Fic naruto ภาค พายุโลหิต

10.0

เขียนโดย นิกซ์

วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.23 น.

  33 ตอน
  12 วิจารณ์
  54.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 16.43 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

8) บทที่ 8 วิญญาณสีดำที่ชอบหยอกล้อ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

พอเข้ามาสู่แคว้นเอโดะได้ อิโนะรู้สึกตื่นตะลึงกับแสงสีในยามค่ำของเอโดะ ที่ยังคงครื้นเครง เต็มไปด้วยแสงสี ผู้คนพลุพล่าน สมกับเป็นแคว้นที่รุ่งเรืองจริงๆ

ซามุยนำทางมาจนถึงร้าน สรรค์ระทม ที่เป็นบาร์กะเทย  หน้าร้านมี กะเทยร่างยักษ์แต่งหน้าจัด สวมกิโมโนสีสดใส ช่างเป็นรูปลักษณ์ชวนสยอง

“หนุ่มๆสนใจมาผ่อนคลายที่นี่ไหมจ๊ะ จุ๊บๆ”

สามหนุ่มหน้าซีด  เพราะตัวของกะเทยเหล่านั้นใหญ่ แค่คนหนึ่ง ก็ใหญ่กว่าพวกเค้าสามคนรวมกันซะอีก  

ซาสึเกะรู้สึกขนลุกขนพอง เหงื่อแตกพลั่ก

ซาอิเองก็รู้สึกไม่แตกต่างกัน

อิโนะคิด...ใครจะกล้ามาใช้บริการเนี่ย...

กะเทยนางหนึ่งก็เข้าต้อนหน้าต้อนหลัง พวกเค้า

“ต๊าย!คุณลูกค้า ตัวเกร็งเชียว มามะ มาผ่อนคลายที่ร้านดีกว่าฮ้า เดี๋ยวพวกน้องๆหนูๆจะช่วยนวดให้เองนะฮ้า”

ทั้งสี่ตั้งท่าจะปฏิเสธแต่ก็โดนลากเข้าร้านไปอย่างไม่มีข้อโต้เถียงใดๆ

อิโนะโวยวาย”จะพาเราไปไหนเนี่ย”

“เงียบเลยนะย๊ะ ยัยชะนีเดี๋ยวแม่ตบฟันร่วง!”

ทั้งสี่ถูกบังคับลากมาที่ห้องๆหนึ่ง

ในห้องนั้นก็เจอ กะเทยร่างยักษ์นางหนึ่ง ในชุดกิโมโนสีชมพูหวาน รวมแล้ว ช่างเป็นความลงตัวที่น่ากลัวยิ่งนัก

“เฮ้ย ไอ้หนูเปิดผมหน้าดิ๊”

ซาสึเกะไม่ยอมทำตาม “ทำไม”

กะเทยร่างยักษ์เอ่ยเสียงเข้ม“ชั้นต้องการเห็นว่า ใครคือคนที่ เพื่อนสนิทของชั้น ต้องการให้ช่วย เปิดผมม้าซะ ไอ้ด้วน!”

ซาสึเกะหน้าหงิกลงเล็กน้อย ก่อนจะยอมเปิดผมส่วนที่ปิดเนตรสังสาระไว้

“สองสีจริงๆด้วย”

ซาอิจึงเอ่ยถาม”รู้จักเบนิ ด้วยเหรอครับ”

กะเทยร่างยักษ์ยิ้ม”ใช่ ชั้นเห็นไอ้เด็กผีพวกนี้มานาน เอานี่”กะเทยร่างยักษ์ส่งเอกสารปึกใหญ่ให้ซาสึเกะ  “ช่วยไปส่งนายเหนือหัว ท่านโชกุนซาบุโร่ ด้วยนะ ต้องส่งให้ถึงมือท่าน และเบนิฝากข้อความมา เมื่อส่งเอกสารแล้ว ให้ไปช่วยพวกตนที่ซาโกมะ ด้วย ตอนนี้นายเหนือหัวอยู่แคว้นคาราอิ ซึ่งไกลมาก”ว่าจบก็ส่งแผนที่ให้

ซาสึเกะพอรู้ความหมายของซากุระแล้ว เธอต้องการใช้ความสามารถของเนตรสังสาระ...นี่เธอเห็นชั้นเป็นไปรษณีย์รึไงนะ...

“ส่งให้ถึงด้วย เบนิเค้าเชื่อใจเธอนะ”

คำว่าเชื่อใจทำให้ ใจที่ห่อเหี่ยวของซาสึเกะกลับมาชุ่มชื้นได้อย่างน่าประหลาด

“สำหรับชั้น ที่รู้จักมันมานาน รู้สึกว่าผิดวิสัยของเบนิมาก”

อิโนะทวนคำ”ผิดวิสัย?”

“ไอ้เด็กผีนั่น ถ้าเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับความเป็นความตายของมันหรือเพื่อนของมันน่ะ มันจะลงมือเอง แต่นี่ กลับเลือกที่จะขอให้คนอื่นช่วย แสดงว่าคนที่มันขอให้ช่วย ต้องเป็นคนที่มันเชื่อใจมาก ถึงขนาดกล้าที่จะฝากชีวิตของตัวเองและเพื่อนแบบนี้น่ะนะ”

ซาอิเอ่ยถาม”แสดงว่าคุณรู้จัก เบนิ มานานแล้วสิ”

“ใช่ รู้จักตั้งแต่ก่อนที่มันจะมาเป็นทหารซะอีก เมื่อก่อนยังเป็นแค่เด็กแสบโคตรเกรียน ...รุ่นพ่อรุ่นแม่ไอ้เด็กพวกนี้น่ะ โหดกว่านี้นัก  ไปได้แล้วไอ้หนู”

ซาสึเกะ จึงใช้คาถา ย้ายมิติไปข้างนอก เมื่อซาสึเกะไปแล้ว

“พวกเธอจะไปที่ไหนหรือทำยังไงก็แล้วแต่เลยนะ แต่ก่อนอื่น พักซะทีนี่เถอะ ไม่ต้องห่วงที่นี่ปลอดภัย”

โรสได้พาทั้งสามไปยัง ห้องพักที่อยู่ด้านในสุด 

อีกด้าน..

“บัดซบ พวกแกหายไปไหนมา!!”ชายร่างอ้วน ในชุดฮากามะราคาแพง ขวางพัดทิ้งอย่างขัดใจ

ชินจูโร่ที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า เอ่ยเสียงเรียบ “ขออภัยด้วยขอรับ นายท่าน พวกเรากำลังตามจับ เบนิ อยู่”

“หึ!พวกแกโดนมันหลอกแล้ว ตอนนี้มันขโมยหลักฐานบัญชีของชั้นไปแล้ว”

“นายท่าน อาจเป็นฝีมือคนอื่นก็ได้ขอรับ”

“คนที่สามารถบุกเข้าเอาข้อมูลได้ มี2คน คือเจ้าเรมกับเบนิ ไอ้เจ้าเรมก็อยู่ในคุกแล้ว เหลือแต่นังตัวแสบเบนิ อีจิ้งจอกนั่น พวกแกไปตามล่ามันซะ มันต้องไปที่คาราอิ แน่!”

“ขอรับ ข้าจะส่งคนไปดักทางที่นั่น และข้าจะไปดักจัดการมันที่ซาโกมะเอง”

“ดี ไปซะ ส่วนที่เหลือเตรียมกำลังพลที่มีอยู่ให้พร้อมข้าเองก็จะไปที่ซาโกมะด้วย”

“ขอรับ!”

ชินจูโร่ และเหล่าลูกน้องนับสิบที่อยู่เบื้องหลัง ก็แยกย้ายไปทันที

...

ทางด้านซาสึเกะ

ซาสึเกะ ที่ตอนนี้เร่งเดินทางด้วยเหยี่ยวยักษ์ที่อัญเชิญออกมา ...รอก่อนนะ ยัยตัวร้าย เจอตัวล่ะก็ โดนฟัดแน่...(เอิ่ม พี่เป็นหมาเหรอครับ)

“คิดอะไรอกุศลกับยัยหนูของชั้นกัน”

“เฮ้ย!”ชายหนุ่มกระเด้งตัวออกห่างเมื่อจู่ๆ เจอวิญญาณของทาเคโนะมารุ ปรากฏตัวให้เห็น

“มาทำอะไร”

“มาคุมนาย ให้ทำงานให้ลุล่วง แปลกดีนะ ที่ยัยหนูยอมเอาชีวิตของตัวเองกับเพื่อน มาใส่มือนายแบบนี้”

“นายเจอเธอ!?”

“ถูกแล้ว เด็กคนนั้น ขอให้ชั้นมาคุมนายให้ทำงานให้ลุล่วงน่ะสิ”

“ทำไมตอนแรก นายถึงห้ามชั้นล่ะ”

“เพราะนายจะทำให้เด็กคนนั้นต้องเปลี่ยนแผน ความจริงเค้ากะจะใช้ร่างแยกล่อ เจ้านักฆ่านั่นไว้ เพื่อที่จะลอบไปเอาข้อมูลได้สะดวกๆแล้วให้นายนำไปมอบให้นายเหนือหัวยังไงล่ะ”

“แต่ทำไมไม่เอาไปให้เองล่ะ”

“ไม่รู้สิ สงสัย คงจะใจร้อนอยากไปช่วยเพื่อนล่ะมั๊ง บอกตรงๆชั้นอ่านใจเค้าไม่ได้ เดาความคิดไม่ออก  รู้เพียงอย่างเดียวว่า เค้าต้องการที่จะช่วยเพื่อน เค้าไม่อยากให้เพื่อนรัก ที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา และไม่อยากให้พวกเค้าถูกศัตรูฆ่าแบบนั้น”

ระหว่างทาง ทาเคโนะมารุไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เอาแต่นั่งนิ่ง จะพูดบ้าง ก็ตอนที่เค้าจะไปผิดเส้นทาง

...

เช้าวันใหม่มาถึง

สองนินจา หนึ่ง ซามูไร ที่ได้หลับสนิทตลอดคืน รู้สึกสดชื่นมาก โรสได้ให้ ลูกน้อง นำอาหารมาให้สามชุด

ไม่นานหลังจากกินเสร็จ โรสก็เข้ามา

“ขอถามพวกเธอหน่อยนะ ว่าพวกเธอจะทำยังไงต่อ”

อิโนะครุ่นคิดอยู่ครู่ แต่ซาอิ รีบตอบเสียเอง “เราจะกลับหมู่บ้านไปรายงานผลก่อนครับ”

“ทำไมล่ะซาอิคุง”

ซามุยทำได้แต่เงียบ

“คุณอิโนะในตอนนี้ อาจจะโดนจับไปอีกก็ได้ เพื่อความปลอดภัย เราควรกลับโคโนฮะนะครับ”

“ไม่เอานะ ชั้นจะไปช่วยยัยโหนก ยัยนั่นกำลังเดือดร้อน อีกอย่างยัยนั่นเป็นเพื่อนชั้นนะ”

โรสคิดอย่างเสียวๆ...ถ้าไม่ใช่เพื่อนคงโดนต่อยฟันร่วงแน่เลย...ถึงจะนิ่งที่สุด แต่ เบนิ ก็ถือว่าอารมณ์ร้ายที่สุดเหมือนกัน เค้าไม่รู้ว่า ตอนเป็นนินจา เจ้าหล่อนเล่นละครว่า ตัวเองเป็นยังไง แต่ถ้าเป็นเบนิ ไม่มีคำว่าปราณีแน่

อิโนะจึงงัดไม้เด็ดออกมา”ที่ยัยโหนก ต้องโดนประกาศจับแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะซาอิคุงนะ!”

“และจะให้ทำยังไงครับ ตอนนี้อยู่ไปก็ทำอะไรไม่ได้ ดีไม่ดีคุณอาจจะโดนพวกนั้นจับไป เพื่อล่อคุณซากุระออกมา มันไม่แย่กว่าเดิมเหรอ?”

“ชั้นไม่กลับ จนกว่ายัยนั่นจะปลอดภัย”

“แล้วจะทำยังไงต่อ”

โรสจึงเอ่ยขึ้น “คืนพรุ่งนี้ให้พวกเธอไปที่ชายฝั่งซาโกมะ”

ซาอิหันมาแย้ง “จะไปได้ยังไงครับ ถ้าพวกเราเจอพวกนักฆ่านั่น คุณอิโนะโดนจับแน่ ดีที่ตอนนั้นคุณซาสึเกะจัดการได้ แต่ลำพังตัวผมคนเดียว เอาชนะซามูไรสิบๆคนไม่ไหวหรอกครับ”

“พวกนั้นไม่มาเล่นงานพวกเธอหรอก เบนิมันคาดการณ์เอาไว้แล้ว”

สองหนุ่มสาวทำหน้างุนงง

“เบนิน่ะ คาดการณ์ไว้แล้วว่า พวกมันจะหันมาจับตัวประกันเพื่อต่อรองให้มันออกมา เพราะว่าเจ้าหล่อนได้ล่อพวกมันเอาไว้”

“ยังไงครับผมงง”

“พวกเธอไม่เข้าใจรึ ว่าทำไม พวกนั้นมันไม่ไปดักเบนิที่ซาโกมะ”

สองหนุ่มสาวหันมามองโรส

“ก็เพราะว่า เบนิแกล้งหลอกว่ามันอยู่ที่ร้านของยายคาเอเดะน่ะสิ และตอนนี้มันกำลังทำงานสำคัญอยู่ ถ้าพวกเธอจะช่วยเค้า ก็ไปที่ชายฝั่งซาโกมะ ในคืนพรุ่งนี้ก็แล้วกัน เบนิเค้าพูดทิ้งท้ายเอาไว้แบบนี้ ตอนนี้พวกนั้นคงพล่านเป็นเสือติดจั่นแล้ว กว่าจะรู้ตัวก็โดนนังเด็กนั่นนำข้อมูลสำคัญไป”

ซาอิขมวดคิ้ว “เค้าคาดการณ์เอาไว้หมดเลยเหรอครับ”

“ใครรึ”

“ซากุระ ไม่สิ ต้องเรียกว่าเบนิ สินะครับ ทำไมไม่ใช้ชื่อจริงล่ะครับ”

โรสเอ่ยเสียงเข้ม อธิบายให้อย่างใจเย็น “ชื่อจริงน่ะ ชาวเอโดะโบราณเชื่อว่า มีพลัง มีพลังที่จะสามารถควบคุมเจ้าของชื่อได้ หากศัตรูรู้ คงไม่เป็นการดี มันคือความเชื่อน่ะ ทหารและตำรวจของเอโดะจึงไม่ใช้ชื่อจริงในหน้าที่  เอาเถอะ พวกเธอก็พักผ่อนเตรียมตัวที่จะไปที่ซาโกมะในคืนพรุ่งนี้เถอะ แต่อย่าโผล่หน้าออกไปนอกร้านล่ะ เพราะพวกหูตาของนาราคุ ก็มีมาก ถึงจะเป็นถิ่นชั้นก็เถอะ ระวังด้วย ส่วนเสื้อผ้าของพวกเธอลูกชายชั้นได้จัดการให้แล้ว”

เมื่อโรสจากไป

ซาอิหันไปหาซามุย ที่สงบนิ่ง

“ผมขอถามอะไรหน่อยสิ”

“ขอรับ”

“คุณโรสมีอำนาจในเขตนี้มากเหรอครับ”

“ขอรับ คุณโรส เป็นหนึ่งในเสาหลักของแคว้นนี้  ถือว่ามีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้ มีกองกำลังเป็นของตัวเอง เห็นว่าเมื่อก่อนเป็นทหารน่ะครับ ถือว่าสนิทกับท่านเบนิท่านบันไซมาก ตอนนี้ ผมก็ทำได้แต่ภาวนา ขอให้ท่านซาสึเกะนำหลักฐานพวกนั้นไปถึงมือนายเหนือหัวให้เร็วที่สุดก็พอ...”

ทางด้านซาสึเกะ ที่ตอนนี้เร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนจนไม่ได้พัก ข้าวก็ไม่ได้กิน ร่างกายเริ่มจะไม่ไหวแล้ว

“พักก่อนเถอะ”

“ไม่ คุณบอกเองว่าซากุระต้องการให้ผมไปให้เร็วที่สุด”

“ก็ใช่ แต่ถ้าทำแบบนี้ เค้าคงไม่ชอบใจแน่ เธอควรจะพักหาอะไรกิน และนอนด้วย เหยี่ยวของเธอเองก็เหมือนกัน มันเริ่มเหนื่อยแล้ว ถ้าขืนเดินทางต่อ มันตายแน่ เรามาเกินครึ่งทางแล้ว พักสักหน่อยเถอะ”

ซาสึเกะจำใจยอมพักเพราะร่างกายร้องประท้วงว่าต้องการพัก เค้าจึงสั่งให้เหยี่ยวร่อนลง  หาพื้นที่สำหรับพักผ่อน

ซึ่งก็ได้ที่ต้นสนต้นหนึ่ง โดยที่ซาสึเกะได้ให้เหยี่ยวยักษ์ของตนไปพักเหมือนกัน สาเหตุที่ไม่ใช้ซูซาโนะโอะ เพราะคาคาชิได้เตือนไว้ล่วงหน้า ไม่ให้เค้าใช้คาถาซูซาโนโอะ เพราะมันดูเอริกเกริกเกินไป โคโนฮะอาจจะมีปัญหาได้

หลังจากที่กินข้าวปั้นที่ได้มาจากโรสแล้ว ก็นอนพัก เรียกได้ว่า ล้มตัวแล้ว ก็หลับสนิท

วิญญาณสีดำเกิดนึกสนุก “เสกความฝันซะหน่อยดีกว่า...คงทรมานน่าดู หุ หุ หุ ”

...

ในความฝัน

ซาสึเกะเห็น สภาพแวดล้อมแห่งหนึ่ง...

เค้าเห็นใครบางคน กำลังยืนอยู่ไม่ไกล ผมสีชมพู ของเธอยังคงยาวสลวยเหมือนตอนที่เค้ากำลังจะจากลา

แต่ เธอในตอนนี้กำลังสวมชุดยูกาตะสีเขียวอ่อน ช่างงดงาม เข้ากับสีตาของเธอยิ่งนัก แล้วทำไมเธอถึงมาที่กลางป่าแบบนี้ล่ะ แถมยังเป็นตอนกลางคืนอีก?

“ออกมากลางดึกคนเดียวแบบนี้  ไม่กลัวรึ?คนสวย”เสียงปริศนาดังขึ้น

ร่างบางยิ้มน้อยๆที่มุมปาก “คิดว่า...ชั้นจะออกมาทั้งร่างเนื้อเหรอคะ”

เสียงหัวเราะนั้นดังขึ้นอีกครั้ง “เธอเนี่ยพัฒนาขึ้นนะ” วิญญาณสีดำปรากฏตัว

นั่นคือทาเคโนะมารุ ในตอนนี้กำลังโอบไหล่ของร่างบางอยู่

การกระทำแบบนี้ มันไม่เหมือนลูกหลาน มันเหมือนกับ...คนรัก...

นี่มันอะไรกัน...

“เด็กดีของชั้น  ที่มาหาชั้นเนี่ย เพราะอะไรกัน”วิญญาณสีดำก็ช้อนตัวของเด็กสาวขึ้นไว้ในอ้อมแขน แล้วพามานั่งบนต้นไม้

“คิดถึงค่ะ”ว่าจบเด็กสาวก็ซบอก อย่างออดอ้อน

“น่ารักจัง แต่เธอรีบกลับร่างไปเถอะ เดี๋ยวคนอื่นเห็นว่าเธอหลับนิ่งนานเกินไป จะโดนสงสัย”

“งอลชั้นเหรอคะ?”เด็กสาวหรี่ตามอง

วิญญาณสีดำเมินหน้า“ใช่ กับเจ้าหัวเป็ดนั่น เธอไปพูดกับมันแบบนั้น แล้วถ้าเกิดมันเกิดชอบเธอ แล้วจะพาเธอไปด้วยกันจริงๆ มันไม่แย่เหรอ?”

“โถ่ๆ อย่างอลเลยนะ นิสัยของหมอนั่น ชั้นอ่านออกหมด เค้าไม่พาชั้นไปแน่ ถึงพาไป ชั้นก็จะหาทางหนีออกมาได้อยู่ดีค่ะ”

วิญญาณสีดำยิ้ม ก่อนจะเอาจมูกชนกับจมูกเล็กๆของหญิงสาว”เจ้าเล่ห์ ”

“ก็เหมือนท่านนี่คะ”

มือบางของเด็กสาวลูบใบหน้าอีกฝ่ายอย่างรักใคร่ สายตาของเธอนั้นฉายแววเทิดทูน วิญญาณสีดำซะเหลือเกิน

ทำไม ใจของเค้ามันถึงได้เจ็บ เจ็บขนาดนี้ ที่ผ่านมาเค้าคิดว่าเธอรักเค้ามาโดยตลอด นี่เหรอความรู้สึกผิดหวังในความรัก

ภาพต่อมาก็แปรเปลี่ยน

เป็นภาพของ ซากุระ สวมยูกาตะสีดำลายไผ่สีเขียว ผมสีชมพูยาวถูกรวบเป็นมวยต่ำหลวมๆ กำลังดีดซามิเซ็งบนต้นไม้ใหญ่ อย่างสบายอารมณ์ ดูแล้วชำนาญและเพลงที่บรรเลงออกมานั้นช่างไพเราะยิ่งนัก ท่าทางดูสงบนิ่ง สง่างาม

เสียงปริศนาดังขึ้น “มาปลีกวิเวกแบบนี้ ไม่อันตรายรึ”

หญิงสาวละจากการเล่นซามิเซ็งแล้วเอื้อนเอ่ยโดยที่ยังคงมองบรรยากาศเบื้องหน้า“อ้าว...บันไซมาเที่ยวไกลจังนะ...”

“นั่นมันเธอต่างหาก ออกมาคนเดียวแบบนี้ ไม่มีใครสงสัยรึ”บันไซนั่งลงเคียงข้าง ในตอนนี้ เค้าสวมยูกาตะสีแดงลายใบเมเปิ้ล ผมที่ยาวปะบ่ารวบต่ำ

“ไม่...ชั้นแค่...บอกพวกนั้นว่า จะมาหาสมุนไพรไปให้พ่อสักหน่อย”

“แปลกนะ พวกนั้นไม่สงสัยอะไรเธอเลย”

“ใช้พลังจิตช่วยนิดหน่อย สบายดีนะ”

“สบายดี ว่าแต่นี่ เธอคงจะไม่ได้มานั่งรับลมเล่นหรอกนะ มารอเจอใครล่ะ”

“เอาตรงๆไหม”

“เออ ชั้นต้องการความจริง”

“คนที่ชั้น เทิดทูนหมดใจ ชัดไหม”

ทั้งบันไซ และซาสึเกะ รู้สึกว่าตัวชา...

บันไซหันมาเอ่ยเสียงขุ่น “ไม่ต้องตรงขนาดนั้นก็ได้”

“โกรธอะไรรึ”

“ไม่มีอะไร  ถามจริงเธอรักท่านทาเคโนะมารุจริงรึ”

“ไม่รู้สิ แต่ทุกครั้งที่ชั้นทุกข์ใจหรือตกอยู่ในอันตรายที่ชั้นสามารถตายได้ เค้าก็จะปรากฏตัวอยู่เสมอ....ไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้อยากอยู่ใกล้ๆเค้าไม่อยากให้เค้าไปไหนแบบนี้นะ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ”สีหน้าของซากุระในยามนี้ มุมปากยิ้มน้อยๆแต่แววตาฉายแววเศร้า

เด็กหนุ่มชุดแดงลายใบเมเปิ้ลเอ่ยถามเสียงเศร้า “กับชั้นล่ะ...”

“อะไร?”

“เอ่อ...คือ เธอคิดยังไงกับชั้นเหรอ”

“นายก็คือเพื่อนคนสำคัญของชั้นยังไงล่ะ”

“คิดเป็นอย่างอื่นได้บ้างไหมล่ะ”

“พี่น้องไง”

“ไม่ใช่”

“ฝาแฝด”

“นั่นยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ได้เกิดท้องแม่เดียวกันนะ”

“นี่ แล้วจะให้ชั้นคิดกับนายในแง่ไหนวะ”เด็กสาวชักสีหน้า

“โธ่เว้ย จะให้บอกได้ไงวะ”เด็กหนุ่มหันหน้าหนี สีหน้านั้นแดงระเรื่อถึงใบหู

สำหรับซาสึเกะน่ะ เค้าพอเข้าใจความหมายของหนุ่มชุดแดง อ่า...นี่เค้ามีคู่แข่งเพิ่มแล้วสินะ

“ถ้าบอกไม่ได้ก็อย่าบอก อุตส่าห์คิดถึง ไปล่ะ”ว่าจบเด็กสาวก็ลุกไป ทิ้งให้เด็กหนุ่มชุดแดงนั่งมองตะวันตกดินเพียงลำพัง

“เรื่องอื่นฉลาดสารพัด แต่ทำไม เรื่องนี้ถึงได้โง่จัง อิจฉาไอ้วิญญาณนั่นว่ะ”

‘เฮือก!’

ซาสึเกะตื่นขึ้นมาเหงื่อท่วมตัวหันไปข้างๆก็เห็นวิญญาณสีดำนั่งยิ้มยียวนอยู่ข้างๆ

“นาย...กับซากุระ เป็นอะไรกันแน่...”

“ผู้พิทักษ์หัวใจ ความสัมพันธ์ของเรามันซับซ้อนมาก รู้มั้ยถ้าไม่ติดว่ามีสายเลือดเดียวกัน ชั้นจะ ถือดอกไม้ช่อโตๆไปคุกเข่าขอเธอแต่งงานแล้ว ว่าแต่ นอนพอแล้วรึ”

“คงนอนลงหรอก”

“อกหักสินะ คิก”

ซาสึเกะหน้าหงิกเล็กน้อย อยากจะตั๊นหน้าผีจริงๆ

“ท่านนี่ขี้แกล้งเสียจริง”เสียงหวานเอ่ยขึ้น

ซาสึเกะตะลึงเล็กน้อย เมื่อเจ้าของเสียงเป็นร่างบอบบาง สวมชุดทหารเต็มยศที่ดูต่างจากที่เค้าเคยเห็นเธอตอนอายุ 11 คือเธอสวมเสื้อเกราะสีแดงเลือดนกที่ ข้อมือข้อเท้าทั้งสองข้างและสวมเสื้อโค้ดสีดำยาวทับอีกที กางเกงขาสั้นสีเดียวกัน ข้างเอวเหน็บดาบคาตานะสองเล่ม อีกข้างเหน็บแส้ สวมรองเท้าบู๊ทสีเดียวกัน ทำให้ผิวที่ขาวยิ่งเด่น ผมที่น่าจะยาวกับตัดสั้น จนเหมือนเด็กผู้ชาย เจ้าหล่อนสวมหน้ากากจิ้งจอกขาว-ดำลายงดงามปิดครึ่งหน้า

“เธอมาที่นี่”

“ถอดจิตตามมาน่ะ พักพอแล้ว ก็รีบเดินทางนะ ชีวิตของชั้นกับเพื่อนอยู่ในมือนายแล้ว อย่าถือสาท่านทาเคโนะมารุเลยนะ ท่านแค่ชอบหยอกคนเล่น”

“เธอ...”

ร่างบางปลดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าที่นิ่งเฉย แต่แฝงความเย็นชามาก “อะไร อย่าอ้ำอึ้งไม่ชอบ นายรู้ความลับชั้นแล้ว ชั้นขี้เกียจแอ๊บ พูดมาเร็วๆ”น้ำเสียงของร่างบางดูแข็งร้าว

“เธอรู้สึกยังไงกับชั้นกันแน่”

“เพื่อนคนหนึ่ง ไม่ได้คิดเป็นอื่น ชัดนะ ขอโทษที ที่เมื่อก่อนทำให้นายรำคาญ จบงานนี้ ชั้นไม่กวนนายแล้ว”

อุจิวะหนุ่มนิ่งราวกับถูกสาป “งั้นเหรอ ทำไม เธอถึงทำท่าว่าชอบชั้นมาตลอดล่ะ”

“แค่ไม่อยากให้ใครสนใจ เพราะถ้ามีคนรู้ว่า เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มีนิสัยนิ่งๆฉลาดๆ ก็จะโดนเพ่ง ชีวิตไม่สงบแน่ เลยต้องสร้างคาแรคเตอร์สาวน้อยวัยใสขึ้นมา ยอมรับนะว่า ชั้นอยากจะอัดนายเป็นเป็ดป่นมาตลอด แต่ พอรู้ปมของนาย เลยเวทนาแทน ถ้าชั้นสามารถช่วยนายได้เร็วกว่านี้ นายคงไม่ต้องไถ่บาปหรอก ความจริงชั้นต้องขอบคุณนายด้วย”

“เรื่อง?”

“ฆ่าดันโซให้ชั้น”รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปาก มันเป็นรอยยิ้มที่กว้าง “ก็เพราะมันต้องการเอาค่าหัวชั้นไปก่อกบฎน่ะสิ ดีนะ ชั้นฆ่าคนส่งสาสน์ของมันก่อน ระวังตัวด้วยล่ะ พวกนั้นวิ่งพล่านแล้ว ชั้นเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกัน ถอดวิญญาณออกมาไกลๆแบบนี้ไม่ค่อยดีเลย แล้วเจอกันที่ซาโกมะ”ร่างของซากุระก็พลันหายไป

ซาสึเกะเอามือกุมขมับ”ตัดสั้นทำไม ผมกำลังยาวสวยแท้ๆ”…เหมือนผู้ชายเข้าไปทุกที...

“จะสั้นจะยาวก็ยังน่ารักสำหรับชั้นเหมือนเดิมนะ”

อุจิวะหนุ่มหันขวับ วิญญาณสีดำยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“เดินทางต่อเถอะ จะได้ทันช่วยยัยหนู”

ซาสึเกะจัดการอัญเชิญเหยี่ยวยักษ์ แล้วเดินทางต่อไป

...

กลับมาทางด้านอิโนะ ที่ตอนนี้ได้สวมยูกาตะสีน้ำเงิน ที่ลูกชายของโรสที่ชื่ออากิระได้จัดหาให้

“ขอบคุณมากๆเลยนะคะ อากิระซัง ที่ช่วยหาเสื้อผ้าให้”

“ไม่เป็นไรครับ พอดีตัวใช่มั้ยครับ”

“อ่าค่ะ ว่าแต่นี่คือของใครเหรอคะ”

“เบนิจังครับ”

“ซากุระ อุ้บ!”

อากิระทำตาวาว “ชื่อจริงของเค้าชื่อซากุระเหรอเนี่ย เหมาะกับเค้ามากเลย”

“รู้จักกันด้วยเหรอคะ”

ชายหนุ่มพยักหน้า อากิระถือว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามากคนหนึ่ง “ผมกับเธอเรารู้จักกันมาตั้งนานแล้วครับ เธอเป็นคนที่สวยและน่ารักมาก และแข็งแกร่งไม่แพ้ใคร ผมชอบรอยยิ้มของเธอที่สุดเลยแหละ”ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุข

อิโนะนึกในใจ...ถ้าซาสึเกะคุงมาได้ยินจะทำหน้ายังไงนะ...ดูเหมือนว่าที่นี่ แม่เพื่อนตัวดีของเธอจะถูกมองว่าเป็นฮีโร่ของทุกคน  และชายหญิงหลายคนดูเหมือนว่าจะหลงเสน่ห์ยัยนั่นหมด

“คุณอากิระก็เป็นซามูไร สินะคะ”

“เปล่าครับ ถ้าฟันดาบกับการต่อสู้เปล่าและการเล่นดนตรีล่ะก็ผมพอเป็นบ้างแต่จริงๆ ผมเป็นหมอครับ”

“เออ...การเล่นดนตรีมันเกี่ยวอะไรด้วยคะ?”

“การเล่นดนตรี การร้องเพลง แต่งกลอน ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่คนในตระกูลซามูไรต้องเป็นกันทุกคนครับ อาจจะไม่ต้องเป็นทั้งหมดก็ได้ ท่านเบนิเองก็เก่งในการดนตรีและการร้องเพลงมาก ผมกับเธอยังเคยเรียนร่วมกันเลย”

“โห จริงเหรอคะ”

“ครับ แต่นั่นมันก็เมื่อสิบหกปีก่อนแล้ว ปกติ เค้าก็จะเรียนกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว”

“เหรอคะ”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปเตรียมของก่อนนะครับ”ชายหนุ่มโค้งศีรษะให้เล็กน้อย

“เตรียมอะไรคะ”

“ยา สำหรับคืนพรุ่งนี้ เพราะผมจะไปกับพวกคุณด้วย”

...นี่เรากำลังอยู่ในสงครามเหรอ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา