(Inuyasha Fanfiction) Forever Love Sesshomaru&Rin

8.5

เขียนโดย MomijiNI

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.38 น.

  16 ตอน
  6 วิจารณ์
  36.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560 00.18 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

10) หึงหวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ณ ปราสาทอะจิไซ

 

“เจ้าริน!!”

 

“อะไรคะ ท่านจาเค็น”

 

“มีคนมาหาเจ้าน่ะ เอ๊ะ? ทำไมวันนี้เจ้าแต่งตัวแบบนี้?” จาเค็นมองรินด้วยท่าทางประหลาดใจ ที่วันนี้รินแต่งกายไม่เหมือนทุกที เพราะใส่ชุดมิโกะ พร้อมหอบหิ้วคันธนูไว้ในมือ

 

“ข้าอยากใส่น่ะค่ะ” รินตอบด้วยน้ำเสียงสดใส

 

“เจ้านี่แปลกคนจริง” จาเค็นได้แต่ส่ายหัวเบาๆ กับการกระทำของริน

 

         รินรีบเดินออกไปทันทีที่บทสนทนาจบลง เพื่อไปพบหน้ากับบุคคลที่มาพบเธอ ที่รออยู่หน้าปราสาท เมื่อเดินมาถึงก็พบกับชายหนุ่มที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี กับพาหนะคู่ใจคือคิราร่า มาพร้อมกับเครื่องแบบครบชุด ไม่ต่างไปจากเธอเลย

 

“อ้าว โคฮาคุ!”

 

“ริน…” โคฮาคุขานชื่อรินด้วยน้ำเสียงที่ดูจะโหยหาคนตรงหน้าเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวตรงหน้าแปลกใจแต่อย่างใด

 

“แต่งตัวเต็มยศแบบนี้ เจ้าจะมาปราบข้ารึไง?” รินพูดติดตลก

 

“เจ้าก็ไม่ต่างจากข้าซักหน่อย” โคฮาคุพูดพลางมองหญิงสาวอย่างแปลกใจไม่ต่างจากจาเค็น

 

“นึกยังไงถึงมาหาข้าล่ะ?”

 

“ทุกคนที่หมู่บ้านเขาเป็นห่วงเจ้ากันน่ะ เรื่องท่านคาเอเดะ พอดีข้าจะมาล่าปีศาจแถวนี้ ก็เลยอาสามาดูให้”

 

“ข้าทำใจได้แล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก” รินยิ้มให้บางๆ

 

“แล้วเจ้าเนี่ยแต่งชุดมิโกะทำไมกัน ปีศาจที่ไหนมันจะกล้าเข้ามาแถวนี้รึ?”

 

“ก็ไม่แน่…” รินพูดพลางมองไปที่ท้องฟ้า เธอรู้สึกถึงไอปีศาจ ที่รุนแรงกว่าคราวที่แล้วมากนัก

 

“เจ้าก็รู้สึกสินะ ริน”

 

“อืม”

 

         ไม่นานพื้นที่บริเวณหน้าปราสาทก็ถูกปกคลุมไปด้วยไอปีศาจนั้น รินและโคฮาคุเริ่มกำอาวุธที่มือไว้แน่น เพื่อตั้งรับ แต่แล้วอีกาสีดำฝูงหนึ่งก็ตรงดิ่งมาทางด้านหลังของโคฮาคุ

 

“โคฮาคุ หมอบลง!!”

 

ฟิ้ว!! ลูกศรถูกยิงออกอย่างรวดเร็ว

 

“อีกา…” โคฮาคุพูดขึ้น ทั้งที่ปราสาทนี้มีไอปีศาจของเส็ตโชมารูรุนแรงขนาดนี้ แต่ก็ยังมีปีศาจกล้าเข้ามาเขตนี้ มันต้องการอะไรกัน

 

“มนุษย์สองคน งั้นรึ?” เสียงทุ้มที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายปีศาจที่รินเห็นในฝันเอ่ยขึ้น

 

“เผ่าคาราสุสินะ!” รินพูด

 

“เจ้าต้องการอะไร?!!” โคฮาคุถามเรื่องที่สงสัยทันที

 

“ถามได้ดีหนิ ข้าต้องการฆ่านาง ส่วนเจ้าไม่เกี่ยว ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไป!!” น้ำเสียงเข้มนั้นเอ่ยพลางสั่งเหล่าสมุนอีกานับร้อยตรงดิ่งเล่นงานรินทันที

 

ฉัวะ!!!  ฟิ้ว!!!

 

“หนีไปซะโคฮาคุ ข้าขอร้อง ฟิ้ว!!!”

 

“ไม่! ข้าจะไม่ทำแบบนั้นแน่! ฉัวะ!!!” เมื่อรู้แน่แล้วว่าปีศาจตรงหน้าต้องการฆ่าริน ด้วยเยื่อใยที่มีให้รินยังตัดไม่ขาดสิ้น โคฮาคุเองก็สู้เพื่อปกป้องรินโดยไม่ไปไหน ถึงแม้รินจะห้ามก็ตาม

 

“เอาเลย สู้กันให้ตายไปข้างนึงเลย เพราะข้าพามาอีกเพียบ!!!”

 

         อีกาสีดำทมิฬถูกเรียกออกมาอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือภาพลวงตา เพื่อต้องการแย่งชิงพลังวิญญาณของริน ทุกครั้งที่รินยิงศรนั้น พลังวิญญาณก็จะถูกดูดไป นอกจากจะทำให้รินหมดแรง และฆ่าได้ง่ายขึ้นแล้ว ก็ยังใช้ล่ออีกคน อีกคนที่มันอยากจะฆ่าให้ตายพร้อมๆ กับริน ที่เป็นคนสังหารน้องชายของมัน

 

-------------------------------------------------

ณ ปราสาทของอาณาจักรสุนัขอสูรจิ้งจอกเงิน

 

          ในขณะเดียวกับที่รินต่อสู้อยู่ที่ปราสาทอะจิไซ บริเวณลานหน้าปราสาทของสุนัขอสูรก็เกลื่อนกลาดไปด้วยศพของเหล่าทหารของทั้งสองเผ่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเผ่าศัตรูเสียมากกว่า แม้แต่ตัวแม่ทัพอย่างเส็ตโชมารูเอง ก็แทบจะไม่จำเป็นต้องชักดาบออกมาฆ่าฟัน เพียงแค่แซ่พิษที่ตวัดเบาๆ หรือยืนมองเฉยๆ ก็ตายเกลื่อนแล้ว

 

“มาท้ารบทั้งที หึ! มีแต่พวกกระจอก”

 

“เจ้าอย่าวางใจไป ข้าว่าเหมือนมันจะส่งพวกนี้มาถ่วงเวลาซะมากกว่า เพราะหัวหน้าเผ่าก็ไม่ได้มาซะด้วย” ผู้เป็นมารดาพูดอย่างสงสัย พลางมองการต่อสู้ที่ลานหน้าปราสาท

 

“...” คำพูดของมารดาทำให้เส็ตโชมารูคิดถึงรินทันที ถ้าตัวหัวหน้าไม่มา นั่นอาจจะมีอะไรเกี่ยวกับรินก็ได้ แววตาที่วิตกนั้นทำให้มารดาเอ่ยขึ้น

 

“ถ้าเจ้าเป็นห่วงนางก็ไปซะ สวะแค่นี้ ข้าจัดการได้ ไม่นานก็เรียบร้อย”

 

“...” อสูรหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะเหาะออกจากปราสาทเพื่อตรงไปยังปราสาทอะจิไซทันที แต่แล้วกลิ่นที่คุ้นเคยก็ลอยมาตามลม แล้วมันก็กำลังห่างออกจากปราสาทอะจิไซไปคนละทางเสียด้วย

 

“กลิ่นของริน ทำไม? กำลังจะไปไหน? รึว่า...” อสูรหนุ่มร้อนรนทันทีที่กลิ่นนั้น เริ่มจะไปทางปราสาทของเผ่าศัตรู ก่อนจะรีบเหาะตามไป หารู้ไม่ว่านั่นเป็นกับดัก

 

“ตามมาเลย ข้าจะได้ฆ่าเจ้าให้สมใจอยากซักที!” หัวหน้าเผ่าคาราสุ ที่มองเหตุการณ์ผ่านอ่างน้ำที่อยู่หน้าตน เอ่ยขึ้นอย่างสมใจ ที่ทุกอย่างเริ่มจะเป็นไปตามแผนแล้ว

 

-------------------------------------------------

ณ อาณาจักรเผ่าคาราสุ

 

         เส็ตโชมารูเหาะตามกลิ่นมา จนมาหยุดที่หน้าปราสาทของเผ่าศัตรูอย่างที่ตนคิดเอาไว้ไม่ผิด แต่กลิ่นนั้นก็ยังฟุ้งอยู่ภายในปราสาทเช่นกัน

 

“มันจับตัวรินมางั้นรึ?” เส็ตโชมารูคิด ก่อนจะมีเหล่าทหารของปราสาทกรูกันเข้ามาหมายจะทำร้ายเขา

 

“เกะกะ!” แค่เพียงแซ่พิษ ก็ทำให้ทหารเหล่านั้นลงไปกองอยู่แทบเท้าของเส็ตโชมารูจนหมดสิ้น เขาเดินตรงเข้าไปในปราสาท เพราะกลิ่นนั้นเริ่มอยู่ไม่ไกล แต่แล้วก็พบกับหัวหน้าเผ่าศัตรู ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ในปราสาท พร้อมกับอ่างน้ำเบื้องหน้า

 

“หึ! ไอ้คนถ่อย!” เขาสบถอย่างโมโห ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยเช่นเคย

 

“มาแล้วรึ? เจ้าเส็ตโชมารู”

 

“...” ใบหน้านิ่งเฉยที่เก็บทุกความรู้สึก พยายามสอดส่ายสายตาหาตัวรินแต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งเหลือบไปเห็นมือนั่น ที่กำลังกำผมยาวสีนิลไว้

 

         นั่นเป็นร่างมายาที่ใช้พลังวิญญาณของรินสร้างขึ้น โดยที่ตัวของหัวหน้าเผ่าคาราสุนั้น ได้แยกร่างของตนออกอีกส่วนไปหาริน เพื่อเอาพลังของรินมา โดยที่เส็ตโชมารูไม่รู้เลยว่าตนกำลังถูกปั่นหัวอยู่

 

“แกคงจะอยากได้มันคืนสินะ เมียของแกน่ะ” มันพูดพลางดึงผมของริน แล้วชูขึ้นด้านหน้าของมัน ร่างของรินที่ไร้สตินั้น เรียกความเดือดดาลในใจของเส็ตโชมารูได้เป็นอย่างดี

 

“ริน!! แก...ไอ้ชั้นต่ำ! ปล่อยนางเดี๋ยวนี้!!!”

 

“ข้าจะฆ่ามัน เหมือนกับที่มันฆ่าน้องของข้า อย่าหวังว่าข้าจะคืนมันให้แก!” มันพูดอย่างโมโห พลางยกร่างมายานั้นขึ้นมา ราวกับเป็นโล่ให้ตนทันที

 

-------------------------------------------------

ณ ปราสาทอะจิไซ

 

         รินและโคฮาคุที่กำลังต่อสู้อยู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นคือภาพมายา ก็ต่อสู้จนรินเองก็เริ่มอ่อนแรงจากการถูกดูดพลังแล้ว

 

“ทำไมมันถึงได้มากมายขนาดนี้นะ” รินคิดในใจ พลางยิงศรฆ่าศัตรูไปเรื่อยๆ

 

“ข้าว่าขืนเป็นแบบนี้ เราจะตายกันซะเปล่าๆ นะ” โคฮาคุที่เริ่มรู้สึกได้ว่ารินเริ่มอ่อนแรงแล้ว เอ่ยขึ้น

 

“ข้าไม่ยอมมาตายแบบนี้หรอก!” รินพูดพร้อมใช้คันธนูยันร่างที่อ่อนแรงของตนไว้ โดยที่ไม่ทันระวังตัว อีกาเหล่านั้นก็พุ่งเข้าหาริน แถมยังเป็นฝูงตัวจริงเสียด้วย

 

“รินระวัง!!!” โคฮาคุกระโจนเข้าไปกอดรินแล้วรับการโจมตีนั่นแทนรินทันที ทำให้กรงเล็บของอีกากรีดบนแผ่นหลังของโคฮาคุอย่างจัง ถึงไม่ใช่แผลลึกอะไรนัก แต่ก็เจ็บไม่ใช่น้อย

 

“โคฮาคุ ไม่เป็นไรนะ!” รินพูดอย่างตกใจที่เห็นรอยแผลบนหลังของชายหนุ่ม

 

“ข้าสบายมาก” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มให้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความกังวลใจของรินลดลงเลย

 

“ยอมแพ้ซะเถอะ แล้วยอมให้ฆ่าซะดีๆ” หัวหน้าเผ่าคาราสุเอ่ยขึ้น เพราะถูกโคฮาคุขัดขวาง แผนที่จะฆ่ารินจึงทำได้ยากขึ้น

 

“ไม่มีทาง!!” รินพูดอย่างเยือกเย็น พลางเดินออกห่างจากที่โคฮาคุอยู่ ร่างกายที่อ่อนแรงเริ่มทรุดลง ร่างที่คุกเข่านั้นถูกยันไว้ด้วยคันธนู

 

“งั้นคงต้องเล่นไม้แข็งซะแล้ว” ร่างกายที่อยู่ในร่างมนุษย์ บัดนี้ถูกกลายกลับไปเป็นอสูรคาราสูสีดำทมิฬ ตัวใหญ่ยักษ์ นัยน์ตาสีแดงฉานนั้นจ้องมองรินเขม็ง ก่อนจะใช้กรงเล็บจู่โจมเข้าหารินอย่างรวดเร็ว

 

“ริน!!!” โคฮาคุตะโกนอย่างตกใจ เขาเองก็บาดเจ็บ ให้ไปช่วยตอนนี้ก็คงสายเสียแล้ว

 

         ม่านแสงสีฟ้าถูกปกคลุมล้อมรอบตัวรินทันทีที่กงเล็บย่ำกรายเข้ามาใกล้ร่างของริน พิษจากม่านแสงสีฟ้าละลายมือและกรงเล็บนั้นแทบจะทันทีที่สัมผัส ยิ่งลุกล้ำมากเท่าไหร่ พลังของพิษก็ยิ่งทวีคูณ

 

“ยัยนี่มีจิตของไอ้เจ้านั้น แต่ข้าไม่ยอมหรอกนะ ข้าจะฆ่าเจ้าล้างแค้นให้น้องของข้า อ้ากกก!!”

 

ปัก!!

 

         พลังเฮือกสุดท้ายของรินถูกส่งผ่านไปยังลูกศรดอกสุดท้าย เป็นพลังที่มากพอจะทำให้โคฮาคุกับจาเค็นที่แอบดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ อึ้งไปไม่น้อยที่ได้เห็น ศรนั้นถูกปักกลางอกซ้าย ก่อนที่ร่างของอสูรคาราสุจะแตกกระจายออกไป พร้อมกับรินที่หมดสติเพราะอ่อนแรง

 

ตุบ!!

 

“ริน!!!”

-------------------------------------------------

ณ อาณาจักรเผ่าคาราสุ

 

         ขณะเดียวกับที่รินกำลังต่อสู้ ทางด้านเส็ตโชมารูกำลังตกอยู่ในสภาวะสับสนอย่างหนัก การตัดสินใจอย่างเยือกเย็นของเขาถูกพังทลาย เมื่อรินถูกจับเป็นตัวประกันอยู่เบื้องหน้า

 

“เอาไงล่ะ เส็ตโชมารู ถ้าฆ่าข้าก็ต้องโดนยัยนี่ตายไปด้วย เข้ามาสิ ข้ารออยู่ ใช้ดาบเขี้ยวดินระเบิดของเจ้าเลยสิ!! ฮ่าๆๆๆ”

 

“ชิ!!”

         เสียงเย้ยหยันนั้น ทำให้เส็ตโชมารูกัดฟันกรอด เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะกลัวว่ารินจะพลอยถูกลูกหลงไปด้วย แต่แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนพลังของตนไม่นิ่ง บ่งบอกได้ว่าพลังของเขากำลังถูกใช้ ซึ่งนั่นก็มีแต่เพียงจิตที่ใส่ให้รินไว้เท่านั้น เขาเริ่มสับสน หมายความว่ายังไง? ถ้ารินใช้พลังของข้าอยู่ แล้วรินตรงหน้าข้าคือใคร? นี่มันกลิ่นของริน ข้าไม่มีวันจำผิดแน่ แต่แล้วคำพูดของรินก็พลันผุดขึ้นมา

 

“ไม่ว่าศัตรูจะพูดอะไรเกี่ยวกับริน ท่านอย่าเชื่อมันนะคะ ท่านอย่าได้ลังเลอะไรทั้งนั้น แล้วท่านจะปลอดภัย ท่านเชื่อรินนะคะ…”

 

“อ้าว..เกิดรักตัวกลัวตายขึ้นมารึยังไงล่ะ ฮะ!!” มันพูดพลางรู้สึกตัวแล้วว่า อีกร่างของมันถูกรินทำลายไปเสียแล้ว แผนสุดท้ายที่เหลือตอนนี้จึงมีเพียงแค่ ฆ่าเส็ตโชมารูให้ได้เท่านั้น

 

“หึ! คิดจะหลอกข้าเส็ตโชมารูผู้นี้ ไม่มีประโยชน์หรอก! แผนของเจ้า ใช้ไม่ได้ผลแล้วล่ะ!!”

 

“เฮ้ย!! อะไรกัน มันดูออกงั้นรึ!...” มันคิดในใจ แต่ก่อนที่มันจะได้คิดอะไรต่อนั้น..

 

“ดาบเขี้ยวดินระเบิด!!”

 

“อ้ากกกก!!!” ร่างของอสูรคาราสุถูกผ่าออกเป็นสองท่อนทันที ก่อนที่จะสลายหายไป พร้อมกับร่างมายาของริน

 

“ไปอยู่กับน้องแกในนรกเถอะ!”

-------------------------------------------------

ณ ปราสาทอะจิไซ

 

         เวลาย่ำค่ำ หลังจากสังหารอสูรคาราสุได้แล้ว เส็ตโชมารูก็เหาะกลับมาที่ปราสาทอะจิไซทันที กลิ่นปีศาจยังคละคลุ้งอยู่จางๆ บริเวณหน้าปราสาท บอกเล่าได้ดีถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานขณะที่ตนไปทำศึกอยู่ เมื่อพอเห็นปีศาจกบตัวจ้อยที่กำลังเดินออกมาเพื่อต้อนรับเขา เขาก็เอ่ยถามทันที

 

“จาเค็น รินอยู่ที่ไหน?”

 

“โคฮาคุอุ้มเธอไปนอนในห้องนอนขอรับท่าน รินใช้พลังมากไป ก็เลยหมดสติ”

 

“โคฮาคุงั้นรึ? มาทำไม?” เขาถามกลับพลางขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินชื่อ

 

“เจ้านั่นมาเยี่ยมรินขอรับ แต่บังเอิญเกิดเรื่อง ก็เลยช่วยรินสู้ด้วยน่ะขอรับท่าน”

 

“ตอนนี้ล่ะ?”

 

“กลับไปก่อนท่านจะมาซักพักแล้วขอรับ” คำตอบเป็นที่น่าพอใจ อสูรหนุ่มหันหลังให้จาเค็นแล้วเดินตรงไปที่ห้องนอนของตนทันที

 

         ฟูกของรินถูกใช้หนุนนอนโดยเจ้าของฟูกนั้น พลันนัยน์ตาสีอำพันเหลือบมองเห็นของแปลกปลอมบางอย่างวางอยู่ข้างหมอนของริน มันคือดอกยูริ(ลิลลี่)สีชมพูอ่อน ที่วางอยู่ดอกหนึ่ง พร้อมกับกระดาษที่มีข้อความที่ว่า…

 

“ข้าดีใจที่ได้พบเจ้าอีก หายไวๆ นะ ริน...โคฮาคุ”

 

         เส็ตโชมารูมองดูอย่างไม่พอใจนัก เรื่องเมื่อหลายปีก่อนที่โคฮาคุทำลุ่มล่ามกับริน เขาเองก็ยังไม่ได้ชำระความ มาวันนี้ทั้งที่รินก็ตบแต่งกับเขาแล้ว ก็ยังมีหน้ามาทิ้งกลิ่นไว้ให้เขาหงุดหงิดเล่นๆ อีก แต่เพราะเห็นว่าวันนี้มาช่วยรินไว้ เรื่องทั้งหมดก็จะถือว่ายอมๆ ให้ อสูรหนุ่มจึงเลิกคิดฟุ้งซ่าน สลัดความหงุดหงิดนั้นออกจากหัว ไม่นานสาวน้อยในชุดมิโกะที่หลับไหลก็ตื่นขึ้น

 

“ท่าน..เส็ตโช..มารู” รินเรียกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง พร้อมยิ้มบางๆ อย่างดีใจที่อสูรหนุ่มกลับมาหาเธออย่างปลอดภัย

 

“ริน...เจ้าไม่เป็นไรนะ?” เขาถามอย่างเป็นห่วงภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย

 

“ค่า” รินยิ้ม พลางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งบนฟูก

 

“กลิ่นตัวเจ้า…ข้าไม่ชอบ” เขาพูดอย่างหงุดหงิด เพราะยิ่งใกล้ตัวรินเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ทำให้ได้กลิ่นรินเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นกลิ่นที่เขาไม่พอใจอย่างมาก

 

“งั้นรินจะไปอาบน้ำนะคะ…” รินรู้ทันทีจากน้ำเสียงนั้น ว่าอสูรหนุ่มคงจะได้กลิ่นโคฮาคุจากตัวเธอ แต่แทนที่เขาจะออกห่างจากเธอ เขากลับยิ่งเข้าใกล้เธอมากขึ้น ก่อนจะกดรินลงบนฟูกอย่างเบามือ แล้วกระซิบข้างหูของเธอด้วยเสียงอันแผ่วเบา

 

“ไม่ต้อง...เดี๋ยวข้าจะทำความสะอาดให้..” พูดจบ เขาก็ค่อยๆ ใช้ปลายจมูกของเขาลากผ่านซอกคอขาวเนียนนั้นอย่างช้าๆ ลำคอที่เคยมีรอยเขี้ยวและเล็บของเขา บัดนี้มันเรียบเนียนราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

 

“ท่านเส็ตโชมารู…” ลมหายใจที่ร้อนผ่าวของร่างสูง ทำให้ร่างบางเผลอเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

 

“ริน…” สติที่กำลังจะเตลิดของร่างสูงค่อยๆ ขยับมือเลื่อนลงไปจับเชือกผูกเอวของร่างบางเพื่อจะปลดมันออก แต่แล้วมือของร่างบางก็จับมือร่างสูงเอาไว้

 

“ริน..ลงโทษท่าน..อยู่นะคะ…” รินที่ดึงสติกลับมาได้ เอ่ยทวงสัญญาทันที เส็ตโชมารูที่ดึงสติกลับมาได้ทีหลัง ก็เอ่ยอย่างรู้สึกผิดทันทีที่ห้ามใจตนไว้ไม่ได้ และก็มักจะเป็นทุกครั้งที่เขาอยู่แนบชิดกับริน

 

“...ข้า...ขอโทษ”

 

“ไปอาบน้ำแล้วมานอนนะคะ มันดึกมากแล้ว”

 

“อืม”

-------------------------------------------------

         เช้าวันใหม่ทุกคนตื่นลืมตาจากห้วงนิทรา ทุกคนต่างทำกิจวัตรประจำวันของตน ก่อนจะออกไปทำหน้าที่ของตนเอง วันนี้ถือเป็นวันฤกษ์ดีของรินที่จะได้ออกไปลองตามหาพลังเวทย์แฝงที่มีอยู่ในตัวของเธอ จากการต่อสู้กับอสูรคาราสุทำให้รินเริ่มตระหนักถึงพลังของตัวเองที่มีน้อยนิดนัก ต่อไปหากเกิดอันตรายกับเธอหรือเส็ตโชมารู เธอคงจะได้แต่วิ่งหนีแล้วร้องให้ช่วยอีกเป็นแน่ เธอไม่ต้องการเช่นนั้นอีกแล้ว

         เส็ตโชมารูที่ไปทำงานแถวชายแดนแผ่นดินใหญ่ เป็นเวลาสองเดือน โดยลากจาเค็นไปช่วยงานด้วย ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่รินจะออกไปหาท่านจอมเวทผู้มีชื่อเสียง เพื่อให้ฝึกวิชาให้ แค่สองเดือนนี้ก็ยังดี อย่างน้อยแค่รู้วิธีปลุกพลังนั้นออกมาได้ แล้วใช้มัน ก็น่าจะพอต่อกรกับอสูรอีกหลายๆ ตัวที่เธอจะต้องเผชิญ

 

ณ ถ้ำจอมเวท

 

         รินขี่อะอุนมาหยุดอยู่ที่หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งดูจะเหมือนถ้ำเล็กๆ ก่อนจะปล่อยอะอุนไว้ในป่าใกล้ๆ แล้วเดินเขาไปยังอาณาเขตของถ้ำ ที่เคยได้ยินมาว่ามีจอมเวทที่แก่กล้าในวิชาอาศัยอยู่ แต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นตัว หรือใครอาศัยอยู่บริเวณนี้ซักคน รินเองที่มีเพียงเบาะแสเดียวจึงเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าถ้ำนั้น ก่อนจะลองมองหาคน ที่ก็ไม่รู้ว่ามีรึเปล่า แต่ทว่า...

 

“เจ้ามาที่นี่ทำไมรึ?” ชายหนุ่มที่มีรูปงามราวกับเทพบุตร นัยน์ตาสีไพลิน รับกับผมสีดำสั้น กิโมโนสีครามเรียบไร้ลวดลาย กับฮากะมะ(กางเกงที่ใส่กับกิโมโนของผู้ชาย)สีเทา พร้อมกับดาบข้างเอวหนึ่งเล่ม ปรากฏขึ้นด้านหลังของรินอย่างเงียบเชียบ รินที่ได้ยินก็หันมาตามเสียงนั้นทันที

 

“เอ่อ..ข้ามาหาท่านจอมเวทน่ะค่ะ? ไม่ทราบว่าท่านอยู่รึเปล่าคะ?”

 

“เจ้ามีธุระอะไรกับท่านพ่อของข้า หึ!” ชายหนุ่มถามพลางเดินเข้ามาใกล้ๆ ริน แล้วยื่นหน้าเข้ามาหาริน จนรินต้องถอยหลังหนี

 

“ข้า..จะมาขอให้ท่านช่วยฝึกวิชาให้น่ะค่ะ”

 

“เจ้า...มีพลังเวทย์ด้วยรึ?” คำถามนั้นขัดกับน้ำเสียงที่ดูจะไม่สงสัยนัก

 

“เอ่อ...มีคนเคยบอกข้าว่าอาจจะเป็นพลังที่แฝงอยู่ แต่ข้าก็ไม่รู้ว่ามีจริงๆ รึเปล่า”

 

“ต้องมีแน่อยู่แล้ว...”

 

         เสียงปริศนาดังขึ้นคั่นกลางการสนทนาของทั้งคู่ ก่อนจะค่อยๆ ปรากฏร่างชายชราผมและหนวดยาวสีขาว กิโมโนสีขาว กับฮากะมะสีคราม พร้อมสิ่งที่ดูคล้ายคฑาในมือขวา เดินมาพร้อมกับสาวน้อยผมสีดำยาวประบ่าในชุดกิโมโนสีครีมกับโอบิสีฟ้า ที่ดูจะอ่อนวัยกว่าริน ทั้งคู่มีนัยน์ตาสีไพลินไม่ต่างจากชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย กำลังเดินออกมาจากด้านในของถ้ำ

 

“ท่านพ่อ” ชายหนุ่มเอ่ย

 

“เอ๊ะ? ท่านคือท่านจอมเวทสินะคะ” สิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ย ทำให้รินรู้ว่าชายชราตรงหน้าคือคนที่เธอต้องการพบ

 

“ใช่แล้ว ข้าชื่อเซย์เมย์ แล้วเจ้าล่ะ”

 

“ข้าชื่อรินค่ะ ที่ท่านว่ามีแน่อยู่แล้ว ท่านรู้ได้ยังไงคะ” รินถามอย่างสงสัย

 

“ก็เจ้าผ่านเขตอาคมของถ้ำนี้เข้ามาได้ หมายความว่าเจ้าต้องมีพลังเวทย์อยู่ในตัวแน่ เพราะเขตอาคมที่นี่ ถ้าไม่ใช่คนที่มีพลังเวทย์ ก็จะเข้ามาไม่ได้ หรือไม่ก็มองไม่เห็นถ้ำนี้เลยยังไงล่ะ” ชายหนุ่มอธิบายให้รินฟัง

 

“เขตอาคม? มีของแบบนั้นด้วยหรอคะ ไม่เห็นจะรู้สึกเลย” รินพูดพลางมองไปบริเวณหน้าถ้ำ

 

“งั้นรึ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สำหรับคนที่มีพลังเวทย์อยู่แล้ว งั้นข้าขอแนะนำตัว ข้าชื่อมาซาฮิโระ ส่วนนั่นน้องสาวข้าชื่อวากานะ” เขาเอ่ย พลางผายมือไปทางสาวน้อยที่อยู่ข้างพ่อของเขาเพื่อแนะนำให้ริน

 

“เจ้าพร้อมจะฝึกวิชากับข้าแน่งั้นรึริน?” เสียงชายชราถาม

 

“มีอะไรที่ไม่พร้อมรึคะ?” รินถามกลับอย่างสงสัยในคำถามของเซย์เมย์

 

“ตัวข้านั้นไม่มีหรอก จะมีก็แค่ตัวเจ้า” เซย์เมย์กล่าวพลางยกนิ้วชี้มาที่ริน

 

“ตัวข้า...หรอคะ” รินสงสัยหนักกว่าเดิม

 

“เจ้าน่ะมีคนรักเป็นปีศาจมิใช่รึ ข้าสัมผัสได้ถึงจิตของปีศาจตนนั้นในตัวเจ้า”

 

“เอ่อ...ค่ะ นั่นทำให้ข้าฝึกวิชาไม่ได้รึคะ” รินอึ้งเล็กน้อยที่ชายชรารู้

 

“พลังเวทย์น่ะ เป็นพลังที่มีพลังมหาศาล แล้วพลังเวทย์ของข้าก็เน้นปราบมาร ปราปีศาจเสียด้วย เจ้าแน่ใจรึเปล่าล่ะ ว่าจะควบคุมพลังนั้นได้ โดยที่ไม่เผลอใช้มันฆ่าคนรักของเจ้าน่ะ”

 

“...” รินเงียบไปทันที เธอก็ไม่รู้ว่าถ้าได้พลังมาแล้วจริงๆ เธอจะสามารถคุมมันได้รึเปล่า เธอแค่อยากจะใช้มันปกป้องตนเองและคนที่เธอรักเท่านั้น

 

“ข้าว่านางคงคุมมันได้หรอก ก็นางอยากเอามันไปปกป้องคนรักของนางหนิ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบนั่น

 

“อะไรกันนะ ชายคนนี้…” รินคิดในใจพลางมองไปที่ชายหนุ่ม

 

“อย่าตกใจสิ ข้าแค่อ่านใจเจ้าได้เท่านั้น แล้วข้าก็มองอดีตของเจ้าได้อีกด้วยนะ” เขาพูดแล้วมองหน้าริน

 

“มาซาฮิโระ! อย่าเสียมารยาทสิ” ชายชราเอ่ยท้วงลูกชายของตน

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่าน”

 

“ตกลงเจ้ามั่นใจไหม?” ชายชราถามอีกครั้ง

 

“ค่ะ ข้ามั่นใจว่าข้าจะคุมมันได้ ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยนะคะ” รินนั่งลงและก้มศรีษะคำนับชายชราตรงหน้า

 

“งั้นก็ดี ข้าจะให้ฝึกพื้นฐานกับมาซาฮิโระ และก็วากานะ ก่อนแล้วกัน เพราะข้าจะไม่อยู่หลายวัน”

 

“ได้ค่ะ ท่านอาจารย์” รินลุกขึ้นยืน ก่อนจะรับคำ

 

“เชิญทางนี้ค่ะท่านริน” วากานะเดินมาหาริน พร้อมผายมือเชื้อเชิญรินให้เข้าไปในถ้ำ รินรู้สึกเขินเล็กน้อยที่ถูกเรียกนำหน้าชื่อว่าท่านจากบุคคลตรงหน้า แต่ก็ปล่อยผ่านไป

 

         รินและมาซาฮิโระเดินเข้ามาตามทางในถ้ำ ที่มีวากานะนำทางให้ ถ้ำนี้ดูกว้าง และสว่างไสวกว่าที่เห็นด้านหน้านัก ในถ้ำถูกแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ มากมายหลายสิบห้อง เทียบได้กับปราสาทของอาณาจักรใหญ่ๆ อาณาจักรหนึ่งเลยก็ว่าได้ การตกแต่งภายในนั้นก็ยังดูสวยงาม ราวกับที่นี่ไม่ใช่ถ้ำ แต่แล้วรินก็ถูกนำทางไปที่ห้องๆ หนึ่ง เมื่อเปิดประตูออกก็พบแต่ความมืด ซึ่งคนที่นำทางก็ไม่คิดจะหาแสงไฟใดๆ มาส่องให้แต่อย่างใด

 

“ห้องนี้มืดจังเลย”

 

“ห้องนี้ใช้สำหรับเลือกศาสตราวุธของเหล่านักเวทย์ นั่นคือคฑาเวท เหมือนกับที่ท่านพ่อใช้น่ะค่ะ”

 

“แล้วจะเลือกยังไงล่ะคะ?”

 

“แค่หลับตา ตั้งสมาธิ ใช้จิตของท่านเรียกมันออกมา เมื่อนั้นสิ่งที่คู่ควรก็จะมาหาท่านเองค่ะ ลองดูนะคะ”

 

“ค่ะ”

 

         ท่ามกลางความมืดมิด รินหลับตาแล้วตั้งจิตตามที่วากานะบอก ไม่นานก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างหมุนวนอยู่รอบตัวเธอ รินเปิดเปลือกตาขึ้น พลันมองไปรอบๆ ตัว ก็พบแสงสีต่างๆ มากมายหลายสี บางแสงเป็นกลมๆ บางแสงเป็นเหลี่ยมๆ หมุนวนอยู่รอบตัวราวกับอยากให้เธอสัมผัส

         นั่นคือแสงของคฑาเวทรูปแบบต่างๆ สิ่งที่ส่องแสงคืออัญมณีที่จะใช้ถ่ายทอดพลังเวทย์ของบุคคลที่ครอบครอง แต่เพราะความมืดมิด จึงเห็นเพียงแสงของอัญมณีที่อยู่บนคฑาเท่านั้น โดยปกติแล้วแสงจะปรากฏเพียงหนึ่งเดียวต่อหน้าผู้ที่เลือก แต่กรณีนี้ก็เคยเกิดขึ้นแต่ก็ไม่บ่อยนัก ถ้าเกิดขึ้นนั่นก็บ่งบอกได้ว่าผู้นั้นมีพลังมากเสียจนคฑาเวทใดๆ ก็อยากจะรับใช้คนๆ นั้น

         รินได้แต่ยืนอึ้ง ไม่ต่างจากสองพี่น้องที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลจากริน

 

“นี่มันพลังอะไรกัน” วากานะคิดในใจ

 

“ข้าว่าเจ้าคงไม่ต้องใช้คฑาเวทแล้วล่ะ” มาซาฮิโระพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบและความมืดมิดนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปจูงมือรินออกจากแสงเหล่านั้น

 

“อ่าว?” รินได้แต่งง แต่ก็ปล่อยให้ชายหนุ่มจูงมือเธอออกมา

 

“วากานะ ข้าฝากจัดการที่เหลือด้วย ส่วนเจ้ามากับข้าทางนี้”

 

         เมื่อออกจากห้องที่มืดมิดนั้น มาซาฮิโระก็ปล่อยมือออกจากแขนของริน ก่อนจะเดินนำทางไปยังอีกห้อง ที่สว่างไสว ภายในมีโต๊ะยาว พร้อมกับเบาะรองนั่งอีกหลายสิบที่ เมื่อเดินเข้าไปก็รู้ทันทีว่าคือห้องอะไร

 

“นี่มันห้องตำรา” รินพูดพลางมองรอบห้องที่มีตำรามากมายจนนับไม่ถ้วนนั้นอย่างตื่นเต้น

 

“จริงๆ ต้องคนที่ผ่านการฝึกพื้นฐานแล้วถึงจะเข้ามาได้” มาซาฮิโระอธิบาย

 

“แล้ว…” รินจะถามกลับว่าทำไมถึงพาเธอมาที่นี่ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรที่เรียกว่าฝึกพื้นฐานเลยซักนิด แต่คำถามก็ถูกแทรกขึ้น ด้วยคำพูดที่เธอไม่คุ้นหู โดยเฉพาะกับคนตรงหน้าเธอ

 

“เชิญครับท่านริน” เขาพูดพลางผายมือให้นั่งตรงที่ที่เขาจัดให้

 

“...” รินเดินไปนั่งตามที่บอก พลางมองหน้าชายหนุ่มอย่างงงวย คำพูดและการกระทำของเขาเปลี่ยนไป การกระทำนั้นรินเองคิดว่าตระกูลนี้คงจะเป็นตระกูลที่มีมารยาทพอสมควร เพราะดูจากวากานะที่เรียกเธอว่าท่านตั้งแต่เจอหน้า กริยามารยาทเรียบร้อยสมเป็นผู้ดี แต่คำพูดของชายหนุ่มที่เพิ่งเปลี่ยนไปนี่สิ หมายความว่ายังไงนะ? หรือว่าเธอหูฝาดกัน? เธอคิดและมองตามชายหนุ่มที่กำลังเดินไปหยิบตำราจากตู้ต่างๆ มากมายนับสิบเล่ม ก่อนจะเดินกลับมาตรงที่เธอนั่งอยู่

 

“นี่เป็นตำราเวทย์พื้นฐานทั้งหมดที่ท่านจะต้องอ่านครับ...” เขาพูดแล้ววางตำราลงตรงเบื้องหน้าของริน

 

“เดี๋ยวสิคะท่านมาซาฮิโระ!”

 

“ครับ” เขานั่งลงบนเบาะข้างๆ กับริน ก่อนจะตอบพลางยิ้มให้ริน

 

“คำพูดท่านเปลี่ยนไปนะคะ ตั้งแต่เข้ามาห้องนี้”

 

“ข้าอยากเรียกเช่นนั้นตั้งแต่เจอหน้าแล้วครับ แต่มีคนอยู่มากเกินไปเท่านั้น” ชายหนุ่มพูดพลางเบือนหน้าไปทางอื่น

 

“ถ้ามันลำบากก็ไม่…” รินรู้สึกว่าชายหนุ่มแลดูจะลำบากในการเรียกเธอ ที่ต้องเรียกต่างออกไปเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น จึงคิดว่ากลับไปเรียกเธอแบบเดิมน่าจะดีกว่า

 

“ไม่ครับ ข้าจะเรียกว่าท่านริน ท่านไม่ต้องรู้สึกเกรงใจใดๆ ทั้งนั้น นะครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้รินอีกครั้ง

 

“เอ่อ...ค่ะ.. แล้ว..เราจะไม่ฝึกพื้นฐานกันหรอคะ?”

 

“พลังเวทย์ระดับท่าน ไม่จำเป็นหรอกครับ คฑาก็ไม่ต้องใช้ เพราะพลังในตัวท่านมันมากอยู่แล้ว แค่จำมนต์ให้ได้ ข้าว่าก็เกินพอแล้วครับ”

 

“...” รินไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่มาซาฮิโระพูดซักเท่าไหร่ พลังอะไรแบบนั้นเธอก็ยังไม่เห็นรู้สึกเลย

 

“ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ก็ลองใช้มนต์ซักบทร่ายมาที่ข้าดูสิครับ ถ้ามนต์นั่นใช้ได้ในครั้งแรกที่ท่านร่าย แสดงว่าเป็นอย่างที่ข้าบอกท่าน” เขาพูดพลางเปิดตำราหามนต์ให้ริน ก่อนจะชี้ให้รินดูมนต์นั้น

 

“...” รินลังเลเล็กน้อยก่อนจะร่ายมนต์นั้น แล้วหันไปทางมาซาฮิโระ รินได้แต่ร่ายมนต์ โดยที่ไม่รู้ว่ามนต์นั้นคือมนต์อะไร พอรู้ตัวอีกทีมาซาฮิโระก็กระเด็นออกไปจากตัวเธอเสียแล้ว รินได้แต่ตกใจ ก่อนจะวิ่งเข้าไปประคองตัวมาซาฮิโระขึ้นมาจากพื้น

 

“ท่านมาซาฮิโระ!”

 

“เห็นไหมครับ ข้าบอกแล้ว ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มพูดเสียงหอบ พลางขำเบาๆ แล้วยิ้มให้ริน ถึงจะตั้งตัวไว้ก่อนแล้ว แต่พอโดนจริงๆ ก็เจ็บไม่ใช่น้อย

 

“ข้าขำไม่ออกหรอกนะคะ” รินทำหน้าจริงจังใส่ชายหนุ่ม

 

“ท่านอ่านต่อเถอะครับ ตำราพวกนี้ห้ามนำออกจากถ้ำแห่งนี้ แล้วข้าจะนั่งเป็นเพื่อน ไว้เย็นแล้วข้าจะบอก ท่านจะได้กลับที่พักของท่าน”

 

“ค่า..”

-------------------------------------------------

ณ ปราสาทอะจิไซ

 

         เวลาเนิ่นนานจนบัดนี้ก็เข้าเดือนกว่าแล้ว กับการฝึกเวทย์ของริน เธอเองก็พอจะควบคุมและจับทางได้บ้างแล้ว สิ่งที่หนักที่สุดคือการที่ต้องจำมนต์ ถึงเธอจะนั่งอ่านในห้องตำรานั้นเป็นวันๆ แต่มนต์บางบทมันก็ยาวเสียเหลือเกิน และส่วนใหญ่มักจะเป็นมนต์ที่เธอจำเป็นต้องใช้ให้ได้ด้วย เช่น มนต์ปราบปีศาจ บทหนึ่งยาวตั้งสองสามบรรทัด จนเธอเองก็อยากจะถอดใจอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็คิดว่าเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนกว่าที่เส็ตโชมารูจะกลับมา คงพอจะจำได้แน่

         วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มาซาฮิโระมาส่งรินที่ปราสาท ตั้งแต่วันแรกเขาก็มาส่งเธอที่ปราสาททุกครั้ง เพราะระหว่างทางมักจะมีปีศาจบางพวกที่เป็นอริกับเส็ตโชมารู เข้ามาทำร้ายเธอบ่อยครั้งทั้งที่พลังเวทย์เธอก็ยังไม่นิ่งพอจะใช้ได้ แต่ก็ได้มาซาฮิโระช่วย ก็ทำให้รินเบาใจลงได้บ้าง

 

“ขอบคุณที่มาส่งข้าทุกวันนะคะ”

 

“ไม่เป็นไรครับ เผื่อระหว่างทางมีปีศาจดักทำร้ายท่านอีก ข้าจะได้ช่วยได้ทัน” เขาพูดพลางยิ้มให้ริน

 

“ถ้าภรรยาของข้ารบกวนเจ้า ก็ต้องขออภัยด้วย ไว้วันหลังข้าจะไปรับนางเอง”

 

         เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น ทำให้รินแทบสะดุ้ง เธอหันไปมองตามเสียงนั้นที่กำลังเดินออกมาจากปราสาท เส็ตโชมารูกลับมาแล้ว ทำไม? ไหนว่าไปสองเดือน? นัยน์ตาสีอำพันนั้นจ้องมาซาฮิโระเขม็ง พลางเดินเข้าไปโอบไหล่รินอย่างแนบแน่น เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ นัยน์ตาสีไพรินก็จ้องกลับอย่างเขม็งไม่ต่างกัน

 

“ท่านเส็ตโชมารู...กลับมาแล้วหรือคะ?” รินพูดอย่างเกร็งๆ

 

“นี่คงจะเป็นสามีของท่านรินสินะครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมหันหน้ามาทางริน

 

“ค่ะ”

 

“งั้นข้าขอตัวก่อนนะครับท่านริน”

 

“ค่ะ ท่านมาซาฮิโระ” จบบทสนทนามาซาฮิโระก็เรียกภูติรับใช้ที่มีรูปร่างเป็นอาชาสวรรค์ ก่อนจะขึ้นขี่และหายลับไป

 

         เส็ตโชมารูจูงมือรินเข้ามาในปราสาทและตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของเขา เส็ตโชมารูในตอนนี้อารมณ์เสียอยู่ไม่ใช่น้อย สายตาของมาซาฮิโระที่มองเขา และมองริน ตัวรินเองอาจจะไม่รู้ตัว แต่สำหรับเส็ตโชมารูแล้ว มันเป็นสายตาที่น่ารังเกียจ และเขาที่เป็นชายเช่นเดียวกัน เขามองสายตาแบบนั้นไม่ผิดแน่ มันรักรินงั้นรึ? มันกำลังจะแย่งรินไปจากข้า!

         เมื่อเข้ามาถึงห้องนอน เส็ตโชมารูก็คลายมือออกจากมือของริน เขามองหน้ารินก่อนจะพยายามเก็บกดอารมณ์ทั้งหมด แล้วเอ่ยถามริน

 

“ริน! เจ้าไปไหนมา!” ถึงจะเก็บอารมณ์แล้ว แต่น้ำเสียงนั้นก็ยังบ่งบอกได้ว่าเขากำลังหงุดหงิดอย่างที่สุด

 

“เอ่อ..คือ...รินไปฝึกวิชามาน่ะค่ะ..” รินพูดอย่างเกร็งๆ

 

“วิชาอะไร!”

 

“คือ...ไปฝึก..ใช้เวทย์น่ะค่ะ”

 

“ข้าไม่อยู่เดือนเดียว เจ้ากลับหนีไปฝึกวิชา นี่ถ้าข้าไม่ถามเจ้าก็จะไม่บอกข้าใช่ไหมริน!”

 

“...” รินได้แต่เงียบ แล้วก้มหน้ารับผิด เพราะเส็ตโชมารูพูดถูกทุกอย่าง เธอรู้ว่าถ้าบอกเขา เขาเองจะไม่ปล่อยให้เธอไปฝึกแน่ จึงกะไว้ว่าจะฝึกช่วงที่เขาไม่อยู่เท่านั้น เธอจะได้ไม่ต้องบอกให้เขาฟัง แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เขารู้เรื่องแล้ว นี่อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้ไปที่ถ้ำจอมเวทนั้น

 

“...ริน....เจ้าจะเป็นแค่มนุษย์ธรรดาๆ ให้ข้าปกป้องไม่ได้รึยังไง?” เขาเอ่ยเสียงเรียบ

 

“...รินขอโทษค่ะ แต่ริน..ทำไม่ได้…”

 

“ทำไมล่ะริน ข้าปกป้องเจ้าได้ไม่ดีรึ? หรือเจ้าอยู่กับข้าแล้วลำบาก”

 

“ท่านอย่าพูดเช่นนั้นสิคะ รินทำเพื่อเรานะคะ รินไม่อยากเป็นภาระของท่านอีกแล้ว..”

 

“ข้าบอกเจ้ารึ? ว่าเจ้าเป็นภาระ หึ!” อสูรหนุ่มพูดพลางโอบเอวรินเข้ามาแนบกายเขา

 

“ขอรินไปฝึกเถอะนะคะ…” รินกลั้นใจเอ่ยขออสูรหนุ่มอีกครั้ง

 

“ตามใจเจ้าแล้วกัน” เขาตอบอย่างไม่เต็มใจนัก

 

         ฉับพลันภาพนัยน์ตาสีไพรินที่มองจ้องเขา ก็แวบขึ้นมาในสมองอย่างไม่รู้สาเหตุ จนเขาเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจที่รินจะไปฝึกใช้เวทย์ เขาต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อบ่งบอกความเป็นเจ้าของในตัวริน ไม่นานจุมพิตอันนุ่มละมุนก็ถูกมอบให้ริน อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาที่ซอกคออันหอมหวน

 

เอ่อ..ท่านเส็ตโชมารู…” คำพูดถูกหยุดด้วยจุมพิตอีกครั้ง แต่ร้อนแรงกว่าคราวแรกนัก แต่ไม่นานก็ผละออก เพราะเห็นว่ารินเริ่มหายใจขัด เขากดรินลงบนฟูก ก่อนจะเอ่ยพูดกับริน

 

“ริน..ข้า..ต้องการเจ้า..” เสียงที่แหบพล่า เอ่ยกระซิบอย่างแผ่วเบา และก้มลงไซร้ซอกคอขาวนั้นอีกครา

 

“...” เสียงของร่างสูงทำให้ร่างบางสั่นสะท้าน ใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อาจจะเพราะความโหยหาในจิตใจที่มีมาแรมเดือน ที่เธอต้องอยู่ปราสาทเพียงลำพัง ความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน เธอ...ก็ต้องการเขา..

 

          ร่างบางไม่แม้แต่จะขัดขืนกับการกระทำนั้น แขนเล็กนั้นโอบรอบคอของร่างสูงไว้ ร่างกายเป็นไปตามธรรมชาติ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอก็ต้องการเขามากขนาดไหน เมื่อร่างสูงแน่แก่ใจแล้วว่าร่างบางเองไม่มีท่าทีปฏิเสธ เขาเงยหน้ามองตาร่างบางอย่างโหยหา ซึ่งร่างบางก็มองเขาด้วยสายตาเช่นเดียวกัน

 

“ได้โปรดเป็นของข้าเถอะนะ…”

 

“รินก็เป็นของท่านไปแล้วหนิคะ”

 

“เจ้ายังบริสุทธิ์เสมอสำหรับข้า...”

 

         จบประโยคของร่างสูง ร่างบางก็รั้งคอร่างสูงลงมาจุมพิตอย่างดูดดื่ม ไม่นานเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูดปัดไปกองอยู่ข้างฟูก ร่างสูงค่อยๆ ใช้ริมฝีปากและจมูกชื่นชมเรือนร่างอันงดงามนั้นต่ำลงมาจนจุดอ่อนไหว สัมผัสที่ไม่เคยได้รับมาก่อนนั้น ทำให้ร่างบางเผลอครางออกมาอย่างขลาดอาย

 

“อ๊า!...”

 

         เสียงครางที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ฉุดสติของร่างสูงให้ขาวโพลน ร่างสูงผละออกจากจุดอ่อนไหวนั้น แล้วโน้มตัวลงไปมอบจุมพิตให้อีกครา

 

“ริน...เจ้าต้องเป็นของข้าคนเดียวเท่านั้น..” เสียงกระซิบอันแผ่วเบาถูกมอบให้กับร่างบาง พลางขยับกายสอดแทรกเข้าไปในร่างบางอย่างช้าๆ

 

“อึก! อ๊ะ!...”

 

         ร่างสูงเริ่มขยับกายเข้าออกอย่างช้าๆ พลางมองใบหน้าที่แดงก่ำของร่างบางอย่างน่าหลงใหล ใบหน้านั้นไม่ต่างจากเขาเองในตอนนี้ เขินอายในร่างกายที่เปลือยเปล่า ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ความรู้สึกที่ได้มันไม่เหมือนกัน..

 

“ท่านเส็ตโชมารู...ริน..อ๊า..ไม่ไหวแล้ว..อ๊า..”

 

         เสียงครางอันหวานหู ที่ปนอาการหอบหน่อยๆ ของร่างบาง ปลุกเร้าให้ร่างสูงขยับกายเร็วขึ้นเรื่อยๆ เล็บของร่างบางจิกเข้ากับแผ่นหลังขาวแกร่งนั้นจนเลือดซิบ ร่างสูงกัดฟันกรอด พลางกำฟูกแน่น ทั้งคู่ที่หอบเหนื่อยพลางมองหน้าที่แดงก่ำของกันและกัน เป็นค่ำคืนที่แสนจะวิเศษณ์ และมีความสุข ราวกับทั้งคู่เป็นคู่แต่งงานใหม่ ร่างสูงมองใบหน้าของร่างบางที่มีน้ำใสๆ เล็ดลอดออกจากตาคู่สวยนั้นอย่างเป็นห่วง ก่อนจะเอ่ยถาม

 

“ริน..เจ้า..เจ็บรึเปล่า?”

 

“ค่ะ...แต่..รินมีความสุขมากเลยนะคะ…”

 

         ร่างสูงโน้มจูบเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แล้วเลื่อนลงมาที่ริมฝีปากสีซากุระนั้น ก่อนจะสอดกายเข้าไปอีกครา คำตอบของร่างบางยิ่งทำให้แรงปรารถนาของร่างสูงลุกโชน บทเพลงรักถูกบรรเลงขึ้นอย่างไม่รู้จบ ความรู้สึกโหยหาของทั้งสองมากมายจนไม่อาจหยุดยั้งได้ เสียงครางหวานละมุนของทั้งคู่ดังกึกก้องไปทั่วห้อง ก่อนจะเบาบางลงในรุ่งเช้า

-------------------------------------------------

ณ ถ้ำจอมเวท

 

“ท่านรินคะ ท่านริน…” วากานะเรียกรินที่นั่งฟุบหลับอยู่บนโต๊ะอ่านตำรา

 

“...” รินงัวเงียพลางขยี้ตามองวากานะ

 

“วันนี้ท่านดูเพลียๆ นะคะ ท่านจะกลับไปพักผ่อนก็ได้นะคะ”

 

“เอ่อ...ข้าไม่เป็นไร”

 

         รินมาฝึกใช้เวทย์ตามปกติ ยกเว้นร่างกายของเธอที่ดูอ่อนเพลีย และร้อนผ่าวราวกับจะจับไข้ ตั้งแต่มาวันนี้เธอนั่งหลับหลายต่อหลายครั้งจนนับครั้งไม่ถ้วน วากานะเองที่เป็นห่วงก็เดินมาปลุกเธออยู่บ่อยๆ เมื่อรินเรียกสติจากห้วงนิทราได้แล้ว เธอก็อ่านตำราตรงหน้าต่อ จนมาหยุดอยู่ที่ศัพท์เฉพาะของนักเวทย์ ที่ยากและเธอเองก็มักจะอ่านไม่ออก จนต้องยกตำราเล่มนั้นไปให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างชายหนุ่มนัยน์ตาสีไพริน ที่กำลังง่วนอยู่กับการลับดาบของตนอยู่ช่วยอ่านให้

 

“ท่านมาซาฮิโระคะ คำนี้อ่านว่าอะไรหรอคะ?”

 

“...” มาซาฮิโระนิ่ง ไร้การตอบกลับ และลับดาบต่อไป

 

“เอ่อ...คือ..ท่านมาซาฮิโระคะ…”

 

“...” จริงๆ แล้ววันนี้ชายหนุ่มไม่ยอมเอ่ยปากพูดคุยกับเธอซักคำ โดยที่เธอเองก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไม แต่แล้วผู้ที่ทราบสาเหตุนั้นก็เอ่ยขึ้น เพื่อไม่ให้รินรู้สึกแย่จนเกินไป

 

“มาถามวากานะก็ได้นะ เจ้าริน วากานะก็พอจะอ่านออกเหมือนกัน” ชายชราเอ่ยขึ้น

 

“เอ่อ..ค่า..” รินเดินกลับมาที่โต๊ะอ่านตำราดังเดิม พลางถอนหายใจเบาๆ แต่แล้ววากานะก็ถามขึ้น

 

“ข้าว่าจะถามท่านตั้งแต่มาแล้วคะ ว่าที่ปราสาทของท่านรินมีแมลงเยอะหรือคะ? วันนี้ที่คอถึงมีแต่รอยแดงๆ อย่างกับโดนแมลงอะไรกัดมา” เธอถามอย่างไร้เดียงสา

 

“...” รินอึ้งไป พลางใช้มือจับที่ต้นคอของตน ถึงกิโมโนจะปิดดูจะมิดชิดแล้ว แต่ก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของวากานะได้ เธอไม่รู้ว่าจะตอบอะไรให้ผู้เยาว์วัยตรงหน้าได้ฟัง ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ได้โดนแมลงตัวใดกัดทั้งสิ้น แต่สำหรับวากานะแล้ว เธอเพิ่งจะอายุสิบสี่ อาจจะยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องเช่นนี้

 

“อสูรกัดมาน่ะสิไม่ว่า!” เสียงพึมพำเอ่ยขึ้น เสียงที่เบานั้นแต่สำหรับคนในตระกูลแล้ว มันเป็นถ้อยคำที่ชัดเจน เพราะพวกเขาสามารถที่จะโทรจิตสื่อถึงกันได้ แม้จะไม่ต้องเอ่ยออกเสียง ก็สามารถรู้สิ่งที่คิดอยู่ได้ไม่ยากนัก

 

“...” รินรู้สึกเหมือนว่าชายหนุ่มพูดอะไร แต่ก็เบาและไกลกันเกินไป เลยคิดว่าคงหูฝาดไปเท่านั้น ไม่ต่างกับวากานะ ที่ถึงจะได้ยินแต่ก็ไม่รู้ว่าพี่ชายของเขาจะสื่ออะไร แต่แล้วเสียงของชายชราก็เอ่ยถาม ทำให้สิ่งที่ทุกคนกำลังคิดพลันหายไปในทันที

 

“จะว่าไปเจ้าอ่านตำราเล่มพื้นฐานหมดแล้วใช่รึเปล่าล่ะ?” ชายชราเอ่ยขึ้นเสียก่อนที่รินเองจะได้คิดอะไรต่อ

 

“อ่อ..ค่ะ” รินพยักหน้าให้เบาๆ

 

“งั้นมาให้ข้าทดสอบหน่อยสิ”

 

“ค่า…”

 

         เซย์เมย์เปิดตำรา พลางสุ่มมนต์เวทย์ แล้วให้รินร่ายมันออกไปใส่ศัตรู นั่นคือต้นไม้ที่อยู่ปากถ้ำ โดยที่ตัวเธอนั้นอยู่ไกลจากปากถ้ำ เพื่อทดสอบว่าเธอใช้มันได้ถูกต้อง และมีอนุภาพเป็นที่ยอมรับหรือเปล่า? การทดสอบของรินเป็นไปอย่างสบายๆ ไม่มีมนต์ไหนที่รินพลาดเลย แต่แล้ว...

 

เปรี้ยง!!!

         มนต์ปราบปีศาจที่ผิดพลาด เพราะรินเผลอหลับ ไปกระทบกับอะไรบางอย่างที่มากกว่าแค่ต้นไม้ ราวกับมีการต่อสู้อยู่หน้าปากถ้ำ มาซาฮิโระที่รู้ว่าเกิดอะไร ก็คิดในใจ พลางมองไปที่ต้นเสียง

 

“ชิ! น่าจะโดนจังๆ จะได้ตายๆ ไปซะ!” ชายหนุ่มคิด พลางจะจ้องไปที่นัยน์ตาสีอำพันนั้นอย่างเจ็บใจ

 

         มนต์ปราบปีศาจของรินพลาดไปโดนเส็ตโชมารูที่ตั้งใจเหาะมาหาเธอที่นี่ แต่เขาหาทางเข้าไม่พบ เพราะเขตอาคมบังตา ก็ยืนรอรินได้ซักพัก จนบังเอิญพลังนั้นมาถึงอย่างไม่ได้ตั้งตัว จึงใช้ดาบเขี้ยวดินระเบิดปัดมันออกไป แต่พลาด พลังที่ปัดออกบางส่วนมันกระเด็นมาโดนมือซ้ายของเขาเล็กน้อยจนเกิดแผล นี่เป็นครั้งแรกที่พลังของมนุษย์สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ ขณะที่กำลังเก็บดาบเข้าฝัก คนที่เขาต้องการพบก็ออกมาจากด้านในของเขตอาคม ด้วยหน้าตาที่ดูจะตื่นตกใจไม่ใช่น้อย

 

“ท่านเส็ตโชมารู ท่าน...มีแผลหนิคะ เพราะรินสินะคะ รินขอโทษนะคะ...” รินมองบนหลังมือแกร่งนั่น ที่มีแผลขนาดใหญ่คล้ายไฟลวก คำพูดที่รู้สึกผิดก็พูดออกมามากมายจนอสูรหนุ่มต้องตอบกลับ เพื่อไม่ให้รินกังวล

 

“ข้าไม่เป็นไร” เสียงที่อ่อนโยนทำให้รินเบาใจ แต่ก็อึ้งเล็กน้อยที่รู้ว่าพลังที่ตนโดนเป็นพลังของริน

 

“แล้วท่านมาที่นี่ทำไมหรือคะ?” รินถามอย่างสงสัย เพราะเวลาเช่นนี้เขาควรจะนั่งทำงานอยู่ที่ปราสาทของสุนัขอสูร

 

“ข้าทำงานเสร็จแล้ว ข้าจะมารับเจ้ากลับปราสาท” เขาพูดโดยที่จ้องชายหนุ่มนัยน์ตาสีไพรินที่ยืนอยู่ปากถ้ำ ราวกับไม่อยากให้มายุ่งกับการสนทนาของเขาและริน

 

“เอ่อ…” รินยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไร ก็ถูกขัดด้วยคำพูดของคนที่เดินตามหลังเธอมา

 

“วันนี้ท่านรินยังฝึกใช้เวทย์ไม่เสร็จ ไว้ถึงตอนเย็นข้าจะไปส่งท่านรินที่ปราสาทให้เอง” คำพูดที่ดูจะสุภาพนั้น ไม่ได้ทำให้อสูรหนุ่มรู้สึกว่ามันสุภาพเลย เพราะแทบจะกัดฟันพูดใส่เขาเสียด้วยซ้ำ

 

“รินไม่ค่อยสบาย ข้าจะรับนางกลับไปพักผ่อนก่อน ไม่ได้งั้นรึ?”

 

         แต่แล้วการสนทนาของคนตรงหน้า ก็ดังเข้ามาในสมองของอสูรหนุ่ม แทนที่จะพูดออกจากปาก ส่งจิตมางั้นรึ?

 

“ถึงกับรีบสะสางงานมารับนางแบบนี้ กลัวนางจะหวั่นไหวเพราะอยู่กับข้ารึไง?”

 

“ข้าไม่จำเป็นต้องกลัวมนุษย์อย่างเจ้า” เขาตอบโดยเพียงแค่คิดในใจ

 

“กลัวหน่อยก็ดีนะ เพราะอย่างน้อยๆ ตอนนี้ท่านรินก็มีความรู้สึกดีๆ กับข้าแล้ว ต้องขอบใจเจ้าที่เปิดทางให้ข้าเป็นเดือนๆ”

 

“นางไม่ได้รักเจ้า!”

 

“แต่ก็เพราะเจ้าไม่ใช่รึ ท่านรินถึงได้ป่วยไข้เช่นนี้”

 

“รินเป็นภรรยาของข้า ถ้าข้าจะทำให้รินมีความสุข ข้าผิดรึ? เจ้ามองอดีตได้ด้วยหนิ ทำไมไม่มองเข้าไปในใจนางล่ะ ว่านางมีความสุขแค่ไหนตอนที่มีอะไรกับข้า!” เส็ตโชมารูเย้ยหยันจนมาซาฮิโระเองกัดฟันกรอดผ่านสีหน้าออกมาทันที

 

“...” มาซาฮิโระเงียบไป เขาได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ เพราะไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวรินอย่างคนตรงหน้าที่เป็นสามีของเธอ

 

“ข้าขอเตือนว่าอย่ามาคิดลุ่มล่ามกับรินอีก คนนอกอย่างเจ้าอยู่นิ่งๆ แล้วหุบปากไปซะ!”

 

         สิ้นความคิดของเส็ตโชมารู ชายชราผู้ล่วงรู้การสนทนานั้นก็เอ่ยขัดขึ้น ก่อนจะมีใครได้พูดอะไรอีก

 

“เจ้ารินกลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าอนุญาต”

 

“แต่เรายังทดสอบไม่เสร็จ…”

 

“พรุ่งนี้ก็ได้หนิ รึเจ้าจะไม่มาอีก?” ชายชราถามริน

 

“มาแน่นอนอยู่แล้วค่ะ ท่านอาจารย์”

 

“ดี..งั้นก็ไปเถอะ”

 

“ค่ะ”

 

         ไม่นานรินและเส็ตโชมารูก็ขี่อะอุนทะยานขึ้นฟ้าออกจากบริเวณถ้ำนั้นไป ทิ้งไว้แต่มาซาฮิโระที่ยืนเคว้งอยู่ปากถ้ำ ผู้เป็นบิดาจึงเดินไปหาเพื่อพูดคุยบางอย่าง

 

“มาซาฮิโระ เจ้าเลิกคิดกับเจ้ารินแบบนั้นซักที”

 

“...”

 

“เจ้าก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วหนิ ว่านางมี…”

 

“ใช่..ท่านรินมีสามีแล้ว แต่ไม่! ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่เลิกคิดเสียที”

 

“เจ้าอยากจะแย่งนางมาจากอสูรตนนั้นจริงๆ รึ?”

 

“ข้าไม่เคยคิดจะแย่งของๆ ใครอยู่แล้ว ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ใช่คนแบบนั้น”

 

“เรื่องนั้นข้ารู้ ก็เจ้าเป็นลูกชายของข้า”

 

“ถ้าข้าเจอท่านรินก่อนอสูรตนนั้นก็คงจะดีกว่านี้…” เขาพูดเสียงเศร้า

 

“สตรีที่เข้ามาหาเจ้าก็มากมาย ข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะสนใจผู้ใดเลย”

 

“ท่านรินไม่เหมือนสตรีเหล่านั้นที่ข้าเคยเจอ นั่นคือสิ่งที่ข้าสัมผัสได้แค่เพียงไม่กี่วันที่ข้าได้อยู่กับท่านริน” เขาพูดแล้วยิ้มบางๆ ออกมา

 

“ใช่! เจ้ารินน่ะดี ดีเกินกว่าจะเป็นของเจ้า มาซาฮิโระ!”

 

“ท่านพ่อจะบอกว่าท่านรินดีพอจะเป็นของไอ้อสูรนั่นรึ?”

 

“นั่นเจ้ารินเป็นผู้เลือกแล้ว ตัวเจ้าน่ะควรจะตัดใจซะ”

 

“ไม่!..ข้า..ข้าจะรอวันที่นางจะมีใจให้ข้า…”

 

“งั้นเจ้าคงจะต้องผิดหวัง...ตลอดชีวิต” คำพูดทิ้งท้ายของชายชรา ทำให้มาซาฮิโระเศร้าหนัก ความรักที่เพิ่งเกิดขึ้นในจิตใจ กลับเป็นความรักที่ไม่ควรแม้แต่จะรัก ท่านริน...ข้าจะทำเช่นไร ให้ท่านรักข้า..ข้าต้องทำเช่นไร...

-------------------------------------------------

จบตอนที่ 10

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา