{Fic Naruto} Behind The Scene Konoha Love Story
เขียนโดย LadyTyrell
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.59 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 02.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
20) สายลมที่ไม่มีวันหวนกลับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขณะที่กำลังนั่งกินขนมสุดโปรดอย่างดังโงะอยู่ในร้านที่เป็นทางผ่านไปโคโนฮะ อุจิวะ อิทาจิก็พบว่าตอนนี้ตัวเองกลับไปเป็นเด็กชายที่กำลังเข้าเรียนในนินจาอคาเดมี่อีกครั้ง
เด็กชายอิทาจิสังเกตเห็นว่าวันนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเฉกเช่นเดียวกับทุก ๆ วันที่ผ่านมาเพราะคนที่มาสายเป็นประจำอย่างเด็กหญิงอายากะก็ยังมาสายเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน อิทาจิรู้สึกว่าการมาสายของอายากะนั้นมันช่างเป็นการรบกวนสมาธิและเวลาเรียนของเพื่อน ๆ เป็นอย่างมาก
“อย่างเธอน่ะ คงจะยังไม่พร้อมที่จะเข้าเรียนด้วยซ้ำ” อิทาจิตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ หลังจากที่อายากะเดินผ่านเขาไป
“ว่ายังไงนะ? นายหาว่าฉันไม่เหมาะสมงั้นเหรอ!” เด็กหญิงอายากะตะโกนใส่หน้าอัจฉริยะของรุ่นแทบจะทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอกกับเธอ
“อืม” อุจิวะ อิทาจิตอบแต่เพียงเท่านั้นแล้วก็หันไปสนใจโรคุโระที่กำลังสอนอยู่หน้าห้องต่อ เขาไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับยายบ้านี่ให้เสียเวลา
“อิทาจิคุงไปทานข้าวกลางวันด้วยกันมั้ยจ๊ะ?” เสียงของเด็กหญิงที่มาจากตระกูลเดียวกับอิทาจิเอ่ยชวนเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง
“อิซึมิ…” เด็กชายตอบกลับแค่ชื่อของคนที่เรียกเขาแต่เพียงเท่านั้นแล้วจึงเดินออกไปเพียงลำพัง
“เจ้าหมอนั่นบ้ารึเปล่าน่ะ…ดูสิมีคนชวนไปกินข้าวด้วยแต่ก็ดันไม่สนใจ” เด็กหญิงอายากะที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปทานอาหารกลางวันกับเพื่อนสนิทอย่างยามานากะ ยูกิรีบเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเห็นท่าทีที่อิทาจิแสดงต่ออุจิวะ อิซึมิ
“บางที…อิทาจิคุงคงจะชอบอยู่คนเดียวมากกว่าน่ะจ้ะ” เด็กหญิงยูกิยิ้มตอบเพื่อนสนิท
“งั้นเหรอ…ถ้าเป็นจริงอย่างที่ยูกิจังว่าก็ดีเลย คราวนี้แหละเจ้าอัจฉริยะนี่จะไม่มีใครอยากคบ!” (ร้ายตั้งแต่ยังเด็กยังเล็กนะยะหล่อน! //ไรท์)
“มะ…หมายความว่าไงเหรอจ๊ะอายะจัง อย่าบอกนะว่า…”
“เปล่าหรอกน่า ไม่มีอะไรหรอกฮี่ฮี่” เด็กหญิงอายากะส่งยิ้มท่าไนซ์กายให้เพื่อนสนิทก่อนที่จะเดินนำออกไปข้างนอกห้องเรียนเพื่อไปทานอาหารกลางวัน
อุจิวะ อิทาจิหยิบห่อข้าวกลางวันที่แม่เตรียมไว้ให้เขาขึ้นมาทานใต้ต้นไม้ใหญ่ในเขตของโรงเรียนนินจา ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะไปทานข้าวกับอิซึมิหรอกแต่ว่า…เขารู้ตัวเองดีว่าเพื่อนร่วมรุ่นและเด็กคนอื่น ๆ มีแต่คนหมั่นไส้เขาอยู่มากเลยไม่อยากจะเข้าสังคมกับใคร
“อยู่นั่นนี่เอง…ดีล่ะรับรองว่าแถวนั้นไม่มีใครผ่านไปหรอก หึหึนายเสร็จฉันแน่เจ้าอัจฉริยะ!” เด็กหญิงอายากะที่เที่ยวไล่ตามหาเด็กชายอิทาจิจนทั่วโรงเรียนสุดท้ายก็มาเห็นว่าเขานั่งทานอาหารกลางวันอยู่ใต้ต้นไม้ทำให้เธอรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อยเพราะแผนครั้งนี้ของเธอจะต้องราบรื่นแน่ ๆ
“เย็นนี้น่ะว่าจะขอแม่ไปเล่นที่สนามเด็กเล่นซะหน่อยจะไปด้วยกันมั้ย?” เด็กหญิงผมสีดำรุ่นเดียวกับอายากะกำลังนั่งชิ้งฉ่องอยู่ในห้องน้ำตะโกนถามเพื่อนสนิทที่อยู่ห้องข้าง ๆ
“อื้อไปก็ไปสิ”
“คิกคิก” เสียงหัวเราะของเด็กชายดังลอดเข้ามาทางช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนสุดของกำแพงห้องน้ำ
“อ๊ะ!” เด็กหญิงผมดำเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความตกใจแล้วก็ต้องพบว่ามันเป็นเสียงของ…
“กริ๊ดดดดดด…อิทาจิคุงแอบดูฉันเข้าห้องน้ำ น่าเกลียดที่สุดเลย!” เด็กหญิงตะโกนดังลั่นทำให้เด็ก ๆ ที่อยู่แถว ๆ นั้นต่างพากันวิ่งมาดู
“เหวออออออออ!” อุจิวะ อิทาจิเกือบจะตกลงไปเพราะมือที่จับขอบหน้าต่างนั้นลื่นเพราะเหงื่อออก
“ใช่อิทาจิคุงจริง ๆ ด้วย!” เพื่อนร่วมรุ่นที่รีบวิ่งเข้ามาดูทางด้านหลังห้องน้ำตะโกนออกมาด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าอิทาจิจะเป็นคนแบบนี้
“ก็ใช่น่ะสิ…” เด็กชายอิทาจิตัวปลอมกระโดดลงมาพร้อมกับตอบด้วยท่าทางเย็นชาก่อนที่จะวิ่งหนีไปทางต้นไม้ใหญ่ที่ตัวจริงกำลังนั่งทานอาหารกลางวันอยู่
“ยังไงนายก็ไม่รอดหรอกน่าเจ้าอัจฉริยะ!” เด็กหญิงอายากะพึมพำอย่างมอารมณ์ดีเมื่อเดินเข้าเขตตัวอาคารเรียน
“หายไปไหนมาเหรอจ๊ะอายะจัง? รู้มั้ยเมื่อกี้น่ะอิทาจิคุงเค้า…”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เด็กหญิงผมส้มแกล้งทำหน้าตาเหลอหลา
“ได้ยินมาว่าอิทาจิคุงแอบดูผู้หญิงเข้าห้องน้ำน่ะจ้ะแล้วก็ตอนนี้ครูโรคุโระกำลังไปเรียกอิทาจิคุงมาถามความจริง” สีหน้าของยามานากะ ยูกิฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัดเพราะถึงยังไงเธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอิทาจิจะเป็นคนทำแบบนั้น
หลังจากจัดการกับห่ออาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้วอุจิวะ อิทาจิจึงรีบเก็บกระเป๋าเตรียมตัวจะเดินกลับไปยังเขตอาคารเรียนเพื่อรอเรียนในคาบต่อไปแต่ก็กลับต้องชะงักเมื่อครูประจำชั้นอย่างทานากะ โรคุโระยืนจังก้าขวางทาง
“ตามมาที่ห้องทำงานของครูหน่อยนะอิทาจิ ครูมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ”
“ตอนนี้เลยเหรอฮะ?”
โรคุโระไม่ได้ตอบคำถามของเด็กชายอิทาจิเขาเพียงแค่พยักหน้าเป็นการยืนยันให้เด็กชายตามไปพบที่ห้องทำงาน
“ครูได้ยินมาว่าเธอแอบดูนาบิเข้าห้องน้ำ” ชายหนุ่มมองลูกศิษย์ด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าเรื่องที่หมู่เด็ก ๆ พูดกันมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือว่าแค่เรื่องโกหกแต่จากการสังเกตดูสีหน้าและท่าทางของเด็กหญิงนาบิแล้วมันคงจะเป็นความจริง
“ผมไม่ได้ทำนะ” เด็กชายรีบตอบปฏิเสธแทบจะทันทีก่อนที่จะอธิบายต่อว่า “หลังจากพักเที่ยงผมก็นั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้นั่นตลอดไม่ได้ออกไปไหนเลย”
“แต่ว่านะ…หลังจากแอบดูนาบิเข้าห้องน้ำแล้วมีคนเห็นเธอวิ่งไปทางต้นไม้ที่เธอนั่งเมื่อกี้” โรคุโระพูดพลางเอามือนวดขมับ เขาล่ะปวดหัวกับเด็กพวกนี้จริง ๆ ทำไมถึงขยันก่อเรื่องกันแบบนี้นะ
“แต่ผม…ไม่ได้ทำ”
“นั่นครูก็พอจะรู้อยู่หรอก อย่างเธอน่ะคงไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นแต่ว่าก็มีพยานหลายคนที่เห็นว่าเป็นเธอ…ยังไงก็ตามครูก็อยากจะให้เธอเข้าไปขอโทษนาบิก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยหาหลักฐานพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ทำจริง ๆ”
“ครับ”
“ทนหน่อยนะเพราะนาบิช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ๆ เลย”
เสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมชั้นดังกันเซ็งแซ่ คงจะไม่พ้นเรื่องที่อิทาจิแอบดูนาบิเข้าห้องน้ำ เด็กบางคนออกอาการจนเห็นได้ชัดเลยว่าไม่อยากจะเชื่อส่วนกลุ่มเด็กที่เห็นเหตุการณ์นั้นต่างพากันมองเด็กชายอิทาจิที่เพิ่งจะเดินเข้าห้องมาด้วยสายตารังเกียจ
อิทาจิเดินตรงเข้าไปทางนาบิด้วยความเฉยชาพร้อมกับเอ่ยขอโทษถึงสิ่งทีเกิดขึ้น “ฉันขอโทษนะถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนทำก็ตาม…” พูดแต่เพียงเท่านั้นแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
“ถ้าไม่คิดจะขอโทษจากใจจริงล่ะก็ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้นะ!” หนึ่งในกลุ่มเด็กที่ยืนปลอบประโลมเด็กหญิงนาบิตะโกนออกมาแต่อุจิวะ อิทาจิก็ยังคงนิ่งเฉยไม่ได้สนใจกับคำพูดของเพื่อนร่วมชั้นเพราะถึงยังไงแล้วความจริงก็คือความจริง เขาไม่ได้เป็นคนทำซะหน่อยทำไมจะต้องไปสนใจ
“แต่ฉันเชื่อนะว่าอิทาจิคุงน่ะเค้าไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก!” อุจิวะ อิซึมิเอ่ยท้วงขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมชั้นบางคนต่างพากันมองอิทาจิด้วยสายตารังเกียจ
“พวกเราเห็นกันเต็มสองตาว่าอิทาจิน่ะเป็นคนทำ…เธอไม่ต้องปกป้องคนตระกูลเดียวกันขนาดนั้นก็ได้”
ฟูจิวาระ อายากะกลับบ้านมาด้วยความสับสน จากที่เห็นท่าทางของเพื่อนร่วมชั้นที่แสดงทีท่ารังเกียจอิทาจิอย่างออกนอกหน้านั้นก็อดที่จะรู้สึกสงสารเจ้าอัจฉริยะนั่นไม่ได้ ยิ่งปกติก็ชอบอยู่คนเดียวและตอนนี้ยิ่งมีเรื่องที่ตัวเธอเป็นคนก่อขึ้นก็ยิ่งทำให้อิทาจิดูโดดเดี่ยวมากกว่าเดิม
สองขาเล็กของเด็กหญิงอายากะเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวสู่ลานสนามฝึกซ้อมของตระกูลฟูจิวาระ ตอนนี้อากิระพี่ชายของเธอคงจะกำลังฝึกซ้อมกระบวนท่าหรืออาจจะคิดค้นวิชาใหม่ ๆ อยู่ที่นั่นก็เป็นได้ อยากจะรู้จริง ๆ ถ้าเกิดว่าอากิระเป็นคนทำ เขาจะตัดสินใจยังไงจะปล่อยผ่านหรือว่าจะออกมายอมรับผิด
“ไงยายน้องตัวแสบ…มาถึงบ้านก็รีบแจ้นมาที่นี่เชียวนะ!” เสียงทักทายอันร่าเริงของชายหนุ่มรูปหล่อในชุดโจนินเอ่ยทักขึ้นแทบจะทันทีเมื่อเห็นร่างเล็กของน้องสาวเดินเข้ามา
“ความแสบก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากพี่นั่นแหละน่า…เตรียมรับการจู่โจม!”
ร่างเล็กของเด็กหญิงอายากะพุ่งเข้าไปหาพี่ชายของเธอด้วยความรวดเร็วแต่ถึงจะเร็วมากแค่ไหน คนอย่างอากิระก็สามารถตั้งรับการโจมตีได้อย่างสบาย ๆ ชายหนุ่มจึงหัวเราะน้อย ๆ ให้กับท่าทางใจร้อนของน้องสาว
ระหว่างที่เป็นคู่ซ้อมกระบวนท่าให้กับอายากะนั้น พี่ชายอย่างอากิระก็สัมผัสได้ว่าวันนี้พลังของเธอลดลง บางทีอาจจะเป็นอย่างที่เขาคิดไว้จึงรีบยกมือหยุดการซ้อม
“วันนี้ได้ทำอะไรบ้าง?”
“ก็เรียนแล้วก็เล่นกับเพื่อน ๆ นี่อากิระต่อเลยสิ ฉันไม่อยากหยุดกลางคันแบบนี้นะกำลังไปได้สวย!” เด็กหญิงอายากะรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลจึงรีบเอ่ยให้พี่ชายเริ่มการซ้อมขึ้นอีกครั้ง
“วันนี้พอแค่นี้แหละ…แล้วแน่ใจเหรอว่าแค่เรียนแล้วก็เล่นน่ะ?” ชายหนุ่มมองตาน้องสาวอย่างรู้ทัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าวันนี้เด็กหญิงอายากะใช้วิชาแปลงร่าง
“อะไรเนี่ย…ก็ฉันบอกไปหมดแล้วนี่นา หิวจังเรารีบไปกินข้าวเย็นกันเถอะ!” มือเล็กรีบขว้าข้อมือหนาของพี่ชายตัวเองทันที
“เล่นพิเรนทร์แปลงร่างเป็นใครอีกล่ะคราวนี้?”
“เฮ้อถึงจะเลี่ยงยังไงพี่ก็รู้อยู่ดี…เจ้าอัจฉริยะ อิทาจิ” สุดท้ายเด็กหญิงผมส้มจึงยอมสารภาพกับพี่ชายตัวเองว่าวันนี้ไปก่อเรื่องอะไรมาบ้าง แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคาดไว้ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาก่อเรื่องอะไรพิเรนทร์ ๆ แล้วมาเล่าให้อากิระฟัง เขามักจะหัวเราะและเล่าประสบการณ์พิเรนทร์ของเขาแลกเปลี่ยนแต่ทว่าครั้งนี้อายากะกลับถูกพี่ชายดุชุดใหญ่
“เท่ากับว่าอิทาจิเค้าไม่ได้ทำอะไรเลยแต่ก็กลับถูกเพื่อน ๆ รังเกียจเพราะฝีมือของเธอนะแม่น้องสาวตัวแสบ…ลองจินตนาการว่าเธอเป็นอิทาจิในตอนนี้สิจะรู้สึกยังไงบ้าง โดดเดี่ยว เหงาและคงรู้สึกอึดอัดมากเลยล่ะ”
“ก็…เจ้าหมอนั่นน่ะพูดแขวะฉันก่อนนี่” เด็กหญิงแย้งอย่างไม่ยอมจำนน
“ฟังนะอายากะ…คนเราน่ะไม่เหมือนกันทุกคนหรอก เธอจะให้ใครมาทำอะไรให้เธอถูกใจตลอดเวลาน่ะเป็นไปไม่ได้แล้วยิ่งที่โรงเรียนเพื่อน ๆ ก็มาจากต่างครอบครัว เราควรต้องปรับตัวให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์แล้วอีกอย่างนะคำพูดบางคำน่ะถ้าหากว่าละทิ้งได้ก็ควรจะละทิ้งไป ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจหรอกเข้าใจมั้ย?” อากิระย่อเข่าลงเพื่อให้ระดับสายตาของตัวเองตรงกับน้องสาวตัวแสบ เขาจึงจ้องมองเธอเพื่อรอคำตอบ
“ฮึ่ม! เข้าใจก็ได้ ฉันจะพยายามไม่คิดไม่สนใจก็แล้วกันแต่ว่านะฉันจะไม่ยอมไปรับผิดหรอก!”
“อะไรกันนี่น่ะเหรอคนตระกูลฟูจิวาระ…คนในตระกูลทุกคนทำอะไรผิดพลาดก็กล้าออกมายอมรับและเริ่มนับใหม่แต่ดูสิท่านหญิงอายากะกลับป๊อดไปได้” อากิระยิ้มพลางยกมือยีผมน้องสาวตัวแสบหนึ่งที ทำให้เด็กหญิงอายากะหน้ามุ่ยด้วยความไม่ชอบใจเพราะเธอไม่อยากจะยอมรับผิดเรื่องที่ตัวเองก่อเลยจริง ๆ จึงตัดสินใจบอกกับพี่ชายว่าขอเก็บไปนั่งคิดนอนคิดก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้นที่สนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน เด็ก ๆ หลายคนต่างพากันออกมาวิ่งเล่น บ้างก็เล่นซ่อนหากันกับกลุ่มเพื่อน บ้างก็วิ่งไล่จับ ภาพทั้งหมดทั้งมวลนั้นทำให้อายากะดูมีความสุขอยู่ไม่น้อย วันนี้เธอไม่ได้ตัดสินใจไปเล่นกับเพื่อน ๆ จึงขอนั่งอยู่บนกิ่งไม้มองภาพแห่งความสุขนั้นแทน
“เฮ้เจ้าอัจฉริยะจอมลามก!” เสียงของเด็กชายที่วิ่งเล่นในสนามเด็กเล่นทำให้เด็กหญิงอายากะรีบกวาดสายตามองหาเจ้าของฉายาอัจฉริยะแทบจะทันที อย่างเจ้าอุจิวะ อิทาจิเนี่ยนะจะมาที่สนามเด็กเล่นกับเขาด้วย
“แอบดูผู้หญิงเข้าห้องน้ำน่ะเป็นยังไงบ้างวะ!”
“ไม่เบาเหมือนกันเลยนี่หว่า” เสียงเด็ก ๆ ผู้ชายยังคงตะโกนใส่อิทาจิที่เดินผ่านสนามเด็กเล่นไป
ปกติแล้วเด็กผู้หญิงที่ปลื้มอิทาจิมักจะออกโรงปกป้องเขาเสมอแต่ครั้งนี้ต่างกับครั้งก่อน อายากะสังเกตเห็นว่าไม่ยักจะมีใครสนใจอิทาจิเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้เธอเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมานิด ๆ ถึงจะยังไม่มากก็ตาม
“คนเขาพูดด้วยทำไมไม่พูดตอบล่ะ เจ้าอุจิวะผู้ลามก!” ไม่เพียงแต่ตะโกนเท่านั้น เด็กผู้ชายผมน้ำตาลหยิบก้อนหินก้อนใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับปาออกไปทางอิทาจิด้วยความหมั่นไส้
“จะ…เจ้าหมอนั่นหลบได้ยังไงน่ะ!” อายากะที่แอบมองอยู่บนต้นไม้อุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อหินก้อนนั้นที่ถูกปาแม่นยิ่งกว่าอะไรดีกลับปาไม่โดนเป้าหมายเพียงเพราะอิทาจิหลบทัน
แค่อยากจะออกมาเดินเล่นและแวะซื้อดังโงะไปทานกับเพื่อนสนิทรุ่นพี่อย่างอุจิวะ ชิซุยก็กลับโดนพวกที่เล่นกันตรงสนามเด็กเล่นหาเรื่องเข้าให้แล้ว อิทาจิพยายามที่จะไม่ใส่ใจกับคำพูดของคนพวกนั้นเพราะยังไงความจริงก็คือความจริงแต่ถ้าหากว่าเจ้าหมอนั่นขว้างหินมาอีกก้อนล่ะก็…เขาก็อาจจะไม่ได้แค่หลบก็เป็นได้
หน้าร้านดังโงะเจ้าประจำที่เด็กชายมักจะชอบมาซื้ออยู่บ่อย ๆ เต็มไปด้วยลูกค้าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนมากจะเป็นเด็กไปซะเยอะโดยเฉพาะเพื่อนร่วมชั้นของเขา…เอาอีกแล้วสินะ สายตาที่ส่งมาด้วยความรังเกียจแบบนั้น ทำไมกัน… ทั้ง ๆ ที่เขาก็ปฏิเสธไปแล้วแท้ ๆ แต่ไม่มีใครเชื่อเลยแม้แต่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ
เด็กชายอิทาจินั่งทอดถอนใจอยู่ตรงริมลำธารด้วยความไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามจะไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้นแต่บางทีการที่ถูกมองด้วยสายตารังเกียจเหยียดหยามจากเพื่อนร่วมชั้นก็ทำให้อดที่จะรู้สึกขุ่นเคืองในใจไม่ได้ และเมื่อจะหยิบขนมหวานอย่างดังโงะขึ้นมาทานอีกครั้งก็ต้องพบว่ามันหมดไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วแต่จู่ ๆ ก็มีมือเล็ก ๆ ยื่นไม้ดังโงะมาให้
“ฉันให้”
“ให้ฉันเหรอ?” อิทาจิตอบกลับผู้มาใหม่ด้วยความเย็นชา
“ก็เออน่ะสิถ้าไม่เอาล่ะก็ฉันเปลี่ยนใจไม่ให้ก็ได้” เด็กหญิงผมส้มเริ่มทำสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ขอบใจ” อุจิวะ อิทาจิยื่นมือไปรับดังโงะจากฟูจิวาระ อายากะ
“คือว่าฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยนิดหน่อยหวังว่านายคงว่างคุยนะ” เธอบอกเขาด้วยอาการประหม่า ไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกหรือผิดที่คิดจะสารภาพความจริงกับเจ้าตัว
อัจฉริยะของรุ่นอย่างอิทาจิจึงได้แต่พยักหน้าตอบเพื่อให้อายากะพูดถึงสิ่งที่ตัวเองว่าไว้เมื่อกี้
“ก็คือว่าเรื่องทั้งหมดน่ะเป็นฝีมือฉันเอง…ฉันก็แค่อยากจะแก้แค้นที่นายพูดแขวะฉันก็เท่านั้นแต่ไม่คิดว่ามันจะทำให้เพื่อนในห้องและเด็กคนอื่น ๆ รังเกียจนายขนาดนี้…ฉะ…ฉันขอโทษนะเจ้าอัจฉริยะ” อายากะก้มหน้าด้วยความอาย ทำไมจะต้องมาพูดอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย ถ้าไม่โดนอากิระเทศนาเมื่อวานก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก!
“ก็พอเดาออกอยู่บ้างว่าเป็นฝีมือตัวป่วนอย่างเธอแต่ช่างเถอะฉันไม่ใส่ใจ”
“เห? จริงดิ?” เด็กหญิงอายากะตาโตด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเจ้าหมอนี่จะยอมยกโทษให้ง่าย ๆ ทั้งที่รู้ว่าเธอเป็นต้นเหตุ
“อืม”
“ถ้างั้น…เพื่อเป็นการไถ่โทษ เราไปเล่นที่บ้านฉันกันเถอะฉันจะไปชวนยูกิมาเล่นด้วย…น่านะ รับรองนายต้องสนุกแน่ ๆ เจ้าอัจฉริยะ!”
“ฉันชื่ออิทาจิ”
“เอ้อนั่นแหละน่า…ไปกันเถอะอิทาจิ!”
พูดจบเด็กหญิงอายากะก็รีบลากเด็กชายอิทาจิไปยังบ้านของตระกูลฟูจิวาระแทบจะทันที การตัดสินใจยอมสารภาพของเธอครั้งนี้จึงเป็นที่มาของการเริ่มต้นมิตรภาพอันงดงามของอิทาจิและเธอเอง
ริมลำธารสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพระหว่างเธอและเขายังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง อิทาจิจำได้ว่าเขานั่งอยู่ตรงมุมไหนและอายากะแอบมาสารภาพกับเขาตรงไหน จำได้แม้กระทั่งว่าหล่อนชอบนอนตรงไหน เมื่อมายืนมองที่นี่รู้สึกว่าเวลายังผ่านไปได้ไม่นานมากนัก บางครั้งก็นึกอยากจะย้อนเวลากลับไปในวัยเด็กจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกับความรู้สึกและหน้าที่แบบนี้
สวบ สวบ สวบ! เสียงเดินย่ำพื้นหญ้าดังขึ้นมาจากทางอื่น ทำให้ผู้บุกรุกเข้าหมู่บ้านอย่างเขาต้องรีบหลบให้เร็วที่สุด หวังว่าจะไม่ใช่พวกหน่วยลับหรือพวกโจนิน
“หน็อยเจ้าคาคาชิ! ฉันจะต้องหาทางให้นายเลิกมากินข้าวฟรีให้ได้เลยคอยดู!” หลังจากรับประทานอาหารเย็นร่วมกับคาคาชิแล้ว ฟูจิวาระ อายากะจึงรีบขอตัวปลีกวิเวกออกมาแทบจะทันทีเพราะเห็นหน้าโจนินผมเงินทีไรแล้วสายตาก็พลันไม่ยอมมองว่าเขาใส่เสื้อแต่มันกลับมองว่าเขาล่อนจ้อนตลอดเวลา
ฝ่ายอิทาจิเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อคนที่เขาเพิ่งจะคิดถึงนั้นจู่ ๆ ก็กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเพียงแค่เอื้อมมือ… ทำให้ความสับสนในใจเริ่มที่จะก่อตัวขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ จากที่คิดแค่ว่าจะมาแอบมองเฉย ๆ แต่ตอนนี้ภายในใจกลับเรียกร้องให้ออกไปเจอ
“เรากับเจ้าหมอนั่นเริ่มจะเป็นเพื่อนกันจริง ๆ จัง ๆ ก็ที่นี่สินะ” โจนินสาวผมส้มพึมพำออกมาเมื่อทอดสายตามองไปยังที่ที่เคยสารภาพความจริงกับอิทาจิ
ความทรงจำในวัยเด็กเมื่อนึกถึงทีไรก็ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อเลยสักนิด ถ้าย้อนกลับไปได้ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย บางทีความสัมพันธ์ของคนเราก็มักจะมีเส้นบาง ๆ ที่มองไม่เห็นมากั้นไว้เสมอ มันคงจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า ไม่ว่าจะสนิทกันมากแค่ไหนก็ตาม แม้กระทั่งสนิทกันแบบเพื่อน ครอบครัวหรือคนรักแต่สุดท้ายแล้วมักจะมีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่าไม่สามารถเข้าไปถึงจิตใจของเขาได้ทั้งหมด
ฟูจิวาระ อายากะจำได้ว่าตั้งแต่เริ่มเป็นเพื่อนกับอิทาจินั้น มีอะไรเธอมักจะเล่าให้เขาฟังเสมอไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่แค่ไหนก็ตาม จนบางทีเธอก็รู้สึกว่าเวลาอยู่กับเขานั้นตัวเองเป็นเหมือนนกน้อยที่เอาแต่จ้อไม่หยุด ส่วนอีกคนก็เอาแต่นิ่งเงียบฟังสิ่งที่เธอพูดออกมาโดยไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูดอะไรมากแต่เมื่อเธอต้องการคำแนะนำเขาก็มักจะให้คำแนะนำที่ดีแก่เธอเสมอมา
สายลมอันอบอุ่นพัดพาความรู้สึกของหญิงสาวที่ยืนอยู่ริมลำธารส่งไปยังชายหนุ่มที่แอบมองอยู่บนต้นไม้ เขาสัมผัสความรู้สึกนี้ได้ดี หล่อนก็คงจะกำลังคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาเหมือนกับเขาอย่างนั้นสินะ แล้วอายากะจะรู้หรือไม่ว่าความจริงแล้วเขาก็ยืนอยู่ตรงนี้ใกล้กับเธอ
“เธอจะรู้บ้างมั้ยว่าฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้…”
“ตอนนี้นายจะเป็นยังไงบ้างนะ…คงจะกำลังวางแผนตามล่าตัวสัตว์หางอยู่ล่ะสิ ฉันไม่ยอมให้มาพาตัวนารุโตะไปง่าย ๆ หรอกชิ!”
“ถ้างั้นไม่พาตัวเด็กคนนั้นแต่มาพาตัวเธอไปแทนจะได้ไหม?” น้ำเสียงอันเย็นชาที่เธอไม่ได้ยินมานานดังขึ้นข้างหลัง ทำให้คนที่ได้ยินถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ นี่กำลังฝันไปหรือว่ามันคือเรื่องจริง
“ฝันไปเถอะย่ะ…อะ…อะไรกัน ทำไม…หรือว่าเมื่อกี้เราแค่หูแว่วไป” เมื่อหันกลับไปมองตามต้นตอของเสียงก็กลับไม่พบใครเลยสักคน อายากะคิดว่าตัวเองคงมัวแต่คิดถึงเรื่องอิทาจิจนเบลอไปแล้วแน่ ๆ
ฟ้าว! “โอ๊ยอะไรกันเนี่ย!” อายากะเตรียมอยู่ในท่าประสานอินเมื่อเท้าทั้งสองข้างของเธอถูกพันธนาการด้วยเส้นลวดบาง ๆ แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งสมาธิให้ดีตัวเธอเองก็กลับถูกดึงขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ด้วยความรวดเร็ว
“นาย!” หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนดึงเธอขึ้นมา
“ไม่เจอกันนานนะ…ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” อุจิวะ อิทาจิยังคงไว้ซึ่งสีหน้าเรียบเฉยซึ่งทำให้คนที่ถูกเขาดึงขึ้นมานั้นเริ่มจะรู้สึกโมโห
“ฉันจะฆ่านายซะ!” อายากะตะโกนใส่หน้าอดีตเพื่อนสนิทด้วยความโมโห
“เธอไม่กล้าหรอก…” เขาตอบละไว้แต่เพียงเท่านั้นแล้วก็เหม่อมองไปทางวิวทิวทัศน์เบื้องล่างแทน
“ใครว่าล่ะ ทุก ๆ อย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว! แม้กระทั่งความรู้สึกของฉันด้วย”
“นั่นสินะ…มันก็คงจะเหมือนกับสายลมที่ไม่มีวันหวนกลับ” เขาพูดพลางดึงเธอเข้ามากอดไว้แนบอกนานนับสิบกว่านาทีก่อนที่จะคลายอ้อมกอดออกพร้อมกับหายแวบไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งไว้แค่ความอุ่นจากอ้อมกอดนั้นให้กับหญิงสาวที่กำลังตกตลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
คงจะจริงอย่างที่เจ้าหล่อนว่า ทุกอย่างคงเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ แม้กระทั่งความรู้สึกของคนเรามันก็เปลี่ยนกันได้ง่าย ๆ แบบนี้เชียวเหรอแต่สำหรับอิทาจิแล้วเขาคิดว่าไม่… เขารู้สึกกับใครยังไง…ไม่ว่าจะผ่านไปนานอีกกี่ปีก็ตาม ความรู้สึกที่เขามีก็ยังคงอยู่ในใจเขาเสมอแต่ด้วยหน้าที่แล้วความรู้สึกก็คงต้องพับเก็บเอาไว้ก่อน ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อไปตามทางของมันเองก็คงเหมือนกับที่เขาบอกหล่อนไปเมื่อกี้…เขาและหล่อนเปรียบเสมือนเส้นขนานกัน ก็คงเหมือนสายลมที่ไม่มีวันหวนกลับและคงต้องพัดไปเรื่อย ๆ…
cr. ภาพแรก https://www.pinterest.com/pin/148196643966733976/
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ