เนตรสังหารนักล่าวิญญาณ
2) ผู้มาเยือน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความชาญพยายามวิ่งตามไป แต่วิ่งเท่าไรระยะห่างของตัวเขากับมิราชิเองก็ไม่ได้ใกล้เข้ามาเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนเดินทางไปจนถึงที่พักของมิราชิที่เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวบนที่ดินกว่า 200 ตารางวา
“เข้ามาก่อนสิ”มิราชิเรียกชาญเข้ามาในบ้าน
“ดูจากลักษณะแล้วคุณไม่ใช่คนไทยนิแต่ทำไมถึงได้พูดไทยได้ชัดจังละ”ชาญเริ่มเอ่ยถามหลังจากที่สงสัยมาตั้งแต่แรกที่พบมิราชิ
“ชั้นมาอยู่เมืองไทยได้หลายปีแล้วล่ะ ดื่มอะไรซักหน่อยไหม”มิราชิพูดขณะเดินเข้าเปิดไฟในบ้านและเดินไปหาอะไรดื่มที่หน้าตู้เย็น
“อ่อไม่ละ ขอบคุณ แต่ว่า....”ชาญปฏิเสธไปแล้วก็จะเอ่ยปากถามมิราชิ
“จะถามว่าทำไมชั้นถึงชวนนายมาใช่ไหม”มิราชิชิงตอบก่อนที่ชาญจะถามจบ แล้วก็ยกเครื่องดื่มที่เขาหยิบออกมาจากตู้เย็นดื่มเข้าไปหลังจากตอบชาญไป
“ใช่....”ชาญตอบกลับไป
“เมื่อครู่นี้นายเองก็ได้เห็นแล้วใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง สิ่งที่นายเห็นนั้นเรียกว่าโซลเลส พวกนี้จะเกิดจากการที่ถูกพลังบางอย่างครอบงำจากดวงจิตธรรมดาให้กลายเป็นโซลเลส และสิ่งที่จะทำให้นายได้เห็นโซลเลสได้ก็คือแก้วตาชนิดพิเศษที่จะเกิดขึ้นจากบุตคลที่มีพลังพิเศษหรือจะให้พูดง่ายก็คือพวกที่มีสัมผัสที่หก แก้วตาชนิดนี้เรียกว่า เนตรส่องวิญญาณ จะทำให้ได้อีกภพภูมิหนึ่งที่อยู่ร่วมกันกับเราบนโลกใบนี้ หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าโลกวิญญาณ”มิราชิค่อยอธิบายเรื่องราวต่างให้ชาญฟัง
“เรื่องแบบนี้มันมีด้วยงั้นเหรอ ผมไม่เห็นเคยได้ยิน”ชาญแย้งถามขึ้น
“สิ่งที่นายเห็นมันก็พิสูจน์ได้หมดแล้วนิ ถึงมันจะยอมรับได้ยากหน่อยก็เถอะแต่ว่ามันเป็นเรื่องจริง ซึ่งนายเองไม่อาจจะปฏิเสธได้ เอาละชั้นเหนื่อยมากละ นายหาที่นอนเอาเองก็แล้วกันมีห้องว่างอยู่หลายห้อง”มิราชิพูดขึ้นพลางวางกระป๋องเครื่องดื่มที่เขาดื่มจนหมดแล้ววางบนโต๊ะ แล้วเดินไปที่ห้องนอนของเขา ชาญเองก็ได้นอนตรงโซฟาให้ห้องรับแขกที่เขาคุยกับมิราชิ จนรุ่งเช้าชาญเริ่มงัวเงียตัวขึ้นมา ท่ามกลางแสงอรุณที่เริ่มถักทอแสงในยามเช้าเป็นสีเหลืองทองอร่าม ซึ่งในตอนนี้เป็นเวลา ประมาณ 6 โมงเช้า มิราชิตื่นขึ้นมาพอดี
“ว่าไงหลับสบายดีไหม”มิราชิทักทายชาญหลังเดินออกจากห้องมา
“ครับ”ชาญตอบรับไปก่อนจะเก็บของ ของเขา
“แล้วนิคิดจะไปที่ไหนล่ะ”มิราชิถามขึ้นขณะที่เขากำลังแต่งตัว
“ก็คิดว่าจะไปเรื่อย ยังไม่แน่นอนหรอก”ชาญตอบกลับไป
“ถ้าอย่างงั้นก็พักที่นี่ไปก่อนซักระยะนึงก่อนก็ได้ ชั้นเองก็อยู่คนเดียวด้วยไม่มีปัญหาหรอก อย่างไงฝากเฝ้าบ้านให้ด้วยนะ มีของกินในตู้เย็นหากินเอาเองละกันนะไปละ”มิราชิพูดแล้วหิวกระเป๋าทำงานออกไป
“ด...เดียว..! อะไรของเค้าเนี่ย”ชาญพูดขึ้น
เวลาผ่านพ้นไปจนราวๆ 5 โมงเย็น ท้องฟ้าที่ดูปกติกลับกลายเป็นมีเมฆครึมจนมืดสลัว คล้ายกับเวลาในตนพลบค่ำ ดูคล้ายกับว่าจะมีฝนตก ในช่วงมรสุมประจำปีธรรมดาแต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ชาญได้สัมผัสถึงความหนักอึ้งของบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเขาแต่มันกลับกดดันให้ตัวเขารู้สึกอึดอัดอย่างบากไม่ถูก
“ทำไมอากาศมันดูอึดอัดอย่างนี้นะ”ชาญพูดขึ้นขณะกำลังชงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่อยู่ในครัวของมิราชิ
เหล่าโซลเลสจำนวนมากมุ่งหน้าตรงเขามายังบ้านของมิราชิ ด้วยจำนวนของโซลเลสมากพอที่จะกระทบกระเทือนกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจนทำให้กระแสไฟฟ้าเกิดปรวนแปร
“นี่อะไรอีกล่ะเนี่ย ไฟดับงั้นเหรอ”ชาญเอ่ยขึ้นขณะกำลังนั่งรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่พึ่งชงเสร็จ
ด้านนอกบ้านของมิราชิเหล่าโซลเลสได้มารวมตัวกัน โดยมีบุคคลคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังคาเหนือกลุ่มโซลเลสไป ลักษณะเป็นชายหนุ่มวัยรูปร่างสันทัดในชุดคลุมสีดำที่พัดโบกไสวไปตามแรงลมอย่างดูสง่างาม
“หึหึ…”เสียงหัวเราเบาๆของชายคนดังกล่าว
ดวงตาของชาญมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเหล่าโซลเลส ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามัวคล้ายกับที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน จนทำให้ชาญต้องวิ่งออกมาหาที่โล่งเพื่อพักสายตา แต่ว่าเมื่อออกไปที่สวนหน้าบ้านเนตรส่องวิญญาณกลับทำให้เขาได้เห็นโซลเลสจำนวนมาก
“ไอ้ตัวพวกนี้อีกแล้วงั้นเหรอ ให้ตายสิ”ชาญพูดขึ้นขณะค่อยๆเดินถอยหลังอย่างช้าๆด้วยอาการสั่นเล็กน้อย เพื่อถอยกลับเข้าไปในบ้านของมิราชิ
ในขณะเดียวกันเองนั้น มิราชิที่พึ่งเลิกงานก็กำลังเดินกลับมาที่บ้านแต่เพียงแค่เดินก้าวเข้ามาในเขตซอยทางเข้าบ้านของเขา มิราชิก็ได้สัมผัสถึงพลังจิตอันแรงกล้าที่ปลดปล่อยออกมาจากตัวโซลเลสและชายลึกลับที่ปรากฏตัวขึ้น
“มาจนได้สินะ”มิราชิรีบวิ่งทันทีหลังจากรู้สึกได้
ตัดฉากกลับไปยังบ้านของมิราชิ ชาญกำลังหลบการโจมตีจากเหล่าโซลเลสนับสิบๆตัวที่เข้ามารุมโจมตีเขา
“เฮ้ย ไปให้พ้นนะ”ชาญตะโกนขณะกำลังวิ่งไปรอบๆบ้านเพื่อหลบหนี
ชาญหนีออกมาได้จนถึงประตูทางออกหน้าบ้าน เขากวาดสายตามองไปในบ้านด้วยความระมัดระวังกลัวว่าจะมีเหล่าโซลเลสติดตามเขามา แต่ทว่าเขากลับเดินถอยหลังไปเจอกลับเหล่าโซลเลสอีกกลุ่มที่รอเขาอยู่ด้านนอก
“ไม่นะ........!”เสียงตะโกนของชาญดังก้องสุดเสียง ขณะที่โซลเลสกำลังง้างมือเพื่อที่จะทำร้ายเขา พร้อมกับยกมือเข้ามาปิดบังตัวของเขาและทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น
“ฉึก!”เสียงของวัตถุปลายแหลมที่แทงทะลุร่างของโซลเลสตัวดังกล่าวดึงขึ้น
“โทษทีนะเจ้าหนูที่มาช้าไปหน่อย แต่จะรีบจัดการให้จบเดี๋ยวนี้แหละ”มิราชิพูด ก็มีพลังพวยพุ่งออกมาจากตัวและดาบของเขาเป็นจำนวนมา และในชั่วพริบตาเดียวมิราชิก็จัดการเหล่าโซลเลสได้ทั้งหมด
“ส...ส...สุดยอด”ชาญได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งที่เขาได้เห็น
“ว่าไง ตกใจมากเลยงั้นเหรอ... หือ!?”มิราชิหยุดคุยกับชาญ แต่ก็ต้องชะงักและชักดาบออกมาหันไปกันการโจมตีจากชายลึกลับที่พุ่งเข้ามาโจมตีเขาด้วยความเร็วสูงจากด้านด้านหลัง
“ไม่ได้เจอซะนานนะ ทาคาโนะ มิยาชิ นักล่าวิญญาณแห่งสมาคมคันไซ”เสียงที่นุ่มลึกของชายลึกลับพร้อมด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเล่ห์กล
“นึกว่าใคร ที่แท้ก็อสูรกลืนวิญญาณ เคียวคุเองงั้นเหรอ ตามมาถึงนี่เลยงั้นเหรอ”มิราชิพูดแล้วกระแทกดาบใส่เคียวคุให้กระเด็นถอยออกไป
“อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลยน่าที่ชั้นต้องการตัวไม่ใช่แก แต่เป็นเจ้าเด็กนั่น”เคียวคุพูดขึ้น
“ไม่คิดเลยว่าแกจะสนใจเด็กคนนี้ด้วย”มิราชิพูดขึ้น
“เค้าพูดอะไรกันน่ะ”ชาญที่ยืนดูอยู่ห่างพยายามจะฟังสิ่งที่ทั้งสองคุยกันแต่ทว่าพวกเขาคุยกันในภาษาญี่ปุ่นทำให้ชาญฟังไม่เข้าใจ
“เด็กนั่นมีพลังที่จะสามารถปลดปล่อยพลังของเหล่าโซลเลสอย่างพวกเราได้ ถอยไปซะชั้นไม่อยากจะยุ่งกับแกนักหรอก”เคียวคุพูดขึ้น
“แต่ว่าเด็กคนนี้ชั้นเจอก่อนซะด้วยสิ ยิ่งพวกโซลเลสต้องการตัวด้วยแล้วล่ะก็ยิ่งอยู่เฉยไม่ได้ใหญ่เลยสิ”มิราชิพูดขึ้นแล้วยิ้มให้กับเคียวคุ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ