YAOI LOVERS ระวัง! อ่านแล้วหัวใจจะY

-

เขียนโดย ดินลา

วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.53 น.

  10 ตอน
  7 วิจารณ์
  13.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 22.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) [SJ] Look Like Love 1.1: Maybe...This Time

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

              "นี่เรื่องจริงหรือ ทนายคัง!" เสียงทุ้มตวาดถามอย่างหงุดหงิด

              "เอ่อ..คะ...ครับ"

              "มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมฉันต้องมาดูแลเจ้าเด็กนี่ด้วย" ร่างสูงขึ้นเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ สายตาคมกริบจ้องร่างทนายประจำตระกูลตรงหน้าอย่างคาดคั้น ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติดูแข็งกระด้าง เย็นชา แต่ก็คงไว้ซึ่งอำนาจที่น่าเกรงขาม

               "เอ่อ...แต่ว่าคุณฮันคยอง จำเป็นต้องรับดูแลเด็กคนนี้ ตามที่พินัยกรรมของคุณพ่อคุณ เขียนไว้นะครับ...เอ่อ...ไม่งั้น หุ้นเกือบทั้งหมดของบริษัทจะถูกกระจายไปให้เหล่าคณะกรรมการอาวุโสของบริษัทคุณครับ" ทนายคังโฮดงร่างอ้วนใหญ่ พูดแจงเหตุผลด้วยความหวาดเกรง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาทรงอำนาจนั้น

                ฮันคยองได้ยินเงื่อนไขก็สบถออกมาด้วยความไม่พอใจ 'เรื่องอะไรที่เขาต้องปล่อยหุ้นเกือบทั้งหมดให้ไปตกกับพวกตาแก่แร้งทึ้งเห็นแก่ได้พวกนั้นด้วยเล่า.......‘แต่จะให้รับเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาดูแล นี่มันก็ออกจะบ้าบอเกินไปหน่อย’ ร่างสูงครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนเอ่ยปากพูด

               "ทำไมฉันต้องดูแลเด็กนี่ด้วย เพราะอะไร"

               "คือ...คุณพ่อคุณได้ระบุเอาไว้ว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของ คุณลีอึนซอน อดีตคนรักของคุณพ่อคุณครับ"

               "ว่าไงนะ!"  ฮันคยองอุทาน "อย่าบอกนะว่า ไอ้เด็กนี่เป็นลูกคุณพ่อ!"

               "ระ...เรื่องนั้น เราก็ไม่ทราบ...แต่คิดว่าคงไม่ เพราะคุณพ่อของคุณไม่ได้ระบุเอาไว้" ทนายคังพูดไปพลางซับเหงื่อไปพลาง ร่างใหญ่นั่งเกร็งอย่างหวาดเกรง

               ฮันคยองครุ่นคิดอยู่ครู่ ก็ตกลงใจได้ว่า อย่างไรซะ เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้บริษัทที่พ่อสร้างมากับมือให้พวกแร้งทึ้งในบริษัทแน่นอน....ดูแลคนๆเดียว คงไม่หนักหนานักหรอก  ร่างสูงโยนเอกสารที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ ที่คั่นระหว่างเขากับทนายคัง ดังปึงงง! จนร่างอวบหนาสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อร่างสูงพูดขึ้น

               "ตกลง ฉันจะรับดูแลเจ้าเด็กนี่" ดวงตาสีดำสนิท จ้องมองรูปถ่ายใบเล็กที่กระเด็นออกมาจากเอกสารที่โยนไปเมื่อครู่  รูปเด็กหนุ่ม หน้าตาน่ารัก ผิวขาว ผมสีน้ำตาลอ่อน ปากเรียวสีชมพูยิ้มกว้างอย่างไร้เดียงสา

 

               "คุณฮันคยองส่งผมมารับคุณครับ เชิญขึ้นรถ" คนขับรถเอ่ย พลางเปิดประตูรถ ให้ร่างเล็กเข้าไปนั่ง

              "ขอบคุณครับ" เสียงหวานใสเอ่ยขอบคุณ แย้มยิ้มให้อย่างน่ารัก ดวงตาสีน้ำตาลเปล่งประกายด้วยความดีใจ...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะได้ไปอยู่ใกล้กับคนที่เขา แอบรักมาตลอด......พี่ฮันคยอง

               ฮยอกแจนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องในอดีต ตอนที่เขาเห็น ฮันคยอง เป็นครั้งแรก  วันนั้น พ่อของฮันคยองมาเยี่ยมแม่ของเขา  ตอนนั้นฮยอกแจกำลังเล่นอยู่ข้างรถของคุณพ่อฮันคยองที่จอดอยู่ด้านนอก ฮยอกแจยังจำได้ดี ครั้งแรกที่เขาเห็น ฮันคยอง เด็กหนุ่มเรียนมหาวิทยาลัยรูปงามสะดุดตา ส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้เขา ช่วยเขาเก็บลูกบอลที่ตกไปในคลองน้ำทิ้งอย่างไม่รังเกียจว่าจะสกปรก ฮยอกแจหลงรักรอยยิ้มอ่อนโยนไม่ถือตัว และความใจดีนั้นทันที

               ร่างเล็กยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดีกับความทรงจำในอดีต  จนรถเคลื่อนมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่สวยงาม พื้นที่กว้างขวาง งดงามจนชวนตะลึง ฮยอกแจก็เพลินไปกับความสวยงามนั้น จนมามาถึงข้างในตัวคฤหาสน์ ฮยอกแจเดินเข้าไปข้างในอย่างเกร็งๆ เล็กน้อย เมื่อเจอเข้ากับร่างของคนที่เขาเฝ้าฝันถึงมาตลอด

               ร่างนั้นนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาหรูกลางห้องรับแขก หน้าคมคาย จ้องเขม็งมาที่เขาตั้งแต่เขาก้าวเข้ามา เล่นเอาฮยอกแจใจเต้นทำอะไรไม่ถูก

               ".......นั่งสิ" นี่เขาคิดไปเองหรือเปล่านะ ว่าเสียงนั้นไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ฮยอกแจกังวลเล็กน้อย ค่อยๆเดินไปนั่งที่โซฟาตรงกันข้าม เผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่ส่งสายตาเย็นชามองทุกการเคลื่อนไหว จนฮยอกแจอดรู้สึกไม่ได้ว่าชายหนุ่มไม่เต็มใจกับการมาของเขา

               "เอ่อ...ผมชื่อ ลีฮยอกแจ...เอ่อ......." ฮยอกแจตัดสินใจ แนะนำตัวเอง เพื่อทำลายความเงียบที่ชวนอึดอัด

               "ฉันถามชื่อนาย รึไง!" เสียงเย็นชาไม่แพ้สายตา กล่าวสวนทันควัน จนร่างเล็กสะดุ้งไปกับความไม่พอใจในน้ำเสียงนั้น

               "ฉันรับปกครองนายก็จริง แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ต้อง ต่างคนต่างอยู่ ห้ามมาวุ่นวายในชีวิตฉัน เข้าใจมั้ย" ฮันคยองพูด ร่างสูงรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ตนได้ตัดสินใจไปแล้วนี้

               "ฉันถามทำไมไม่ตอบ...เข้าใจมั้ย?" ฮันคยองถามย้ำ ปรายสายตามองเมื่อร่างเล็กเอาแต่ก้มหน้า

               "ขะ...เข้าใจ ครับ" ร่างเล็กตอบเสียงสั่น ในใจรู้สึกปวดร้าว ไม่เข้าใจว่าทำไมฮันคยองถึงได้ไม่ชอบหน้าเขาขนาดนี้ ไม่แม้แต่จะอยากรู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ

               แล้วฮันคยองก็ลุกขึ้น เดินไปบอกให้แม่บ้านจัดการเรื่องของฮยอกแจด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเร่งเดินออกไป โดยไม่ชายตามองเขาอีกเลย หญิงสาววัยกลางคน ผู้เป็นแม่บ้านให้กับตระกูลของฮันคยองเห็นท่าทางสลดของเด็กหนุ่ม ก็อดสงสารไม่ได้

               "คุณฮันคยองมีงานเยอะนะค่ะ คงเหนื่อย เลยออกจะ...หงุดหงิดไปบ้าง"

               "...ครับ" แม้เสียงจะยังแผ่วๆ แต่ร่างเล็กก็ค่อยยิ้มออก ‘นั้นสินะ พี่ฮันคยอง คงต้องทำงานหนักขึ้นตั้งแต่คุณพ่อเสียไป’ ฮยอกแจยิ้มกว้างอย่างร่าเริงให้แม่บ้านอีกครั้ง ทำให้แม่บ้านรู้สึกเอ็นดูไปกับความน่ารักสดใสของเด็กหนุ่ม

               "มาค่ะ...เดี๋ยวป้าพาไปดูห้องนอน"

               "ครับผม" ฮยอกแจรับคำเสียงใส

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

 

               "ให้ตายสิ! เออ...นายช่วยจัดการแทนฉันไปก่อน ยังไงก็ห้ามให้พวกนั้นได้งานส่วนนี้ไปเด็ดขาด แค่นี้แหละ...." เสียงฮันคยองคุยโทรศัพท์อย่างเคร่งเครียดและเสียงถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า อยู่ในสายตาของฮยอกแจที่ช่วยแม่บ้านซอทำอาหารอยู่ในครัว

               "คุณฮันคยองกลับมาแล้ว งั้นป้าไปตั้งโต๊ะก่อนนะคะ"

               "ได้ครับป้า เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง" ฮยอกแจพูด แล้วตั้งใจทำอาหารต่อไป

 

               "คุณฮันคยอง อาหารค่ำเสร็จแล้ว เชิญทานค่ะ" ฮันคยองเดินตามเข้าไปในห้องอาหาร ทั้งทีสีหน้ายังเคร่งเครียด ไม่มีอารมณ์จะกินอะไรทั้งนั้น

               "ไม่ล่ะ...ฉันกินไม่ลง เอาไปเก็บให้หมดเถอะ" ฮันคยองบอก ก่อนยกเอกสารในมือขึ้นมาอ่าน

               "เอ่อ ทานซะหน่อยเถอะค่ะคุณฮันคยอง เดี๋ยวสุขภาพจะแย่เอา" แม่บ้านซอบอกด้วยความเป็นห่วง และกลัวว่าฮยอกแจจะเสียใจที่ฮันคยองไม่ยอมแตะอาหารที่เด็กหนุ่มอุตส่าห์ทุ่มเททำอย่างตั้งใจ  ฮันคยองถอนหายใจแล้ววางเอกสารไว้ข้างเก้าอี้

               "งั้น ฉันขอวิสกี้ด้วยแล้วกัน" ฮันคยองพูด แม่บ้านซอยิ้มดีใจแม้ไม่ค่อยอยากให้เจ้านายหนุ่มดื่มมากนัก แต่อยากน้อยก็ยังดีที่ยอมทานข้าวแล้ว จึงรีบกุลีกุจอไปหยิบ วิสกี้มาตามที่ขอ

               ฮยอกแจยกอาหาร จานสุดท้ายมาเสิร์ฟบนโต๊ะ เกร็งเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงนั่งจ้องเขาอยู่ ฮันคยองมองร่างเล็กที่ออกมาจากห้องครัวเหมือนเพิ่งนึกออกว่าตอนนี้ บ้านเขามีคนมาอาศัยเพิ่มอีกคน สายตาคมนั้น ไปหยุดอยู่ที่อาหารที่ฮยอกแจเพิ่งวางลง

               "นายทำอาหารทั้งหมดเลยเหรอ" ฮันคยองถามเรียบๆ

               "เอ่อ แค่ช่วยๆ ทำนะครับ" ฮยอกแจตอบเบาๆ

               "แหม...ใช่ที่ไหนค่ะ คุณฮยอกแจนะทำเกือบหมดนั้นแหละค่ะ ป้าเองที่ช่วยนิดๆ หน่อยๆ  คุณฮยอกแจนะทำอาหารคล่องมากเลยนะค่ะ" แม่บ้านซอพูดขณะที่รินเหล้าวิสกี้ชั้นให้ฮันคยอง ก่อนจะขอตัวออกไป

               "ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าห้ามมาวุ่นวายกับชีวิตฉัน นายเป็นใครถึงต้องมาทำอะไรพวกนี้ให้ฉัน!" ฮันคยองขึ้นเสียงดังเล็กน้อยใส่ฮยอกแจ ที่ได้แต่ตัวสั่นไปกับความเย็นชาของฮันคยอง แล้วก็ต้องสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อร่างสูงปัดจานอาหารทุกจานลงกับพื้น แล้วก็เดินหนีไป ทิ้งร่างเล็กที่นั่งก้มหน้า น้ำตาไหลออกมาอย่างเสียใจ

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

 

               "อ้าว คุณฮยอกแจตื่นแต่เช้าเลยนะค่ะ" แม่บ้านซอร้องทักเด็กหนุ่ม

               "ครับ ผมต้องไปเรียนแต่เช้าน่ะครับ แล้ว เอ่อ...คุณฮันคยองยังไม่ตื่นเหรอครับ" ฮยอกแจอดถามถึงไม่ได้ ดวงหน้าหวานดูหม่นหมองไม่สดใสอย่างเคย

               "อีกสักพักคงตื่นล่ะค่ะ แล้วคุณฮยอกแจไม่ทำอาหารเหรอค่ะวันนี้" แม่บ้านซอถามยิ้มๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่จะทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าร่าเริงขึ้นอีกครั้ง

               "แต่ป้าก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่า เมื่อวาน...." เด็กหนุ่มเอ่ย เสียงเศร้าๆ

               "ถ้าไม่บอก คุณฮันคยองก็ไม่รู้หรอกค่ะ" แม่บ้านซอพูดขึ้นพร้องขยิบตาให้ร่างเล็กที่เงยหน้าขึ้นมอง แล้วยิ้มรับอย่างสดใสเมื่อเอื้อมมือไปรับผ้ากันเปื้อนสีหวานที่ส่งมาให้

 

               "คุณฮยอกแจค่ะ คุณฮันคยองจะลงมาแล้ว รีบไปนั่งก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวป้ายกออกไปให้เอง" แม่บ้านซอรีบเร่งให้เด็กหนุ่มออกไปนั่งที่โต๊ะอาหาร

               ฮันคยองลงมาเห็นฮยอกแจนั่งเกร็งๆ กระสับกระส่ายอยู่ที่โต๊ะ ก็ถอนหายใจแล้วเดินไปนั่ง ไม่ลืมที่จะส่งสายตาเย็นชาไปให้ จนฮยอกแจต้องก้มหน้าหลบ แล้วสักพักอาหารก็ถูกยกออกมา ฮยอกแจใจเต้น เมื่อเห็นฮันคยองมองข้าวต้มตรงหน้าแล้วก็มองมาที่เขา ที่ก้มหลบแทบไม่ทัน

               "เชิญทานเลยค่ะ วันนี้ป้าทำสุดฝีมือเลยนะค่ะ" แม่บ้านซอรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของฮันคยอง ฮันคยองมองแม่บ้านที ฮยอกแจที ก่อนจะลงมือกินเข้าไปคำหนึ่ง ฮยอกแจเองก็ก้มหน้าก้มตากิน แต่ก็แอบยิ้มดีใจที่ในที่สุดเขาก็ได้ทำอาหารให้พี่ฮันคยองทาน แม้พี่ฮันคยองจะไม่รู้ก็เถอะ

               แต่ที่ฮยอกแจไม่รู้ก็คือ การที่เขาประเมินร่างสูงต่ำไป คนที่มีความสามารถรอบด้าน มองทุกอย่างอย่างทะลุปรุโปร่ง จนเป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยอย่างฮันคยอง มีหรือจะมองไม่ออกว่า แม่บ้านที่ทำงานให้เขามานานตั้ง 30 กว่าปี กำลังโกหกเขา  และยิ่งไอ้เด็กนี่ที่มองออกง่ายซะขนาดนี้ แค่แว่บเดียวก็รู้ทันทีว่า ข้าวต้มนี่มันเป็นคนทำ ‘หึ! คิดว่าจะหลอกคนอย่างฉันได้งั้นหรือเจ้าเด็กโง่!’ 

               หากแต่ก็ขี้คร้านจะล้มโต๊ะให้เสียเวลา เพราะยังมีงานอีกมากมายที่ต้องไปจัดการซะก่อน ส่วนเจ้าเด็กนี่เอาไว้ทีหลังแล้วกัน

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

 

               "แฮ่กๆๆ มะ...มาถึง ซะที เฮ้อ! เหนื่อยชะมัด" ฮยอกแจบ่นด้วยความเหนื่อย เพราะมัวแต่ดีใจเรื่องฮันคยอง เลยลืมไปเลยว่าต้องรีบมาเรียน จนต้องรีบวิ่งมาแบบเอาเป็นเอาตายแบบนี้ จนมาหยุดอยู่หน้ามหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง

               "แล้วอาคารปฐมนิเทศอยู่ไหนกันนะ" ร่างเล็กที่หายเหนื่อยจากการหยุดพักแล้วก็เริ่มเดินสำรวจโดยรอบทันที แต่กลับไม่มีใครให้ถามเลย จนกระทั่งมีร่างของนักศึกษาชายสองคน เดินออกมาจากมุมตึก ฮยอกแจไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาทันที

               "เอ่อ ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าตึกปฐมนิเทศ คณะ...อยู่ที่ไหนครับ"

               "น้องอยู่ปีหนึ่งคณะนี้เหรอ" เด็กหนุ่มรูปร่างสูงหนาเหมือนนักกีฬา หน้าตาหล่อเหลาถาม พลางส่งยิ้มมีเสน่ห์มาให้ ฮยอกแจพยักหน้ารับ รู้สึกแปลกกับรอยยิ้มนั้นเล็กน้อย

               "ก็ตึกนี้แหละ พี่สองคนอยู่ปี 2 คณะเดียวกันนี่แหละครับ ยินดีต้อนรับนะครับ" เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยเสียงหวานผิดกับเสียงแรกที่ทุ้มนุ่ม รูปร่างไม่สูงหนาเท่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่ก็สูงกว่าเขาหน่อยๆ อยู่ดี หน้าตาหวานราวกับผู้หญิงที่มีท่าทีห้าวๆ ไม่เข้ากับหน้าตา ส่งยิ้มหวานเชื่อมมาให้เขา

               "แล้วน้องชื่ออะไรเหรอครับ พี่ชื่อซีวอน ส่วนเจ้านี่ เพื่อนพี่ชื่อ ทงแฮ"

               "ผมชื่อ ฮยอกแจครับ เอ่อ...งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" ฮยอกแจบอกชื่อ แล้วก็รีบวิ่งขึ้นตึกไปอย่างรีบเร่ง

 

               "เฮ้ย!"

               เมื่อร่างของฮยอกแจลับตาไปแล้ว เสียงเรียกของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมาเมื่อมองหน้าอีกฝ่าย ที่ต่างก็รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ รอยยิ้มของคนทั้งสองก็ระบายออกมาอย่างท้าทายกันเอง ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกัน

               "คนนี้ กูจอง!"  

               แม้ทั้งสองจะเป็นเพื่อนกันมานาน แต่ต่างคนต่างก็เจ้าชู้จีบหญิง(และก็ชายด้วย)ไม่ซ้ำหน้า จนเป็นคู่หูคาสโนวาที่หนุ่มๆ สาวๆ ต่างหลงใหล และคราวนี้ก็ดันมาชอบคนๆ เดียวกัน ยังไงก็คงไม่มีใครยอมใครแน่

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

 

               หลังงานปฐมนิเทศจบไป ตามธรรมเนียมของคณะ....เหล่ารุ่นพี่นิยมพากันไปเลี้ยงต้อนรับเด็กใหม่ต่อ เพื่อสานสัมพันธ์(อะไรน้อ?)ให้สนิทกันมากขึ้น

               "นี่ ฮยอกแจ เดี๋ยวเราจะไปเลี้ยงน้องต่อที่ร้าน...นะ" ทงแฮบอกพลางกอดคอฮยอกแจอย่างสนิทสนม ฮยอกแจมองอย่างตกใจ แต่ทงแฮกลับส่งยิ้มหวานมาให้

               "เอ่อ คือ นั้นมันร้านเหล้าไม่ใช่เหรอครับ" ฮยอกแจถามพยายามจะดันตัวออกห่างแต่ก็ไม่เป็นผล คนอะไรตัวก็พอๆกับเขาแต่แรงเยอะชะมัด

               "ก็ใช่น่ะสิ เราลูกผู้ชายมันก็ต้องเมากันหน่อย มาๆ เดี๋ยวพี่จะพาไปเอง" ซีวอนเองก็ไม่ยอมแพ้จับข้อมือฮยอกแจ ลากออกมาจากทงแฮพร้อมเสนอจะไปส่งโดยไม่ฟังคำค้านของฮยอกแจ ร่างเล็กก็ถูกให้เข้าไปอยู่ในรถยนต์คันหรูราคาหลายล้านวอน ซีวอนปิดประตูให้ฮยอกแจที่ยังนั่งเอ๋อๆ อยู่ ก่อนจะหันไปพูดกับไอ้เพื่อนซี้

               "เสียใจด้วยนะ ไอ้ปลาทองปัญญาอ่อน แค่หน้าตาอย่างเดียวช่วยอะไรไม่ได้หรอกว่ะ ฮ่าๆ" ร่างหนาของซีวอนเอ่ย พร้อมรอยยิ้มร้ายอย่างผู้ชนะ ผิดกับท่าทางอ่อนโยนใจดีที่เคยแสดงออกมา ส่วนทงแฮก็ได้แต่ทำแก้มป่องๆ ออกมาเหมือนปลาทองไม่มีผิดด้วยความหงุดหงิดซะจนหาความแมน(ที่ไม่เคยมี)ไม่ได้

"เออสิ! กูไม่ใช่ลูกเจ้าพ่อมาเฟีย เหมือนมึงนี่หว่า จะได้เพอร์เฟค หล่อ รวย (เลว) ครบสูตรพระเอกละครนี่หว่า เฮอะ! แต่กูไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกเว้ย #%&^%#.(*&^#...” แล้วไอ้ปลาทองก็ได้แต่อมลม บ่มงึมๆ งำๆ ไปตลอดทาง

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

 

               ร่างสูงกลับมาถึงบ้าน ก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาหนานุ่มน่านอนทันที มือใหญ่แกะปมเนคไท ออกให้หลวม อีกข้างกุมขมับไว้ ปากหยักสวย เรียกแม่บ้านที่รีบออกมาทันทีพร้อมเหล้าที่แรงมากมขวดหนึ่งมาให้ ฮันคยองค่อยๆ เทของเหลวสีอำพันออกมาดื่มเรื่อยๆ จนพร่องไปเกินครึ่งแต่ร่างสูงยังคงดื่มต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะเมาแต่อย่างใด เขานับว่าเป็นคนที่คอแข็งกับเรื่องพวกนี้มากอยู่เหมือนกัน

               สักพักแม่บ้านซอก็เข้ามาหาเขาด้วยท่าทีกระวนกระวาย แถมยังมองดูนาฬิกาอย่างเป็นกังวล

               "เป็นอะไรไป" ฮันคยองอดถามไม่ได้

               "เอ่อ คือ คุณฮยอกแจยังไม่กลับมาเลยค่ะ นี่ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว..." แม่บ้านซอพูดอย่างเป็นห่วง คำตอบของแม่บ้านทำให้ร่างที่เอนตัวบนโซฟา ขมวดคิ้วยุ่งอย่างขุ่นเคือง ‘ไอ้เด็กนี่ มาอยู่บ้านเขาได้แค่วันสองวัน ก็ทำตัวเหลวไหลแล้วงั้นเหรอ มันน่าโมโหจริงๆ’ ระหว่างที่ฮันคยองกำลังลุกขึ้นพร้อมกับหยิบกุญแจรถขึ้นมา ก็มีเสียงออดดังขึ้นมาพอดี

               "อ๊ะ...สงสัย คงจะมาแล้วมั้งค่ะ เดี๋ยวป้าไป..." ยังไม่ทันพูดจบ ร่างสูงก็ยกมือห้าม

               "ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไปเอง ป้าไปนอนเถอะ" ฮันคยองบอกเสียงเฉียบขาด ในใจยังคุกรุ่นด้วยความโมโห จนแม่บ้านต้องยอมถอยกลับไป แม้จะเป็นห่วงว่าเด็กหนุ่มจะโดนฮันคยองทำอะไรบ้างหรือเปล่าก็ตาม

               ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เดินไปยังทางเดินช้าๆ ตรงข้ามกับอารมณ์ภายในใจ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงก็ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินบทสนทนาที่ดังมาจากหน้าบ้านเขา

               “เพราะแกนั่นแหละ ไอ้ปลาทองเน่า อยากมอมเหล้าน้องเขาดีนัก”

               “อ้าวไอ้ฉ่อยซีวอน แกก็เห็นดีเห็นงามด้วยไม่ใช่หรือวะ เหอะ! นี่ถ้าฮยอกแจไม่ล้มพับไปก่อน ป่านนี้เสร็จฉันไปแล้ว”

               “ทำเป็นพูดดี แกดวลเหล้าแพ้ฉันนะโว้ย ฉันต่างหากที่ต้องได้ฮยอกแจ….”

               แล้วทั้งสองก็ต้องหยุดทะเลาะกันทันที เมื่อประตูถูกเปิดออกอย่างแรง มองเห็นร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมสีหน้าทั้งเย็นชาและหงุดหงิดสุดขีด บวกกับสายตาที่มองมาแล้วรู้สึกเสียวสันหลัง ก็เป็นต้องเกิดอาการเหงื่อแตกพลั่กๆ ‘ใช่พ่อน้องฮยอกแจหรือเปล่าวะ...หวังว่าเมื่อกี้คงไม่ได้ยินนะ’ ทั้งสองคิด พลางส่งยิ้มแห้งๆ ไปทางร่างที่เริ่มส่งรังสีอำมหิตออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

               “เอ่อ สะ...สะ...สวัสดีครับ พอดี เราเลี้ยงรับน้องกันเพลินไปหน่อย ขะ...ขอโทษด้วยนะครับ” ทงแฮอธิบายไปพลางหลบสายตาเหี้ยมๆ ของฮันคยองที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ฮันคยองมองร่างคนทั้งสอง ที่พยุงร่างเล็กที่เมาหลับพับอยู่ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย กระดุมเปิดออกจนเกือบหมด ก็ยิ่งทำให้ร่างสูงหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก แขนแข็งแกร่งคว้าตัวฮยอกแจมา แล้วส่งสายตาโหดๆ ไปยังทั้งสองคน

               “รีบออกไปซะ...ไม่งั้นตาย!”

               ทันทีที่ประตูใหญ่ปิดลงดังปัง ไอ้สองคู่หูคาสโนวาก็วิ่งกันป่าราบ โดยไม่ต้องคิดรอลูกตะกั่วให้เสียเวลา

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

 

               ร่างสูงมองร่างที่เขาประคองอยู่ ก็ยิ่งอารมณ์เสียหนักเข้าไปอีก ‘ไอ้เด็กนี่ มาอยู่บ้านเขาไม่เท่าไหร่ มันก็ทำตัวเหลวไหล ปล่อยตัวให้ผู้ชายทีเดียวสองคนเลยเหรอ น่าไม่อายจริงๆ’ ฮันคยองจัดการอุ้มร่างบอบบาง ขึ้นไปบนห้อง แล้ววางร่างของฮยอกแจลงบนเตียงหนานุ่ม ร่างเล็กส่งเสียง ครางพึมพำ จนฮันคยองต้องก้มตัวลงไปฟังอย่างสงสัย และโดยไม่ทันตั้งตัวก็โดนแขนเรียวบอบบาง กอดคอ แล้วดึงโน้มลงมา จนฮันคยองเสียหลักล้มลงบนตัวของฮยอกแจเต็มๆ

               “อืมม...ร้อนจังเลย...ช่วยถอดเสื้อให้หน่อยสิ.......”

               ฮันคยองมองดวงตาสีน้ำตาลหวานเยิ้มที่ปรือขึ้นเพียงเล็กน้อย ปากอิ่มสีชมพูเผยอออกอย่างยั่วยวน ลำตัวเล็กบางบิดไปมา มือเล็กๆ ปัดป่ายไปทั่วตัว จนเสื้อที่หลุดลุ่ยอยู่แล้วยิ่งเปิดออก จนเห็นผิวกายขาวเนียนแดงระเรื่อ

               ฮันคยองถึงกับใจเต้นไปกับความเย้ายวนนั้น เขายอมรับว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์ ร่างสูงพยายามยันตัวขึ้น เพราะตัวเขาตอนนี้ก็ควบคุมอารมณ์ได้ไม่เต็มที่นักแม้จะไม่ได้เมามากก็เถอะ แต่ถ้าควบคุมอารมณ์ไม่ไหวล่ะก็ยุ่งแน่

               “ปล่อยฉัน แล้วนอนซะ...ฮยอกแจ” ร่างสูงพูดอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ แต่ก็ช่างยากนักเมื่อมือเล็กเริ่มปัดป่ายมาที่ตัวของเขา ร่างสูงแกะมือนั้นออกจากตัว ร่างของฮยอกแจนิ่งไปสักพัก

               “ฮ่าๆ พี่ฮันคยอง เรียกชื่อผมหรอ...ฝันดีจริงๆ เลย” ร่างเล็กหัวเราะอ้อแอ้ แล้วยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี มือเรียวเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าของคนที่เขาฝันถึงอยู่เสมอ ใบหน้าหวานค่อยๆ ยื่นเข้าไปหาใบหน้าหล่อเหลาของฮันคยอง ปากเรียวบางสีชมพูสัมผัสกับปากหยักหนาสวยได้รูปอย่างแผ่วเบา...ทั้งที่แค่ฝันแต่ทำไมรู้สึกเหมือนจริงอย่างนี้นะ

                 ขณะที่ร่างเล็กกำลังจะละริมฝีปากที่เพียงแค่แตะๆ ออก ความอดทนของร่างสูงก็หมดลง ฮันคยองโอบร่างเล็กให้เข้ามาแนบชิดเขาอีกครั้ง ปากหนารุกเขาหาเรียวปากเล็กอย่างดุดันเร่าร้อน จนร่างเล็กส่งเสียงครางปนหอบเพราะหายใจไม่ทันกับจูบที่ช่ำชองของร่างสูง ลิ้นอุ่นหนารุกไล้เรียวลิ้นเล็กที่ไล่ตามอย่างเงอะงะ ฮันคยองแทบจะคลั่งตายกับความหอมหวานยั่วยวนไร้เดียงสาของร่างเล็ก ร่างสูงเลื่อนใบหน้าและริมฝีปากมาซุกไซ้ซอกคอขาว ขณะที่มือหนาก็เริ่มลูบไล้ผิวกายใต้เสื้อสีขาวผืนบาง นิ้วเรียวยาวปัดผ่านยอกอกสีกุหลาบ หมุนวนเคล้นคลึงจน ร่างเล็กสะท้ายกายอย่างเสียวซ่าน

               “อ๊ะ...อื้มมม.....พะ พี่ฮันคยอง อาาาา........” ร่างเล็กส่งเสียงครางหวาน ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของฮันคยองให้พุ่งพล่านขึ้น ร่างสูงขบเม้มที่ซอกคอขาว มือก็เลื่อนลงสอดไปในกางเกงด้านหลังบีบเค้นสะโพกกลมกลึงของร่างข้างใต้ที่หอบครางเสียงหวาน

               “อาา...พี่ฮันคยอง ผม...ผมรักพี่”

               สิ้นประโยคจากร่างบาง ที่ราวกับเป็นสวิตช์ดับความปรารถนาของเขาลงด้วยความตกตะลึง ไม่คาดคิด

               ‘เมื่อกี้ ว่าอะไรนะ...รัก...อย่างงั้นหรือ?’ ร่างสูงผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มองร่างเกือบเปลือยของฮยอกแจที่ยังคงนอนนิ่ง ก็แทบอยากจะเอาหัวโขกกำแพง ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เกือบทำเรื่องบ้าๆ ลงไป หงุดหงิดตัวเองที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เพราะไอ้เด็กบ้านี่แท้ๆ เชียว เขาถึงกับ...เกือบทำอะไรเกินเลยไปแล้ว ร่างสูงยืนกุมขมับพิงกำแพงอย่างอ่อนแรง มองร่างของฮยอกแจที่พลิกตัวและหลับไปอย่างสบายอารมณ์ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาเอาดื้อๆ ก่อนจะเดินปึงปังออกจากห้องไป

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

 

               “คุณฮยอกแจอาบน้ำแล้วสดชื่นขึ้นบ้างหรือยังคะ” แม่บ้านซอถามอย่างอารมณ์ดีที่อย่างน้อยเมื่อวานก็ไม่ได้ยินเสียงเจ้านายตะโกนดุด่าเด็กหนุ่มเลยแม้แต่นิด(เพราะมันมีแต่เสียงครางอ่ะดิ 55+)

               “ครับ....แต่ก็ยังปวดหัวอยู่หน่อยๆ” ฮยอกแจตอบ เมื่อคืนไม่น่าดื่มขนาดนั้นเลย ยิ่งดื่มไม่ค่อยเป็นอยู่ด้วย ร่างเล็กเดินจะไปทำอาหารต่อจากที่ทำค้างไว้ แต่ก็ต้องชะงักทันทีที่เห็นร่างสูงนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารก่อนแล้ว จึงรีบเปลี่ยนเป้าหมายมาที่โต๊ะอาหารทันที ทั้งที่เกือบเดินไปถึงครัวอยู่แล้ว 

               ‘ทำไมวันนี้พี่ฮันคยองตื่นเร็วจังนะ’ ร่างเล็กยังคงนั่งก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าของฮันคยองเพราะดันไปนึกถึงความฝันเมื่อคืนจนหน้าร้อนวูบวาบ จนกระทั่งแม่บ้านซอนำอาหารมาวาง

               “เอ๊ะ! คอคุณฮยอกแจไปโดนอะไรมาคะ แดงเชียว” แม่บ้านซอร้องทักอย่างเป็นห่วง ร่างเล็กเอามือลูบเบาๆที่คอ

               “อ๋อ! ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ตื่นมาก็เห็นเป็นรอยอยู่แล้ว”

               “สงสัยคงจะโดน แมลงอะไรกัดเข้าล่ะมั้งค่ะ ทายาสักหน่อยมั้ยค่ะ” แม่บ้านเสนอ แต่ฮยอกแจส่ายหน้า ก่อนหันหน้ากลับสายตาบังเอิญเหลือบไปเห็นร่างสูงที่จ้องเขาไม่วางตา จนต้องหลบหน้าวูบ

               ฮันคยองมองร่างของฮยอกแจที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าว โดยพยายามไม่มองหน้าเขาเลยอย่างสงสัยว่า ไอ้เด็กบ้านี่มันจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้จริงๆ นะหรือ แม่บ้านซอน่ะอีกเรื่องเพราะตั้งแต่เกิดก็ทำงานอยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้มีสามี เรื่องอย่างว่าก็คงไม่ประสาอยู่แล้ว แต่ไอ้เด็กนี่โตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักรอย คิสมาร์ก อีก แล้วยังไอ้เรื่องเมื่อคืนอีกเล่นเอาเขานอนไม่หลับไปทั้งคืน เพราะมันแต่คิดเรื่องที่ไอ้เด็กนี่มันพูดออกมา ให้ตาย! นี่เรากำลังเป็นบ้าอะไรอยู่นะ

               “.......เดี๋ยวฉันจะไปส่ง” ฮันคยองตัดสินใจพูดออกมา ดวงตายาวรีสีดำสนิทจ้องมองปฏิกิริยาจากร่างเล็กที่แข็งค้างไปด้วยความอึ้งลืมตัวมองหน้าเขาตาโต

               “อะ...เอ่อ...ครับๆ” ทันทีที่รู้ตัว ฮยอกแจก็รีบตอบรับและก้มหน้าลงอีกเหมือนเดิม ต่างกันแค่ตอนนี้มีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนหน้า ซึ่งแม้จะพยายามแอบซ่อนแต่ก็ไม่อาจพ้นสายตาของฮันคยองไปได้อยู่ดี

 

               แม้ตลอดการเดินทางจะมีแต่ความเงียบผิดกับเสียงหัวใจที่ดังโครมครามของร่างเล็ก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองรู้สึกอัดอัดแต่อย่างใด ฮยอกแจพยายามไม่ยิ้มออกมามาก ทั้งที่ดีใจสุดๆ แม้อีกฝ่ายจะยังคงท่าทีเฉยชาเช่นเดิมก็เถอะ แต่แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็สุขจนไม่รู้ว่าจะสุขกว่านี้ได้อีกแล้ว

               “ตอนเย็นฉันจะมารับ” ฮันคยองพูดเรียบๆ แต่กลับทำให้หัวใจของอีกฝ่ายลิงโลดด้วยความดีใจมากขึ้นไปอีก

               “ครับ คุณฮันคยอง” ฮยอกแจรับคำเสียงสดใส อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ ก่อนลงจากรถไป

               ฮันคยองมองตามร่างของฮยอกแจที่เดินไปพร้อมรอยยิ้ม เรียวปากหยักสวยก็คลี่ยิ้มที่มุมปากเล็กๆ โดยไม่ทันรู้ตัว ก่อนที่จะรีบหุบรอยยิ้มนั้นลงทันทีที่รู้ตัว ในใจเริ่มสับสนอีกครั้ง ‘นี่เรากำลังเป็นอะไรไปนะ’

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

 

               “โอ้ยย! ทำไมมันมึนหัวอย่างนี้ว๊าาา”

               ร่างโปร่งบาง เดินเซๆเล็กน้อย พลางกุมขมับตัวเองแล้วนวดเบาๆ ดวงหน้าหวานบิดเบี้ยวอย่างหงุดหงิด แต่กระนั้นผู้คนที่เดินผ่านก็จ้องมองอย่างหลงใหล กับใบหน้าที่งดงามนั้น

               “เฮ้อ! เมื่อคืนไม่น่า บ้าไปดวลเหล้ากับไอ้ซีวอนเลย” ทงแฮยังคงบ่นอย่างเซ็งๆ ร่างเพรียวเดินผ่านกลุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่ที่กรี๊ดกร๊าดเขาอยู่ แต่ก็ต้องเลี่ยงออกมาไกลๆ โดยเร็ว เพราะกลิ่นน้ำหอมที่ฉุนจัดจนชวนให้มึนหนัก จนพาลจะอาเจียน ร่างบางเดินเซๆ ออกมาจนเกือบล้มลง เคราะห์ดีที่มีร่างๆ มาหนึ่งประคองเขาไว้ได้ทัน

               “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ คนสวย” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงปนขี้เล่น เล่นเอาทงแฮที่กำลังจะขอบคุณเงยหน้าขึ้นมองทันทีและได้พบกับใบหน้าหล่อเหลากำลังส่งยิ้มน่ารักๆ มาให้ ก็รีบผละออกจากอกของอีกฝ่ายทันทีอย่างโมโห

               “แกเรียกใครว่า คนสวยวะ...ฉันเป็นผู้ชายโว้ยย!” ทงแฮตะโกนใส่หน้ายิ้มๆ ที่ยังคงไม่รู้สึกรู้สาตรงหน้า จนทงแฮเริ่มหงุดหงิดอยากจะชกไอ้หน้ากวนโอ้ยนี่สักที

               “แกเป็นเด็กที่ไหนวะ เข้ามานี่ได้ยังไง” ถึงแม้จะสวมสูทใส่แว่นตาดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ใบหน้านั้นดูยังไงๆ มันก็เด็ก ม.ปลาย ชัดๆ

               “อย่างเพิ่งโมโหสิครับ เดี๋ยวหน้าหวานๆ นี่ก็หมดสวยกันพอดี” เสียงทุ้มยังคงพูดยั่วอย่างอารมณ์ดี

               “แก...ไอ้เด็กเวร” ทงแฮเริ่มโกรธจนหน้าแดง ยกมือหมายจะชกไอ้หน้าแป๊ะยิ้มนี่ให้ได้ แต่ก็....

               “เฮ้ย! ทงแฮทำอะไรอยู่วะ” เสียงซีวอนตะโกนเรียกชื่อเขาดังมาแต่ไกล หยุดหมัดของทงแฮไว้พอดี

               ทงแฮหันกลับไปตามเสียงก็พบกับร่างใหญ่ของซีวอนที่ส่งยิ้มเยาะๆ มาให้พลางโอบไหล่ฮยอกแจที่เดินมาด้วยกัน จนทงแฮออกอาการเซ็งจิตที่ไอ้เพื่อนซี้คาบเอาคนน่ารักไปแDกอีกแล้ว ทันทีที่ฮยอกแจหันไปมองร่างไอ้แป๊ะยิ้มแก้มแตกข้างหลังเขาก็ตาโตอย่างตกใจก่อนจะยิ้มอย่างดีใจ แล้วรีบวิ่งไปหามันทันที

               “คิบอม!...คิดถึงจัง....มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย โห!....นายเปลี่ยนไปเยอะเลยนะเนี่ย” ฮยอกแจกอดร่างของคิบอมไว้แน่น

               “ฮ่าฮ่าๆ ส่วนนายก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ฮยอกแจ” ร่างสูงกอดกระชับร่างเล็กไว้แน่นเช่นกัน จนทงแฮและซีวอนที่ยืนใบ้รับประทานอยู่ ออกอาการไม่พอใจทันที ‘ไอ้หมอนี่มันเป็นใครกันวะ’

               “นายกลับมาเมื่อไหร่เนี่ยคิบอม” ฮยอกแจถามอย่างตื่นเต้น

               “ก็เพิ่งสองสามวันเอง กะว่าจะจัดการธุระให้เสร็จก่อนค่อยไปหานาย แต่ไม่นึกเลยว่านายจะเรียนที่นี่” คิบอมอธิบาย

               “ฮะแฮ่มๆ ฮยอกแจรู้จัก ไอ้...เอ่อ...นายคนนี้ด้วยเหรอ” ทงแฮถาม พลางมองหน้า คิบอม อย่างเอาเรื่อง

               “ครับ นี่คิมคิบอม เพื่อนสมัยเด็กของผม แล้วก็คิบอมนี่รุ่นพี่ลีทงแฮ กับรุ่นพี่เชวซีวอน” ฮยอกแจจัดการแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกัน โดยไม่ได้รู้สึกถึงอารมณ์หงุดหงิดของทงแฮ ที่มองไปยังไอ้หน้าหล่อแก้มแตกที่ยังไม่เลิกส่งยิ้มกวนตีนให้เขา(เอ่อ ด๊อง เขาเรียกยิ้มพิมพ์ใจว่ะ-.-“)

               “ห๊ะ! ไอ้หน้าอ่อนนี่นะ เป็นเพื่อนของฮยอกแจ” ซีวอนโพล่งออกมา เพราะเท่าที่เขาดู ไม่น่าจะเป็นเด็กรุ่นเดียวกับฮยอกแจเลย แม้จะตัวใหญ่พอๆ กับเขาก็เถอะ

               “คือ...ก็ไม่เชิงหรอกครับ คิบอมเขาเป็นเพื่อนรุ่นน้องของผม อายุน้อยกว่าผมสองปีครับ” ฮยอกแจอธิบาย

               “เออ...ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่ล่ะคิบอม” ฮยอกแจถามอย่างสงสัย ร่างสูงยิ้มอย่างน่ารักมองตอบสายตาขุ่นเคืองของทงแฮ ก่อนยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เอ่ยตอบ

               “มาเป็น ‘อาจารย์’ ที่นี่นะซิ”

               “ว่าไงนะ!...เป็นอาจารย์?!!” ปากอิ่มสีแดงสดเผลออุทานออกมาเสียงดัง ลืมการส่งสายตาเชือดเชือนไปให้คิบอมเสียสนิท

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

 

               “นี่ๆ ฮยอกแจหมายความว่ายังไงกัน ที่ไอ้เด็กนั้นจะมาเป็นอาจารย์” เสียงหวานใสเอ่ยถามรุ่นน้องทันทีที่คิบอมขอตัวไปเตรียมการสอนเพราะต้องเริ่มสอนวันนี้เลย

               “มันจบม.ปลายแล้วหรือไง” ทงแฮถามอีกอย่างสงสัย

               “จบแล้วครับ แถมจบปริญญาโทแล้วด้วยที่อเมริกา คิบอมเขาเรียนเก่งมากนะครับ ก็เลยจบเร็ว” ฮยอกแจยิ้มตอบนึกชื่นชมเพื่อนในใจ ส่วนทงแฮกับซีวอนถึงกับอึ้ง

               “เอ้อ! เห็นว่าเขาจะสอนปี 2 ด้วยล่ะครับ” ฮยอกแจพูดขึ้นเหมือนเพิ่งนึกออก เล่นเอาทงแฮหันขวับมาทันที(เล่นเอาคอเกือบเคล็ด)

               “งั้นวันนี้ฉันโดด!!!”

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

 

 

               “กลับมาแล้วครับ” ฮยอกแจร้องบอกเสียงอ่อยๆ ท่าทางซึมๆ

               “กลับมาแล้วเหรอค่ะ แหม...พอดีเลย”

               “พอดีอะไรหรอครับป้า” ฮยอกแจถามงงๆ ร่างเล็กค่อยเดินเข้าไปหา ผ่านโซฟาก็พบกับร่างสูงของฮันคยองกำลังนอนหลับอยู่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยออกมาอย่างไม่เป็นระเบียบ บนโต๊ะมีขวดเหล้าที่พร่องไปเกือบหมดตั้งอยู่ ดวงหน้าหล่อเหลาหลับตาพริ้ม ยังคงความสง่างามแม้ยามหลับดูแล้วราวกับเทพบุตรก็ไม่ปาน

               “คุณฮันคยองเพิ่งกลับมาค่ะ คงจะเหนื่อยมาก” แม่บ้านพูดขึ้นเมื่อเห็นฮยอกแจมองไปที่ร่างนั้นอย่างไม่วางตา ฮยอกแจพยักหน้ารับรู้ ‘มิน่าล่ะ ถึงไม่ได้ไปรับเขาตามที่บอกไว้ พี่ฮันคยอง พี่คงจะเหนื่อยมากสินะ’ ฮยอกแจคิดพลางมองรอยยับย่นระหว่างคิ้วที่ขมวดแน่น นั้นอย่างเป็นห่วงเต็มหัวใจ จนแทบไม่เหลือความน้อยใจและผิดหวังที่ฮันคยองไม่ได้ไปรับเขาตามที่บอกไว้ แต่เป็นคนขันรถไปแทน

               “เอ่อ งั้นป้ารบกวนฝากคุณฮยอกแจช่วยดูแลทางนี้ให้สักพักนะคะ พอดีป้ามีธุระที่ไปรษณีย์”

               “ได้ครับป้า ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลให้เองครับ” ฮยอกแจยิ้มรับ ก่อนที่แม่บ้านจะขอตัวออกไป

               ฮยอกแจเตรียมน้ำอุ่มผสมกลิ่นหอมอ่อนๆใส่อ่างน้ำเล็กๆพร้อมผ้าขนหนูสีขาวสะอาด มาเช็ดหน้าให้ฮันคยองที่ยังคงนอนนิ่ง ฮยอกแจมือสั่นเล็กๆ ใจเต้นแรง เพราะเขาไม่เคยได้เข้าใกล้ชิดฮันคยองขนาดนี้มาก่อน(แน่ใจ?)ฮยอกแจเช็ดหน้าให้ร่างสูงอีกครั้งอย่างเบามือ ก่อนจะนั่งมองใบหน้าของคนที่เขาแสนรักอยู่เงียบๆ

               “พี่ฮันคยอง…” ฮยอกแจพูดด้วยเสียงที่ไม่เบาไปกว่าการกระซิบเลย แม้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้ยินแต่ก็ไม่กล้าพูดดังอยู่ดี

               “พี่จะรู้มั้ยนะ ว่าผมรักพี่มากแค่ไหน” หลังจบประโยคฮยอกแจก็อดไม่ได้ที่จะกดริมฝีปากของตัวเองไปที่แก้มของคนที่นอนหลับอยู่ แต่ก็เพียงแค่แผ่วเบาและรวดเร็ว

               “อ๊ะ!....” ฮยอกแจอุทาน มือเรียวจับปากตัวเองแล้วพลันหน้าแดงขึ้นมา ‘นี่เราทำอะไรลงไปนะ’ ฮยอกแจคิดอย่างเขินอาย

               “บ้าไปแล้วหรือไงนะฮยอกแจ ปะ...ไปทำอาหาร ดะ...ดีกว่า” ร่างเล็กพูดกับตัวเองอย่างตะกุกตะกัก รีบเคลื่อนตัวไปที่ห้องครัวอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย

 

                โดยที่ไม่รู้เลยว่า  ร่างสูงที่ฮยอกแจคิดว่ากำลังนอนหลับอยู่นั้น ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมามองตามร่างที่เดินลิ่วๆ หายไปในครัว

  

 

(งานเข้าแล้ว ฮยอกแจเอ้ย!!!!!! 555+)

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

                                                                                                                                               

 

      

  

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา