Whial I : The Immortal Bladlei

-

เขียนโดย Kuro~Ookami~Youkai~no~Nishi

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 12.48 น.

  1 ตอนเดียวจบ
  7 วิจารณ์
  4,882 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) วีถีชีวิตชาวไวอัล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

   Whial Part I : Immortal Bladlei Chapter Zero : Whial Act I : Leavia os Whial

 

ไวอัล ภาค : ล่าอสูรอมตะ บทนำ : ตำนานแห่งโลก ตอนที่หนึ่ง : กำเนิดโลก

 

โลก... สรรพชีวิต ทุกไออุ่นจากลมหายใจ ... จากต้นกำเนิดหนึ่งเดียว ... มังกร ... ผู้ไล่ล่ากันเอง ... ผู้สังหารได้แม้เพื่อนพ้องร่วมเผ่าพันธุ์ เพื่อหาอาหาร พวกมันสร้างโลก ... อย่างไม่ตั้งใจ

 

แผ่นดิน เพื่อพักปีกยามเหนื่อยล้า ผืนน้ำ เพื่อดับชีพมังกรอื่น จนในที่สุด สรรพสิ่งก็ลงตัว... พวกมันมีสิ่งอื่นที่จะใช้เป็นอาหาร แทนที่พวกเดียวกันเอง สรรพสัตว์ถือกำเนิดขึ้น ก็ด้วยความบังเอิญ ... จากพลังของพวกมังกร

 

พวกมันเริ่มอยู่เป็นฝูง และล่าตามสัญชาติญาณของพวกมัน

 

ผ่านไปหลายพันปี สังคมมังกรได้แบ่งแยกเป็นสอง มังกรที่รู้จักการเพาะเลี้ยงและการประดิษฐ์ ผู้ไม่เคยออกล่า อ่อนแอลง ปีกที่เคยแผ่บนนภา เขี้ยวเล็บที่เคยคมกริบ กลับเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับพวกมังกรที่ยังเพลินกับการล่า ผู้มีร่างกายคงเดิม พวกมันไม่ชอบใจที่เห็นอีกพวกหนึ่งทำการเพาะปลูก ไม่เคลื่อนที่ไปที่ใด จึงเผาทำลายไร่และที่อาศัยของพวกปีกเล็กทุกครั้งที่เห็น

 

เมื่อถูกรุกราน ย่อมมีการป้องกันตัว... มังกรพวกแรก ได้หนีโดยสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าเรือ

 

ในทะเลอ้างว้างไร้ซึ่งกระแสลม กลางทะเลซึ่งว่างเปล่า กับมังกรตัวโตที่ตามล่าเข้ามา มังกรทั้งหมดในเรือลำหนึ่ง ออกต่อสู้เพื่อถ่วงเวลาทันที และได้สร้างกระแสลมพัดพาพวกที่เหลือให้เดินหน้าต่อไป

 

กลางทะเลสงบ บนเรือที่ไร้ซึ่งอาหาร ความหวังของลูกเรือไม่มีเหลือ ยังไม่เห็นแผ่นดิน ไม่มีอะไร นอกจากกองเรือ มังกรจากเรือหนึ่งกระโดดลงน้ำ และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ไม่ช้า กระแสน้ำประหลาดคล้ายน้ำพุก็พวยพุ่งขึ้นมา เรือที่เหลือแตกหัก ก่อนที่สติของทั้งหมดจะหลุดลอย

 

ท้ายที่สุด ความพยายามก็ประสบผล พวกที่เหลือรอดจากสามกองเรือที่แตกหัก ถูกคลื่นซัดมายังเกาะแห่งหนึ่ง ไกลออกไปทางตะวันออก ที่ๆพวกมังกรที่เหลือรอด ขยายเผ่าพันธุ์ ครองดินแดนนั้น ที่ซึ่งมังกรใหญ่มาไม่ถึง และเปลี่ยนรูปเป็นมนุษย์ไปตามกาล

 

 

ตอนที่สอง : ถิ่นฐาน Act II : D’ Abode

 

เมื่อการเวลาเปลี่ยน มังกรที่เปลี่ยนเป็นมนุษย์ก็ได้แยกย้ายกันไปตามที่ต่างๆดังต่อไปนี้ โดยทั้งหมดมีภาษาธอเรียนเป็นภาษากลาง

 

Arden ทวีปตอนเหนือ เป็นทวีปที่มีอารยะธรรมและความเจริญด้านการปกครองและการค้าสูงสุด ค่อนข้างสงบ แต่ภายนอกเขตการปกครองนั้นมีสัตว์ที่อันตรายสูง สมาคมเวทย์มนตร์จึงจัดที่นี่อยู่ในความอันตรายระดับสอง

Crescent ทวีปอันเป็นจุดสิ้นสุดของการเดินทางของมังกรในปฐมบท ค่อนข้างวุ่นวาย การค้าค่อนข้างดี ภายนอกเขตการปกครองนั้นมีสัตว์อันตรายน้อย จึงถูกจัดความอันตรายไว้เพียงระดับหนึ่ง แต่ก็มีเขตพิเศษที่มีความอันตรายระดับสองเช่นกัน ที่นี่มีความเจริญด้านเทคโนโลยีสูงสุด

Arcane ทวีปที่เคยเป็นขุมทอง เคยร่ำรวยมหาศาล เคยเปี่ยมด้วยพลังแห่งชีวิต แต่ปัจจุบันกลับดำมืดอย่างไร้ที่มา เต็มไปด้วยสัตว์และพืชอันตราย ถูกจัดความอันตรายในระดับสาม เป็นที่ตั้งของสมาคมเวทย์ มีความเจริญด้านเวทย์สูงสุด

 

และยังมีเผ่าที่ไม่ได้เกิดจากมังกรอีกด้วย ซึ่งจะกล่าวถึงโดยรวมเป็นรายเผ่าพันธุ์ดังนี้(ที่มี(O) คือเผ่าที่ล่มสลายหรือไม่ปรากฏ)

 

Arcamanu(O) อาคาร์มานู เผ่าลึกลับที่ไม่มีข้อมูลบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์แม้แต่น้อย เผ่าที่ปิดตายจากโลกภายนอกผู้อาศัยอยู่ใต้น้ำในเขตโขดหินอันตรายตอนใต้ของทวีปเครเซน มีรูปลักษณ์ก้ำกึ่งระหว่างมนุษย์กับปลา มีความสามารถในการใช้น้ำควบแน่นเป็นวัตถุ

Davion เดเวียน/ดาเวียน นักรบมังกร ผู้ยืนหยัดต่อสู้ มีบรรพบุรุษมาจากกลุ่มมังกรในลำเรือที่สู้กับฝูงมังกรที่ตามมา อยู่ในหุบเขาวงกตแห้งแล้ง อันเป็นเขตอันตราย ณ ตอนกลางของทวีปเครเซน สามารถเปลี่ยนร่างระหว่างมังกรกับมนุษย์ได้ โดยธรรมชาติจะมีผมสีแดงเพลิงและมีผิวขาว ทั้งยังพ่นเปลวเพลิงออกจากปากได้ด้วย ส่วนเลือดกษัตริย์แท้จะพ่นได้ทั้งไฟและน้ำแข็ง ทั้งยังมักจะมีผมสีเงินขาวเสียด้วย

Dwarf ดวอร์ฟ เหล่าผู้ถือกำเนิดจากปฏพี ผู้ค้นหาความมั่งคั่ง ส่วนใหญ่แล้วจะเก็บตัว และไม่ต้อนรับคนนอกซักเท่าไรนัก ส่วนใหญ่อาศัยในแดนเหนืออันหนาวเหน็บของอาแดนและตะวันออกเฉียงเหนือของเครเซน ตัวเล็กเตี้ยประมาณสองในสามของมนุษย์ มีหนวดเคราเยอะแยะไม่ว่าจะชายหรือหญิง จนกลายเป็นเรื่องเล่าว่าคน แคระคงจะถือกำเนิดจากหลุมบนพื้นดิน ถึงได้ไม่มีคนแคระเพศหญิงให้เห็นเลย แท้จริงแล้วเป็นที่พวกเขาแยกไม่ออกเองต่างหาก แต่ถ้าเป็นคนแคระด้วยกันล่ะก็ พวกเขาจะมองออกได้โดยทันที
Drul ดรูล เหล่าผู้เกิดจากพลังแห่งไพร ผู้สามารถเปลี่ยนร่างระหว่างสัตว์ร้ายและมนุษย์ อารยะธรรมแบบเปิดกว้าง ต้อนรับคนนอกแบบกันเอง อาศัยอยู่ในเขตอันตรายตอนกลางทวีป ที่ซึ่งเป็นป่าดิบอันตราย พวกเขามักมีผิวขาวเหลือง ในเชื้อพระวงศ์ของพวกเขาโดยมากจะมีเรือนผมสีขาวราวน้ำนม และมีสายเลือดต้องสาปซึ่งไม่อาจเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์กับสัตว์ได้ แต่จะคงอยู่ในร่างก้ำกึ่งระหว่างมนุษย์กับสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่ง สายเลือดนี้เกิดจากดรูลซึ่งมีบุตรกับมนุษย์ทั่วไป

Elf เอล์ฟ เผ่าแห่งสายลมผู้เดินตามเส้นทางของตน เป็นตัวแทนแห่งเวทย์วิทยาในด้านการควบคุมธรรมชาติ แต่ก็ถูกพลังเวทย์เปลี่ยนตัวตนไปบ้างตามแต่พลังเวทย์ที่พวกเขามุ่งเน้น

-DarkElf ดาร์คเอลฟ์ เผ่าแห่งสายลมผู้ค้นคว้าทางสายมืด เวทย์แห่งความมืดอันน่าสะพรึง คำสาป และพลังแห่งธรณีต้องสาปอันดำมืด จนร่างกายแปรเปลี่ยน มีผิวกายสีดำสนิท ไร้ซึ่งสีเลือด อาศัยอยู่ตอนบนของอาเดน และกระจายอยู่ทั่วในทวีปอาร์เคน

-High Elf ไฮเอลฟ์ เผ่าแห่งสายลมผู้ค้นคว้าวิถีแห่งเวทย์ธรรมชาติอันแท้จริง ผู้ร่ำอยู่กับการค้นคว้าและการใช้พลังเวทย์ จนกลายเป็นผู้มีเวทย์สูงส่ง ผิวกายซีด ศีรษะค่อนข้างใหญ่โตกว่าเผ่าอื่นทั่วไป พบกระจายอยู่ทั่วไป ไม่อยู่เป็นหลักแหล่งนัก

-Mystery Elf มิเซอรี่เอลฟ์ เผ่าแห่งสายลมผู้ค้นคว้าวิถีแห่งมายา ผู้แปรผันวิทยาธรรมชาติทั้งมวลสู่วิทยาแห่งมายา กลลวง ภาพลวงตา ผิวกายขาวสะอาด ผมสีเงิน นัยน์ตาสีเงินดูลึกล้ำราวห้วงมิติ ไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน
-Night Elf ไนท์เอลฟ์ เผ่าแห่งสายลมผู้เลือกความมืดยามค่ำเป็นอาภรณ์ ผิวกายสีฟ้าราวผืนดินที่ต้องแสงจันทร์ ซ่อนกายราวไร้ตัวตนเมื่อยามค่ำคืน

-Wood Elf วูดเอลฟ์ เผ่าแห่งสายลมผู้เลือกทางเดินของตนเป็นอิสระ อยู่ทั่วไปในสามทวีป คล่องแคล่วว่องไว และยังคงไว้ซึ่งเวทย์ธรรมชาติโดยพื้นเดิม ผิวกายสวยยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์อื่นใดทั้งมวล

-Divine Elf(O) ดิไวน์เอลฟ์ เผ่าแห่งสายลมผู้ร่วมทางกับสวรรค์เบื้องบน ผู้ใช้เวทย์แห่งแสง มีปีกราวเทวภูติ ใช้เวทย์แสงได้ราวเป็นหนึ่งเดียวกัน

Gigania(O) กิกาเนีย เผ่ายักษ์ผู้มีรากฐานอารยะธรรมเดิมจากอาร์เคน ผู้ศึกษาเวทย์ไว้อย่างลึกซึ้ง รวมไว้ซึ่งเวทย์ทุกแขนง ตำนานกล่าวว่า ได้สร้างเกาะลอยฟ้าขึ้นเหนือทวีปอาร์เคน ปัจจุบันได้ล่มสลายไปแล้ว มีร่างกายใหญ่โต ผิวกายสีเขียวอมน้ำเงิน

Human มนุษย์ เผ่าที่พบเห็นได้ทั่วไป ลักษณะไม่แตกต่างกันมาก แต่การใช้ชีวิตต่างกันตามแต่อารยะธรรมอันมีปัจจัยมาจากสภาพความเป็นอยู่ ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเพียงบางส่วนเท่านั้น

-Arden อาเดน ชาวเมืองแห่งอาเดน เมืองอันเป็นศูนย์กลางแห่งทวีปอาเดน เมืองใหญ่ที่หลายคนมารวมตัวเพื่อชื่อเสียงโดยเฉพะ เนื่องจากมีสนามประลองที่ใหญ่ที่สุดอยู่ด้วย และเนื่องจากเป็นศูนย์กลาง จึงมีลักษณะหลากหลายไปด้วย

-Babarunt บาบารันท์ ชาวเมืองในเขตอันตรายของเครเซน เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างแท้จริง ไม่มีบ้านทำจากไม้ อิฐ หรือหินให้เห็น มีเพียงโครงไม้ที่คลุมด้วยแผ่นหนัง สภาพอากาศเลวร้าย สัตว์ก็อันตรายมาก เสมือนเป็นการบีบบังคับให้พวกเขาแข็งแกร่ง ดังนั้นชาวเมืองที่นี่จึงเป็นนักรบที่ดีที่สุด โดยมากแล้วจะมีผิวหนังทนทานศาสตราวุธทั้งมวล ลักษณะแตกต่างค่อนข้างหลากหลาย แต่เชื้อพระวงศ์ของเผ่านี้จะมีจุดสังเกตที่ผมสีดำอมฟ้าอ่อน และให้สีม่วงเมื่อสะท้อนกับแสงแดดยามเย็น และมีผิวกายสีขาวเหลือง

-Brington บริงตัน เมืองสวรรค์แห่งโจรสลัด ไม่มีทหารจากในเมืองมาจับ เต็มไปด้วยบ่อน ซ่อง ร้านเหล้า และโรงแรม นอกจากนี้ยังเป็นเมืองค้าที่ใหญ่ที่สุดในเครเซนด้วย จึงไม่แปลกที่จะมีลักษณะของชาติพันธุ์หลากหลาย

-Canal คานัล เมืองกลางทะเลทรายอันเป็นเขตอันตราย โดยรอบตัวเมืองไม่มีอันตราย แต่ห่างไกลออกไปรอบนอกแล้วเต็มได้ด้วยสัตว์อันตราย จึงถูกกำหนดเป็นเขตอันตราย มีบ่อน้ำร้อนสำหรับอาบอันขึ้นชื่อ ชาวเมืองส่วนใหญ่ทำอาชีพค้าขายอยู่ในเมืองหรือทำโรงแรมซะส่วนมาก ชาวพื้นเมืองมักสวมผ้าโพกหัวสีขาวเพื่อกันความร้อน มีผิวสีน้ำตาลแดงถึงสีน้ำผึ้ง ผมสีดำและมีนัยน์ตาสีแดงเพลิง

-Crossnovah ครอสโนวา นักบวชผู้เคร่งครัดในศีลธรรม อยู่ทางที่ราบลุ่มแม่น้ำทางตะวันออกเฉียงใต้ของเครเซน เป็นเมืองที่มีน้ำล้อมรอบ พวกเขาสามารถใช้เวทย์แห่งแสงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะการรักษา หรือการทำลายความชั่วร้าย เนื่องจากพวกเขาเป็นนักบวชและอัศวินอาสาสมัคร จึงมีลักษณะหลากหลาย แม้จะเคร่งครัดในกฎ แต่โดยมากจะมาจากความพร้อมเพรียงของแต่ละคนมากกว่า ทำให้นานๆที่ก็มีพวกแหกคอกมาเหมือนกัน

-Fical ฟีซัล ชนเผ่ามนุษย์ ผู้ไร้สายเลือดมังกร แต่เป็นผู้ที่ออกมาจากกระแสน้ำพุทางตะวันตกห่างไกล บางส่วนไม่สามารถใช้เวทย์ได้แม้แต่น้อย หรือหากมีพลังเวทย์ก็ต่ำกว่าจอมเวทย์ทั่วไป น้อยมากที่จะมีพลังเวทย์เทียบเท่าจอมเวทย์ แต่หากเป็นผู้มีพลังเทียบเท่าจอมเวทย์ กลับจะใช้พลังได้เหนือกว่าจอมเวทย์ทั่วๆไป เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความจำดีเลิศ และบุคลากรล้วนเป็นอัจฉริยะ มีความเจริญด้านเทคโนโลยีสูงที่สุดในสามทวีป ชาวพื้นเมืองมีผิวขาวถึงเหลืองอำพัน ผมดำหรือทองเท่านั้น และมีตาสีดำหรือไม่ก็ฟ้าเท่านั้น

-Giran กีรัน เมืองการค้าแห่งอาเดน เมืองที่มีความเจริญด้านการค้าสูงสุด อันเป็นศูนย์กลางการค้าของทั้งสามทวีป มีหลากหลายเผ่าพันธุ์อยู่ร่วมกัน แต่ชาวพื้นเมืองจริงๆมีผิวน้ำตาลแดง ผมดำ และนัยน์ตาเหลืองอำพันซึ่งเป็นลักษณะที่หาได้ยากแล้ว

-Gount ก็อนท์ ชาวเมืองบนเกาะเล็กๆเงียบสงบที่มักประกอบอาชีพปศุสัตฺว์หรือไม่ก็เป็นโจรสลัด อยู่ใกล้กับบริงตัน เพียงออกจากฝั่งไปไม่กี่ไมล์เท่านั้น การปศุสัตฺว์ นิยมเลี้ยงแกะ แม้ขนจะไม่ดีเท่าขนแกะจากโรเซส แต่เมื่อทอแบบก็อนท์แล้วกลับจะใช้เก็บความอุ่นได้ดีกว่า ชาวพื้นเมืองมีผิวขาวเหลืองถึงน้ำตาลแดงนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลและมีผมสีน้ำตาลแก่

-Kadion คาเดียน ชาวอารยะธรรมเวทย์ผู้ไม่ลืมภาษาเมื่อครั่งยังเป็นมังกร และถอดความหมายของภาษาเหล่านั้นให้เกิดเวทย์แห่งการสร้างได้ พวกเขากระจัดกระจายอยู่ทั่วไปและมีลักษณะทางชาติพันธุ์ที่หลากหลาย

-Oren โอเรน เมืองช่างเหล็ก มีช่างเหล็กมีชื่อเสียงมากมายเกิดที่นี่ เป็นเมืองที่ไม่ขึ้นกับกษัตริย์แห่งอาเดน แม้จะอยู่ในอาเดน เนื่องจากสิทธิในการครองเมืองเป็นของสกุลเปอเร็น สกุลที่มีชื่อเสียงทางด้านการใช้โลหะอย่างสูงสุด ผู้คนในเมืองมักมีร่างกายสูงใหญ่ สีผิวเหลืองไปจนถึงผิวสีน้ำผึ้ง

-Pyrooros ไพโรโอรอส ชนเผ่าผู้ศึกษาเวทย์อันล้ำลึกเสียยิ่งกว่าเวทย์แห่งการสรรค์สร้าง ผู้รู้เวทย์ทุกแขนง มีแหล่งอารยธรรมอยู่ที่อาร์เคน มีลักษณะทางชาติพันธุ์ที่หลากหลาย

-Rozes โรเซส เมืองเงียบสงบ นิยมปศุสัตฺว์ เนื่องจากพื้นที่เอื้ออำนวย มีของขึ้นชื่อทั้งไวน์ระดับตำนาน ชีสนมแพะเกรดพิเศษที่หาที่อื่นได้ยากมากแต่กลับมีอยู่มาก และม้าฝีเท้าจัดชั้นดี ขนแกะนุ่มๆก็สามารถหาได้ที่นี่ ทั้งข้าวสาลีก็ยอดเยี่ยม แต่เนื่องจากเป็นเขตสงบ จึงมีน้อยคนนักที่จะสามารถสู้รบได้ พวกเขามักมีผิวขาว ผมทอง และนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลหรือเขียวมรกต

-Trippion ทริปเปียน เกาะใหญ่ที่มีอันตรายสูง ผู้คนประกอบอาชีพล่าสัตว์ แม้ว่าสัตว์หลายชนิดจะอันตรายมาก แต่ก็เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูง พวกเขามักมีผิวกายสีคล้ำ ผมสีดำสนิท

-Tanatish ทานาทริช เขตนครมหาอำนาจที่รวมแผ่นดินด้วยสงคราม ปัจจุบันสงบลงแล้ว แม้จะมีความทรงจำที่ไม่ดีซักเท่าไรนัก แต่ตัวเมืองเองก็ไม่ได้เลวร้าย เป็นที่ท่องเที่ยวที่มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง และชาวเมืองเองก็ต้อนรับคนนอกเป็นอย่างดี ชาวพื้นเมืองมีผิวสีน้ำตาลแดง ผมดำ และนัยน์ตาสีน้ำตาล

-Warrock วาร็อค ประชากรเมืองแห่งน้ำ ในเมืองมีอาหารเครื่องดื่มและทุกสิ่งพร้อมสรรพ จึงไม่ค่อยมีใครคิดออกมานัก มีน้อยคนในเมืองนี้จะรู้จักโลกภายนอก และไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเคยยิ่งใหญ่เพียงไร พวกเขามักมีผิวกายขาวสะอาด ผมสีฟ้าหรือเขียว อาจจะมีบ้างที่เป็นสีม่วง หรือสีอื่นๆ แต่โดยมากล้วนมีนัยน์ตาสีม่วงเป็นเอกลักษณ์

Orc ออร์ค เผ่าผู้เกิดจากไฟ ร่างใหญ่กำยำ ผิวกายสีเขียว จากตำนานเล่าว่า เคยมีผิวงามยิ่งกว่าเอลฟ์ แต่กลับถูกคำสาปจากเทพที่พวกเขานับถือ ให้มีผิวกายสีเขียว

-Artuqu อาทูคิว ออร์คหนองน้ำ เป็นพวกอารยะธรรมป่าเถื่อนอยู่ทางเหนือของทวีปอาเดน บางครั้งก็รับจ้างทำศึกเช่นกัน ชำนาญด้านการรบระยะประชิด ประกอบอาชีพโจรป่าในคราบนักรบรับจ้าง รูปลักษณ์เหมือนออร์คทั่วไป

-Brelda เบรดา นักบวชออร์คที่ใช้พลังแห่งเพลิงและแสง อยู่ที่วิหารแห่งเพลิงบนเกาะแห่งหนึ่งในอาเดน พวกเขาไม่ได้มีเขี้ยวล่างยาวขึ้นมาเหมือนอย่างออร์คหลายเผ่า และเมื่อเทียบกับมนุษย์แล้ว พวกเขามีหน้าตาที่ถือว่าดีมากๆเลยทีเดียว ทว่า พวกเขาก็ยังคงมีผิวกายสีเขียวสะอาดอยู่

-Chelliss เชลลิส ออร์คภูเขาไฟผู้มีกายสีแดงฉาน เนื่องด้วยคำสาปของพวกผีร้าย เป็นเผ่าแห่งความยุ่งเหยิงและดุร้าย ถูกปกครองโดยพวกผีร้าย มีถิ่นฐานอยู่บนนครลอยฟ้าในตำนาน

-Dena เดนา เหล่าออร์คที่มีอารยะธรรมและปัญญาระดับเดียวกันกับมนุษย์ อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ในอาเดน เป็นอีกเผ่าที่ไม่มีเขี้ยวยาวใหญ่เหมือนกับหลายๆเผ่า แต่จุดเด่นอื่นๆเห็นจะไม่มีแล้ว

-Gorgon กอร์กอน ออร์คผู้มีผิวกายสีเทา พวกเขาสามารถพรางกายได้ด้วยพลังเวทย์ที่หักเหแสง พวกเขาชำนาญการซุ่มโจมตี อาศัยอยู่บนเกาะลอยฟ้าในตำนาน เป็นศัตรูกับราชาผีร้ายและเชลลิสออร์ค พวกเขาต้านทานคำสาปของผีร้าย และเป็นศัตรูกับพวกผีร้ายอย่างเต็มตัว เป็นอีกพวกที่ไม่มีเขี้ยวล่าง
-Inknor อินคา/อินคอร์ ออร์คนักรบชั้นสูง พวกเขามีชั้นเชิงในการรบที่ดีเยี่ยม รู้จักการป้องกันตัวและประเมินสถานการณ์ พวกเขามีสายเลือดชั้นสูงที่สืบทอดโดยตรงจากบรรพบุรุษ ทำให้พวกเขาค่อนข้างจะทระนงตัวนัก คล้ายอัศวินหรือขุนนางในเหล่ามนุษย์นั่นเอง รูปร่างสง่างามคล้ายมนุษย์ เพียงแต่ว่ามีผิวกายสีเขียว และมีเส้นผมสีเขียวแก่

-Ketra เคทรา ออร์คภูเขาไฟที่มีความสามารถในการรบสูง เพราะอยู่ในเขตที่มีสภาพแวดล้อมเลวร้าย อารยะธรรมป่าเถื่อน แต่ไม่ถึงกับเห็นเผ่าอื่นเป็นศัตรูไปซะหมด แม้จะไม่ค่อยต้อนรับคนนอก แต่ถ้าหากผูกมิตรได้แล้วล่ะก็ พวกเขาจะคอยช่วยเหลือคุณได้ทุกอย่าง พวกเขาอาจจะดูน่ากลัวเพราะเขี้ยวที่ดูเหมือนพวกออร์คป่าดุร้าย และมีนัยน์ตาสีแดงเพลิงเป็นจุดเด่น แต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายอะไร

-Orgrunt ออกรันท์ ออร์คนักรบที่มีร่างสูงใหญ่กว่าออร์คทั่วไปและร่างกายกำยำล่ำสันบึกบึนกว่าออร์คทั่วไป เป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่ทางใต้ของทวีปอาร์เคน มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในหมู่ชาวเผ่าออร์ค มักสวมเครื่องประดับที่ทำจากทองและขนนก นุ่งห่มหนังสัตว์และพกอาวุธหนักติดตัว โดยมากจะเป็นอาวุธที่ใหญ่เท่าๆหรือใหญ่กว่าขนาดตัวของพวกเขา

-Pateoros(O) พาเทโอรอส ออร์คชั้นสูงที่มีพลังเวทย์แห่งแสงสว่างอยู่เต็มเปี่ยม พวกเขามักจะกระจายกันออกไป ไม่อยู่เป็นหลักแหล่งจึงหาตัวได้ยาก จุดสังเกตที่เห็นได้อย่างเด่นชัดคือ พวกเขามักจะใส่ชุดสีขาวที่ประดับประดาด้วยลวดลายสีต่างๆซึ่งประกอบด้วยสีทอง สีน้ำเงินเข้ม และสีแดงเข้ม เท่านั้น

-Scellar สเกลลาร์ ออร์คนักล่า ผิวกายหยาบร้านของพวกเขาสามารถเปลี่ยนสีให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้ ปรกติแล้วจะเป็นสีเขียวอ่อน พวกเขาอาศัยอยู่ในป่าไพร พวกเขาเงียบ เก็บงำกลิ่นและจิตสังหารได้ราวไร้ตัวตน

-Temis เทมีส เหล่าออร์คนักบวชผู้อยู่กับป่าไพร เหมือนกับพวกดรูอิดซึ่งเป็นนักบวชของมนุษย์ แต่การถือศีลอยู่ป่าของพวกเขานั้นสืบทอดสู่รุ่นต่อรุ่นเหมือนกับเป็นสายเลือดของพวกเขาที่ถูกกำหนดไว้ว่าต้องเป็นนักบวชป่า พวกเขามักจะนุ่งห่มหนังหมาป่าสีขาวซึ่งลงยันต์อาคมต่างๆเอาไว้

-Wese วีส พวกเขาก็เหมือนกับเนโครมานเซอร์ของมนุษย์ พวกเขาศึกษาเวทย์เกี่ยวกับความตาย และความมืด โดยนำมาผสานอย่างลงตัว ผิดกับมนุษย์ที่จะเลือกเพียงพลังความตายหรือความมืดเพียงอย่างหนึ่ง สังคมของพวกเขาค่อนข้างจะปิดแคบและเก็บตัว จึงไม่ค่อยมีใครได้พบเห็นนัก ออร์คพวกนี้มักจะมีสีผิวที่คล้ำกว่าออร์คทั่วไป

 

Undead  อันเดธ เหล่าผู้กลับคืนจากความตาย พวกเขามีวิญญาณอันทรหด ที่ยังคงอยู่ในร่างที่ตายไปแล้ว แม้ว่ามันจะเน่าเปื่อยผุพัง แต่วิญญาณของเขานั้นยังคงดีพร้อม มิได้บุบสลายตามกายไป เหตุผลที่พวกเขายังคงอยู่ในโลกต่อนั้นมีหลากหลาย บ้านก็มีอารยะธรรม แม้ว่าพวกมนุษย์โดยมากจะรับไม่ได้ แต่ก็มีไม่น้อยที่ยอมรับพวกเขาเป็นเสมือนเผ่าพันธุ์อันทรงปัญญา ทว่า มีบางส่วนเหมือนกันที่ไร้สติ และดุร้าย โดยมากเป็นเพราะถูกควบคุม หรือยึดติดกับอะไรบางอย่างจนสูญเสียตัวตนที่แท้จริง พวกดุร้ายจะถูกเรียกโดยรวมว่าผีร้าย ส่วนพวกที่มีอารยะธรรม ผู้ที่ยอมรับพวกเขาได้จะเรียกแยกประเภทดังนี้

-Ghoul กูล เหล่าผีดิบผู้มีร่างกายผุพังตามกาล ร่างกายไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่ใช่ทั้งหมดที่นิยมการกินเนื้อดิบ เพียงแต่ในหมู่พวกเขามีความเชื่อว่า หากกินเลือดเนื้อดิบๆเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอ ก็จะสามารถฟื้นฟูร่างกายให้เป็นเหมือนเก่าได้ เนื่องจากร่างกายค่อนข้างเย็น ทำให้กล้ามเนื้อแข็งตัว แรงของพวกเขาจึงมีมากนัก แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาช้าลงด้วยเช่นกัน

-Skeleton สเกลตัน เหล่าผู้คืนจากความตายหลังจากการนิทราอันยาวนานผ่านพ้น จนบัดนี้ร่างของพวกเขาเหลือแต่โครงกระดูก แต่ความรู้สึกนึกคิดกลับยังอยู่ครบ แม้ว่าเนื้อสมองของพวกเขาจะหายไปแล้วก็ตาม พวกเขาไม่ต้องการอาหาร ไม่ต้องนอน และไม่ต้องการอากาศหายใจแม้แต่น้อย แต่ร่างกายที่มีแต่โครงกระดูกของเขา ปราศจากวงจรเวทย์ไปเสียแล้ว ทำให้ไม่มีคุณสมบัติเหนี่ยวนำเวทย์ใดๆ พวกเขาเคลื่อนไหวได้โดยไม่ต้องการกล้ามเนื้อ เพราะแรงขับเคลื่อนจากวิญญาณ และเนื้อเยื่อที่เคยเป็นภาระของแรงขับเคลื่อนนั้นก็หายไปแล้วด้วย ทำให้พวกเขามีความคล่องตัวสูงนัก แต่ก็มีร่างกายที่เปราะบาง ที่จริง พวกเขาสามารถใช้เวทย์ได้ แต่ไม่มีใครกล้าเสี่ยง เพราะพลังวิญญาณที่ใช้ขยับร่างกายเองก็ถูกลดทอนไปเรื่อยๆเพราะการใช้เวทย์เช่นกัน

-Rich ริช เหล่าผู้คืนจากความตายหลังนิทรารมณ์อันยาวนานในพื้นที่ๆเหมาะสม อาจเป็นบนภูเขาน้ำแข็ง ในหนองน้ำที่ทำให้ศพไม่เน่าเปื่อย หรือที่อื่นๆก็ได้ ซึ่งทำให้ร่างกายของพวกเขายังคงมีวงจรเวทย์ในร่างกายอยู่ครบถ้วน แต่ก็มีบ้างที่เกิดจากความสามารถพิเศษในการใช้ท่อนกระดูกแทนวงจรเวทย์ โดยปกติมักมีพลังเวทย์สูงส่งกว่ามนุษย์ เพราะไม่ต้องส่งพลังวิญญาณและพลังเวทย์ไปเลี้ยงเนื้อแล้ว ทำให้มีส่วนเพิ่มมาอีกหลายเท่าตัว ซึ่งนักเวทย์ชีวะวิทยาได้ทำการวิจัยแล้ว และให้ความเห็นตรงกันว่า อย่างต่ำแล้วจะมากกว่าช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ถึงห้าเท่าตัว

-Warlord วอร์ลอร์ด เหล่าผู้คืนจากความตายแบบเกือบจะสมบูรณ์ ร่างกายไม่เน่าเปื่อย แต่หัวใจกลับไม่เต้น ประสาทสัมผัสของเขายังอยู่ แม้ว่ามันจะด้านชา แต่พวกเขายังมีความรู้สึกเจ็บ รับรสและกลิ่นได้อยู่ รูปลักษณ์ของพวกเขามักจะเป็นเสมือนช่วงก่อนตาย ผิดที่ร่างกายอาจมีสีซีดราวซากศพ เลือดในร่างกายเปลี่ยนสี อาจเป็นสีดำ สีเขียว และสีม่วงซึ่งเป็นสีที่พบได้บ่อยที่สุด เส้นขนเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนคนชรา

-Necromancer เนโครมานเซอร์ เหล่ามนุษย์ผู้ศึกษาศาสตร์มืดของความตายจนร่างกายแปรเปลี่ยน สภาพร่างกายของเขาเกือบจะเหมือนวอร์ลอร์ด ผิดที่ผมของเขายังไม่เปลี่ยนเป็นสีขาว ยังมีความรู้สึกมากกว่า และโดยมากจะมีเลือดสีดำ ยังไม่ถึงกับเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือม่วง

-Ghost/Spirit โกสต์/สปิริท  เหล่าผู้ตายที่มีบางอย่างผิดแผกออกไป พวกเขาไม่ต้องการร่างกาย ในการยึดติดกับโลกนี้ ซึ่งมีหลายกรณี ที่พบบ่อยคือการย้ายร่างต้นมาสิงสู่ยังวัตถุเพื่อคงสภาพของตนไว้บนโลก ซึ่งกรณีนี้เป็นวิธีที่เสี่ยงที่สุด เพราะเมื่อวัตถุถูกทำลาย วิญญาณก็อาจอ่อนแอลงและที่ร้ายกว่าคือการหายไปยังโลกหลังความตายแบบไม่ทันได้ตั้งตัว นอกจากนี้ยังออกห่างจากวัตถุเกินระยะไม่ได้อีกด้วย กรณีที่สองคือการสิงสู่ในสถานที่ซึ่งพวกเขาไม่สามารถไปไหนได้ แต่เป็นวิธีที่ปลอดภัย แม้สถานที่จะถูกทำลาย วิญญาณของพวกเขายังคงยึดติดกับดินผืนนั้นได้ กรณีที่สามคือการครองร่างของผู้อื่นและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และกรณีที่สี่คือการใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งสร้างกายเนื้อขึ้นใหม่ โดยมากมักจะเป็นจอมเวทย์ที่มีพลังสูงส่งซึ่งเป็นกรณีที่หาได้ยากมาก และในทุกกรณี หากพวกเขาอยู่บนโลกนานพอในสภาพวิญญาณล่ะก็ พวกเขาจะสามารถคงตัวคนอยู่ได้โดยไม้ต้องใช้มวลสารใดๆเป็นแกน พวกที่ตายใหม่ๆมักมีร่างที่โปร่งใส แต่หากพลังวิญญาณมากพอล่ะก็ พวกเขาก็จะสามารถทำให้ร่างกายมีสีสันเหมือนช่วงก่อนตายได้

 

_____________________________________________________________________

 

ตอนที่ 3 : เทศกาล Act III : Kheldom

หนึ่งปีมี378วัน9เดือน พระจันทร์สีเหลืองเต็มดวงทุกๆ42วัน อีกดวงสีฟ้าเต็มดวงทุกๆ54วัน เต็มดวงพร้อมกันทุกช่วงเดือน9 ซึ่งมีเทศการบูชาพระจันทร์ตามถิ่นต่างๆ

 

Aeolous เอโอโลอุสเดือนแรกของปี มี43วัน เป็นเดือนแรกของฤดูใบไม้ผลิ เดือนแห่งความร่าเริง มีลัญลักษณ์คือเฟลลอม (มังกรลม)

Circelos เซอซีลอส เดือนที่สองของปี มี45วัน เป็นเดือนสุดท้ายของฤดูใบไม้ผลิ เป็นเดือนแห่งอารมณ์และความต้องการ ลัญลักษณ์คือ ซีซิล(นางไม้)

 Sigeolous ซีจิโอโลอุส เดือนที่สามของปี มี41วัน เป็นเดือนแรกของฤดูฝน เป็นเดือนแห่งความอดทนและความเสียสละ สัญลักษณ์คือ ม้า

Dienedos ไดอะเนดอส เดือนที่สี่ของปี มี46วัน เป็นเดือนสุดท้ายของฤดูฝน เป็นเดือนแห่งการพักผ่อนและการหลับไหล สัญลักษณ์รูป ลากูน(สิ่งมีชีวิตวงศ์มังกรรูปร่างคล้ายปลาขนาดใหญ่ซึ่งมีนิสัยเชื่องช้า แต่มีผิวหนังที่แข็งแกร่งราวหินผา)

Samineros เซไมเนอรอส เดือนที่ห้าของปี มี51วัน เป็นเดือนแรกของฤดูร้อน เดือนแห่งความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์ สัญลักษณ์คือ ฮาเร็คคี (มังกรขนาดเล็กซึ่งกินแมลงเป็นอาหาร)

Belnathos เบลนาทอส เดือนที่หกของปี มี36วัน เดือนสุดท้ายของฤดูร้อน เดือนแห่งพลังเร้นลับ สัญลักษณ์รูป เทสเซน (มังกรป่าที่มีปีกแต่ไม่สามารถบินได้ มีขนสีดำปกคลุมทั่วตัว นิสัยดุร้าย มีสองขาใต้ปีกที่มักใช้เดิน(คลาน)บนพื้นโดยใช้หางแหลมที่มีขนแข็งแหลมคมปกคลุมอยู่ทั่วในการช่วยควบคุมทิศทาง)

Zeolos เซโอรอส เดือนที่เจ็ดของปีมี32วัน เดือนแรกของฤดูหนาว เป็นเดือนแห่งการผ่อนคลายและปลดปล่อย สัญลักษณ์รูปเนเวียร์ (มังกรน้ำแข็งระดับสูง)

Obeleus โอเบเลอุส เดือนที่แปดของปี มีเพียง24วัน เดือนแห่งความยิ่งใหญ่และความยุติธรรม นอกจากนี้ยังเป็นเดือนแห่งการค้าของบรรดาพ่อค้าทั่วโลกด้วย สัญลักษณ์รูปตราชั่งและดาบแห่งความยุติธรรม

Niobelles เนโอเบลเลส เดือนสุดท้ายของปี มี60วัน เดือนสุดท้ายของฤดูหนาว เป็นเดือนแห่งความรักและชีวิตใหม่ สัญลักษณ์รูป คู่รักชายหญิงยืนคู่กัน

 

วันที่18-27เดือนเอโอโลอุส  มีเทศการดนตรีทั่วโลก ซึ่งจะมีการประชันกันตามเมืองหลวงต่างๆด้วย

วันที่7 เดือนเซอซีลอส ถือเป็นวันโกหก ซึ่งโกหกกันได้อย่างอิสระ มีการแกล้งกันมากมาย

วันที่27-30เซอซีลอส เป็นเทศการบูชานางไม้ ซึ่งทุกเมืองจะมีชาวเมืองมาร่วมงานกันโดยเฉพาะเมืองที่ทำการเกษตร เพราะเชื่อว่า ยิ่งจัดพิธีได้ยิ่งใหญ่ ผลผลิตของพวกเขาก็จะยิ่งอุดมสมบูรณ์

12ซีจีโอโลอุส วันระลึกถึงวีรบุรุษซีค ผู้บุกเบิกดินแดนอาร์เคนและเครเซน

28-34 ซีจีโอโลอุส มีเทศการแข่งม้าซึ่งจะใช้พาหนะอะไรก็ได้ในการเข้าแข่งขันประเภทฟรีเรส ส่วนการแข่งปกติอนุญาตให้ใช้ม้าเท่านั้น เข้าแข่งฟรี ผู้ชมสามารถวางเดิมพันได้ โดยมีของรางวัลต่างกันตามระดับ ส่วนการแข่งขันจะมอบรางวัลเป็นรายวัน เมื่อวันสุดท้ายมาถึง ผู้ที่มีรางวัลสะสมมากที่สุดสามอันดับแรกจะได้รางวัลใหญ่ไปครอง

37-44ไดอะเนดอส เทศการแข่งจำศีล ซึ่งอาจมีการยืดเยื้อ โดยให้จำศีลและอดอาหารทำได้ถึงห้าวันก็เอารางวัลไปก่อน ส่วนผู้ที่อยู่ได้นานที่สุดสิบอันดับแรก(สำหรับหมู่บ้านเล็กๆอาจจัดแค่1-3รางวัล) จะได้รับรางวัลใหญ่

15-19 เซไมเนอรอส เทศการบูชาเพลิง มีการแสดงต่างๆมากมายและมีอาหารหลายอย่างขายตามข้างทาง แม้จะไม่มากเท่าเทศการอาหารก็ตาม โดยพิธีใหญ่จะเป็นวันที่18 ซึ่งเห็นดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ที่สุด

34-51 เซไมเนอรอส เทศการอาหาร ซึ่งมีอาหารหลากชนิดวางขายเต็มสองข้างทาง ซึ่งมีทั้งเป็นสูตรลับของท้องที่ต่างๆ โดยจะจัดขึ้นในเมืองหลวงของทวีปทั้งสาม ทั้งบรรดาทหารตามเมืองและข้าราชการก็ต้องทำอาหารอย่างน้อยหน่วยงานละหนึ่งอย่างด้วย แต่จะกินได้หรือไม้นั้น...... ไปลุ้นกันเอาเอง นอกจากนี้ยังมีการโหวตร้านค้าที่อร่อยที่สุดในช่วงสามวันสุดท้ายด้วย ผู้ชนะมีเพียงหนึ่งเท่านั้น ซึ่งจะได้เปอเซนต์ของกำไรของทุกร้าน2.5เปอเซนต์ ส่วนอีก2.5จะถูกหักเข้าการกุศล(ตามระเบียบ)

12-34 เบลนาทอส เทศการประลอง ซึ่งนักสู้ทั่วสารทิศจะมารวมตัวกันตามเมืองใหญ่ต่างๆเพื่อประลอง ผู้ชมสามารถวางเดิมพันได้ มีการแจกรางวัลเหมือนเทศการแข่งม้า ยกเว้นประเภททัวร์นาเมนท์จะจัดแจกทุกๆ7วัน และแบบแบร์นัคเคิลซึ่งใช้ได้เฉพะมือเปล่าและชุดเกราะที่สนามเตรียมไว้ให้เท่านั้น มีการแจกรางวัลทุกๆ2วัน

22 เบลนาทอส ระลึกถึง ชาเปียนส์ เบลลอน ผู้ริเริ่มงานประลอง

28เซโอลอส เป็นวันที่ไม่ต้องคำนึงถึงมารยาทและพิธีรีตองต่างๆ

ทั้งเดือนโอเบเลอุส เป็นเดือนแห่งการค้า ซึ่งมีการค้าต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ทั้งอุปกรณ์ สินค้า วัตถุดิบ ยา อาวุธ อาหาร และของหายากต่างๆ เป็นเดือนที่สำนักราชวังไม่เก็บภาษี และค่าตั้งร้านค้าต่างๆอีกด้วย

12โอเบเลอุส ระรึกถึง อัลเฟรด โอเบลลอน มหาราช ผู้ทำการสงบศึกของทั้งสามทวีป

22-38 เนโอเบลเลส เป็นเทศการดวงจันทร์ ที่พระจันทร์สองดวงเต็มดวงพร้อมกันวันที่30และ31 มีการแสดงและพิธีใหญ่มากมาย ทำรูปเหมือนเทพเจ้าต่างๆจากมัดฟาง ดื่มสุราเลิศรสที่สำนักราชวังต่างๆนำมาแจกจ่ายเพื่อคืนกำไรจากภาษีให้ประชาชน เป็นวันที่ทุกคนจะกล่าวคำขอโทษเพื่อเริ่มชีวิตใหม่ เป็นช่วงเวลาที่มีความเชื่อว่าเทพธิดาแห่งตะวันกับเทพแห่งจันทราได้ร่วมกันสร้างโลกขึ้น จึงจัดงานเพื่อเป็นการระลึกถึง ส่วนรูปเหมือนต่างๆในวันสุดท้ายจะมีการเชิดโดยบรรดานักกีฬา เพื่อต่อสู้ รูปเหมือนของเทพใดเหลือเป็นรูปสุดท้ายจะถือว่าปีต่อไปอยู่ภายใต้การดูแลของเทพองค์นั้นๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา