Gentleman Badboy...รักนะนายสุภาพบุรุษวายร้าย
4) เจอแจ๊กพอต!!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแล้วนี่นายไซมารุอยู่ไหนกันหว่า ห้องรับแขกก็ไม่มี ห้องน้ำก็ไม่มี ห้องครัวก็ไม่มีแห๊ะ อยู่ไหนของเขากันละคะเนี่ย คนสวยทำตัวไม่ถูกแล้วนะ อ้อ!ยังไม่ได้ไปหาตรงสระว่ายน้ำนี่นา อ้า! เจอแล้วๆ ว่าแต่ทำไมผมทอง - - คนญี่ปุ่นจริงเปล่าเนี่ย เขานั่งหันหลังให้ฉันในท่าไขว่ห้าง ดูจากทรงผมแล้วท่าจะหล่อใช่เล่นนะเนี่ย ทรงเกาหลีขนาดนี้ เฮ่ยๆ…เขาเป็นคนญี่ปุ่นนะ = =
“อ๊ะ คุณซันนี่ใช่มั้ยครับ ^^” อุ่ย!! ตกใจหมด เขาหันหน้ามาแล้วยืนขึ้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มกระแทกใจนั่นมา โอ้วแม่ทำไมนายนี่มันหล่อลากแย้ขนาดนี้ คิ้วที่ดกดำ ดวงตาฉายแววสุขุม ตาตี่เล็กน้อย จมูกโด๊งโด่ง ริมฝีปากบางและเล็กน่ากัด -.,- ใบหน้าคมปานปลายเล็บแมวที่พร้อมจะขวนใจสาวๆที่ได้พบเห็น(อย่างฉัน) แถมขาวมาก เหมาะกับเสื้อสูทสีเทา เนคไทสีดำ ดูสุขุมนุ่มนวล และอบอุ่นไปพร้อมๆกัน หล่อเฉียดนายเพียวเลยนะเนี่ย เฮ่ยเดี๋ยวก่อน ฉันไม่สมควรพูดชื่อนั้นขึ้นมา คนๆนั้นไม่มีค่าให้ฉันต้องจดจำ เพราะเขาทำให้ฉัน..เกิดอารมณ์อยาก แล้วก็จากไปดื้อๆ - -+ อย่าให้พูดเลย พูดแล้วยังแค้นไม่หาย
“เอ่อ ตกลงคุณใช่...” เขาทำหน้าแดงแสดงความเขินเหมือนทักคนผิด น่ารักแห๊ะ แก้มที่แดงอมชมพูกับใบหน้าขาวๆทำให้เขาดูน่ารักแบบบอกไม่ถูก
“อ๋อๆใช่ค่ะ ฉัน ซันนี่ สนสินี วีรโชติคุณ” ฉันแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ มันทำให้ฉันเหมือนมีออร่าสีขาวในตัวทุกครั้งที่พูดชื่อและนามสกุลของตัวเองออกมา ก็แหม่…จะไม่ให้พูดงี้ได้ไงก็ในเมื่อตระกูล วีรโชติคุณ เป็นถึงเศรษฐีชั้นแนวหน้าของประเทศไทยเลยเชียวนะ ไม่ว่าใครๆก็สมควรที่จะต้องรู้จัก ถ้าไม่รู้จักถือว่า เอ๊าท์!
“ครับ ^^ ผมชื่อ ซามาจิ ไซมารุ เป็นลูกของเพื่อนแม่คุณ” เขาก้มหัวให้ฉันเป็นเชิงทักทาย ซึ่งทำให้ฉันต้องรีบก้มหัวตอบทันที เพราะกลัวว่าเขาจะเห็นฉันเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี บารมี และเกียรติยศน่ะสิ (<<มากไปมั้ยเจ๊)
“พ่อผมชื่อ ซามาจิ มึซึเมะ เป็นหุ้นส่วนของคุณนายซี แม่ของคุณ แล้วที่พ่อผมกับแม่คุณส่งผมมาก็เพื่อ...”
“ไม่ต้องบอกค่ะ ฉันรู้เรื่องแล้ว” เพื่อจะมาสานความสัมพันธ์สินะ เผื่อเวลามาอยู่ด้วยกันจริงๆจะได้ไม่มีปัญหาล่ะสิ หึหึหัวแหลมดีนะแม่เรา เชื่อเขาเลย ถึงหมอนี่จะหล่อปานลูกครึ่งเทพบุตรแต่ให้อยู่กับคนที่ไม่สมยอมเนี่ย มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ได้อยู่ร่วมห้องกับคนโรคจิตดีๆคนนึง เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ
“งั้นดีเลยครับ เริ่มกันเลยมั้ย” ว่าไงนะ!! เริ่ม! แม่จะให้หนูไวไฟขนาดนั้นเลยหรอคะเนี่ย ไม่จริ๊ง พึ่งเจอกันเองแล้วจะให้ฉันไปจั๊กงั๊กกับเขาเนี่ยนะ แม่กำลังคิดอะไรอยู่คะ! > ,<
“ร่ะเริ่มเลย…หรอคะ” ฉันถามเพื่อให้แน่ใจอีกที คำตอบที่ได้ก็คือการพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มสะเทือนใจ มันช่างน่าสลดแท้ๆ T T
“อื้ม ผมชักทนไม่ไหวละ” 0 0?!! คำพูดของเขายังไม่ทำให้ฉันตกใจเท่ากับการกระทำของเขาในตอนนี้! เขากำลังถอดเสื้อสูทตัวนอกออกค่ะพี่น้อง!!! อ๊ากกก แม่ฉันส่งคนพันธุ์ไหนมาเนี่ย พันธุ์บางแก้วแขม่วหญิง หรือ ร็อคไวเลอร์เจ๋อทุกเซ็ก (<<ยัยบ้า พันธุ์แบบนี้มีที่ไหนเล่า: ไรเตอร์) นายนี่มันพวกจิตหื่นผิดธรรมชาติสร้างชัดๆ อ๊าย ฉันอยากจะบ้า > <
“คือผมร้อมน่ะครับ เลยทนไม่ไหว ผมก็ใส่สูทด้วย เหงื่อนี่เต็มหลังเลยครับ คุณ..ซันนี่ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นก็ได้ครับ แหะๆๆ” เวน = =; ก็จะไม่ให้ตกใจได้ไงกันเล่า นายทำท่าทีเหมือนเองนี่หว่า ช่วยไม่ได้ ดีนะที่ฉันแค่ตกใจ นี่ถ้านายไม่หล่อแถมหน้าตาหื่นจิตนะ ฉันสลบตั้งแต่นายบอกว่า เริ่มกันเลย แล้วล่ะ แต่ไอ่เรื่องที่ เริ่มกันเลย มันยังไม่เคลียร์นี่หว่า
“มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรอคะ”
“อ่าว ทำไมล่ะครับ หรือว่าคุณซันนี่ยังไม่พร้อม” ถามแปลกจริง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่านะ ที่จะพร้อมจั๊กงั๊กได้ตลอดเวลาน่ะ ตาบ้า
“เฮ้อ ผมว่าแล้วว่าคุณซันนี่ยังไม่พร้อม แต่แม่คุณบอกผมว่าถึงคุณซันนี่ไม่พร้อมยังไงก็ต้องพร้อม ผมก็ไม่รู้จะขัดคำสั่งเขายังไงเลยตอบไปว่า จะทำให้คุณซันนี่เป็นให้ได้ เวลาเจอของจริงจะได้ไม่กลัวน่ะครับ ^^” หน้าระรื่นมากพ่อคุณ แต่ที่บอกว่าต้องเจอของจริง โอ้วไม่นะ ฉันจะต้องเจอกับนิ้วก่อนใช่มั้ยเนี่ย!!!
“งั้นเรามาเริ่มกันเถอะครับ ตรงไหนดีครับ ตรงนี้ก็ได้บรรยากาศดีนะครับ หรือข้างในดี” ฮึ่ย! ทนไม่ไหวแล้วนะเว่ย!!
“อ๊ายยยยยยย!! นายคนบ้า นายหื่นกาม ไม่ว่าแม่ฉันจะส่งนายมาทำอะไร แต่นายก็ไม่เห็นต้องทำตามทุกอย่างเลยก็ได้นี่ แต่ถ้านายคิดจะทำอะไรฉันจริงๆแสดงว่านายก็คิดที่จะอยากมีอารมณ์ร่วมกับฉันใช่มั้ยเล่า!! ไม่ต้องเอาแผนการคลุมถุงชนของคุณแม่ฉันมาอ้างหรอก…”
“0 0?”
“มันเสียเวลาย่ะ! แล้วถ้านายบริสุทธ์จริงและโคตรซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย ก็น่าจะเถียงให้หน่อยว่า การคลุมถุงชน ไม่จำเป็นที่จะต้องจั๊กงั๊กกันก่อนเลยนะ!!” ฉันปล่อยสุดอารมณ์ สุดหูรูดในขณะที่เขาทำหน้าอึ้งๆงงๆ ทำไมกันฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าวะ ก็นายอยากจะมาพูดจาวอนโดนเท้าก่อนเองน๊ะ หึ๊!
“ค่ะ..คลุมถุงชน?” ไหงนายพูดเหมือนยังไม่รู้เรื่องนี้ล่ะ
“อ่าว ก็..” ฉันพูดไม่ออกในหัวมันสั่งการให้ฉันงงต่อไปอีกซักพักกับหน้าตาที่บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจของเขา
“คือ ที่พ่อผมกับแม่คุณส่งผมมาก็เพื่อที่จะให้ผมได้สอนงานให้กับคุณซันนี่น่ะครับ แม่คุณเห็นว่า คุณซันนี่ยังไม่มีงานทำ ท่านเลยอยากให้คุณซันนี่ไปทำงานที่บริษัท แต่นึกขึ้นได้ว่าคุณซันนี่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับงาน พ่อผมก็อาสาผมเนี่ยแหละครับมาสอนงานคุณซันนี่ ^^;;” เพร้งๆๆ ได้ยินเสียงไรมั้ยอ่ะ เสียงเหมือนจานแตกเลย แต่คงไม่ใช่จานหรอก มันคือหน้าฉันเองแหละ -////- ให้ตายมีอะไรที่อายกว่านี้มั้ยเนี่ย ที่โกยก็ไม่มีด้วย เขาจะเห็นเศษหน้าฉันบ้างมั้ย T^T เผลอด่าออกไปซะเสียหมา เขาคงจะเห็นว่าฉันเป็นอีจอมเพ้อเจ้อแน่ๆเลย อายชะมัด >///<
ฉันเงียบเป็นคำตอบที่แสนจะงี่เง่าให้เขา พร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆที่เปื้อนบนใบหน้า และเสียงหัวเราะที่บ่งบอกว่าฉันรู้สึกอายเพียงใด ซึ่งเขาก็คงจะเข้าใจดี ที่ฉันรู้เพราะเขาเองก็หัวเราะแบบฝืนๆ เราสองคนยืนนิ่งกันอยู่พักนึงก่อนที่เขาจะบ่นว่าร้อนและเชิญชวนฉันเข้าบ้าน เหตุกาณ์เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าคิดเพ้อเจ้อเกินเหตุ ไม่งั้นมันจะเกินเหตุจริงๆ - - หลังจากที่เขาพาฉันมานั่งตรงโซฟาบริเวณห้องรับแขกที่ใหญ่พอสมควร ซึ่งโซฟาตั้งอยู่กลางห้อง ทีวีจอแบนขนาด64นิ้ว อยู่ตรงข้างหน้าโซฟาประมาณ3-4เมตร บวกกับตู้โชว์ของต่างๆอีกมากมายจนขี้เกียจกล่าว เอาเป็นว่าถ้าบรรยายวันนี้คงไม่จบ
“คุณซันนี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เห็นเงียบๆ”
“อ๋อ เอ่อ…เปล่าค่ะ ไม่มีไรค่ะคือ..ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะขอโทษคุณไซมารุยังไงดีอ่ะค่ะ ( _ _ )” ฉันทำหน้าสำนึกผิด และไม่กล้าที่จะสบตากับเขา
“แฮะๆๆ ^^; ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมถือว่าคุณซันนี่แค่เข้าใจผิดเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่ก็แล้วกัน” เล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่?? - - กวนชะมัด
“แล้วงานที่จะสอนให้ฉันมีอะไรบ้างหรอคะ?” ในที่สุดฉันก็ปรับตัวทัน จึงกล้าที่จะถามเขาให้เข้าเรื่อง ไม่ใช่มัวแต่ไปเพ้อเจ้อ เฮ่อ อย่าให้พูดๆเดี๋ยวจะมีอารมณ์เอ๋ออีก
เขาเริ่มสอนฉันทันทีโดยบอกรายระเอียดเกี่ยวกับการบริหารงานทั้งหมด เพราะแม่ฉันจะให้ฉันมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารคนใหม่ อีกทั้งการจัดการเงินรวมไปถึงหุ้นซึ่งเขาจะไม่ค่อยได้สอนอะไรฉันมากนักเกี่ยวกับเรื่องหุ้น เพราะฉันไม่จำเป็นต้องไปดูแลอะไรตรงนั้น เพียงแค่บอกไว้ให้รู้เฉยๆ สิ่งสำคัญคือระบบรักษาความปลอดภัย ถึงฉันจะเป็นถึงผู้บริหารแต่ก็จำต้องเป็นยามไปพร้อมๆกันด้วย ( - -? ) ทีแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่พอนายไซมารุอธิบายให้ฉันฟัง ก็พอที่จะจับใจความถูกว่า ผู้บริหารนั้นต้องดูแลทุกส่วนของบริษัท ซึ่งการดูแลเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยจะสำคัญเอามากๆ เฮ่อออ! แค่คิดก็ท้อซะแล้วสิ จะต้องมานั่งปวดไส้กับเรื่องที่ไร้สาระสำหรับฉันเนี่ย
พอเขาพูดเรื่องงานให้ฉันฟังคร่าวๆแล้ว เขาก็เริ่มเล่าเรื่องประวัติความเป็นมาและเป็นไปของเขา จึงได้รู้มาว่าเขาเกิดที่ญี่ปุ่น พอซัก9-10ปีก็ย้ายมาอยู่ประเทศไทย จนอายุ18 มิน่าล่ะ พูดไทยซะแจ่มเชียว แล้วเขาก็ย้ายไปอยู่อเมริกาเพื่อเรียนต่อ จนอายุ 24ปี จบปริญญาเอก พ่อเขาก็เรียกตัวกลับมาที่บ้านเกิดของเขา ก็คือที่ญี่ปุ่นและส่งเขาเข้าบริษัทแม่ฉันซึ่งพ่อเข้าก็เป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย คุยกันไปคุยกันมาปรากฏว่าเขาจะอายุ 26ปีอยู่แล้ว แก่เหมือนกันแฮ้ะ แต่ไหงหน้าเหมือนพึ่งจะแตกหนุ่มเองล่ะ + +
เมื่อคุยกันสนุกสนานเฮฮา ก็มาถึงโหมดซีเรียสจนได้ เขาที่ได้สติก่อนจึงบอกกับฉันว่า เราควรจะเรียนรู้เรื่องงานให้ได้มากกว่านี้ซะก่อน จึงจะมีเวลาผักผ่อนที่คุ้มค่าแก่การรอคอย ช่างเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตมากๆเลยนะเนี่ย เห็นทีต้องจับมาทำเป็นผู้นำของครอบครัวซะหน่อย โฮ่ะๆๆ ^0^
เวลาผ่านไปเกือบๆ4ชั่วโมง นาฬิกาก็บอกเวลา11โมงตรง ที่เราสองคนนั่งงมอยู่กับแผ่นรายงานต่างๆมากมาย และสื่อการสอนอะไรอีกเยอะแยะของนายไซมารุ ในที่สุดการสอนของวันนี้ก็จบลงเหตุเพราะเสียงท้องของฉันมันร้อง จ๊อกๆซะลั่นห้อง ให้ตายเถอะ วันนี้ฉันหน้าแตกกี่รอบแล้วเนี่ย ลืมนับ = =
“คุณซันนี่หิวข้าวหรอครับ นี่แสดงว่าคุณซันนี่ยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าใช่มั้ยครับเนี่ย 0 0!!” หมอนี่ตะโกนเสียงดังทำเอาฉันที่นั่งกุมท้องอยู่ตกใจขึ้นมาทันที จะตะโกนทำไมวะคะ
“ถ้าทานแล้วท้องฉันคงไม่ร้องหรอกนะคะ แห่ะๆ” ฉันกวนใส่เขามากไปมั้ยเนี่ย ก็ดูเขาสิทำหน้าไม่รับมุกเอามากๆ ฉันรู้สึกว่าหน้าฉันแหลกจนไม่เหลือไว้ให้ดูต่างหน้าแล้วล่ะนะ
“งั้นผมว่าเราออกไปหาอะไรทานกันดีกว่านะครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” กรี๊ดๆๆๆ > < สุภาพบุรุษมั่กๆอ่ะ ฉันแพ้ผู้ชายประเภทนี้นะขอบอกๆ มันช่างต่างกับนาย …นายคนนั้นน่ะสิ้นดีเลยเชียว
หลังจากที่ฉันพยักหน้าพร้อมบอกขอบคุณกับเขานั้น เราก็ออกจากบ้านทันที โดยฉันที่เดินนำหน้ามาก่อนและเตรียมพร้อมจะสตาร์ทรถแลมโบร์กินี ตอนนั้นเองที่เขาส่งเสียงร้องห้ามฉันขึ้นมาซะก่อน และมันทำให้ฉันถึงกับยิ้มกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อนิ้วของเขาชี้ไปที่รถอีกคันหนึ่ง ซึ่งหรูไม่แพ้กัน เป็นเบนซ์รุ่นใหม่ป้ายแดง สีบรอนเงินเงาวิบวับสะท้อนแสงแดด ทำให้รถคันนั้นดูสง่าและมีเสน่ห์ต้องตาเอาอย่างมากๆ
“ไปรถผมดีกว่าครับ” สุภาพบุรุษไปมั้ยเนี่ยคะ อ๊ายย เขินๆๆ ><
รถเบนซ์สีบรอนเงินแล่นมาจอดเข้าซองของสถานที่จอดรถภายในเซนทรัลพระราม1ที่ๆฉันแสนจะคุ้นหูคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะมาบ่อย (มาก) เราสองคนเดินเข้าไปในที่ที่เปิดแอร์คอยต้อนรับไว้อย่างเย็นฉ่ำ ขนาดห้างพึ่งจะเปิดคนยังเยอะขนาดนี้เลย อาจเป็นเพราะช่วงนี้อากาศร้อนดีมาก ห้างเนี่ยแหละเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะพึ่งพาได้ ฉันรู้ได้เลยว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมาเดินซื้อของกันซักเท่าไหร่หรอก จะมาเดินต่างแอร์เย็นๆซะมากกว่า ที่ฉันรู้ก็เพราะฉันทำเป็นประจำ ถึงที่บ้านฉันจะรวยแค่ไหน แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า ตระกูลเรางกทุกคนค่ะ ฮ่าๆๆๆ ^0^
“คุณซันนี่จะทานไรดีครับ”
“ฉันอยากทานสเต็กอ่ะค่ะ” ฉันพูดถึงอาหารสุดโปรดของฉันเองแหละ ถึงร้านในห้างมันจะไม่ค่อยอร่อยเหมือนที่ป้า หนิวทำให้ฉันกิน แต่ตอนนี้ต่อให้ต้องกินหนูตายฉันก็ยอมวะ (เอางั้นเลย: ไรเตอร์)
“^^ โอเคเลยครับ ผมก็กำลังอยากทานพอดี”
เราขึ้นมาตรงชั้น4 มองหาร้านสเต็กที่มันน่าจะอร่อยๆ แล้วฉันก็ไปสะดุดเข้ากับร้านหนึ่ง เพราะมีคนมาเข้าคิวกันให้เต็มไปหมด แต่ดูท่าคนเยอะขนาดนั้นฉันคงรอไม่ไหวแน่ ทันทีที่ฉันทำท่าหันหลังกลับ ก็มีเสียงๆหนึ่งตะโกนลั่นออกมาซะหน้าตกใจ
“เฮ่! คุณน่ะ!!”
“เฮ่!! คุณที่ใส่เสื้อยืดสีขาวน่ะ” ฉันก้มลงมองดูเสื้อของตัวเอง ปรากฏว่า ฉันนี่นาที่ใส่เสื้อยืดสีขาว! แต่..มันคงจะไม่บังเอิญมีฉันคนเดียวหรอกนะที่ใส่เสื้อสีขาว และฉันก็ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป
“เอ่อ..คุณซันนี่ครับ ผมว่าผู้ชายคนนั้นเขากำลังเรียกคุณนะครับ” นายไซมารุว่าพลางชี้นิ้วไปข้างหลัง ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้หันไปดู อาจเป็นเพราะฉันคิดว่าไอ้คนที่เรียกฉันมันคงเป็นพวก โรคจิต วิปริต เคยเจอมาเยอะแล้วล่ะ อีแบบนี้
“คุณคนที่ใส่กางเกงขาสั้นสีดำอ่ะ! นี่! คุณ!” ให้ตายซี่ นั่นมันลัษณะของกางเกงตัวโปรดที่ฉันใส่มาในวันนี้นะ!! อยากหันกลับไปด่าจริงจริ๊ง แต่ทำไม่ได้ เพราะเดี๋ยวเสียบุคลิคผู้ดี แต่การที่ไม่ได้หันไปหาเขามันก็เป็นการเสียมารยาทอย่างหนึ่งเลยนี่นา เอาไงดีๆๆ เอาเป็นว่าหันไปสบตากันซักแป๊บให้เขาตั้งสติก่อน เขาอาจจะจำคนผิดก็ได้
ชะแว๊บ!... (เอฟเฟ็กการหันไปมอง)
ให้ตายดิ จะอะไร๊ ก็แค่ผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง ที่เหมือนกับบุคคลที่ฉันเจอเมื่อคืน …!!
“นายเพียว!!!!!”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หายไปนานเลยเนอะ (นานมาก)
ไม่ใช่อะไรหรอก เหตุผลคือขี้เกียจอัพน่ะ
ง่ายดีมั้ย ฮ่าๆๆๆ
อีกอย่างก็กำลังคิดอยู่ว่า จะย้ายไปลงใน
comeon-book น่ะ คิดอยู่นานเลย
ปรากฏว่า ก็จะย้ายจริงๆนั่นแหละ ฮ่าๆๆๆ
กำลังหาโอกาศอยู่เลย ยิ่งหายากๆอยู่
เพราะเว็บนั้นมันเข้าไม่ได้ น่าสลดชะมัด = =
-----------------------------------------------------------
มาถึงตอนสี่แล้ว ...มันก็คือตอนที่สี่แหละนะ
มันจะเป็นตอนที่ห้าไม่ได้ เพราะตอนที่ห้ายังไม่ได้คิด= =
กำลังคิดอยู่ว่าตอนที่ห้า
สมควรที่จะเปิดใจรับความคิดของพระเอกของเราดีรึเปล่า
จะได้รู้ล่วงลึกกันไปเลยว่า พระเอกเป็นยังไง
แล้วพระเอกมีความลับอะไร
แต่มาคิดๆดูอีกที มันอาจจะเร็วไปมั้ย หรือไงดี
คิดไม่ออก ช่วยคิดหน่อยแล้วกัน
วันนี้พลอยมาอัพดึกม๊าก ตีสองเกือบครึ่งแล้วมั้งเนี่ย
= =;; แต่ยังรู้สึกกระชุ่มกระชวยอยู่เลย (เอ๊ะยังไง) - -
ฮ่าๆๆๆๆๆ เอาเป็นว่า ถ้าตอนต่อไปพลอยไม่ได้อัพเป็นชาติ
แสดงว่าพลอยไม่ได้อัพแล้วกัน (- -?)
แต่จะไปอัพใน comeon-book แทน
=======================================
เห็นมาบ่นๆกันว่า ตัวหนังสือเล็กไปอย่างงั้นอย่างนี้
อันนี่ก็ไม่เถียงค่ะ มาปรับให้แล้ว อกีอย่างที่อยากจะบอกคือ
เค้าขอโต้ดด้วยน้า ที่เค้าต้องย้ายไปจีงๆ T T วันนี้ร้องไห้มากี่รอบแล้วหว่า..
ช่างเถอะ เรื่องไร้สาระ เอาเปนว่าถ้ายังอยากติดตามก็ โน้นเลยน้า
เว็บ www.comeon-book.com
ถ้าไม่อยากก็แล้วๆกันไป ถ้าหมั่นไส้ก็มาให้กอดที (<<เป็นเอามากนะ - -)
ขอบคุณมั่กๆสำหรับคอมเม้นทั้งหมดเลยน้า ถ้ามีโอกาศก็จะกลับมาอัพใหม่
(ความรู้สึกเหมือนจดหมายลาตายไงไม่รู้) ซาหวัดดีคั๊บ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ