Whial I : The Immortal Bladlei ไวอัล ล่าอสูรอมตะ

9.3

เขียนโดย Kuro~Ookami~Youkai~no~Nishi

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 14.59 น.

  4 chapter
  17 วิจารณ์
  13.16K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ฟ้าสงบก่อนพายุฝน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ลึกลงไปใต้ความมืดใต้สุสานแห่งกษัตริย์บนทวีปเครเซน ผู้คนหารู้ไม่ว่ามีอันตรายกำลังย่างกรายเข้ามา บนบัลลังก์หินสลักสูง กลางเมืองลึกลับที่อยู่ใต้ดิน เมืองซึ่งดูเหมือนรกร้าง และเต็มไปด้วยซากศพมากมาย มีสภาพอากาศย่ำแย่ และมืดมิด ไร้ซึ่งเสียงลมหายใจ แต่กลับมีเสียงฝีเท้าและการทำงานตามชีวิตประจำวัน ผู้คนของที่นี่คงจะไม่นิยมการหายใจกันซักเท่าไร เพราะพวกเขาตายไปแล้ว แต่ยังคงอยู่ มีชีวิต แต่ไม่มีลมหายใจ อันเดธ คงจะเป็นคำจำกัดความเดียวที่จะเรียกพวกเขา เหล่าทาสผีดิบกำลังทำงานตามปกติ แต่ไม่ช้า สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้

 

บัลลังหินสูงชันนั้นมีรูปสลักของชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ เสียงที่เกิดขึ้นจากที่นั่นทำลายความเงียบจนทุกชีวิต(หรือไม่มีชีวิต)เบื้องล่างต้องหันขึ้นไปมอง หินสลักค่อยๆร้าวและแตกออกเพียงผิว ชายผู้มีหน้าตาเหมือนในรูปสลักถูกพันธนาการอยู่ใต้โซ่ตรวน อกซ้ายมีลิ่มแหลมและหินรูนเวทมนตร์ซึ่งเรืองแสงสีฟ้าอ่อนปักติดอยู่ แต่แสงนั้นเลือนรางเต็มที ชายร่างสูง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาดูซีดเซียว ในชุดขุนนางสีน้ำเงินนั่งอยู่บนบัลลังก์หินสลักด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ราวกำลังใช้สมาธิมหาศาล จนในที่สุด หินผนึกก็ดับแสงและแตกออก

 

พร้อมๆกับที่โซ่ตรวนโดยรอบขาดกระจุย ประชากรเบื้องล่างต่างหยุดกิจวัตรประจำวันของตนลง และคุกเข่าแสดงความเคารพกษัตริย์ของพวกเขาที่เพิ่งตื่นจากการ’บรรทม’พอดี ชายบนบัลลังก์ยืนขึ้นและเสยผมสั้นลีดำขลับไปเบื้องหลัง สายหมอกเข้าปกคลุม แทบจะพร้อมๆกับที่นัยน์ตาเย็นชาสีน้ำเงินลืมขึ้นพอดี

 

“โอเบลลอน~!” ชายหนุ่มผู้ฟื้นคืนจากผนึกตะโกนลั่นด้วยความคั่งแค้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าชายผู้ที่ทำการผนึกเขาไว้ สิ้นชีวิตไปนานเท่าใดแล้วก็ตาม “ลุกขึ้นได้แล้ว เจ้าพวกเกียจคร้านทั้งหลาย ราชาของพวกเจ้ากลับมาแล้ว!” ชายหนุ่มกล่าว ประชากรทุกคนทำตามอย่างไม่กล้าแข็งขืนทันที แต่ก็ยังมีพวกหัวสมัยใหม่เช่นกัน

 

“ซวบ!” กริชเงินเล่มหนึ่งแทงทะลุขั้วหัวใจของราชาหนุ่ม แต่เขากลับยืนเฉยโดยไม่สนใจไยดี ไม่นานนักก็หันไปผลักอันเดธในชุดคลุมสีดำลอยคว้างกลางอากาศ และจึงยื่นมือมาข้างหน้า เพื่อกำกลางอากาศ สายหมอกรวมตัวเป็นรูปมือ ขณะที่มืออีกข้างจับกริชเงิน และกระชากออกด้านข้างทันที บาดแผลหายไปราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้เสื้อผ้าก็ไม่ขาดซักนิดเดียว

 

“ข้าจะให้โอกาส........ เจ้าจงตัดเอาแขนขาเจ้ามาอย่างละข้างก็พอ....” เสียงเย็นชากล่าวเนิบๆ “ไม่มีทาง เราไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ใต้ความโหดร้ายแบบนั้นอีกแล้ว! การปกครองที่สั่งลูกน้องไปแค่ตายอย่างเจ้า เบลดลียส์ ฆ่าข้าเลย!” “น่าเสียดาย.....วอร์ลอร์ดอย่างเจ้านะ......” ชายหนุ่มกล่าวและกำมือแน่น มือที่ก่อจากหมอกนั้นก็กำแน่นขึ้นเช่นกัน เลือดสีม่วงสดๆไหลทะลัก ร่างที่เละไม่มีชิ้นดีถูกโยนไปเป็นอาหารของผีร้ายชั้นต่ำเบื้องล่าง

 

“เตรียมกองทัพ ข้าจะรวมความยิ่งใหญ่อีกครั้ง!!” ราชาเบลดลียส์กล่าว ขณะที่บรรดาผีร้ายเบื้องล่างร้องเฮลั่นด้วยความปิติ สงครามสำหรับพวกเขาก็คือ งานเลี้ยงกับอาหารมื้อใหญ่เท่านั้นเอง...

 

_____________________________________________________________________

 

แสงแดดอ่อนๆทอประกายผ่านร่มไม้ใต้หมู่บ้านไอดา(Aida)ที่แสนสงบ เทศการบูชาเพลิงเพิ่งจะผ่านพ้นไปได้สองวัน สำหรับผู้ที่ไม่ได้ออกสู่โลกภายนอกอย่างชาวดรูลคงไม่สนใจเท่าไรนักสำหรับเทศการอาหาร จึงไม่มีใครคิดจะเตรียมตัว หญิงสาวนางหนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเนินเข้าใต้ร่มไม้ข้างหมู่บ้าน พร้อมกับกองหนังสือที่ได้รับจากผู้คนจากภายนอก

 

ดวงตาสีอำพันหลังแว่นตาจดจ่ออยู่กับตัวอักษรจนมิได้สนใจสิ่งอื่นรอบข้าง เธอเป็นสาวสวยนางหนึ่งเลยทีเดียว ผิวกายขาวสะอาด ผมยาวสีดำขลับ และหูสุนัขป่าสีดำซึ่งโผล่ออกมาตลอดเวลา หูของเธอกระดิกบ้างเป็นครั้งคราวเมื่อได้ยินเสียงของเด็กเล่นกันในหมู่บ้าน เสื้อผ้าป่านแขนยาวสีขาวเปื้อนดินจนมีรอยสีน้ำตาลเล็กน้อย เอวนั้นก็พันผ้าสีแดง ตัดกับหางที่มีขนยาวดำของเธอ ส่วนกางเกงขายาวสีดำทำจากผ้าที่มีเนื้อค่อนข้างแข็งดูเรียบร้อยแต่ก็เล็กพอจะเน้นสัดส่วนของเธอเช่นกัน ด้านข้างของกองหนังสือสามเล่มนั้นมีอักษรที่เหมือนกัน โพรวินซ์ ไวล์ นักเขียนผู้มีชื่อเสียงนั่นเอง

 

“ไง! รีเซ่มาอ่านหนังสือคนเดียวเหมือนเคยสินะ” ชายหนุ่มผู้เพิ่งก้าวเดินเข้ามาโดยหญิงสาวไม่รู้เนื้อรู้ตัวกล่าว เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง ผมยาวไม่เป็นทรงสีขาวน้ำนม นัยน์ตาคมเข้มสีแดง สวมเสื้อกล้ามหนังมีสีดำและกางเกงที่ทอจากพืชสีน้ำเงินประดับเปลือกไม้แข็งซึ่งสลักอย่างประณีต เป็นชุดของสายเลือดชั้นสูงแห่งดรูล เขามีมัดกล้ามทั่วร่างกาย และมีใบหน้าที่ยังดูอ่อนเยาว์ แม้ว่าเขาจะมีอายุ31ปีแล้วก็ตาม นั่นก็เพราะดรูลมีอายุที่ยืนนานกว่ามนุษย์ทั่วไป กว่าจะเข้าสู่วัยที่เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาก็มีอายุ33ปีเข้าไปแล้ว มือซ้ายถือถุงหนังสือซึ่งทำจากกระดาษ ส่วนมือขวามีกล่องแหวนใบเล็กที่เขากำไว้แน่น

 

“อืม... บิลลี่ มีธุระอะไรเหรอ?” หญิงสาวถามขึ้น “ก็..... วันนี้วันเกิดเธอ ชั้นก็เลยซื้อนี่มาฝาก” ชายหนุ่มว่าและยื่นถุงหนังสือให้ หญิงสาวรับไว้และดูของข้างในทันที ‘เซนอส ไวอัล(โลกที่สอง)’ เป็นเซ็ตหนังสือหายากของโพรวินซ์ ที่มีทั้งหมดสี่เล่ม ซึ่งบันทึกการเดินทางสู่โลกคู่ขนาดผ่านทางน้ำพุแห่งการกำเนิดของโพรวินซ์ พร้อมทั้งยังมีลายเซ็นของโพรวินซ์กำกับทุกเล่ม

 

“ว๊าว~ นายได้มาได้ยังไงกัน?” หญิงสาวถามด้วยความประหลาดใจ “อืม....... พอดีเค้าคนนั้นเดินทางผ่านมาพอดีน่ะ” “เห~?! ตอนนี้เค้าอยู่ใหนแล้วล่ะ?”หญิงสาวลุกขึ้นด้วยความสนใจทันที ทำให้ชายหนุ่มเผลอยัดแหวนใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว “เอ่อ...... ไปแล้ว.....” หญิงสาวทรุดลงนั่งด้วยความผิดหวัง “คือ....... เธอสนใจโลกภายนอกใช่มั้ย? ชั้นก็คิดจะออกไปเหมือนกัน พรุ่งนี้รุ่งสางชั้นจะแอบออกมาเงียบๆ เจอกันที่ทางออกจากหมู่บ้านทางตะวันตกนะ”

 

“.... อืม.... ไว้เจอกัน”หญิงสาวกล่าวและก้มลงอ่านหนังสือต่อโดยไม่ได้คิดอะไรมาก แม้ลึกๆเธอจะดีใจจนเผลอส่ายหางเบาๆก็ตาม ขณะที่ชายหนุ่มปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้อย่างแผ่วเบาเพื่อนอนอยู่ใกล้ๆ และหลับไป ปล่อยให้เวลาค่อยๆไหลผ่านไปพร้อมๆกับสายลมเอื่อยๆ ที่พัดอย่างแผ่วเบาในฤดูร้อน ราวกับความสงบก่อนพายุฝนไม่มีผิด......

 

_____________________________________________________________________

 

To be continue

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา