซบอกพระเอกแต่กลับยิ้มเย้ยหยันให้กับนางเอกแทนด้วยความสะใจ
ตึงๆ! เคร้ง! โพละ!~~
บรรดาของจัดแต่งห้องทั้งหลายไม่เว้นแม้แต่หมอน ผ้าห่ม หรือผ้าปูเตียงถูกละเลงปาใส่เฟลอร์อย่างไม่ยั้งมือ
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ยัยบ้า!กล้ามาใช้ห้องน้ำของฉันล้างตัวอันโสโครกของเธอได้ไง” หญิงสาวพยายามใช้มือปัดป้องไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะถ้าเขาหยุดเขาคงจะโดนไม่อะไรก็อะไรบางอย่างประทะกับหน้าของเขาเปป็นแน่
“ใครใช้ให้เธอเข้ามาในห้องฉันน่ะฮะ ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ยัยบ้า!!!”
“ฉันไม่ได้สกปรกขนาดนั้นซักหน่อย แล้วก็...ไม่ได้บ้าด้วย- -” ถึงอย่างไรก็ตามใบหน้าของเธอกลับมาฉายแววเรียบอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครทราบ หญิงสาวเริ่มตอบคถามของเอสแสคไปทีละข้อในขณะเดียวกัน มือและขาของเขาก็ยังคงทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันอุกาบาตสิ่งของที่พุ่งเข้าสู่ตัวเขาด้วยเช่นกัน
“หุบปากไปเลย!ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!!>[ ]<!!!” เอสแส็คเริ่มเร่งความไวในการจับสิ่งของปาเข้าใส่ ‘มนุษย์เพศหญิง’ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาให้แรงยิ่งขึ้น จนให้ให้เฟลอร์เริ่มที่จะก้าวถอยหลังไปทีละก้าว หากเพราะคนที่ปาของใส่เฟลอร์อยู่นี้ไม่ใช่เอสแส็ค เธอคงจะสวนเขากลับจนสลบไปนานนมแล้ว
“ก็คุณถาม ฉันเลยตอบ แต่พอฉันตอบคุณกลับบอกให้หุบปาก...”
“บอกให้ออกไปไง ถ้าไม่ออกฉันจะบอกเรื่องนี้กับทุกคน ฉันจะบอกน้าอินเป็นคนแรกเลยคอยดู!!!”
“หมอนั่นไม่เชื่อหรอก- -...”
เบร้กกกกกก!!!
จบประโยคล่าสุดที่ออกจากปากของเฟลอร์ เอสแส็คถึงกับเบรกแรงเหวี่ยงหมอนที่เขากำลังจะปาใส่เฟลอร์ไปอีกหนึ่งใบทันทีส่วนเฟลอร์ก็กลับมาตั้งท่ายืนนิ่งๆพลางใช้มือปัดตัวไปมาแทน
“ฮะ...”
“มีคนพยายามบอกเกี่ยวกับเรื่องฉันเป็นผู้หญิงให้อินฟินิตี้ฟังก็หลายครั้งอยู่ แต่ไม่รู้ไอหมอนั่นไปเอาความมั่นใจว่าฉันเป็นผู้ชายมาจากไหนนักหนา หมอนั่นเลยไม่ยอมเชี่อซักคน”
“เป็นไปได้ไง”
“...”...ฉันไม่รู้หรอก อยากรู้กไปถามอินฟินิตี้สิ- -
“ช่างเหอะ ฉันบอกคุณยายก็ได้”
“โทษทีนะ เพราะเขารู้ความจริงฉันเลยได้อยู่นี่น่ะ”
“อาไรนะ!O[ ]O!!!!”
เอสแส็คทำท่าเลิ่กลักๆอย่างกระวนกระวาย อะไรกันเนี่ยตอนนี้คนในตระกูลเขากำลังโดนหลอกอย่าวนั้นเหรอ!!
ตื้อดือดึด~ ตื้อดือดึด~ ...
“อินฟินิตี้เหรอ” หญิงสาวกดรับโทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้าขึ้นชี่ออินฟินิตี้อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่คิดอะไรมาก
“น้าอินเหรอ... น้าอิน!!!”
“หือ!?” เสียงปลายสายของอินฟินิตี้อุทานขึ้นอย่างแปลกใจ ในขณะเดียวกันเฟลอร์ก็หันไปมองตามเสียงเรียกตะโกนของเอสแส็ค
[นายอยู่กับเอสแส็คเหรอ]
“อือ ก็...อย่างนั้นแหละ”
“น้าอิน! ไอหมอนี่เป็น...”
[{{o.o!?]<<<อิน
“P_ P...”<<<เฟลอร์
“ผู้หญิง!>[]<!!!!”<<<เอสแส็ค...
...
[55555555+^ ^ เอสแส็คก็น้า โดนใครเจ้าพวกนั้นเป่าหูมาล่ะสิท่า หะๆ เอาไงดีล่ะเฟลอร์ โดนว่าๆเป็นผู้หญิงอย่างงี้จะต่อยปากมันให้แตกไปเลยก็ได้นะฉันอนุญาต]
“...ฮะ!? แต่อา...”
[อาๆพอแล้วๆ เอาเป็นว่าดูพวกนายสนิทกันดี ฉันก็ไม่เป็นห่วงอะไรแล้ว ก็เห็นได้ยินว่าป้าอินจะให้นายนอนของเดียวกับเอสแส็คเลยเป็นห่วงขึ้นมานิดๆ แต่ได้ยินแบบนี้แล้วก็ไม่ค่อยห่วงอะไรแล้วล่ะยังไงก็ฝากหลานชายสุดที่รักของฉันด้วยล่ะกันน้า^^ บาย+]
“อา”
ตืดๆ!...
“ก็บอกแล้วไงว่าหมอนั่นไม่เชื่อหรอก...”
“เดี๋ยว! เมื่อกี้ฉันได้ยิน ... ฉันได้ยิน ว่าฉัน...”เอสแส็คใช้นิ้วชี้ไปทางเฟลอร์พลางมองด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
“เธอ...นอน ห้องเดียวกัน!?”
“ก็คงงั้น”
“ไม่นะ!!!”
“ไม่รู้- -”
“ใช่แล้ว!!!ถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับทุกคน ทุกคนก็จะรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงแล้วเธอก็จะถูกออกจากที่นี่เพราะถูกลงประชามติให้ออกแล้วฉันก็จะได้ไม่ต้องนอนกับเธอ”ชายหนุ่มพูดในขณะที่กำลังควานหาโทรศัพท์มือถือของตนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจะกดโทรหาคนซักคนมี่ยอมเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
อาจเป็นเพราะท่าทางและการกระทำของเอสแส็คทำให้เฟลอร์เริ่มเกิดอาการรำคาญตาขึ้นมาตงิดๆบวกกับภาพของเอโม่หรือไอซ์น้องสาวของตัวเองในตอนนี้ที่ทำให้เฟลอร์ออกจากองค์กรนี้ไปไม่ได้ หญิงสาวจึงค่อยๆเดินตรงไปที่เขาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดิน เอสแส็คที่เริ่มรู้สึกตัวว่ามีอะไรบางอย่างค่อยๆเดินตรงมาทางตัวเองจึงเลิกสนใจหน้าจอแล้วหันมาสนใจบุคคลดังกล่าวที่อยู่ตรงหน้าแทน เขาค่อยๆก้าวถอยหลังด้วยความถี่ที่พอๆกับการก้าวย่างมาข้าหน้าของเฟลอร์
“คิดว่าฉันจะยอมให้นายทำอย่างนั้นรึไง ถ้าไม่ใช่เพราะบางสิ่งบางอย่างที่ฉันต้องเอากลับคืนมาให้ได้ ฉันก็คงไม่ยอมอยู่ในที่ๆต้องยุ่งเกี่ยวกับใครต่อใครมากมายแบบนี้หรอก...” เอสแส็คถอยไปจนสุดกำแพง ชายหนุ่มต้องหดตัวลงนั่งติดกับพื้นในทันทีที่เฟลอร์เขามาประชิดตัว แต่เขากลับไม่สามารถคลานหนีออกจากตรงนั้นได้เลยเพราะหญิงสาวกำลั่งยืนเอาสองมือเท้ากำแพงและขาข้างหนึ่งก็ถีบกำแพงดักทางหนีของเขาหนึ่งทางไปแล้วในทันที แต่แค่คิดจะหนีไปอีกทางเฟลอร์ก็กลับย่อตัวลงจนตัวของเอสแส็คอยู่ในวงแขนของเขาโดยปริยาย หญิงสาวจ้องหน้าของเอสแส็คที่อยู่ในระดับเดียวกับตัวเองในนี้เขม่ง
“ธ...เธอ... เอาร่างกายของเธอออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
ปึง!!!กรอบบบบบ~
เพราะภาพของเอโม่ผุดขึ้นมาบนสมองเธออีกครั้งหญิงสาวจึงฟาดกำปั้นข้างหนึ่งใส่กำแพงข้างๆศีรษะของเอสแส็คจนแตกเป็นหลุมและเกิดรอยร้าว เอสแส็คนั่งนิ่งตาค้างด้วยความตกตะลึงนี่เขากำลังเผชิญกับตัวอะไรอยู่กันแน่นะ?
“ฉันต้องอยู่ที่นี่ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องอยู่ที่นี่ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอกลับมา...”
ด้วยความน่ากลัวของเฟลอร์บวกกับที่เธอเป็นผู้หญิง ชายหนุ่มไม่สามารถขัดขึ้น ขยับตัวหรือทำอะไรได้เลยนอกจากนั่งให้เฟลอร์ตะคอกใส่อย่างเดียว
“...เพราะฉะนั้น ถ้านายทำอะไรที่ทำให้ฉันต้องออกจากองค์กรนี้ไป คงจะไม่ต้องให้พูดต่อก็รู้ใช่ไหม...”เฟลอร์ขบฟันพูดด้วยสายตาที่แข็งกร้าวกับเอสแส็คที่กำลังเหงื่อตกพลักๆด้วยความกลัวพลางพยักหน้ารับเพราะโดนบีบบังคับจากสถานการณ์อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“เข้าใจก็ดี” หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางนิ่งๆก่อนจะหันหลังให้เอสแส็คเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหยิบถุงใส่เสื้อผ้าเลอะแป้งของเขาออกมาแล้วเดินไปประตูทางออกในทันทีแต่เฟลอร์ก็หยุดชะงักเท้าในการเดินโดยไม่รู้สาเหตุทำให้เอสแส็คต้องสะดุ้งกับท่าทีของเธอ
“แต่เพราะฉันกับนายยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนานวันนี้เห็นว่าเราเพิ่งรู้จักกันและฉันก็ยังไม่อยากทำให้นายเจ็บปวดในตอนนี้มากนัก ฉันจะออกไปหาที่พักที่อื่นนอนก่อน ส่วนที่ฉันเป็นผู้หญิง...ฉันจะเปิดเผยเรื่องนี้ด้วยตัวฉันเอง เพื่อความสบายใจของนาย หวังว่าเราคงจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบได้นะ...ลา...”พูดจบประโยคเฟลอร์ก็เดินจากเอสแส็คไปโดยไม่หันกลับมามองอีก เอสแส็คได้แต่มองตามด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เฟลอร์ทำให้เขาเห็น เฟลอร์เป็นผู้หญิงคนแรกที่ต่อยกำแพงจนร้าวเป็นหลุมให้เขาเห็นกับตา...เธอน่ากลัวกว่าที่เขาจินตนาการไว้เมื่อตอนเจอกันครั้งแรกที่คิดว่าเธอเป็นผู้ชายซะอีก แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั่นก็คือ เขามักจะขยะแขยงสิ่งของที่ถูกพวกผู้หญิงใช้งานอยู่เป็นนิสัยน่ะสิ!
===================================================
เย้! ในที่สุดก็ได้กลับมาอัพตอนเพิ่มแล้วขอรับ ขอบคุณ๊มากๆนะคะที่กรุณาช่วยเข้ามาอ่าน จะพยายามสู้ต่อไปค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ